ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
บนโซฟาขนาดใหญ่กลางห้องนั่งเล่น มีร่างหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังทำกิจกรรมรักร่วมกันอย่างเมามัน
“อ๊า~ พะ พี่นาย... ระ แรง เกินไปแล้วว อ๊า~” เสียงร้องครวญครางของหญิงสาวเพราะถูกกระแทกด้วยความดุดัน
เพียะ-!
แทนที่จะฟังคำพูดของเธอ ฝ่ามือของซีนายฟาดไปที่บั้นท้ายกลมกลึงจนเป็นรอยนิ้วมือ
“พูดมาก”
สำหรับเขาเรื่องอย่างว่าไม่เคยอ่อนโยนอยู่แล้ว ในเมื่อผู้หญิงพวกนี้มาประเคนให้ถึงที่เอง ทำไมเขาต้องอ่อนโยนกัน
“พี่นายคะ เราเปลี่ยนไปทำที่ห้องนอนพี่ได้ไหม? โมเมื่อยแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ปึก-!
ซีนายยิ่งกระแทกแรงกว่าเดิม “อย่าหวังไปหน่อยเลย”
ทำไมเขาถึงจะไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงพยายามให้เขาพาไปมีอะไรที่ห้องนอน เพราะตามคำบอกเล่าบรรดาผู้หญิงที่เคยมีอะไรกับเขา ซีนายไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าไปที่ห้องนอนแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะอย่างนี้ทุกคนที่มาลิ้มลองต่างพากันออดอ้อนสุดมารยาที่ตัวเองมี แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะซีนายไม่เคยใจอ่อนพาใครเข้าไปยังห้องนอนเลย
“อื้อ~ พี่นายใจร้าย” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สะโพกของเธอก็รู้งานเด้งสู้กลับเช่นกัน ทำเอาซีนายถึงกับสูดปากด้วยความเสียวซ่าน
“ซี๊ด~ อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวพี่มีรางวัลให้” ซีนายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
เขาบอกแล้วว่าผู้หญิงพวกนี้เข้ามาหาเขาเพราะเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น แต่ใครจะไปสน เพราะตัวเขามันเพลย์บอยตัวพ่ออยู่แล้ว ไม่คิดคบใครเป็นตัวเป็นตน และผู้หญิงที่เข้ามาแต่ละคนย่อมรู้เรื่องนี้ดี
ใช่ ผู้หญิงในมหาฯลัยทุกคนรู้ชื่อเสียงของซีนายดี ว่าเรื่องลีลาของเขาเด็ดขนาดไหน ทั้งหล่อ ทั้งรวย และเน้ดดุขนาดนี้ ใครบ้างไม่อยากลอง
ในระหว่างที่พวกเขากำลังเข้าได้เข้าเข็มกันอย่างเมามันอยู่นั้น ทั้งสองคนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าประตูห้องกำลังถูกเปิดออก เพราะเสียงครางของพวกเขากลบเสียงกดรหัสประตูหมดแล้ว
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“นาย เป็นไงบ้างอาการดะ... กรี๊ดดด-!” คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ เนื่องจากเห็นภาพอุจาดตาที่สุดในชีวิต
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำเอาคนที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มกันอยู่นั้น ได้หยุดชะงักกลางคัน พร้อมกับหันไปมองที่ประตูด้วยความพร้อมเพรียง
“เฮ้ย-! ลินทะ...โอ๊ย!” ซีนายยังพูดไม่เป็นประโยคด้วยซ้ำ ก็ถูกถุงโจ๊กร้อน ๆ ที่ปาลินหิ้วมาโยนใส่ที่ใบหน้าเต็มแรง
“กรี๊ดดดด อีนาย อีชั่ว! อีโรคจิต! กรี๊ดดด!!” ปาลินร้องโวยวายราวกับคนไม่มีสติ ก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าไปยังห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของซีนาย
หลังจากปาลินเข้ามายังห้องของตัวเองได้แล้ว เธอก็ไม่ลืมล็อกประตูให้เรียบร้อย แล้วรีบพาตัวเองเข้าไปยังห้องนอนเพื่อสงบสติอารมณ์
หญิงสาวกระโดดขึ้นเตียงนอนแล้วเอาใบหน้าซุกหมอนพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียง เพื่อระบายอารมณ์ของตัวเองออกมา
“กรี๊ดดดดดด-! อีนาย”
สารภาพว่าเกิดมายี่สิบเอ็ดปี เธอยังไม่เคยเห็นอะไรที่มันกลายเป็นภาพติดตาแบบนี้ สติเธอหลุดหายไปแล้วมั้ง
แต่จะโทษฝั่งนั้นก็ไม่ถูก ซีนายนิสัยเป็นยังไง เธอเองก็รู้ดี เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานาน เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงของกันและกันดีกว่า
แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเพื่อนชายตัวดีของเธอมันใช้ข้ออ้างว่าป่วย เพื่อเอาสาวมาอึ๊บที่ห้องแบบนี้ ถ้าซีนายบอกเธอดี ๆ ว่าเอาสาวมาที่ห้อง เธอก็ไม่พรวดพราดเปิดประตูไปแบบนั้นหรอก
ทางด้านซีนาย
หลังจากปาลินวิ่งหนีกลับห้องตัวเองไปแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ได้เข้าสู่สภาวะปกติ แต่ที่ไม่ปกติจะเห็นเป็นซีนาย…
“พี่นายคะ เรามาต่อกันไหม? พี่ยังไม่เสร็จไม่ใช่เหรอคะ?” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความออดอ้อน
หญิงสาวหน้าตาน่ารักที่อยู่ในสภาพเปลือยกาย กำลังใช้มือของตัวเองลูบไล้ไปยังส่วนตัว ๆ ที่เป็นจุดอ่อน เพื่อกระตุ้นอารมณ์อีกครั้ง
“จิ๊ โมกลับไปก่อนพี่อยากอยู่คนเดียว” ซีนายพูดอย่างเสียอารมณ์ พร้อมกับปัดป้องมือของเธอออกไปจากตัวเขา
“ตะ แต่ว่า”
“อย่าให้พี่ต้องพูดซ้ำ”
หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง เธอรับรู้ได้ว่าชายตรงหน้ากำลังอารมณ์ไม่ดี
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง สายตาเธอเหลือบมองเป็นระยะ ๆ ว่าซีนายจะรั้งเธอไว้หรือไม่
สรุปไม่มีแม้แต่สายตาที่จ้องมองมา เธอเห็นแต่ชายหนุ่มกำลังใจจดใจจ่อกับสมาร์ตโฟนของตัวเอง ไม่แม้แต่จะมองดูเธอเลยสักนิด
หลังจากที่ทั้งคู่แต่งตัวเสร็จแล้ว ซีนายก็ลงมาส่งหญิงสาวที่ลานจอดรถของคอนโดฯ เนื่องจากคอนโดฯ นี้ถ้าไม่มีคีย์การ์ดก็ไม่สามารถเข้า-ออก หรือใช้งานลิฟต์ได้
“เอาไว้เรามาจอยกันใหม่นะคะ” แตงโมพูดจบก็หอมไปที่แก้มของชายหนุ่มเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเสียดาย เพราะวันนี้เธอยังสนุกไม่เต็มที่เลย
หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ซีนายก็กลับขึ้นมาห้องของตัวเอง พร้อมกับนั่งลงยังโซฟาเพื่อสงบสติอารมณ์
ตอนที่สาวรุ่นน้องชวนเขาเล่นจ้ำจี้ต่อ ไม่ใช่เขาไม่อยาก แต่จู่ ๆ น้องชายของเขามันยอมเล่นด้วยเสียอย่างนั้น
“แม่งเอ๊ย-!” สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
มันเกิดขึ้นกับเขาได้ยังไงกัน เรื่องนี้รู้ไปถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ ฉายาหนุ่มเพลย์บอยอย่างเขาต้องมาจบเพราะเรื่องนี้เหรอ?
แต่อีกใจคิดว่าคงไม่ใช่แบบนั้น ใครมันจะไปอ่อนง่ายขนาดนั้นวะ?
ลินก็แค่เข้ามาช่วงจังหวะนั้น แล้วเขาเกิดตกใจ น้องชายเขาเลยหดตัวลงแค่นั้นเอง ยังไงผ่านวันนี้ไปก็คงดีขึ้นแล้ว
ในระหว่างที่กำลังหัวเสียอยู่นั้น สายตาของเขาเหลือบไปเห็นถุงโจ๊กที่อยู่ในสภาพอย่างดี แม้เพื่อนสาวตัวดีจะเขวี้ยงใส่หน้าเขาเต็มแรงก็ตาม
“เฮอะ!” นึกแล้วก็แค้นที่เพื่อนตัวดีของเขา เข้ามาถูกจังหวะ
แต่จะโทษใครได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาบอกปาลินว่าตัวเขาป่วย มันก็แค่ข้ออ้างที่เขาจะให้สาวรุ่นน้องมาดูแลไง แต่ใครจะไปคิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
ซีนายลุกไปหยิบถุงโจ๊กแล้วเดินไปยังโซนห้องครัวเพื่อแกะโจ๊กตัวเจ้าปัญหากินให้มันรู้แล้วรู้รอด!
“ลินนะลิน-!”
************
ในเมื่อไม่ได้เป็นที่รักของครอบครัว แล้วไหนจะถูกถอนหมั้นอีก ฉะนั้นการแต่งงานครั้งนี้ข้าจะเป็นคนเลือกเอง ต่อให้ต้องแต่งกับแม่ทัพที่ขึ้นชื่อว่า 'ร้ายกาจ' และ 'อัปลักษณ์' ข้าก็ยอม... ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ “หากท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจอัปลักษณ์นั่น ข้าขอฆ่าตัวตายตอนนี้เสียดีกว่า!” เซียวลี่หงตัดสินใจแล้ว หากให้นางออกเรือนกับชายที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากจะซ่อนใบหน้าอัปลักษณ์แบบไหนไว้ แล้วไหนจะเรื่องความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าหน้าตานั่นอีก สู้นางฆ่าตัวตายเสียแต่ตอนนี้เลยดีกว่าที่จะต้องออกเรือนกับแม่ทัพหวงหยางหมิง แม่ทัพอัปลักษณ์ผู้นั้น! “ไม่นะ! หงเอ๋อร์ลูกห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด ท่านพี่ ท่านต้องทำอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ” ฟางเหนียงเห็นบุตรสาวตัวเองเอาปิ่นปักผมจ่อคองามถึงกับขาอ่อนทรุดลงกับพื้น จนเหล่าบรรดาคนใช้ต้องมาช่วยพยุงตัวให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ เซียวฟู่ซินถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่า เขาถึงกับยกมือมากุมขมับตนเอง ตนจะทำอะไรได้ในเมื่อพระราชโองการมาแล้ว มีแต่ต้องยอมยกบุตรสาวตัวเองให้ไป ตนเองก็ไม่ยินยอมเท่าใดนัก ในขณะที่ทุกคนกำลังปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงคนผู้หนึ่งเท่านั้นที่อยู่ในท่าทางนิ่งสงบนั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้ไหวติงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่น้อย นางรับรู้ถึงสายตาที่ทุกคนมองมาที่ตัวเอง นิ้วเรียวงามค่อย ๆ วางจอกชาลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “มองข้าทำไมกันหรือเจ้าคะ?” ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
กำลังสำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า? จะบอกให้คุณรู้ไว้นะคะ สามีอ้ายทั้งหล่อ ทั้งรวย และที่สำคัญ ... ใหญ่กว่าคุณ คนอย่างคุณเทียบสามีฉันไม่ติดหรอกค่ะ
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY