คนึงหาท่าน ชั่วกัปกัลป์ไม่อาจบรรยาย เพียงเรียงร้อยถ้อยคำเป็นบทกวีไม่อาจหวนคืนสู่อ้อมกอด ที่ใดเล่าท่านพักพิงกายที่นั่นข้าพร้อมติดตาม หากจะกลั่นน้ำตาให้หยดรินเป็นสายน้ำ ก็ไม่อาจพบพาน คนึงหาชั่วนิรันดร
คนึงหาท่าน ชั่วกัปกัลป์ไม่อาจบรรยาย เพียงเรียงร้อยถ้อยคำเป็นบทกวีไม่อาจหวนคืนสู่อ้อมกอด ที่ใดเล่าท่านพักพิงกายที่นั่นข้าพร้อมติดตาม หากจะกลั่นน้ำตาให้หยดรินเป็นสายน้ำ ก็ไม่อาจพบพาน คนึงหาชั่วนิรันดร
ท้องฟ้ามืดมิด ลมฝนกำลังโหมกระพือพัดอย่างบ้าคลั่ง คงจะไม่รู้สึกอะไรหากว่าไม่ได้ลืมกุญแจห้องไว้บนโต๊ะทำงาน น้ำหวานถอนหายใจ ใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางปากคอคิ้วคางเข้ารูปหน้ามองผิวไม่ได้ขาวซีดเหมือนสาวจีนแต่ผิวก็จัดว่าขาวในความเป็นสาวไทย หน้าที่ผู้ช่วยผู้ดูแลพิพิธพัณฑ์คฤหาสน์ตระกลูหวาง หน้าที่ที่มีชื่อแสนสวยหรูแต่ทว่าทำงาน เหนื่อยแสนเหนื่อย
น้ำหวาน ยิ้มเย้ยหยันให้กับชีวิตห่วยแตก อุตส่าห์ขอทุนมาเรียนที่ประเทศจีน อาจารย์หางานให้ ตอนที่ลงประกาศไว้ไม่ได้ระบุว่าต้องกลับมืดค่ำอย่างนี้ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือสามทุ่มกว่าแล้ว น้ำหวานเพิ่งจะมาได้สามวัน วันนี้จึงเป็นวันที่สองที่มาทำงานเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ ก่อนที่ต้องไปเรียนในอีกไม่กี่วัน น้ำหวานเลือกที่จะเรียนช่วงเช้า จึงพอมีเวลามาทำงานช่วงบ่าย ค่าเหนื่อยที่ได้ ไม่มากนักแต่ก็ต้องทนเหนื่อย วันๆแทบจะไม่ได้พักเพราะป้าผู้ดูแลเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ น้ำหวานตั้งใจว่าจะทนดีกว่าต้องหางานใหม่ครั้นจะไม่ทำงานเลยก็ไม่ได้ มีงานทำอย่างน้อยก็พอจะช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง กว่าจะเก็บหอมรอมริบมาถึงนี่ต้องใช้เวลานานแสนนาน คงแก่เรียนไปเสียแล้ว
“อ้าวกลับมาทำไม”
ลุงยาม ถามเป็นภาษาจีน น้ำหวานยิ้ม ๆ
“ลืมของค่ะลุง”ลุงยามโบกมือให้เข้าไปข้างใน
ใช้กุญแจสำรองไข ประตูเล็กข้างๆ ที่เขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ เป็นภาษาอังกฤษ
ด้านหน้ามีอักษรจีน เด่นเป็นสง่า
...คฤหาสน์บรรพชนตระกูลหวาง…. (มาจากแซ่หวาง หวางจื่อที่แปลว่าลูกเธอของราชวงศ์โจวกลายมาเป็นแซ่)
เสียงประตูดังออดแอด เมื่อน้ำหวานเปิดมันออกมาอย่างเบาแรงที่สุดเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยิน นึกขำตัวเองไม่มีใครอยู่สักหน่อยจะกลัวใครได้ยินทำไม
เดินก็ยังย่องเข้าไปเหมือนใครจะเห็น มืดตึดตือทางเดินที่มีแสงไฟสีส้มห่างๆ เกือบห้าเมตรถึงจะพบดวงไฟสลัวหนึ่งดวง
“โอ๊ะ เพล้ง”
เดินชนเข้ากับโถลายครามใบเล็ก ที่วางอยู่ในชั้นสำหรับโชว์ โดดเด่นเกินของชิ้นอื่นควันสีขาวพวยพุ่ง แต่ความมืดทำให้น้ำหวานมองไม่เห็นควันนั้น กลิ่นคล้ายกับเครื่องหอมลอยเข้าจมูก
“ตายแล้ว”
เปิดไฟฉายในโทรศัพท์ก้มลงมอง ไม่มีแม้กระทั่งรอยบิ่น แต่ฝาของโถลายครามหลุดออกจากตัวโถวางเค้เก้ น้ำหวานใจชื้นขึ้นมา รีบปิดปากโถแล้วยกขึ้นไปวางที่เดิม อย่างถะนุถถนอม ลวดลายสวยงามแปลกตาทำไมสวยแบบนี้ ใช้มือลูบไล้แผ่วเบาอย่างลืมตัว
“ฮาว… องค์ชายเราสองคนเป็นอิสระแล้ว”
เสี่ยวปากระตุกชายเสื้อของหวางอี้ตันเบาๆ อีกคนยิ้มกว้าง ยกแขน ยกขาขึ้นมามองสำรวจเหมือนกลัวว่าจะมีอะไรหายไป
“นางคือผู้มีพระคุณ” ก้าวขาตามน้ำหวานไปช้าๆ
น้ำหวานค่อยๆย่องเพราะกลัวจะไปชนเข้ากับอะไรอีก
กลางวันบรรยากาศ ไม่น่ากลัวเท่ากลางคืนแม้จะมีไฟแสงสว่างสีส้มเป็นบางจุด แต่ก็วังเวงอยู่ดี ห้องทำงานอยู่ด้านในสุด บรรยากาศยิ่งวังเวง อีกทั้งมีของสะสมของตระกูลมากมายในนั้น ทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัวไปกว่าเดิม จึงตระหนักได้ว่าเดินช้าๆยิ่งน่ากลัว
น้ำหวานสาวเท้าอย่างรวดเร็วกลั้นลมหายใจ เหมือนจะหยุดหายใจ พร้อมกับท่องไว้ในใจว่า
“ไม่มีผี ไม่มีผี ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว”
ลมพัดผ่านวูบทั้งๆ ที่เป็นห้องทึบหน้าต่างก็ไม่ได้เปิด น้ำหวานยืนตัวแข็งทื่อ จะกลับออกไปก็ไกลแสนไกลเดินเข้าไปใกล้กว่าอีกอย่างถ้ากลับออกไปไม่แคล้วต้องนอนข้างนอกฝนก็จะตก อีกทั้งเพื่อนที่เมืองนี้ก็ไม่มี
น้ำหวานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวขาให้กว้างให้ไกลที่สุดเพื่อให้ถึงโดยเร็ว
เงาดำไหววูบข้างหน้า แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่มีขโมย หรือว่าขโมยจะมาขโมยอะไร ในเมื่อใครๆ ก็รู้ดีว่าที่นี่ไม่มีของมีค่า ป้าผู้ดูแลพูดแบบนั้น ไม่เคยมีใครมาขโมยของมาเกือบร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ถูกตั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์หรือว่า ...
ร่างสูงชะลูด ในชุดแบบองค์ชายของจีนโบราณโผล่มาจากด้านหลัง
“แม่นาง”
น้ำหวานหันหลังขวับก่อนจะอ้าปากค้าง ล้มทั้งยืนหมดสติอยู่ตรงนั้น
ร่างสูง พยายามจะรับร่างของน้ำหวานไม่ให้ล้มลงบนพื้นแต่ไม่สำเร็จ เมื่อตัวเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยนางด้วย”
ร่างบางเบาเหมือนอากาศของ ชายในอาภรณ์ขันทีปรากฏกายขึ้นทันที
“องค์ชาย อย่าเสียงดังไป แปลกจริงทำไมนางมองเห็นเรา”
หวางจื่ออี้ตันส่ายหน้าไปมา
“ช่วยนางก่อน ไม่อย่างนั้นนางได้มาอยู่ที่นี่เป็นสหายกับพวกเราแน่”
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY