ถึงเขาจะไม่ใช่ชายในสเปก แต่เรื่อง S-E-X เขาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
ถึงเขาจะไม่ใช่ชายในสเปก แต่เรื่อง S-E-X เขาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
พิมพ์พันดาวยืนนั่งมองแปลนร้านขายยาที่บิดาเป็นคนรับอาสาจะติดต่อช่างและคนงานแล้วก็นึกขัดใจเพราะดูแล้วแบบที่ได้มามันไม่ทันสมัยเอาเสียเลย เธออยากได้ร้านขายยาที่โดนเด่นทันสมัยใครเห็นก็จะต้องอยากเข้ามาซื้อแต่ที่ได้มานั้นเป็นร้านแบบเรียบง่าย มีห้องน้ำเล็กๆ อยู่ด้วยซึ่งเธอคิดว่ามันไม่จะเป็นเลยเพราะเธอเดินเข้ามาใช้ห้องน้ำที่อยู่ห่างจากหน้าบ้านไม่ถึง 20 เมตรได้สบายอยู่แล้ว
“พ่อค่ะพิมพ์ว่ามันไม่โอเคเลยแบบมันเรียบเกินไปนะคะ ที่พิมพ์บอกพ่อคือให้เขาออกแบบให้ทันสมัยที่สุดดูแล้วน่าเข้าที่สุด”
“พ่อก็บอกเขาไปแบบนั้นแหละ”
“แต่ที่ได้มามันไม่ใช่เลยนะคะ”
“คนออกแบบเขาบอกว่าคนแถวนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านทั่วไป เขาไม่กล้าเข้าร้านหรูๆ หรอกนะลูกเขากลัวราคาจะแพง”
“แต่พิมพ์ไม่คิดจะขายราคาแพงเลย พิมพ์ว่าจะขายเท่าร้านในเมืองเลยนะคะพ่อ”
“แต่คนอื่นเข้าไม่รู้กับเรานะ กว่าเขาจะรู้ก็คงอีกนานแล้วพิมพ์บอกพ่อเองไม่ใช่เหรอว่าอยากขายยาถูกคุณภาพดีมาให้ชาวบ้านเขาจะได้ไม่ต้องไปซื้อในเมือง แต่ถ้าร้านดูหรูหรามากๆ ชาวบ้านไม่เชื่อหรอกว่าราคาจะถูก พ่อว่าเน้นเรียบง่ายแต่ดูสะอาดดีกว่านะ พิมพ์ก็จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเยอะด้วย”
“แต่พิมพ์ไม่ชอบเลยมันดูเชยมาก”
“ถ้าไม่ชอบพ่อจะบอกเขาเปลี่ยนแบบให้ก็ได้แต่ก็รอนานหน่อยนะช่วงนี้งานเขาเยอะ แล้ววันนี้ช่างก็นัดเขาเอาของมาส่งแล้วด้วยนะ”
“เราไปจ้างคนอื่นก็ได้นี่คะพ่อ”
“ช่างที่พ่อติดต่อให้เขาเป็นช่างมีฝีมือ ถ้าไปติดต่อคนอื่นพ่อก็กลัวว่างานจะออกมาไม่ดีนะลูก พ่อว่าหนูลองคิดตามที่พ่อพูดดูสิว่ามันจริงไหม” เพิ่มศักดิ์พยายามพูดให้ลูกสาวได้คิดเพราะเขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนออกแบบ
พิมพ์พันดาวนั่งนิ่งและคิดทบทวนคำพูดของบิดาแล้วเธอก็เริ่มจะเห็นด้วยเพราะจุดประสงค์ที่เธอเปิดร้านขายยาก็เพื่อให้ชาวบ้านได้ซื้อยาในราคาถูก ที่เธอทำแบบนี้ได้ก็เพราะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพตนเองรู้จักเซลล์ขายยาหลายคนจึงรู้ดีว่าจะติดต่อซื้อของพวกนี้ได้ที่ไหน อีกทั้งพี่สาวและพี่เขยก็เป็นหมอทั้งคู่เรื่องหายาราคาถูกจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“แล้วห้องน้ำล่ะคะพิมพ์ว่ามันไม่จำเป็นเลยค่ะ”
“พ่อบอกเขาให้ทำเผื่อไว้นะ บางทีลูกค้าเขาออกมาจากบ้านแวะซื้อของมาหลายที่ว่าจะมาซื้อยาเขาอาจจะอยากใช้ห้องน้ำก็ได้ คนแถวนี้ก็รู้จักกันทั้งนั้นบางทีเวลาพ่อไปตลาดยังไปขอเขาห้องน้ำที่ร้านเขาเลย ส่วนเรื่องทำความสะอาดพ่อจะให้แป้งไปทำให้พิมพ์จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“พิมพ์แล้วแต่พ่อเลยค่ะ แต่ถ้าคนไหนพิมพ์ไม่รู้จักพิมพ์ก็ไม่ให้ใช้ห้องน้ำนะ”
“ถ้าอย่างนั้นห้องน้ำคงไม่มีคนใช้หรอกคนแถวนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักลูกเลย”
พิมพ์พันดาวนั้นออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 19 พอเรียนจบเภสัชกรก็สอบบรรจุและทำงานที่กรุงเทพมาตลอด จนตอนนี้หญิงสาวอายุ 29 ย่าง 30 จึงขอย้ายงานมาทำที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอที่อยู่ห่างจากบ้านเพียงสามกิโลเมตร
“เดี๋ยวอยู่ไปพิมพ์ก็คงรู้จักคนเพิ่มมากขึ้นเองค่ะพ่อ”
“ช่วงที่พิมพ์เปิดร้านใหม่พ่อจะไปช่วยด้วยดีไหมล่ะ พ่อรู้จักคนเยอะนะ”
“ก็แน่สิคะพ่อเป็นครูสอนที่โรงเรียนประจำอำเภอตั้งสามสิบกว่าปีมีใครบ้างที่ไม่รู้จักพ่อ”
“ถ้าหนูอยากรู้จักคนเยอะก็ตื่นเช้าไปตลาดกับพ่อสิ”
“เอาไว้รอให้พิมพ์ว่าง นะคะพิมพ์ค่อยไปกับพ่อตอนนี้พิมพ์เพิ่งย้ายมางานที่โรงพยาบาลยังไม่เข้าที่เท่าไหร่เลยค่ะ”
“แค่ไปตลาดตอนเช้าใช้เวลาไม่นานหรอก เราจะได้บอกคนอื่นเข้าด้วยไงล่ะว่าตอนนี้กำลังจะปิดร้านขายยา พ่อว่าลูกค้าของหนูต้องเยอะแน่ๆ”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ การตลาดแบบนี้น่าจะเข้ากับคนที่นี่ดี แต่ว่าตอนนี้พิมพ์ขอตัวไปหน้าบ้านก่อนนะคะเหมือนได้ยินเสียงรถเอาของมาส่งแล้ว”
“วันนี้ของแค่มาส่งอีกสองวันคนงานถึงจะเริ่มเข้ามาทำ”
“ทำไมล่ะคะพ่อพิมพ์นึกว่าจะเริ่มเลยจะได้เสร็จไวๆ”
“วันมะรืนเป็นวันมงคล พ่อไปให้พระที่วัดท่านดูให้”
พิมพ์พันดาวไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี่เท่าไหร่แต่เห็นว่าอีกสองวันก็ไม่ช้าจนเกินไปเลยไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้าให้รอนานกว่านี่ก็คงไม่ยอมเพราะเธออยากจะรีบทำทุกอย่างให้เสร็จตามกำหนดที่วางแผนไว้
รถหกล้อจอดที่หน้าบ้านขนขับลงมาจากรถเมื่อสอบถามแล้วว่าส่งที่บ้านหลังนี้เขาก็กลับขึ้นไปบนรถอีกครั้งก่อนจะถอยเข้ามาในบริเวณรั้วบ้านซึ่งพื้นบริเวณที่จะทำเป็นร้านขายนั้นอยู่ภายในรัวแต่ด้านหน้าจะติดกับถนนใหญ่
คนงานสองคนช่วยกันเอาของลงจากรถขณะที่ชายอีกคนที่เพิ่งลงมาจากรถได้แต่ยืนมอง
“นายไม่คิดจะช่วยเพื่อนหน่อยเหรอ”
“ผมเหรอ”
“ก็นายนั่นแหละ เอาแต่ยืนดูเพื่อทำงานแล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะเอาของลงรถหมดล่ะ ตัวก็โตกว่าเขายังจะเอาเปรียบอีก” พิมพ์พันดาวเป็นคนไม่ชอบเห็นใครถูกเอาเปรียบจึงบอกชายสวมหมวกแก๊ปที่ยืนนิ่งให้มาช่วยชายอีกสองคนที่ตัวเล็กกว่าเขา
“ผมเพิ่งลงมาจากรถยังไม่ทันได้ยืดเส้นยืดสายเลย”
“สองคนนั้นไม่เห็นจะต้องยืดเส้นยืดสายอะไรเลย นายเอาเปรียบมากกว่าเดี๋ยวฉันจะบอกเถ้าแก่ที่ร้านว่านายอู้งาน”
“อย่าบอกนะครับคุณผมไม่อยากตกงาน” เขารีบเดินไปยังด้านหนังรถที่คนงานสองคนกำลังช่วยกันเอาของลงอยู่
“พี่ไม่ต้องช่วยหรอกกลับบ้านไปเถอะครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันว่าช่วยก็สนุกดีเหมือนกันนะ” เขาหัวเราะแล้วหันไปทางลูกสาวเจ้าของบ้านที่เพิ่งเห็นตัวจริงก็วันนี้เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเห็นแต่ในรูปที่บิดาเธอมักจะเอาไปอวดเขาอยู่บ่อยๆ
“ถ้าคุณตะวันรู้ล่ะครับ”
“เรามากันสามคนนะถ้านายสองคนไม่บอกเขาก็ไม่รู้หรอก ไม่ดีเหรอที่ได้ฉันมาช่วยอีกคน”
“ดีสิครับ มีคุณมาช่วยงานจะได้เสร็จเร็วเย็นนี้พวกผมนัดกันไปงานวัดด้วย”
“งานวันมีถึงวันไหน”
“คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วครับ ผมจะไปป่าลูกโป่งเอาตุ๊กตามาให้สาว”
“เอาแค่ให้สองสามตัวก็พอนะ อย่าเอาเยอะพวกนายเล่นซ้อมกันทุกวันฉันกลัวเจ้าของร้านจะเจ๊งเอา”
“คุณไม่น่าดักคอผมเลยผมกะจะเอาหลายๆ ตัวสักหน่อย”
ทั้งสามคนหัวเราะเสียงดังจนหญิงสาวที่กลับเข้าไปในบ้านแล้วต้องเดินออกมาดูและทำหน้าดุใส
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!
เมื่อคุณหนูตัวจริงกลับมา, ฟางถี, คุณหนูปลอมตัวนี้ ถูกตระกูลฟางไล่ออกมาอย่างไม่เหลือเยื่อใย. ทุกคนต่างจับตามองการแสดงของเธอ, ทว่าฟางถีกลับหันไปแต่งงานกับตระกูลอันดับหนึ่ง — ตระกูลหยั่น, กลายเป็นคนที่พวกเขาเพียงแค่ได้แต่เงยหน้ามอง. “ได้ยินมาว่าฟางถีแต่งงานกับตระกูลหยั่นตอนกำลังตั้งครรภ์, คงจะเป็นเพราะเธอไม่อายวางแผนล่อลวงหยั่นสามน้อย, ใช้เด็กเป็นเครื่องมือบีบให้ขึ้นสู่ตำแหน่ง!” “ใครๆ ก็รู้ว่าหยั่นสามน้อยในใจมีแค่ผู้หญิงในฝัน, ถึงแม้จะใช้ลูกหลานเข้าไปในตระกูลหยั่น, เธอก็ต้องอยู่แบบถูกทอดทิ้งไปตลอดชีวิต!” ต่อมา— ในงานเลี้ยง, ทุกคนได้เห็นด้วยตาของตัวเอง, หยั่นสามน้อย, ที่เป็นคนดังในเมืองจิงตู้, ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการธุรกิจในด้านความแข็งแกร่ง, ต้องเดินวนรอบตัวภรรยาของเขาทั้งคืน, สวมเสื้อคลุม, ยื่นเครื่องดื่ม, ป้อนผลไม้, นวดเท้าและบ่า... ไม่หยุดหย่อน, เอาใจดูแลอย่างสุดๆ! ทุกคนตกตะลึง, หยั่นสามน้อยที่เย็นชาราวกับคนสูงศักดิ์กลับกลายเป็นคนที่หลงรักภรรยาของเขาจนไม่เหลืออะไร! คนที่เคยซ้ำเติมเธอต่างก็เริ่มหวั่นใจ, ต่างพากันหลบไปในมุมที่มองไม่เห็น, กลัวว่าคุณนายหยั่นจะเห็นและจดจำ.
© 2018-now MeghaBook
บนสุด