นางถือกำเนิดมาพร้อมกับโชคร้ายมารดาตาย ตั้งแต่นางลืมตาดูโลก ใครก็ช่างที่เห็นใบหน้างดงามของนางจะต้องมีอันเป็นไป
นางถือกำเนิดมาพร้อมกับโชคร้ายมารดาตาย ตั้งแต่นางลืมตาดูโลก ใครก็ช่างที่เห็นใบหน้างดงามของนางจะต้องมีอันเป็นไป
“ทำไมต้องเป็น เจิ้งอ้ายฉิง (เจิ้งแซ่ของมารดา อ้ายชิง-ความรัก) ”
“หวงเจิงอู๋ เจ้ากล้าขัดบัญชาข้าหรือไร”
“ฝ่าบาท ข้าเป็นถึงแม่ทัพไร้พ่ายอีกอย่าง นางแค่ลูกอนุเป็นชายารองท่านอ๋องอย่างข้าไม่นับว่ามากไปหน่อยหรือ”
“หวงเจิ้งอู๋จะมากไปแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกดูถูกคนอื่นแล้วเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่”
“ข้าไม่ขอรับ นางในตำแหน่งชายารอง”
หวงฉีจิ้งตบโต๊ะฉาดใหญ่
"หากไม่เห็นแก่หน้าฮองเฮาก็เชิญเจ้าปฏิเสธได้ในทันที"
หวงเจิ้งอู๋ประสานมือจากไป
จวน ขุนนางเหว่ยจื่อหยวน
“ท่านแม่ นางอัปลักษณ์เหตุใดจึงได้แต่งกับท่านอ๋องหวงเฉิงอู๋ที่รูปงาม”
“ต้องมีสิ่งใดผิดพลาด ไม่สิ ฮองเฮาเป็นถึง น้าสาวคนเล็กของนาง ก็คงไม่น่าจะผิดพลาดอะไร”
“ท่านแม่ นางจะเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องหรือไม่”
“ไม่สิเจ้าดูนางเกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายแม่ตายแล้วยังใบหน้าอัปลักษ์ ผู้คนล้วนหวาดกลัวเมื่อพบหน้านางเจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะทรงโปรดปรานหญิงหน้าตาอัปลักษณ์หรือไร”
รอยยิ้มหยันบนใบหน้าสวยสด
“ท่านแม่เช่นนั้น ...อีกไม่นานนางคงถูกเฉดหัวออกจากจวนอ๋อง ว่ากันว่าชายาเอกของท่านอ๋อง น่ากลัวเกินใคร”
“คงต้องนับวันว่านางจะเข้าไปอยู่ในนั้นได้นานกี่วันจะเหมาะกว่า”
เจิ้งอ้ายฉิง ในอาภรณ์สีแดง มีผ้าคลุมหน้าสีเดียวกัน ปิดบังใบหน้าไว้ แม้รูปร่างอรชรทว่าใบหน้าด้านซ้ายอัปลักษณ์จนเหมือนภูติผี ก้าวขาลงจากเกี้ยวหลังเล็ก แหงนหน้ามองป้ายด้านบน
“จวนอ๋องไร้พ่าย”ไม่ได้แสดงสีหน้าว่าดีใจหรือตื่นตกใจอะไร
“คุณหนูรองข้าน้อยส่งได้เพียงเท่านี้”
เจิ้งอ้ายฉิงย่อกายลงตรงหน้าคนหามเกี้ยว
“โอ้คุณหนูรองอย่าทำแบบนี้ ข้าน้อยไม่อาจรับได้”
“ท่านลุงเป่ย อีกเท่าไหร่ถึงจะได้พบกัน ท่านลุงมีน้ำใจกับข้ายิ่งแล้ว คนอื่นล้วนไม่มีใครอยากมาส่งข้าที่นี่ เพราะกลัวจะพบกับความโชคร้ายและอัปยศ มีแต่ท่านลุงที่มีน้ำใจกับข้ายิ่งนัก อ้ายฉิงไม่มีเงินทองตอบแทนมีเพียง คำขอบคุณก็เท่านั้น” ลุงเป่ย ได้แต่ยิ้มเศร้าๆ
“คุณหนูแค่นี้ก็ซึ้งใจแล้ว คุณหนูรองโชคร้ายแต่ไม่เคยโทษคนอื่น พยายามที่จะ ให้คนอื่นยิ้มได้เสมอ ยายแก่เป่ยฝากลุงมาบอกกับคุณหนูเพราะนางไม่อาจหยุดร้องไห้ได้ เมื่อคุณหนูมาที่นี่”
“ท่านป้าดีกับข้ามาตลอดตั้งแต่ข้าเกิดมามีเพียงท่านป้าที่คอยห่วงใย”
“นางตอนนี้ก็ยังห่วงคุณหนูรองไม่เสื่อมคลาย กำชับให้ทำเหมือนที่เคยทำเป็นประจำห้ามละเลย จนกว่าคุณหนูจะพ้นเคราะห์”
เจิ้งอ้ายฉิงยิ้ม ก่อนจะหันหลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเดินผ่านธรณีประตูหน้าจวนอ๋อง
สาวใช้นางหนึ่ง ก้มหน้าไม่กล้ามองผ่านผ้าคลุมด้วยได้ยินคำเล่าขานมามากมายกับใบหน้าอัปลักษณ์ของเจิ้งอ้ายฉิง
“พระชายา ท่านอ๋องให้ข้าน้อยจัดห้องหับไว้ให้ท่านแล้วอยู่ด้านในสุด”
สาวใช้วัยอ่อนกว่ายื่นมือรับห่อผ้าในมือของเจิ้งอ้ายฉิง
“ไม่เป็นไรข้าถือเองได้”
“เชิญนายหญิง ด้านซ้าย”
สาวใช้ผายมือ ให้เจิ้งอ้ายฉิงเดินไปก่อน
“นายหญิงเจ้าขาข้าน้อย เจียวหยูรับหน้าที่ดูแลนายหญิงต่อจากนี้ตามคำสั่งท่านอ๋อง”
“ขอบใจเจ้ายิ่งนัก”
น้ำเสียงอ่อนโยนไม่ว่าจะพูดกับใครเป็นกิริยาที่ อ้ายฉิงทำจนกลายเป็นความเคยชิน
ห้องด้านซ้ายสุด ที่เหมือนจะเพิ่งได้รับการปัดกวาดด้วยร้างไร้มานาน
“นายหญิงข้าน้อยเพิ่งจะได้มาปัดกวาดให้ท่าน เมื่อวานด้วยงานในจวนมากมายกว่าจะปลีกตัวมาได้ นายหญิงคงพอจะหลับนอนได้”
จริงอย่างที่คิด ห้องนี้ถูกทิ้งร้างมานานจริงๆ
“ขอบใจเจ้าเหลือเกินแค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้วปกติ ข้าทำทุกอย่างด้วยตัวเองนี่ถือว่ายังมีเจ้า”
หวงเจิงอู๋ก้าวเท้ายาวๆ หยุดยืนตรงหน้า สีหน้าเรียบเฉย ยืนเอามือไพล่หลังด้วยความถือตัวใบหน้าหล่อเหลาเบือนหน้าหนีไม่อยากมองเจิ้งอ้ายฉิงแม้แต่น้อย เจิ้งอ้ายฉิง แอบมองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร ที่มองเห็นเพียงเสี้ยวหน้า
“เจียวหยู ออกไปก่อน”
เจียวหยูย่อกายจากไป เจิ้งอ้ายฉิงนั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง
“ข้าไม่ได้มาเปิดผ้าคลุมหน้ารับเจ้าเข้าจวนอย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่ได้มาร่วมหอกับเจ้าอย่างที่เจ้าคิด เพราะฉะนั้นหากไม่พอใจในสิ่งที่ข้าทำ รุ่งเช้าเจ้าก็แค่ขอหย่ากับข้าเสีย”
เจิ้งอ้ายฉิงเงยหน้าอัปลักษณ์ขึ้นจ้องมองดวงหน้าของหวงเฉิงอู่ก่อนจะเปิดผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นใบหน้าหน้าอัปลักษณ์เต็มตา หวงเฉิงอู่ผงะถอยอ้าปากค้างใบหน้าซีกขวาแม้จะงดงาม จนไร้ที่ติแตกต่างกับใบหน้าซีกซ้าย ที่อัปลักษณ์จนเขาแทบจะเผลอสำรอกของเก่าออกมา
“คงต้องรบกวน ท่านอ๋องขอหย่ากับข้าเสียเอง”
เสียงดังระฆังแก้วกังวานเพราะพริ้งแม้จะอยู่ในอาการไม่พอใจก็ตาม
“เจ้ารู้คำตอบอยู่แล้วว่าข้าไม่อาจ ขอหย่าเจ้าได้ เจ้าจึงยื่นข้อเสนอแบบนี้คืนกลับมา เจ้าอัปลักษณ์เพียงนี้ก็น่าจะรู้ดีว่าไม่คู่ควรกับข้า”
“ข้ารู้ดี”
น้ำเสียงแปร่งในตอนท้าย คล้ายๆ กับยอมรับชะตากรรมของตัวเองเป็นอย่างดี
“รู้ก็ไปเสีย”
“ไม่ใช่ข้าที่ตัดสินใจได้เพียงลำพัง”
เหมือนจะร้องขอความเห็นใจ
“เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องอับอายผู้คน และข้ารังเกียจเจ้าแค่ไหนกับเรื่องใบหน้าอัปลักษณ์ของเจ้า”
“ข้าก็เพียงทำตามบัญชาของฝ่าบาท”
“อ้าง บัญชาฝ่าบาท ใจจริงหากเจ้าไม่ยอมแต่งเพราะเห็นแก่ข้าที่ต้องมาแบกรับความอับอายให้เหล่าขุนนางและผู้คนในวังหลวงต้องหัวเราะเยาะ เจ้าก็ควรจะขัดบัญชาฝ่าบาทเสียมิใช่แต่งกับข้า หรือว่าเป็นเพราะเจ้าเองก็แอบดีใจที่ได้แต่งกับข้า”
“ข้าไม่เคยดีใจหรือเสียใจ”
“ดีข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่ต้องแต่งกับข้า และจะต้องขอหย่ากับข้าอีกไม่นาน”หวงเฉิงอู๋ก้าวขาสะบัดแขนจากไป เจิ้งอ้ายฉิงเอนกายพิงพนักเก้าอี้
จ้องมองกระจก เงาที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ของตัวเองอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นลูบใบหน้างดงามด้านขวา
สิบแปดปีก่อน
“นางถือกำเนิดมาพร้อมกับโชคร้ายมารดาตาย ตั้งแต่นางลืมตาดูโลก ใครก็ช่างที่เห็นใบหน้างดงามของนางจะต้องมีอันเป็นไป”
“ท่านเซียนแล้วข้าจะต้องทำอย่างไร”
ท่านป้าเป่ยตอนนั้นอายุอานามยังไม่เท่าไหร่นางเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้มารดาของเจิ้งอ้ายฉิงอีกที เอ่ยปากถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เจ้าก็แค่ ปิดบังใบหน้างดงามของนางเสีย เด็กน้อยคนนี้เมื่อเติบใหญ่ใบหน้าของนางหาก ปล่อยให้ผู้คนพบเห็น จะต้องเป็นฉนวนเหตุล่มเมืองล่มสวรรค์อย่างแน่นอน”
เจิ้งอ้ายฉิง ยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้านซ้ายแสนอัปลักษณ์ที่มีวัตถุบางอย่าง ปิดบังไว้ก่อนจะยิ้มให้กับกระจกบางๆ
“เจ้าเหมาะกับ ความอัปลักษณ์อย่างนี้เจิ้งอ้ายฉิง”
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY