องค์ชายที่เกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายไม่มีผู้คนรักใคร่ หว่านหนิง สาวน้อยผู้จะมาพลิกชะตาชีวิต ขององค์ชายให้สามารถเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ได้หรือไม่ พบกับเรื่องความฟินแบบหน้าตาย ขององค์ชายที่ไม่มีใครรัก
องค์ชายที่เกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายไม่มีผู้คนรักใคร่ หว่านหนิง สาวน้อยผู้จะมาพลิกชะตาชีวิต ขององค์ชายให้สามารถเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ได้หรือไม่ พบกับเรื่องความฟินแบบหน้าตาย ขององค์ชายที่ไม่มีใครรัก
ตำหนักร้อยดาวหากมีดาวร้อยพันส่องสว่างกลับหามองเห็นไม่ ภายใต้ดวงตาเย็นชานั้นไม่ได้มีสิ่งใดให้ลังเลที่จะถอยห่างออกไป
“องค์ชาย”ร่างใหญ่ถอยห่างนอนขดตัวชิดข้างฝา ไร้คำพูดตอบกลับ
พรุ่งนี้จะมีหน้าไปคุยกับใครในเมื่อคืนนี้ไร้การร่วมหออย่างที่ควรจะเป็นอย่างดีคงต้องปิดปากเงียบ หรือหากจะร้ายหน่อยก็คงถูกตราหน้า
หว่านหนิงนอนนิ่งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว จะอย่างไรเล่าในเมื่อบุรุษผู้นี้ ไร้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูตลอดชีวิต แทบจะไม่ยิ้มหัว มีเพียงตัวเองที่จมอยู่กับตัวเองก็เท่านั้นจะให้มีปฏิกิริยารักใคร่ชอบพอใครตอบกลับคงไม่มีทางหว่านหนิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ดึงผ้าผืนใหญ่ห่มคลุมร่างกายของตัวเอง อากาศหนาวจัด อีกคนยังนอนขดตัวไม่แม้จะเฉียดใกล้ร่างบอบบางของหว่านหนิงให้ระคายเคือง
ค่ำคืนเหน็บหนาวผ่านไปอย่างกล้ำกลืน หว่านหนิงตื่นเช้าขึ้นมา องค์ชายห้าก็นั่งในท่าเตรียมพร้อมอาบน้ำออกมานั่งรอไร้สาวใช้หรือขันทีช่วยแต่งกาย หว่านหนิงหยิบ เสื้อคลุมและหมวก ไปยืนตรงหน้าสายตาหมางเมินจนเกือบจะเป็นเย็นชาแต่งเข้ามาในตำหนักร้อยดาว แต่เหมือนร้างไร้ซึ่งดาวมีเพียงความมืดมิด ประตูหน้าต่างถูกปิดตายฝุ่นสีเทาเกาะอยู่ไปทั่วบริเวณเหมือนไม่เคยได้มีใครเข้ามาปัดกวาด ไร้ซึ่งสาวใช้
หว่านหนิงจำต้องไปแต่งตัวให้อย่างเสียไม่ได้ก็ในเมื่อแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเขาแล้วหน้าที่ดูแลเขาไม่อาจละเลย
“องค์ชาย จะเสวยเลยไหม”
เมื่อสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยท่าทีเขายังนิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด หากใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาราวกับเทพมาจุติอย่างที่เป็นอยู่จะนับว่า คนคนนี้เหมือนกับซากศพที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดใดเป็นแน่ ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดริมฝีปากซีดจาง หยิบหมวกจากมือของหว่านหนิงมาสวม
“สาวใช้ไม่เคยนำอาหารมาที่นี่ ข้าจำต้องไปหาที่กินเอง เจ้าเข้ามาในตำหนักวันแรกอาจยังไม่รู้ เช่นนั้นห้องเครื่องคงพอจะมีอะไรให้เจ้าได้พออิ่มท้อง”
คำพูดเรียบเฉยไม่ได้แสดงความเห็นใจเพียงแต่แนะนำตามมารยาทหรือก็จะไม่อยากให้หว่านหนิงคาดหวังอะไร
ตำหนักใหญ่เป็นรองเพียงตำหนักของฮ่องเต้แต่ไร้ซึ่งสาวใช้และขันที นางกำนัลยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วยังไร้ซึ่งเครื่องเสวยอีกหรือนี่
หว่านหนิงตกนรกหรือไรจึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในเมื่อเป็น บัญชาของฝ่าบาทเสด็จพ่อขององค์ชายห้าลี่หยางเหมือนจะโยนบาปเคราะห์ให้กับหว่านหนิงหรืออาจเป็นบัญชาสวรรค์ ก็ในเมื่อเป็นลูกสาวคนโตในตระกูลขุนนาง แต่ตอนนี้ไร้ยศฐา เพราะบิดาทำผิดมีโทษถึงประหารแต่ด้วยมารดา เป็นถึงองค์หญิงจึงถูกละเว้นโทษตาย
การแต่งงานครั้งนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหว่านหนิงก็ยังคงใช้ชีวิตปกติเมื่อบิดาได้จากไป การแต่งงานครั้งนี้กับองค์ชายที่ถูกรังเกียจ ไร้คนรักใคร่ห่วงใยอีกทั้งยังไม่มีใครคบหาสมาคม บรรดาองค์ชายทั้งหลายก็ต่างหลีกหนีให้ไกล จึงขัดเสียไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ลี่หยางก้าวขายาวๆ ออกจากตำหนักร้อยดาว เขาต้องทำงานเหมือนประหนึ่งขุนนางชั้นผู้น้อย ทุกวันตอนเช้าต้องออกไปก้าวขายาวๆออกจากตำหนักร้อยดาว เขาต้องทำงานหนักเหมือนประหนึ่งขุนนางชั้นผู้น้อยทุกวันในตอนเช้าต้องออกไปถวายงานกับฝ่าบาท คอยชงชาผสมนำอุ่น ยกเครื่องเสวยทั้งๆ ที่เป็นองค์ชาย องค์ชายคนอื่นในวังหลวงร่ำเรียนเที่ยวเล่นสนุกสนาน แต่เขาต้องทำงานเยี่ยงขันทีไร้ศักดิ์คนหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ไม่ต่างจากขันทีชั้นผู้น้อย สีของอาภรณ์โดยมากล้วนหาสีสดใสได้ไม่ กลับมีเพียงสีทึมทึบยิ่งเพิ่มความหม่นหมองให้กับใบหน้า
หว่านหนิงแต่งตัวเสร็จก็ได้ยินเสียงท้องร้องโคลกคลาก พาตัวเองเดินออกไปข้างนอก นางกำนัลสองคนนั่งหมอบอยู่ที่ประตูทางเข้าตำหนัก
“นายหญิง ฝ่าบาทมีบัญชาให้เราสองคนมาคอยรับใช้”หว่านหนิงยิ้มน้อยๆ
“ดีเลยข้ากำลังหิว”สองคนมองหน้ากันไปมา เหมือนกำลังจะช่างใจว่าจะพูดกับหว่านหนิงว่าอย่างไรดี
“ฮองเฮา มีบัญชาแต่ไหนแต่ไรตำหนักร้อยดาวไม่ให้ใครยกเครื่องเสวย นายหญิงเพิ่งมาคงไม่รู้”พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ในเมื่อเขาเพิ่งจะพูดไป หว่านหนิงเดินออกจากตำหนักมุ่งตรงยังห้องเครื่อง
...ตำหนักฮ่องเต้...ที่กว้างใหญ่
ลี่หยางนั่งร่างอักษรอยู่บนโต๊ะสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ใดใด
“ตามธรรมเนียมรุ่งเช้าหลังจากแต่งงานต้องพาชายาเข้ายกน้ำชาให้ฮองเฮาวันนี้เจ้าไม่ต้องมาชงชาให้ข้าเหมือนเช่นทุกวัน”ฮ่องเต้ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยมันคือประโยคบอกเล่า
“ไม่จำเป็น พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ลี่หยางไม่ได้มีความสำคัญ ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะลี่หยางไม่ได้สำคัญอะไรเพียงนั้น อีกอย่างเป็นการรบกวนเวลาพัก ผ่อนของฮองเฮา”
หมายความอย่างนั้นจริงๆ
ฮ่องเต้วัยกลางคนเพียงแต่พยักหน้าขึ้นลงแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีกก้มหน้าก้มตาอ่านฎีกาปล่อยให้ ลี่หยางนั่งร่างราชสานส์สำหรับใช้ในงานต่างๆ ตรงหน้า ที่กองเป็นภูเขา
หว่านหนิงรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดเมื่อออกมาจากห้องหับที่ฝุ่นจับเขรอะขนาดนั้น เห็นที่ต้องออกแรงกันหน่อยกว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ใจคิดในเมื่อเตรียมใจเตรียมกายมาแล้วจะกลัวสื่งใดกันเล่า
“เจ้าสองคน ชื่ออะไรบ้าง”เอ่ยปากชวนสาวใช้คุยรู้จักกันไว้แม้ไม่คิดที่จะสนิทกับพวกนางแต่ว่าในยามนี้ เหมือนตัวคนเดียวโดยแท้ องค์ชายห้าผู้เป็นสามีก็เฉยชา เสียจนน่าใจหาย
“ข้าน้อยอิงไถ”พูดขึ้นดังๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ข้าน้อยกุ้ยอิง”กุ้ยอิงกับส่งเสียงเบาหวิว
“ดี อย่างงั้นข้าเรียกพวกเจ้าเสี่ยวไถกับเสี่ยวกุ้ย นำข้าไปที่ห้องเครื่องเถิด”ทั้งสองหันมองหน้ากัน
“ข้าน้อยมิกล้าเราสองคนเป็นเพียงสาวใช้จะเดินนำนายหญิงได้อย่างไร”
ย่อตัวลงข้างหน้า หว่านหนิงยิ้ม เพียงทดสอบพวกนางว่าจะถูกสั่งมาให้ปฏิบัติกับหว่านหนิงเช่นไร ในเมื่อที่คาดหวังไว้แต่เดิม แย่กว่านี้ คิดว่าพวกนางคงไม่ได้เคารพย้ำเกรง เพราะองค์ชายห้าไม่ได้มีอำนาจในการปกครองใคร
สายตาของหว่านหนิงสะดุดเข้ากับ ร่างสูงโปร่ง ในอาภรณ์สะอาดสะอ้านพู่และป้ายหยกบ่งบอกฐานะว่าไม่ธรรมดา เสี่ยวกุ้ยกับเสี่ยวไถ ประสานมือข้างเอวย่อตัวลงทันที
“ถวายพระพรองค์รัชทายาท” หว่านหนิง ย่อตัวลงช้าๆใบหน้างดงามงามราวกับสตรีช้อนตามองใบหน้าของหว่านหนิง ความเสียดายบังเกิดขึ้นในใจ ไยต้องเป็นองค์ชายห้าผู้นั้นด้วย
“เจ้าเองหรือ ชายาพี่ห้า”
“หม่อมฉัน จงหว่านหนิงถวายพระพร ไท่จือ”โบกมือช้าๆ ให้ลุกขึ้น
“เสียดาย”หว่านหนิงยิ้มมุมปาก
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
คุณหนูใบ้ที่ถูกข่มเหงรังแกหลังจากฟื้นขึ้นมากลับกลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ทะลุมิติมาเข้าร่าง ในเมื่อชีวิตเก่าเจ้าของร่างอาภัพนักชีวิตใหม่นี้ฉู่เสวียนหนี่ขอสาบานว่าจะทำให้ดีเอง! *********** ผลจากการโหมงานหนักทำให้ฉู่เสวียนหนี่สิ้นใจตายคาโต๊ะทำงาน เดิมที่คิดว่าความตายคือจุดจบ...แท้จริงแล้วมันคือจุดเริ่มต้น เพราะวิญาณของเธอได้ทะลุมิติเข้ามายังยุคโบราณล้าหลัง เหมือนชะตากลั่นแกล้งไม่ผิดเพี้ยน ฉู่เสวียนหนี่ดันเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของคุณหนูสามที่ชีวิตสุดแสนบัดซบ ได้รับผลข้างเคียงจากพิษแมงมุม คู่หมั้นที่เคยถูกหมายตาไว้ยื่นหนังสือถอนหมั้น หนำซ้ำยังถูกอุบายลวงญาติริษยาต้องออกจากจวนไปอาศัยกับแม่ชีที่อาราม
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”
ซ่งเซียงทำสิ่งที่น่าอายที่สุดในชีวิต คือการเป็น "เลขานุการส่วนตัว" ให้กับเหยียนลี่หานนานถึงห้าปี เธอมอบทุกสิ่งให้เขา แต่ผู้ชายที่น่ารังเกียจกลับบอกว่าเบื่อ แล้วส่งเธอไปอยู่ในที่ที่ห่างไกลไม่มีใครสนใจ ชีวิตที่ถูกส่งไปอยู่ที่ห่างไกลนั้นไม่ง่าย แต่โชคดีที่เคราะห์ร้ายได้ผ่านพ้นไป เมื่อซ่งเซียงมาถึงระดับล่าง ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปวดหลังปวดขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง เธอจึงอดทนทำงานหนักจนประสบความสำเร็จ มีหนุ่มน้อยมาไล่ตาม ผู้ใหญ่ใจดีมอบผลงานให้ พ่อที่ไม่เคยพบหน้าเป็นมหาเศรษฐีใกล้ตาย พยักหน้าก็ได้รับมรดก ชีวิตมีขึ้นมีลงอยู่เสมอ เหยียนลี่หานคนโชคร้ายแน่ๆ! ในงานเลี้ยงเหยียนลี่หานถือแก้วไวน์ มองไปที่อดีตเลขานุการที่ไม่ได้เจอหลายวันด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย "ยังคิดถึงฉันจนต้องมาที่งานเลี้ยงนี้ใช่ไหม?" ซ่งเซียงยิ้มเยาะ "คุณเหยียน ฉันไม่ได้เชิญคุณนะ" เหยียนลี่หานตอบ "เธอคิดอะไรอยู่?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด