คำพูดที่ออกจากปากของคนรักทำให้เธอตัดสินใจออกจากชีวิตของวาคิมพร้อมกับลูกในท้อง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อตัวเองเข้มแข็งและไม่ต้องการแม้แต่เศษใจของซาตานอย่างเขา
คำพูดที่ออกจากปากของคนรักทำให้เธอตัดสินใจออกจากชีวิตของวาคิมพร้อมกับลูกในท้อง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อตัวเองเข้มแข็งและไม่ต้องการแม้แต่เศษใจของซาตานอย่างเขา
เมื่อบิดาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมลดาจึงตัดสินใจว่าจะย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยกับมารดาอย่างถาวร ก่อนหน้านี้เมลดาก็เคยคิดจะย้ายกลับไปทำงานที่บริษัทของบิดาแต่ก็รอให้ลูกชายคนเดียวโตพอจะรู้เรื่องซึ่งเธอก็ไม่คิดว่าการย้ายกลับบ้านเกิดครั้งนี้จะมาเร็วกว่าที่เธอคิดเอาไว้
“แม่ครับทำไมเราต้องกลับไปอยู่เมืองไทยด้วยครับ” เด็กชายวัยห้าขวบถามมารดาด้วยความไม่เข้าใจ
“เราต้องกลับไปอยู่กับคุณยายครับบอสตัน” เมลดาพูดกับลูกชายขณะเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะครับแม่ ผมไม่อยากไปเลยลุงวินบอกว่าที่เมืองไทยร้อนมากและผมจะละลายเหมือนน้ำแข็ง” เด็กชายคิมหันต์หรือบอสตันหมายถึงมาวินพี่ชายต่างมารดาของเมลดาที่มักจะมาเยี่ยมเขาที่นี่และพูดถึงเมืองไทยให้ฟังบ่อยๆ
“มันร้อนก็จริงแต่ไม่ถึงกับละลายหรอกครับบอสตัน ลุงวินเขาก็พูดโอเวอร์ไปแบบนั้น”
“ผมคงคิดถึงชาร์ลีมาก”
“แม่จะให้ลูกโทรหาชาร์ลีบ่อยๆ ดีไหมครับ”
“แล้วผมจะเล่นกับใคร”
“เราไปที่นั่นแม่จะพาบอสตันไปเข้าโรงเรียนแล้วบอสตันก็จะมีเพื่อนใหม่”
“เพื่อนใหม่ก็ไม่เหมือนชาร์ลี” เด็กชายเริ่มงอแงเพราะไม่อยากจากเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด
“บอสตันครับครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ แม่ไม่อยากทิ้งคุณยายให้อยู่คนเดียว”
“ทำไมเราไม่พาคุณยายมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ” บอสตันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมตัวเองจะต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น
“คุณยายมีงานที่ต้องรับผิดชอบที่นั่น”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คุณยายของบอสตันเป็นคุณครู ท่านมีหน้าที่สอนหนังสือเด็กนักเรียนอีกเป็นร้อยคน ถ้าท่านมาอยู่ที่นี่กับเราแล้วใครจะสอนเด็กเหล่านั้นละครับ”
“โรงเรียนของผมมีครูตั้งหลายคน ที่นั่นมีคุณยายคนเดียวเหรอครับแม่”
“มีหลายคนเหมือนกับที่นี่ ครับแต่แม่ขอถามหน่อยนะ ถ้าวันหนึ่งครูโทมัสไม่มาสอนบอสตัน บอสตันจะคิดถึงคุณครูไหมครับ”
“คิดถึงครับครูโทมัสสอนสนุกกว่าครูนาธานเยอะเลย”
“คุณยายก็สอนสนุกครับ ถ้าคุณยายมาอยู่ที่นี่นักเรียนของคุณยายก็คงรู้สึกเหมือนกันเวลาที่ครูโทมัสไม่อยู่แล้วให้ครูนาธานมาสอนแทน”
“อ๋อ แต่ผมก็ยังไม่อยากไปเมืองไทยอยู่ดี”
“ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของคุณแม่นะครับบอสตัน สักวันเราต้องกลับไปอยู่ที่นั่น”
“แม่บอกว่าผมเกิดที่นี่”
“ใช่ครับลูกเกิดที่นี่แต่ลูกก็คือคนไทย”
“ผมเป็นคนไทยเหมือนแม่กับลุงวินเหรอครับ”
“ครับ เราคือคนไทย”
“เมืองไทยมีเลโก้ไหมครับ” เมื่อคิดว่าต้องย้ายไปเมืองไทยจริงๆ บอสตันก็ถามถึงสิ่งที่ตนเองสนใจ
“มีสิครับ ถ้าบอสตันเป็นเด็กดี พอกลับไปถึงเมืองไทยแม่จะซื้อเลโก้ให้สองกล่องเลยดีไหมครับ”
“สัญญาแล้วนะครับคุณแม่”
“สัญญาครับ” เมลดาเกี่ยวก้อยกับลูกชายก่อนจะดึงเข้ามากอดด้วยความรัก ตอนนี้เธอเหลือแค่เพียงมารดาที่เมืองไทยจึงไม่อยากให้ท่านต้องอยู่คนเดียว
เมลดาไม่มีทางรู้เลยว่าการกลับไปครั้งนี้ของเธอจะเจอกับอะไรบ้างแต่เวลาที่ผ่านมาเกือบปีก็ทำให้หญิงสาวเข้มแข็งมากขึ้นและคิดว่าตนเองพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้เธอต้องอุ้มท้องแล้วหนีมาอยู่ที่นี่
“แม่ครับ แม่ครับ”
“มีอะไรครับบอสตัน”
“เราจะไปกันตอนไหนครับ”
“พรุ่งนี้เช้าครับ”
“เราต้องนั่งเครื่องบินนานไหม” บอสตันไม่เคยไปเมืองไทยมาก่อนจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
“ค่อนข้างนานเลยครับลูก”
“ผมดูการ์ตูนได้ใช่ไหมครับ”
“ได้ครับบอสตันคงให้ดูการ์ตูนหลายเรื่องเลยกว่าจะกลับถึงเมืองไทย”
เธอเคยพาลูกชายนั่งเครื่องบินไปเที่ยวอยู่หลายครั้งเขาจึงรู้ว่าเวลานั่งเครื่องบินตัวเองจะได้ดูการ์ตูนซึ่งปกติแล้วอยู่ที่บ้านมารดาจะให้ดูวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้น
เมื่ออธิบายให้ลูกชายเข้าใจแล้วว่าต้องเดินทางไกลและจะย้ายไปอยู่ที่เมืองไทยเมลดาก็พาบอสตันเข้านอน ก่อนที่ตนเองจะกลับมาจัดกระเป๋าเดินทางและตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง
เมลดามาอยู่อเมริกาตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้สามเดือน โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนของบิดาที่มาทำธุรกิจที่นี่ ในช่วงแรกที่มาอยู่เธอไม่ได้เรียนหรือทำงานอะไรเลยเพราะหญิงสาวแพ้ท้องอย่างหนักจนกระทั่งอายุครรภ์ได้ห้าเดือนจึงดีขึ้น เธอเลยไปทำงานเป็นแคชเชียร์อยู่ที่ร้านอาหารของคนรู้จัก จนกระทั่งใกล้คลอดก็ลาออกมาอยู่บ้าน จริงๆ แล้วเมลดาไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะทางบ้านก็ส่งเงินมาให้ใช้ตลอด
แต่ที่เธอทำงานก็เพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ พอคลอดลูกแล้วก็จ้างคนไทยที่นี่ให้ช่วยเลี้ยงบอสตัน ส่วนตัวเองก็ไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรีทางการตลาดและสมัครเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง
หญิงสาวสำรวจตั๋วเครื่องบินและเวลาเดินทางอีกครั้งก่อนจะหย่อนลงกระเป๋าสะพายและวางไว้เตรียมสำหรับเดินทางพรุ่งนี้เช้า
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่เธอกำลังจะปิดไฟเข้านอน เมื่อเห็นคนที่โทรข้ามาคือพี่ชายหญิงสาวกรีบกดรับ
“สวัสดีค่ะพี่วิน”
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหมโมเดล เจ้าแสบเป็นยังไงบ้างงอแงไหม”
“ก็นิดหน่อยค่ะพี่วิน พี่วินล่ะคะเป็นยังไงบ้าง” ถึงแม้เมลดากับมาวินจะเกิดจากมารดาคนละคนกันแต่อายุไม่ต่างกันมากกันเธอจึงสนิทกับเขามาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันจึงมักมีคนเข้าใจผิดว่าเมลดาและมาวินเป็นแฟนกัน
เธอกับมาวินก็ไม่เคยแก้ไขความเข้าใจผิดเพราะไม่อยากให้กระทบกับครอบครัวของมาวินซึ่งมารดาของชายหนุ่มมีสถานะเป็นภรรยาน้อยสถานะเป็นภรรยาน้อย
“พี่ก็ทำใจได้แล้วอุบัติเหตุก็แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง” มาวินพยายามจะทำใจให้เร็วที่สุด
“พ่อไปสบายแล้วค่ะ”
“นั่นสิตอนนี้ก็เหลือแค่เราที่ยังต้องลำบากอยู่”
“พี่วินคงเหนื่อยมากใช่ไหม โมเดลขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ดูแลบริษัทอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปี”
“พี่ยอมรับว่าเหนื่อยนะโมเดล แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงดีขึ้นถ้าโมเดลกลับมาช่วยที่ดูแลบริษัท”
“ค่ะพี่วิน โมเดลจะกลับไปช่วยพี่ทำงานนะคะ”
“แต่พี่ก็อย่าลืมช่วยหาที่เรียนให้เจ้าแสบด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาเลยเพื่อนพี่มีหุ้นที่โรงเรียนนานาชาติ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง โมเดลไม่ต้องเป็นห่วงนะ คืนนี้รีบนอนเถอะ”
“ค่ะพี่วิน เจอกันที่เมืองไทยนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY