นฤดาบอกเลิกแฟนและดื่มเครื่องดื่มที่มียาตัวใหม่ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวตื่นมาในบ้านของเขาและคิดว่ามันก็แค่วันไนท์ฯ แต่เรื่องมันไม่ง่ายเลยเมื่อเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องและเรียกเธอว่าหม่ามี้
นฤดาบอกเลิกแฟนและดื่มเครื่องดื่มที่มียาตัวใหม่ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวตื่นมาในบ้านของเขาและคิดว่ามันก็แค่วันไนท์ฯ แต่เรื่องมันไม่ง่ายเลยเมื่อเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องและเรียกเธอว่าหม่ามี้
“เดินทางปลอดภัยนะคะแม่” เสียงใสบอกกับมารดาที่กำลังจะเดินทางกลับต่างจังหวัด
“แม่ไม่อยู่หนูก็ดูแลตัวเองดีๆ นะล็อกประตูรั้วล็อกประตูบ้านๆ ดีแล้วก็อย่านอนดึก” ประภาพรบอกกับลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
แม้นฤดาลูกสาวของเธอจะโตแล้วแต่ในสายตาของคนเป็นแม่ก็ยังเป็นห่วงและเห็นเธอเป็นเด็กอยู่ตลอด
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่หวานดูแลตัวเองได้ แม่นั่นแหละที่น่าเป็นห่วงนั่งรถตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงอุตรดิตถ์อย่าลืมหาอะไรกินรองท้องด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูกบนรถไฟเขามีขาย”
“แต่หวานว่าแม่น่าจะซื้อไปจากตลาดดีกว่านะคะ ถ้าเกิดเขาขายหมดหรือของที่แม่อยากกินไม่มีแม่จะทำยังไง”
“ก็ได้จ้ะเดี๋ยวแม่จะหาซื้อก่อนขึ้นรถ หวานรีบกลับบ้านเถอะลูกรถเมล์มาแล้ว”
“ถึงแล้วอย่าลืมไลน์มาบอกหวานนะคะแม่” หญิงสาวตะโกนบอกมารดาที่ขึ้นไปนั่งบนรถเมย์เรียบร้อยแล้ว
“จ้ะลูก ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
นฤดามองรถตามหลังรถเมล์ไปจนสุดสายตาจากนั้นเธอก็เดินกลับมายังบ้านหลังเล็กด้านในซอย บ้านหลังนี้เธออยู่กับมารดามาตั้งแต่จำความได้ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว
ปกติแล้วมารดาไม่ค่อยทิ้งให้เธออยู่คนเดียวเวลาจะไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดแต่ครั้งนี้มารดาต้องกลับไปทำธุระที่อุตรดิตถ์หลายวัน นฤดาเพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่กี่เดือนจึงลางานนานๆ ไม่ได้
“แม่ไปแล้วเหรอหวาน”
“ค่ะป้าเยาว์”
“อยู่คนเดียวกลัวหรือเปล่าให้น้องแก้มไปนอนเป็นเพื่อนไหม”
“ขอบคุณค่ะป้าเยาว์ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะหวานอยู่ได้”
“ถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกป้าดังๆ นะ”
“ค่ะ” นฤดาตอบป้าข้างบ้านจากนั้นก็กลับเข้ามาในบ้านของตนเอง
นฤดารีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอกเพราะวันนี้เงินเดือนออกหญิงสาวจึงนัดกับเพื่อนว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน
ก่อนออกไปเธอโทรศัพท์ไปหาปรเมศวร์คนรักเพราะอยากจะชวนเขาไปเที่ยวด้วยกัน
“หวานมีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกค่ะหวานแค่อยากเจอพี่กาย วันนี้เงินเดือนหวานออกแล้วเราไปเที่ยวกันดีไหมคะ”
“งานพี่ยุ่งมากเอาไว้เราค่อยไปเที่ยวกันวันหลังนะ”
“ก็ได้ค่ะ หวานขอโทษที่รบกวนเวลางาน”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่วางก่อนนะ”
นฤดารู้สึกว่าช่วงนี้คนรักของตนไม่ค่อยมีเวลาให้เลยแต่เธอก็พยายามเข้าใจ ซึ่งแต่ก่อนนฤดาก็ไม่ค่อยเข้าใจคนรักเท่าไหร่แต่พอตัวเองเรียนจบและเริ่มทำงานก็เข้าใจเขามากขึ้น เธอกับเขาทำงานกันคนละที่นฤดาทำงานที่ฝ่ายบัญชีชองโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง ส่วนเขาเป็นพนักงานฝ่ายไอทีอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
เมื่อคนรักไม่ไปด้วยหญิงสาวจึงโทรศัพท์บอกเพื่อนให้มารับที่หน้าบ้านเพราะตอนแรกคิดว่าจะให้ปรเมศวร์มารับ
“เราจะเข้าร้านไหนกันดีล่ะมีผับใหม่เยอะเลย” นฤดาถามคนขับที่กำลังวนหาที่จอดรถในย่านที่ผับและบาร์อยู่เต็มไปหมด
“ร้านนั้นไง”
“นั่นมันร้านหรูเลยนะปลาเราจะเอาตังที่ไหนจ่าย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่ามีคนจ่ายให้เราแล้ว”
“ใครเหรอปลา” นุ่นถามด้วยความสงสัยเพราะร้านที่เพื่อนบอกนั้นเป็นร้านหรูที่ต้องเป็นสมาชิกถึงจะเข้าไปใช้บริการได้
“คุณเฉินแฟนใหม่ของปลาไง”
“แล้วตัวเขาไม่มาเหรอ มีนากลัวเขาจะหลอกเรามาแล้วเราต้องจ่ายเองเงินเดือนพวกเรายิ่งน้อยๆ อยู่”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่ามีนา เมื่อวานปลาก็มากับเขาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง เขาเอาบัตรนี่ให้เราแล้ว” หญิงสาวยื่นบัตรสีดำที่มีตัวอักษรสีทองเขียนว่า VIP ให้เพื่อนดู
“แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย”
“นานๆ ทีได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคืนนี้หวานจะเมาให้เต็มที่เลย”
“ไม่กลัวแม่กับพี่กายว่าเหรอ”
“แม่กลับบ้านที่ต่างจังหวัดส่วนพี่กายงานยุ่งมากคืนนี้หวานก็เลยอิสระเต็มที่ พรุ่งนี้ก็วันหยุดด้วย”
“ทุกอย่างดูเป็นใจไปหมดเลยนะ สงสัยคืนนี้พวกเราคงได้สนุกกันสุดเหวี่ยง”
“สนุกกันให้เต็มที่เลยเดี๋ยวฟ้าขับรถไปส่งทุกคนที่บ้านเอง” เพราะเป็นคนเดียวที่ดื่มเธอจึงคอยเป็นคนขับรถให้ทุกครั้ง
“ขอบใจนะฟ้า ถ้าพวกเราไม่มีฟ้าก็คงแย่นะ”
“ฟ้าไม่อยากลองดื่มบ้างเหรอ มาเที่ยวทีไรนุ่นเห็นกินแต่น้ำส้ม”
“ไม่ล่ะ ฟ้ากินทีไรเป็นผื่นทุกมีไม่อยากเสี่ยง” เพราะเป็นคนไวต่อแอลกอฮอล์เธอจึงไม่คิดจะดื่มแต่ก็ออกมากับเพื่อนทุกครั้งเพราะชอบบรรยากาศและอยากจะสนุกกับเพื่อนๆ
ห้าสาวลงจากรถและตรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่ก่อนจะเดินเข้าไปยังผับสุดหรูที่อยู่ตรงหน้า พนักงานที่หน้าประตูเห็นบัตร VIP ที่ปลาถือมาก็ให้พวกเธอเข้าไปโดยไม่ต้องตรวจบัตรประชาชนแต่พวกเธอก็ไม่ไม่กลัวถ้าหากเขาจะตรวจเพราะทุกคนอายุเกิน 20 ปีกันหมดแล้ว
ทั้งหมดถูกพนักงานพาไปนั่งบริเวณชั้นสองของผับซึ่งเป็นโซนสำหรับสมาชิก VIP
“อยู่บนนี้ก็ดีเหมือนกันนะมองเห็นคนข้างล่างได้เกือบทุกมุมเลย” มีนาพูดขณะมองไปรอบๆ ร้าน
“คนมาเที่ยวไม่ค่อยเยอะฟ้าว่าแบบนี้ไม่อึดอัดดีนะ”
“คุณเฉินบอกปลาว่าค่าสมาชิกที่นี่ค่อนข้างแพง คนมาเที่ยวก็จะเป็นพวกคุณหนูหรือไม่ก็นักธุระกิจชาวต่างชาติ”
“แล้วเขาไม่ว่าเหรอที่ปลาพาเพื่อนมาเที่ยว”
“ไม่หรอก เขาเป็นคนบอกเองว่าถ้าอยากมาเที่ยวก็อย่าไปที่อื่น ที่นี่ค่อยข้างปลอดภัยและเขาก็บอกพนักงานแล้วว่าให้ช่วยดูแลถ้าปลากับเพื่อนจะมาเที่ยว”
“เราจะได้เจอแฟนของปลาไหม”
“ปลาไม่แน่ใจวันนี้เจ้านายเขามีประชุม ไม่รู้จะเสร็จกี่โมงถ้าเสร็จเร็วเขาบอกจะตามมา”
“นี่มันดึกแล้วนะเขายังประชุมไม่เสร็จอีกเหรอ”
“เจ้านายเขาทำธุรกิจหลายประเทศนะ เวลาที่นั่นอาจจะเป็นกลางวันอยู่ก็ได้”
“เป็นคนรวยนี่เหนื่อยน่าดูเลยนะ” นุ่นเปรยขึ้น
“นั่นสิ บางทีหวานก็อยากลองเป็นคนรวยดูบ้างนะ”
“มนุษย์เงินเดือนอย่างเราคงรวยได้ยาก แต่ก็มีวิธีรวยทางลัดอยู่นะ” ฟ้าพูดพลางหัวเราะคิกๆ
“จะบอกให้ซื้อหวยอีกแล้วใช่ไหมล่ะฟ้า มีนาไม่เอาแล้วนะงวดที่แล้วหมดไปตั้งหลายร้อย เอาตังมาซื้อกาแฟกินดีกว่า”
“ฟ้าไม่ได้หมายถึงซื้อหวย ฟ้าหมายถึงหาแฟนรวยๆ”
“จริงสินะ แต่หน้าตาธรรมดาอย่างมีนาใครจะสนใจกันล่ะถ้าสวยๆ อย่างหวานก็ว่าไปอย่าง”
“แต่น่าเสียดายนะที่หวานมีแฟนแล้ว”
“นุ่นว่ามีได้ก็เลิกได้ถ้าแฟนของเราไปมีคนอื่น”
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะนุ่นเดี๋ยวหวานก็คิดมากหรอก” ปลาดุเพื่อน
“ที่พูดก็เพราะอยากให้หวานคิดมากๆ ว่าจะเอายังไงต่อเพราะตอนนี้พี่กายของหวานกำลังควงผู้หญิงอื่นเข้ามาในร้าน"
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY