แม่บอดี้การ์ดสาวจอมเปิ่นจำหน้าหล่อๆของเขาไม่ได้ เบ้าหน้าฟ้าประทานอย่างแดเนียลเฉินนักร้องชื่อดังก้องโลกถูกยัยเด็กนั่นเมินใส่!คอยดูเถอะเขาจะจับเธอให้มาหลงรักจนหัวปักปำเลยคอยดู
แม่บอดี้การ์ดสาวจอมเปิ่นจำหน้าหล่อๆของเขาไม่ได้ เบ้าหน้าฟ้าประทานอย่างแดเนียลเฉินนักร้องชื่อดังก้องโลกถูกยัยเด็กนั่นเมินใส่!คอยดูเถอะเขาจะจับเธอให้มาหลงรักจนหัวปักปำเลยคอยดู
ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 18 นาฬิกา ในประเทศไทย
“ถึงไหนแล้วไอ้ชา คณะทัวร์ของคุณชา อึน ซอก ลงเครื่องมาแล้วนะมัวทำอะไรอยู่!” การ์ดหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แต่งตัวด้วยชุดสูทภูมิฐาน พยายามเค้นเสียงคล้ายตะคอกแข่งกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาแฟนคลับที่มายืนออเพื่อรอรับไอดอลในดวงใจของพวกเขา อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มือใหญ่กดหูฟังแนบเข้ากับใบหูเพื่อสนทนากับปลายสายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ชาถึงหน้าสนามบินแล้วค่ะพี่บิลลี่ กำลังลงจากรถค่ะ รอแป๊บนะคะ” อีกฟากตอบกลับมาในสายออกอาการร้อนรนพอกัน
“ให้ไวเลย..ตู๊ดดดด” พูดไม่ทันจบประโยคอีกฝ่ายก็ตัดสายไปเสียฉิบ
“เฮ้ย..ให้มันได้อย่างนี้สิ จะรีบตัดสายอะไรกันนักกันหนาวะ เรื่องกลัวโทรศัพท์นี่ยกให้เธอเลย” กบิณฑ์ที่บรรดาเพื่อนร่วมงานหรือน้อง ๆ มักเรียกว่าบิลลี่ ยืนเท้าสะเอวด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่ด้วยอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อสาวน้อยคนสำคัญมาสายกว่าเวลาที่นัดหมายไว้
“จ๊ะเอ๋..สวัสดีค่ะพี่บิลลี่ ชามาทันใช่ไหม” ไม่นานนักไอ้ชาที่เขาเพิ่งก่นด่าก็โผล่มาตรงหน้าบิลลี่ที่พกความสูงร่วมร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้มลงมองหน้าทะเล้นของสาวน้อยนามว่าชานิศา หรือชาไข่มุกที่ทุกคนชอบเรียกด้วยแววตาดุดันแต่เมื่อใบหน้าแฉล้มของแม่ตัวดีโผล่มา แววกังวลในตอนแรกก็คลายลง ส่วนคนที่สูงแค่ร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรก็แหงนเงยหน้ามองเพื่อนรุ่นพี่จนคอตั้งบ่า
“ชาไม่ได้มาสายสักหน่อยอย่ามองแบบนั้นสิ ไหนบอกเวลานัดทุ่มหนึ่ง นี่มาเร็วก่อนตั้งเกือบ ๆ ชั่วโมงเลยนะเนี่ยดูสิ” คนตัวเล็กกว่าตอบอีกฝ่ายที่ยังคงมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยันเล็กน้อย พร้อมกับชูนาฬิกาข้อมือให้เพื่อนรุ่นพี่ดูเหยง ๆ
“ก็ไม่ได้จะว่าอะไรนี่ แต่งตัวโอเคเลยเป็นได้ทั้งล่ามและบอดี้การ์ดเข้าใจหาชุดนะ” ชานิศามองตามสายตาเพื่อนรุ่นพี่ ก้มมองเสื้อกับกางเกงตัวเอง ที่วันนี้มาในชุดสูทสีดำพอดีตัว แลดูภูมิฐานและทรงพลังขึ้นมาเป็นเท่าตัว
“ก็แหงล่ะ คนมันหุ่นดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ” คนที่ถูกบังคับให้ควบหน้าที่สองตำแหน่งเชิดหน้า แอบเยินยอตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เฮอะ! ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีเหอะ อย่าเก่งแต่ปาก ว่าแต่เราน่ะจำได้ใช่ไหมว่า ชา อึน ซอก หน้าตาเป็นแบบไหน” คนถามมีแววกังวลเล็กน้อย
“อ่ะ..จำได้สิ ชาจ้องมาทั้งคืนเลยนะ แทบจะกลืนกินตานี่เลยด้วยซ้ำ” คนพูดใช้นิ้วจิ้มไปที่ปากตัวเองแกล้งกระเซ้าให้ได้ขำไปอย่างนั้น ความจริงแล้วเธอแทบไม่ได้นอนเลยต่างหากเล่า ใช่ว่าเธออ่านข้อมูลของดารานักร้องหนุ่มชื่อดังที่เธอจะต้องมาเป็นบอดี้การ์ดและล่ามแถมให้ด้วย อะไรนั่นหรอกนะ ธีสิสวิศกรชีวการแพทย์ปีสุดท้ายของเธอเล่นเอาไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้วต่างหาก งานพาร์ทไทม์ก็ต้องทำ เรียนก็ต้องเรียนไอ้ชาแอบเซ็ง
“แล้วนี่กินยาแก้แพ้มาหรือยัง ไม่ใช่ว่ามาจามรดหน้าดาราดังเข้าล่ะ” บิลลี่ยังไม่คลายความกังวลในตัวแม่สาวรุ่นน้องในสังกัดนัก จ้องมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความเป็นห่วง ผ่านม่านหน้ากากผ้าสีดำที่ปิดบังใบหน้าเรียวเล็กไปกว่าครึ่ง เห็นเพียงแค่คิ้วเรียว และดวงตากลมโตสีดำสนิทเท่านั้น ที่ฉายแววมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวแอบแฝงไว้ด้วยความดื้อรั้นแสนซนในตัว
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพี่ น้องจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว” คนตัวเล็กกว่ายืดอกพกความมั่นใจมาเต็มร้อย พลางชี้นิ้วไปที่ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กซึ่งถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทอย่างแนบเนียน
“ถ้าจะให้ดี อย่าทำขายหน้า และอย่านำมันออกมาใช้จะดีที่สุด” บิลรู้ดีว่าสาวน้อยมหัศจรรย์นามว่าชานิศาผู้มากความสามารถคนนี้มีอะไรพิเศษมากมาย จนทำให้ทุกคนเหวอมาแล้วหลายรายการ แต่เกือบทุกรายการนางก็ผ่านมันมาได้ ทำเอาหลาย ๆ คนในบริษัท Security Guard ประจักษ์ในความเฉลียวฉลาดและไหวพริบของเธอเป็นอย่างดี แต่ก็นั่นแหละคนมีไอคิวสูง แต่อีคิวหรือสกิลทางด้านการรับรู้ความรู้สึกของเธออาจบกพร่องไปบ้างบางประการ โดยเฉพาะเรื่องความจำใบหน้าคนมันกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอไปเสียแล้ว แถมแม่คุณยังเป็นภูมิแพ้คนแปลกหน้าอีกด้วย!
บิลลี่รู้จักชานิศาตั้งแต่เธอเพิ่งจบมัธยมปลาย ขณะนั้นหล่อนกำลังอยู่ในช่วงเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ทางหน่วยงานได้ส่งพวกเขาให้ไปฝึกซ้อมยังค่ายมวยที่เธออาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ค่ายนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในจังหวัดนั้นเลยก็ว่าได้เนื่องจากทางค่ายมีทุกอย่างให้เลือกสรรตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีที่พักให้อีกด้วย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อพวกเขาเจอกับสาวน้อยร่างเล็กกระจิริดจะมาเป็นผู้ฝึกสอนและเทรนเนอร์ให้กับเหล่าบรรดาชายวัยฉกรรจ์ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งสามารถล้มคู่ต่อสู้ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่นับสิบลงไปร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีกับการต้อนรับน้องใหม่ แต่เธอกลับยืนสงบนิ่งในท่วงท่าที่มั่นคง ราวกับเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาดำขลับภายใต้หน้ากากผ้าสีดำมักไม่แสดงอาการใด ๆ กับคนแปลกหน้า น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้เห็นใบหน้าหวานละมุนของเธอ หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้วใครหน้าไหนก็ไม่อาจเห็นดวงหน้าที่แท้จริงของเธอได้ง่าย ๆ เลย นอกเสียจากว่าเจ้าตัวนั้นยินยอมเปิดเผยเองเท่านั้น
ความเป็นมาของชานิศานั้นเขาไม่มั่นใจนักว่ามีความเกี่ยวพันกับเจ้าของค่ายมวยชื่อดังหรือไม่อย่างไร จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่รู้ ถึงแม้ว่าจะสนิทสนมกันเหมือนเป็นพี่น้องแล้วก็ตาม สองสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของก็ให้ความเป็นกันเองปกติดี แต่เขาสังเกตได้ว่า ชานิศามีความกริ่งเกรงบุคคลที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กทั้งที่เรียกว่าพ่อกับแม่มาตลอด
ในเมื่ออยากได้ไตของเขาเธอต้องเอาตัวเข้าแลกเท่านั้น! "ฉันไม่มีเงิน จะให้ทำอะไรก็ได้ช่วยพ่อฉันด้วยนะคะ" "เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ก็แค่..คุณมานอนกับผมแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเกินพอ เพราะผมไม่ชอบกินของอะไรซ้ำ ๆ"
นาธานผู้ชายหล่อ ..รวย.. ล่ำ ..น่าปล้ำ..มาทำสามีแห่งชาติ แต่ไหงกลับคลั่งรักสาวไทยหน้าตาบ้านๆ อย่างนางสาวธารใสเอามากๆ หากเจ้าหล่อนกลับชอบถีบหัวส่งเขาตลอดเวลาที่เข้าใกล้มันเพราะอะไรกันเล่า !!!
จะทำอย่างไรดี กับหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ซึ่งเพื่อน ๆ ชอบเรียกว่า “ จอมจุ้น” ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ดั๊น..ไปตกหลุมรักชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ซึ่งเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของหล่อนเอง ล้อมดาว ก้องกังวาลไกล เข้าจังเบ้อเริ่ม ในงานวันเกิดเพื่อนรัก เพียงแค่แวบเดียวที่ได้เจอหน้าเขาหล่อนก็เผลอพูดออกมาด้วยฤทธิ์กามเทพ หรือเพราะฤทธิ์น้ำส้มก็ไม่รู้ และไม่อาจเดาได้ ถึงได้โพล่งวาจาราวกับจะสาบานกับเบื้องบน “ อยากใช้นามสกุลเดียวกับพี่ชายตัวจังเลยล้อม” และจะด้วยฤทธิ์คำขอส่ง ๆของเธอคงไปถึงหูท่านคิวปิด เลยให้เธอได้เข้าไปทำงานเป็นเบ้ในบริษัทของเขา จับพลัดจับผลู ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงเลขาของเจ้านายสุดหล่อ แต่..ความหวังอันเลือนรางของหล่อนจะเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไรล่ะ ก็เจ้านายเธอน่ะสิเจอหน้ากันทีไรเป็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่ อย่างกับโกรธกันมาสักร้อยชาติ ทำอะไรก็มีแต่จะคอยส่งสายตาดุ ๆ มาให้อย่างอย่างนั้น แถมยังโดนว่าสารพัดทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปหมด เฮ้อ! ชักจะเริ่มท้อแล้วสิ จอมขวัญเพิ่งคิดได้ว่าคนระดับสูงแบบเขาคงไม่มีทางมามองพนักงานธรรมดา ๆ อย่างหล่อนหรอกช่วงหลัง ๆ จึงพยายามที่อยู่ห่าง ๆ จากเจ้านายจอมเฮี้ยบเสีย เพื่อเก็บหัวใจตัวเองไว้ให้รอดปลอดภัยจากคำว่าอกหัก! มัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หล่อเหลาเอาการแถมยังอิมพอร์ตมาจากเมืองนอก ด้วยมาดนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ก้าวเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัวแทนบิดา ทำให้วงการธุรกิจด้านการโรงแรมและรีสอร์ท ต่างก็ตื่นตัวกับฝีไม้ลายมือ บวกกับความสุขุมรอบคอบ เอาจริงเอาจังกับงานอย่างเขา เป็นที่น่าจับตามองจากคู่แข่งเป็นอย่างมากการงานไปได้สวย แต่เรื่องหัวใจเขากลับไม่มีใครที่จะสามารถทำให้หัวใจอันแข็งแกร่งของเขาหวั่นไหวได้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ทำงานมา ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะให้ความสนิทสนมกับเพศตรงข้ามเลย ไม่ใช่เพราะว่าเข็ดขยาดเรื่องความรักแต่อย่างใด เพียงแต่เขาต้องการทุ่มเทให้กับงานมากที่สุดเท่าที่มีกำลังจะทำได้ กอปรกับภาระหน้าที่อันหนักหน่วง ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาไปกุ๊กกิ๊กกับใคร จนมาพบกับสาวน้อยหน้าตาสดใส ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้ให้ความสนสนใจอะไรหล่อนมากมายนักหรอก หากพอนานเข้า เขากลับเป็นคนหลงเจ้าหล่อนจนหัวปักหัวปำ แทบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว แต่ไหงสาวเจ้ากลับมีท่าทีไม่สนในเขา อย่าหวังว่าจะหนีเขาพ้น คนอย่างนายมาร์คลองได้รักแล้วไม่มีวันไม่ปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ แน่ "อย่ามายั่วให้รัก แล้วจากไปแบบนี้ ผมไม่ยอมแน่ "
เขา:คัทซึฮิโกะ ฮิโรยูกิ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น พ่อค้าอัญมณีเพชรพลอยที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยบ่อย จนแทบจะนับได้ว่าเป็นบ้านเกิดของเขาอีกที่หนึ่ง จุดประสงค์หลักที่ทำให้เขาต้องเดินทางมาที่เมืองไทย ไม่ได้เพียงเพื่อนำสินค้ามาแสดงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อตามหาแหวนเพชรอันล้ำค่าทางใจของท่านปู่ของเขา และแล้ว..โชคชะตาก็นำพาให้เขาได้พบของสิ่งนั้นจนได้..แต่น่าแปลกที่ของมีค่าราคาแพงขนาดนั้นกลับตกอยู่ในมือของผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง หล่อนเป็นใคร? และเกี่ยวข้องอะไรกับแหวนวงนั้น? ที่สำคัญหล่อนได้มันมายังไง? หรือว่า..หล่อนขโมยมันมา.. ไม่ได้การล่ะเขาจะต้องเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อพิสูจน์หาความจริงให้จงได้ เธอ:น้ำริน ฤทธิ์รณชัย พยาบาลสาวหน้าใส ที่โดนข้อหาว่าเป็นขโมยแหวนเพชรมูลค่าราคาหลายล้านบาท จากนายหน้าหล่อที่เจอกันบนเครื่องบิน แถมเขายังลักพาตัวหล่อนไปที่ญี่ปุ่นด้วย อะไรกันเนี่ย?! ฉันไม่ได้ขโมยของ ๆ คุณมานะ มีคนให้ฉันมาเอง!..
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY