ชาวีนายหัวหนุ่มที่เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยเพราะไม่เจอใครที่ทำเขามีความสุขอย่างแท้จริงจนกระทั่งได้เจอกับชมจันทร์สาวน้อยที่ถูกแม่เลี้ยงหลอกให้มาขายเพื่อแลกกับความจริงเรื่องแม่ของตนที่แม่เลี้ยงปกปิดไว้
ชาวีนายหัวหนุ่มที่เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยเพราะไม่เจอใครที่ทำเขามีความสุขอย่างแท้จริงจนกระทั่งได้เจอกับชมจันทร์สาวน้อยที่ถูกแม่เลี้ยงหลอกให้มาขายเพื่อแลกกับความจริงเรื่องแม่ของตนที่แม่เลี้ยงปกปิดไว้
การสอบวิชาสุดท้ายของนักเรียนสาขาวิชาการบัญชีจบลงในเวลาเที่ยง นักเรียนต่างพากันทยอยออกจากห้อง บางคนยิ้มแย้มเพราะตัวเองทำข้อสอบได้ดี บางคนก็หน้าตาห่อเหี่ยวเพราะทำข้อสอบได้ไม่ดีพอ
นักเรียนที่ออกมาจากห้องแล้วก็พากันจับกลุ่มคุยถึงเรื่องข้อสอบรวมถึงการเรียนต่อในระดับปวส.หรือบางคนก็อยากจะไปต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยและก็มีบางคนที่หยุดเรียนเพียงแค่นี้
ตอนนี้ในห้องสอบเหลือนักเรียนอีกไม่กี่คนและหนึ่งในนั้นก็คือหญิงสาวที่ชื่อชมจันทร์ซึ่งกำลังทำข้อสอบข้อสุดท้ายอย่างตั้งใจ ก่อนจะเก็บดินสอและยางลบบนโต๊ะลงถุงซิปสีใสแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินไปส่งกระดาษคำตอบที่อาจารย์คุมสอบหน้าห้อง ชมจันทร์มักจะออกห้องสอบเป็นคนสุดท้ายแบบนี้เสมอ เธออยากทำคะแนนดีๆ เพราะมันจะมีผลกับการขอทุนการศึกษา
“ขอโทษนะบิว ปัท” ชมจันทร์บอกเพื่อนทั้งสองคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องสอบทั้งที่ออกมาก่อนหน้าแล้วเกือบ 20 นาที
“ไม่เป็นไรเราสองคนชินแล้ว จันทร์ก็ออกห้องสอบคนสุดท้ายตลอดอยู่แล้ว” บิวหรือบุหลันตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“เราจะไม่ไปฉลองด้วยกันหน่อยเหรอจันทร์อีกนานเลยกว่าจะได้เจอกันอีก” ปัทมาพรหรือปัทถามด้วยความเสียดายเพราะชมจันทร์บอกตั้งแต่เช้าแล้วว่าสอบเสร็จก็จะรีบกลับบ้านทันที
“ขอโทษจริงๆ จันทร์ต้องรีบกลับ น้าพิกุลบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเรา บางทีอาจเป็นเรื่องแม่”
“นี่ยังไม่เลิกคิดตามหาแม่อีกเหรอ”
ชมจันทร์ส่ายหน้า เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะตามหาแม่ให้เจอเพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่รู้ว่าแม่ตัวเองเป็นใครและอยู่ที่ไหน หญิงสาวเคยถามบิดาแล้วแต่ท่านก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบจนกระทั่งท่านเสียชีวิตไปเมื่อหนึ่งปีก่อน
“พวกเราจะได้เจอกันอีกทีตอนไหนล่ะ”
“วันประกาศผลสอบดีไหม อาจารย์บอกให้พวกเรามาเตรียมตัวซ้อมรับประกาศนียบัตรด้วย”
“จันทร์ไม่รู้ว่าจะมาได้หรือเปล่า”
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ถ้าไม่มารับผลสอบบิวไม่ว่าอะไรหรอกแต่จันทร์ต้องมารับประกาศนียบัตรและก็ต้องมาถ่ายรูปด้วยกันนะ”
“นั่นสิวันสำคัญแบบนั้นใครๆ ก็ต้องมา มาให้ได้นะจันทร์”
“อือ”
“แล้วเรื่องเรียนต่อล่ะเอายังไงกันดีเราจะเรียนต่อที่เดิมไหม”
“จันทร์ว่าก็น่าจะเรียนต่อที่เดิมแหละแต่ต้องไปถามน้าพิกุลก่อนไม่รู้ว่าน้าพิกุลจะมีเงินส่งให้เรียนหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ต้องทำงานพิเศษและขอทุนจากโรงเรียน”
“เงินที่ได้จากพ่อล่ะจันทร์หมดแล้วเหรอ” ปัทมาพรหมายถึงเงินที่ได้จากอุบัติเหตุซึ่งมันก็น่าจะมากพอสำหรับเป็นค่าเทอมของเพื่อน
“น้าพิกุลบอกว่าก่อนตายพ่อสร้างนี่ไว้เยอะก็เลยไม่เหลือเงินเลย”
“ตอนพ่ออยู่จันทร์ไม่เคยรู้เรื่องเป็นหนี้เลยเหรอ”
“ไม่เลยเพราะพ่อไม่เคยบอกอะไรเราเลย แต่ก็อย่างว่าแหละพ่อป่วยตั้งสองสามเดือนค่าใช้จ่ายมันก็มาก”
“แต่ตอนนั้นพ่อนอนโรงพยาบาลรัฐไม่ใช่เหรอจันทร์”
“นอนโรงพยาบาลรัฐก็จริงแต่ค่ากินค่าอยู่เวลามาเฝ้าพ่อก็เยอะอยู่”
“นั่นสินะ” บุหลันพยักหน้าแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม
“จันทร์รีบไปก่อนนะเดี๋ยวจะไม่ทันรถเที่ยวบ่ายสาม”
“แล้วของที่อยู่ที่หอล่ะป้าเจ้าของหอบอกว่าจันทร์ขนออกหมดแล้ว”
“อือ จันทร์ขนออกหมดแต่ฝากไว้ที่ห้องเก็บของก่อน”
“เอาของไปฝากไว้ที่บ้านปัทดีไหม เพราะเดี๋ยวพ่อปัทก็เอารถมาขนของกลับอยู่ดี พอเปิดเทอมก็ค่อยขนมาพร้อมกัน”
“แต่จันทร์เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลย ของเราสองคนใส่หลังรถกระบะไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ”
“เดี๋ยวบิวจะช่วยปัทเอาขึ้นรถเอง จันทร์ไม่ต้องห่วงนะ”
“ขอบใจทั้งสองคนมากนะ”
“เดินทางปลอดภัยนะจันทร์ถึงแล้วอย่าลืมไลน์มาบอกแล้วก็ห้ามขาดการติดต่อเด็ดขาด”
“อือ แล้วเราจะติดต่อมาบ่อยๆ บ๊ายบายนะ ปัท บิว”
ชมจันทร์โบกมือให้เพื่อนก่อนจะเดินกลับมาที่หอพักหลังโรงเรียน เธอขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นอีกส่วนหนึ่งลงกระเป๋าเป้ก่อนจะกระโดดขึ้นรถสองแถวและตรงไปยังท่ารถซึ่งเธอมาได้ทันเวลารถออกพอดี
บ้านของชมจันทร์อยู่อีกอำเภอหนึ่งใช้ระยะเวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมงก็ถึงบ้านหลังเล็กที่เธอเคยอาศัยอยู่กับบิดาตั้งแต่จำความ แต่ตอนนี้เหลือแค่เธอกับน้าพิกุลแม่เลี้ยงเท่านั้น
“อ้าว มาแล้วเหรอจันทร์”
“สวัสดีค่ะน้าพิกุล วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“น้าไปทำกับข้าวให้คนงานมาแล้วพอเสร็จก็รีบกลับมาทำกับข้าวรอจันทร์นี่แหละ กินอะไรมาหรือยัง”
“จันทร์กินขนมปังมาบ้างแล้วค่ะ น้าพิกุลทำอะไรกินคะ”
“น้าทำแกงไตปลากับขนมจีน”
“ขอบคุณนะคะ ของชอบของจันทร์เลยค่ะ”
“ไปล้างหน้าล้างตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยมานั่งกินด้วยกันนะ”
“ค่ะน้า” ชมจันทร์รีบเอากระเป๋าเก็บก่อนจะอาบน้ำล้างหน้าและออกมาทานขนมจีนแกงไตปลาของโปรดที่น้าพิกุลทำไว้รอ
“ขอบคุณค่ะ แกงไตปลาของน้าพิกุลอร่อยที่สุดเลยค่ะ จันทร์กินฝีมือใครก็ไม่อร่อยเท่าน้าพิกุลทำเลยค่ะ” ชมจันทร์ทานไปยิ้มไปด้วยความเอร็ดอร่อย
แม้ว่าน้าพิกุลจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่เขาก็ดีกับเธอในระดับหนึ่งไม่เหมือนกับแม่เลี้ยงใจร้ายที่เคยเห็นในทีวีและเวลาที่บิดาเธอป่วยน้าพิกุลก็ดูแลท่านอย่างดีจนถึงวาระสุดท้าย ทำให้ชมจันทร์รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ในวาระสุดท้ายของบิดาท่านไม่ได้เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
“อร่อยก็ต้องกินเยอะๆ น้าว่าเราผอมไปนิด”
“ก็กับข้าวในเมืองไม่ค่อยอร่อยนี่คะแล้วก็แพงมากด้วยสู้ฝีมือน้าพิกุลไม่ได้สักนิด”
“กลับมาอยู่บ้านครั้งนี้น้าจะทำของโปรดกินบ่อยๆ เลยดีไหม”
“ดีค่ะ ขอบคุณนะคะ น้าพิกุลใจดีที่สุดเลยค่ะ” ชมจันทร์ยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่บิดาจากไปเธอก็มีน้าพิกุลคอยดูแลมาตลอดหนึ่งปี
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY