ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
ปังงงง! เพล้งงง!
“แม่งเอ๊ย! ทำไมเป็นไอ้เหี้ยติณณ์ ไม่ใช่กู!!!”
โครมมมม! ปังงงง! เพล้งงงง!
เสียงโวยวายของคิระดังขึ้นหลังจากที่เขาทุบโต๊ะทำงานราคาแพงที่ดีไซน์ด้วยกระจกหนาจนแตกละเอียดคามือ แถมยังคว้าไม้เบสบอลที่วางอยู่ในห้องนั้นฟาดข้าวของในห้องพังยับจนเศษของข้าวของพวกนั้นกระจุยกระจายไปทั่ว ทำให้ลูกน้องอีก 5-6 คนที่ยืนอยู่ถึงกับก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพราะเขากำลังโกรธจัดจนอยากจะฆ่าใครสักคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ให้ตายคามือ
“โมโหไปก็เท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ต้องไปร่วมพิธีแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ของมันอยู่ดี”
“ทำไมถึงเร็วนัก?”
พอได้ยินแบบนั้น คิระก็หันหน้าไปหา ‘มาโคร’ ลูกน้องคนสนิท ซึ่งอีกนัยหนึ่งคือเพื่อนสนิทของเขาที่ผันตัวเองมาเป็นมือขวาติดตามเขาไปทุกที่ด้วยความสงสัยในทันที
ปกติการแต่งตั้งใครขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์คนใหม่ต้องใช้เวลาเตรียมการนานเกือบ 3 เดือนนับจากวันที่สรุปผล แต่ทำไมครั้งนี้ทุกอย่างถึงดูฉุกละหุกไปหมด เหมือนกับว่ามีบางคนชักใยอยู่เบื้องหลัง
“ท่านปู่อีกแล้วใช่มั้ย...”
คิดได้แบบนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและพูดออกมาอย่างรู้ทัน คนที่ไม่เคยให้ความยุติธรรมกับหลานทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกันตั้งแต่เด็กจนโต เห็นจะมีก็แค่ปู่ของเขาคนเดียวเท่านั้น!
“ทำไมต้องเป็นมันทุกทีเลยวะ!!!”
เพล้งงงงง~
น้ำเสียงอิจฉาริษยาที่มีมาตั้งแต่จำความได้เล็ดลอดออกมาจากไรฟันที่เจ้าตัวกัดมันแน่นด้วยความโกรธจัด และเขวี้ยงไม้เบสบอสในมือออกไปแบบไม่มีจุดหมายจนมันเหวี่ยงไปโดนภาพครอบครัวในตู้โชว์หล่นลงมาแตกละเอียด พร้อมกับคิดในใจว่าถ้าไม่มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหลานคนโปรดของท่านปู่อย่างมันคอยขวางทางอยู่แบบนี้ ป่านนี้เขาคงได้ทุกอย่างของ ‘Dark Shadow’ มาไว้ในครอบครองตั้งนานแล้ว
แต่เพราะปู่ของเขาที่ฉลาดเป็นกรด ใช้ช่องโหว่ในกฎของแก๊งค์มาทำให้เขาต้องอดทนรอวันที่จะผงาดขึ้นมาอย่างเต็มตัวในนามของหัวหน้าแก๊งค์ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคัดค้านเลยว่าเขาไม่เหมาะสม จนวันที่ปู่ดึงไอ้เวรนั่นเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เขาเลยต้องน้อมรับข้อเสนอนั้นอย่างจำยอมเพราะไม่มีใครคัดค้านการเข้าแก๊งค์ของมันเช่นกัน
แล้วสุดท้ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว.. มติจากที่ประชุมที่เขารอคอยมาแสนนาน ดันกลายเป็นทุกอย่างที่เขาอดทนรอกลับถูกมันแย่งไปในพริบตา
มัน..ที่ไม่เคยสนใจว่าใครในแก๊งค์จะทำอะไร
มัน..ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อแก๊งค์เลยตั้งแต่ก้าวเข้ามา
ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าโกรธ..คือเขาเกือบจะเอาชนะมันได้เพราะคะแนนโหวตจากสมาชิกทุกคนออกมาเท่ากันครึ่งต่อครึ่ง แต่เสียงสุดท้ายของท่านปู่ที่ออกตัวว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกเช่นกัน ดันมาตัดสินให้มันชนะเขาโดยที่ตัวมันไม่ได้เข้าร่วมประชุมและไม่เคยโผล่หน้ามาให้ใครเห็นหัวเลยด้วยซ้ำ
“เมื่อไหร่มึงจะตายๆ ไปซะทีวะ ไอ้เหี้ยติณณ์!!!”
คิระกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด เขาไม่เคยคิดจะนับญาติกับคนที่เข้ามาแย่งทุกอย่างไป และใช้อภิสิทธิ์ของปู่เข้ามาประทับสัญลักษณ์ของ Dark Shadow บนตัวง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายามอะไร
เขาเกลียดมัน!
เกลียด..ทั้งที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
เกลียด..ที่ไม่ว่าจะตอนไหนมันก็เป็นหลานรักของปู่เสมอ
เกลียด..ที่มันได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ได้พยายามเท่ากับที่เขาทำ
และเกลียด..จนถ้ามีโอกาสก็อยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ!
พรึ่บบบ!
“ถ้าอยากให้มันตาย มึงก็แค่ลาพักร้อนบินไปทักทายมันไง ไม่เห็นยาก”
แฟ้มประวัติพร้อมรูปถ่ายของคนที่คิระหมายหัวเอาไว้ถูกส่งมาจากมือเพื่อนสนิทแบบเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยแววตาประทุจร้ายในแบบที่เขาชอบ มันเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจ ทำให้คิระรับแฟ้มนั่นมาเปิดอ่านมันด้วยความสนใจ
“หึ... เตโช Nightshade ..งั้นหรอ?!”
ติณณวัชร์ ภัทรเดชา (เตโช)
Nightshade’ s LEADER
Dark Shadow’ s MEMBER
(ข้อมูลอาจถูกบิดเบือน ข่าวไม่ได้กรอง)
KING OF ME
กำลังศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ (ปี 3)
ธุรกิจส่วนตัว : ZTUDIO / TYN SUPERCAR
ของสะสม : Supercar
งานอดิเรก : แข่งรถ
บุคลิก : นิ่ง...มากกกกกกกก โหด...มากกกกกกกกกก เจ้าชู้...มากกกกกกกก (และอื่นๆ ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติม)
หลายวันต่อมา...
“ไหวแน่นะโมเน่ต์ พี่ว่าคราวนี้มันหนักเอาเรื่องอยู่”
‘พี่เหมียว’ ที่ทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดมหาลัย แต่เบื้องหลังก็ช่วยหางาน Proofreader Freelance ให้กับฉันพูดออกมาอย่างเป็นห่วง เพราะงาน proof ครั้งนี้มันเยอะมากกว่าทุกครั้ง แต่จะทำไงได้เงินทองก็ต้องใช้นี่นะ ไม่งั้นก็อดตายกันพอดี
“ไม่ไหวก็ต้องไหวอ่ะพี่”
“(- -) (_ _)”
ฉันตอบกลับไปสั้นๆ พี่แกก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วเราก็แยกกันหน้าลิฟท์ ก่อนที่ฉันจะเดินย้อนกลับไปที่ตึกอักษรฯ ที่จอดจักรยานคู่ใจเอาไว้
ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~
เหอะ..ให้ตาย! ระหว่างที่ฉันกำลังเดินท่ามกลางแสงสลัวใน ม. ตอนใกล้จะสองทุ่ม อยู่ๆ ก็มีรถสปอร์ต 3 คันกับรถตู้ฟิล์มดำทะมึนขับผ่านไปอย่างรีบร้อน เอ่อ..นี่มหาลัยมั้ยไม่ใช่สนามแข่งรถ -_-? ให้เดารถแพงๆ พวกนั้นก็คงไม่พ้นของใครสักคนแก๊งค์เทพเจ้าอย่าง Nightshade อะไรนั่นแหงๆ ฉันเหล่ตามองนิดหน่อยแต่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินต่อ แต่ระหว่างทางดันปวดฉี่ขึ้นมาซะงั้น อืม..งั้นแวะเข้าห้องน้ำข้างลานจอดรถนี่ก่อนละกันมีป้าแม่บ้านอยู่ด้วยพอดีนี่นะ
ไวเท่าความคิด ฉันเดินเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำทันที แต่พอป้าเห็นฉันก็ทำหน้าตกใจเลิ่กลั่ก แล้วรีบสาดน้ำราดลงที่พื้นห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนที่ฉันจะเห็นคราบเลือดจางๆ ปนมากับน้ำที่ไหลผ่านไปและหลุดปากถามอย่างไม่คิดอะไร
“มีเรื่องกันหรอคะป้า?”
“ปะ..เปล่าหรอกจ้ะหนู ไม่มีอะไร...”
ป้าส่งยิ้มแหยๆ มาให้ฉัน แล้วรีบออกแรงขัดพื้นที่มีคราบเลือดจางๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง ดูหนักอยู่เหมือนกันแฮะแต่คงไม่ตายหรอกมั้ง
พอเห็นป้าแกก้มตาก้มตาขัดพื้นไปฉันเลยเดินมาเข้าห้องน้ำห้องถัดไป แต่ยิ่งเดินลึกเข้ามาก็เจอกระดุมเสื้อนักศึกษาหญิงหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด หึ.. หลักฐานคาตาขนาดนี้จะบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ละ ส่วนท่าทางเลิ่กลั่กของป้าแกกับรถที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วเมื่อกี๊แบบนั้น ให้เดาไอ้แก๊งค์เทพเจ้านั่นมีเอี่ยวด้วยแหงๆ แต่ช่างเหอะ.. ฉันรีบจัดการตัวเองแล้วไปเอาจักรยานปั่นกลับห้องทันที จะได้รีบเคลียร์งานในคลาส กับงาน proof ให้จบๆ ไปคืนนี้จะได้นอนมั้ยไม่รู้ แต่ก็ยังดีที่วันนี้มันวันศุกร์ เพราะงั้นฉันยังมีเวลาปั่นงาน proof วันเสาร์ อาทิตย์อีกตั้งสองวัน
@ ร้านบะหมี่ลุงตี๋
“ลุง เหมือนเดิม!”
ฉันตะโกนสั่งบะหมี่แล้วเดินไปตักน้ำมานั่งรอ ลุงตี๋เจ้าของร้านแกก็ตะโกนตอบกลับมาอย่างคุ้นเคย
“ได้เลยไอ้โม รอแป๊บ”
เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แถมร้านนี้ก็เป็นร้านประจำที่กินทุกวันไม่เบื่อตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฉันเลยแวะจัดซะหน่อย แต่สมัยนี้คนในเมืองคงกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันไม่เป็นหรอกมั้ง ต้องไปกินตามห้างนู่นแต่ฉันไม่มีตังค์เยอะขนาดนั้นหรอก
...ก็ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ วันที่ตัดสินใจหนีจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่ฮาร์ดคอร์สุดละ ดูนีโมมากไปไงเลยอยากจะเผชิญโลกกว้าง ถ้าไม่ได้บะหมี่ลุงไม่โตมาจนทุกวันนี้หรอกเอาจริงๆ
“อย่ากลับดึกนัก ยังไงเอ็งก็เป็นผู้หญิงนะเว้ย!”
ลุงตี๋วางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะแล้วบ่นๆ ฉันนิดหน่อย แต่แกก็พูดไปงั้นอ่ะไม่มีหรอกแค่สไตล์คนแก่เป็นห่วงลูกหลานน่ะ
“ก่อนกลับเดี๋ยวล้างชามให้นะ” ฉันบอกออกไปเพราะทำแบบนี้ประจำอยู่แล้วแต่ลุงแกขัดประจำเหมือนกัน
“เรียนไปเถอะทำเองได้ ใกล้จบแล้วนี่” ลุงตี๋พูดพร้อมกับมองเอกสารในถุงผ้าที่ฉันแบกกลับมาด้วยอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องพูดมากหรอก ไม่อยากฟัง” ฉันแกล้งๆ พูดเล่นไปงั้น ลุงแกก็ขำๆ แล้วเอามือมาผลักหัวก่อนจะบ่นๆ ออกมาแล้วเดินกลับไปทำบะหมี่ต่อ
“กวนตั้งแต่เล็กจนโตนะเอ็งเนี่ย”
“เอ้า ใครสอนล่ะ!”
ฉันตะโกนตามหลังไป แล้วลุงตี๋แกก็เดินผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี หึ.. ถ้าใครถามเรื่องครอบครัวฉัน..คนเดียวที่ดูแล้วน่าใช่ก็ลุงแกนี่แหละ ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกหลานแกก็เถอะนะ :)
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันต้องแลกกับการทำไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเคารพ ศรัทธา และความถูกต้องที่เขามี สำหรับคนที่รักเขาอย่างฉัน...มันยอมแลกได้ทั้งนั้น
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY