เพราะความเมาหรือความหิวผู้ชายจนหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ทำให้ดวงมณีสาวแก่วัยขึ้นคานแบบเธอลากหนุ่มรุ่นลูกมากินอย่างตะกละตะกาม แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกชายหนุ่มคนนั้นดันเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ทำงานในบริษัทเธออีก
เพราะความเมาหรือความหิวผู้ชายจนหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ทำให้ดวงมณีสาวแก่วัยขึ้นคานแบบเธอลากหนุ่มรุ่นลูกมากินอย่างตะกละตะกาม แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกชายหนุ่มคนนั้นดันเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ทำงานในบริษัทเธออีก
เสียงเพลงดังไปทั่วร้านเหล้าผีเสื้อราตรีต่างโยกย้ายเล่นไฟ หนุ่มหล่อสาวสวยต่างเดินกันให้ควัก
วันนี้ดวงมณีโดนเพื่อนสาวอย่างฮันนี่ชื่อที่บ้านเรียกชาติชาย ที่อกหักในรอบที่ห้าของเดือนชวนเธอที่ไม่มีผัวไม่มีแม้แต่แฟนมาหากินข้างนอกในที่แปลกใหม่
ไม่รู้ฮันนี่ไปหาร้านนี้เจอได้ยังไงแต่ร้านนี้มีแต่ผู้ชายงานดีทั้งนั้นจนดวงมณีที่ตอนแรกอิดออดไม่อยากจะมา
แทบน้ำลายหกเวลาที่หนุ่มน้อยนุ่งแค่กางเกงในตัวเดียวขึ้นไปเต้นโยกย้ายบนเวทีล่อตาล่อใจเหล่าแม่ยกกระเป๋าหนักๆอย่างพวกเธอให้หลงเสน่ห์
"วันนี้นะนังดวงแกต้องหาเด็กไปกินสักคนหยากไย่ขึ้นเต็มหว่างขาแกไปหมดแล้ว"
"นังฮันนี่ปากดีนักนะ ถึงไม่มีผัวแต่มีมือโว้ย! ช่วยตัวเองได้"
ดวงมณีตอบกลับเพื่อนสาวที่กล้าดียังไงมากล่าวหาว่าเธอหยากไย่ขึ้นก็แค่เธอขาดผู้ชายมาประมาณสองเอ๊ะหรือสามปีหรือสี่ว่ะ
เออนั่นแหละเธอมัวแต่ยุ่งกับงานจะให้ทำยังไงได้ แม่ของเธอก็บ่นทุกวันจนหูชาไปหมดด้วยว่าอยากเลี้ยงหลาน บอกให้ไปรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาก็ไม่เอา ค่อยแต่จะมากดดันเธออยู่ได้ ไม่เข้าใจคำว่าหาผัวไม่ได้หรือไงไม่รู้
"ยังไงก็ตันย่ะ แกต้องหาผู้ชายทะลวงเข้าไปไม่งั้นแกตายไปยมบาลถามว่ามีเซ็กส์ล่าสุดเมื่อไหร่แกจะตอบท่านยมไม่ได้เอานะยะ"
ฮันนี่พูดด้วยความหมั่นไส้พามาหาผัวยังมาเรื่องมากอีก
"เออๆ จัดมาเลยขี้เกียจเถียงอีกอย่างตายคาอกเด็กดีกว่าตายคาเตียงโรงบาลอย่างเดียวดาย ไป๊!ฉันจะต้องได้ผัว"
สองสาวตกลงกันได้แล้วก็รีบเดินเข้าไปโชนที่ชายหนุ่มหล่อน่ากินยืนเรียงแถวกันอยู่
"นังดวงน้องผมทองนั่นฉันจองนะ" ฮันนี่บอกเมื่อเจอหนุ่มที่ตรงสเปกแล้ว
"เออๆ ผ่านๆไม่ใช่สเปก"
ดวงมณีบอกปัดและมองไปยังหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ยืนเด่นสะดุดตาเธออยู่ สายตาเย็นชามองมาสบตาเธอเข้าพอดี เหมือนมีไฟฟ้าสถิตทำให้ดวงมณีขนลุกเพียงแค่สายตาเย็นชาที่มองมา
"แกเด็กนั่นน่ากินว่ะ หล่อ เย็นชา ดูเข้าถึงยากดีว่ะ "
ดวงมณีพูดขึ้นเมื่อหนุ่มน้อยคนนั้นหันไปมองทางอื่นไม่สนใจเธอแล้ว สเปกไม่สิพรหมลิขิตต้องใช้แน่ๆ ดวงมณีบอกตัวเองพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็คน้ำลายมุมปาก
"น้องมังกร แกหาคนใหม่เลยชะนีคนนี้ยาก แกไม่เห็นเหล่าแม่ยกที่ยืนจ้องจะงาบนางอยู่เหรอ คนนี้นางไม่สนใจเงินจ๊ะ พอใจก็ไปดูท่าเส้นใหญ่พอสมควร"
"เอ่อตุ๊ดไหนแกบอกเพิ่งเคยมา"
ดวงมณีละสายตาจากหนุ่มหล่อแล้วหันมาสนใจเพื่อนสาวที่อยู่ยืนข้างตนเอง
"เพิ่งเคยมากับแกไง ไม่เอาไม่คุยกับแกแล้วชะนีหาคนใหม่ฉันจะไปหาน้องคนนั้นเดี๋ยวมีชะนีนางอื่นหรือเก้งกวางแย่งของฉันไปกินก่อน "
พูดจบฮันนี่ก็เดินไปเลยทิ้งให้ดวงมณียืนงงงวยอยู่ในดงเหล่าแม่ยก
ดวงมณีมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนบนเวทีอีกรอบก็เห็นมีหญิงสาวคนหนึ่งเข้าไปคุยกับเขาอย่างสนิทสนมแถมยังจับมือถือแขนกันอีก
ไม่ได้การแล้วฉันต้องหาความมั่นใจให้กับตัวเอง ดวงมณีรีบตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วสั่งเหล้าผสมปนเปกันไปหมดแบบแรงๆเพื่อเพิ่มความมั่นหน้าและใจกล้าหน้าด้านเข้าไปหาเขา
เมื่อคิดว่าตัวเองเริ่มเมาได้ที่แล้ว เพราะความใจกล้ามาเกินร้อยแล้ว ดวงมณีตรงดิ่งไปหาชายหนุ่มที่ตนหมายตา แล้วเข้าไปคว้าแขนเขากระชากมาหาตนอย่างแรง
"คนนี้ของฉัน คืนนี้เขาจะไม่ไปกับเธอแน่นอน"
พอเดินเข้ามาใกล้ดวงมณีถึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงอายุไล่เลี่ยกันกับชายหนุ่มคนที่เธอจับแขนอยู่นี้
"ป้ามั่นใจได้ยังไงคะ หนูมาก่อนยังไงมังกรก็ต้องเป็นของหนู "
"มังกรอันนี้ของฉันย่ะ ถ้านายไปกับฉัน ฉันจะขายบ้านขายรถขายบริษัทเพื่อมาเปย์นายคนเดียวเลย"
เอาสิ๊! ดวงมณีหันไปพูดกับชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่งอยู่ไม่แม้แต่จะสะบัดแขนออกทั้งที่เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงมาแย่งหรือทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าเขา
สิ้นคำพูดของดวงมณีแววตาที่เธอบอกว่าเย็นชากลับสั่นระริกแล้วกระตุกคล้ายกับเจ้าตัวกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่
"ฉันพูดจริงนะ อีกอย่างยัยเด็กผู้หญิงนี่ก็ไม่แซ่บเท่าฉันหรอก จะลองดูก็ได้นะ"
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือการที่ดวงมณีขาดแคลนผู้ชายมานานก็ไม่รู้ได้
เธอถึงกับยอมทิ้งทุกอย่างแถมพรีเซ้นส์ตัวเองสุดฤทธิ์เพื่อให้ได้ผู้ชายคนนี้มาครอบครอง
"ตกลง ผมจะไปกับคุณ" ชายหนุ่มที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น
"ไม่ได้นะคะมังกรวันนี้คุณบอกว่าถึงคิวฉันแล้วนิคะ" สาวหมวยคนนั้นพูดด้วยความไม่พอใจ
"ผมเปลี่ยนใจแล้ว เชิญคุณไปหาคนใหม่ได้เลยครับ"
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับหันมาสนใจดวงมณี ที่ตอนนี้ใบหน้าสวยคมผิวขาวอมชมพูแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
มันน่ารักแถมน่ามองอีก คนอะไรสวยฉิบหาย แถมยังดูท่าทางจะแซ่บน่าดูแต่ว่าไม่ได้ของแบบนี้เขาต้องรองถึงจะรู้
" หื้ย! ฝากไว้ก่อนเถอะอีป้า"
หญิงสาวคนนั้นหันมาพูดกับเธอแล้วก็กระทืบเท้าเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ
"เราไปกันได้รึยังครับ แม่สาวร้อนแรงของผม"
ชายหนุ่มเข้ามากระซิบชิดใบหูขาวพร้อมกับขมเม้นเบาๆจนดวงมณีขนลุก
"อะ เออ..ไปสิ"
ดวงมณีมีท่าทางตกใจเล็กน้อยแต่ก็ใจสู้ พร้อมกับเดินนำชายหนุ่มออกไปที่รถ
"จะไปโรงแรมผมหรือจะไปที่ของคุณ" ชายหนุ่มถามเมื่อเตรียมจะออกรถ
ดวงมณีได้แต่สงสัยว่าเขาแค่ทำงานบาร์โฮสถึงกับขับรถซูเปอร์คาร์คันหรูขนาดนี้เลยเหรอ สงสัยจะมีแม่ยกเปย์หนักน่าดู
ดีที่วันนี้เธอเตรียมมาเมาเต็มที่เลยไม่ได้เอารถของตัวเองมา
"ไปโรงแรมนายสิ "
"เรียกผมว่ากร" ชายหนุ่มหันมาบอก
"อ๋อ ฉันดวงนะ ดวงมณี"
เมื่อเขาบอกเธอจึงจำเป็นต้องบอกชื่อตัวเองไปด้วยตามมารยาท
"ครับ" ชายหนุ่มแค่ตอบรับยิ้มๆแล้วขับรถพุ่งออกไปทันที
เพราะรักจึงทำให้หนูนิดทำทุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณของเธอ ยอมแม้กระทั้งแต่งงานกับชายคนที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยสักนิด แถมเขายังควงคนอื่นมาเยาะเย้ยเธอให้เจ็บใจอีกทั้งๆที่รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
"กล้ามากเลยนะเอยที่นอกใจฉัน กล้ามากที่พามันมาถึงที่นี่แถมยืนจูบกันอยู่หน้าห้องไม่อายฟ้าดินแบบนี้" "เอยไม่ได้จูบนะคะ เอยจะล้มคุณนทีเลยพยุงหน้าเลยใกล้กันแบบนั้น " เจ้าขาอธิบายตามความจริง "ทำไมโทรมาไม่รับ ข้อความอ่านแล้วก็ไม่ตอบเธออยากให้ฉันเป็นบ้าเหรอเอย" เขาถามเธอเสียงเครียดไม่เคยต้องเป็นแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง มันทั้งคิดถึงโหยหาแต่ก็กลัวเธอจะหาว่าเขาพูดเกินจริง นอกจากเธอจะไม่เชื่อแถมมองว่าเขาบ้าอีกเพราะเธอรู้จักเขาดีกว่าใครดีมากจนเขานึกอายเรื่องที่ผ่านมา แม้มันไม่ใช่ความผิดเขาในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่ทำสัญญาและรู้สึกแบนนี้กับเธอ "เอยไม่คิดว่าคุณขุนจะคิดมากขนาดนี้ ก็เห็นวันก่อนบอกจะเรียกสาวๆ มาแก้เหงาไงคะ" เธอยังน้อยใจเรื่องนี้ไม่หายแม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขา "เธอก็รู้ว่าตั้งแต่มีเธอฉันก็ไม่เคยเรียกใครมาอีก ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเธอฉันติดเธอแค่ไหนทำไมเธอถึงมองไม่เห็นหรือตั้งใจจะมองข้ามมันคิดว่าฉันเป็นของเล่น" ......................................................................................................................................... "อื้อ! " มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกจนหมดอย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่มือเล็กจะไล้ลงมาที่เข็มขัดราคาแพงของเขา แกร๊ก! "ถ้ารีบปล่อยมันออกมาเดี๋ยวก็ควบคุมไม่อยู่" "เอยคิดถึงคุณขุนมากนะคะ อื้อ!! " ได้ยินแบบนั้นคนที่ใจตรงกับเธอก็ก้มลงจูบปากฉ่ำหวานอีกรอบ ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้าไปดูดกลืนความหวานในนั้นด้วยความตะกละตะกลาม
สาวแสนสวยสุดมั่นแต่ก็ยังโดนทิ้งตลอดไม่ว่าจะคบหากับใครยิ่งคนล่าสุดที่เธอคาดหวังเอาไว้มากๆว่าคือชายที่จะแต่งงานด้วย แต่เขาก็ยังทิ้งเธอเพียงคำง่ายๆว่าเธอหวงตัวเกินไป งานนี้ต้องลำบากเพื่อนสนิทอย่างแทนไท ที่บังคับกึงขอร้องให้มาสอนบทรักที่เร่าร้อนให้จะได้ไม่โดนดูถูกแต่ทำไมเธอถึงลืมคืนนั้นไม่ลง แถมเพื่อนสนิทก็ยังมีท่าทีว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกด้วย "อื้ออ อย่ามากวนคนจะนอน " "แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ จะทำอะไรก็ได้" หญิงสาวที่ยังหลับสนิทไม่รู้ตัวเพียงแค่ละเมอบอกปัดอย่างลำคาญเพียงเท่านั้น มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนนุ่มไปมาอย่างหลงไหลปากหนาเองก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานซึ้งยิ่งอยู่ใกล้เธอเขายิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ความอดทนอดกลั้นที่มีมา 4-5ปีพังทลายลงเพราะคืนเดียว ไอ้ที่ปากเก่งว่าลืมเธอได้แล้วมันเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาหลอกตัวเองทั้งนั้น "อื้อ แทนบอกแล้วไงว่าอย่ามากวนแพร คนบ้า" เสียงแว้ดของเธอทำให้แทนไทต้องผงกหัวขึ้นมาดู ปรากฏว่าแม่เสือสาวของเขาเพียงแค่ละเมอแว้ดออกมาเพียงทำนั้น "ดีนะที่พูดชื่อผัวตัวเองถ้าพูดชื่อคนอื่นพ่อจะเอาให้จมเตียงทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ไปไหนได้เลย" อีโรติก
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY