บุญคุณครั้งแรก แลกด้วยพรหมจรรย์ บุญคุณครั้งที่สอง แลกด้วยหัวใจ
บุญคุณครั้งแรก แลกด้วยพรหมจรรย์ บุญคุณครั้งที่สอง แลกด้วยหัวใจ
เรื่อง...หัวใจเมียน้อย
คำโปรย...บุญคุณครั้งแรก แลกด้วยพรหมจรรย์ บุญคุณครั้งที่สอง แลกด้วยหัวใจ
แนะนำตัวละคร
คาลอส เกลนดาลอร์ท (คุณคาร์) อายุ 39 ปี
เขาเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ จำพวกธุรกิจอหังสาริมทรัพย์ เขาหล่อ รวย ผู้มีใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีฟ้าอ่อน รูปร่างสูงใหญ่ อายุ 39 ปี
ละอองดาว (แป้งฝุ่น) อายุ 24 ปี
นักเรียนทุนฝึกงานปีสุดท้าย เธอเป็นเด็กกำพร้า เธอเรียนเก่งจึงสอบชิงทุนเรียนแพทย์ได้สำเร็จ เธอสวย ตัวเล็ก ผิวขาว นิสัย อ่อนหวาน เจ้าน้ำตา อ่อนแอ ขี้อ้อน น่าทะนุถนอม
@@@@@@
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวรักโรแมนติก มีดราม่าช่วงแรกๆ พระเอกอบอุ่นใจดี
ตอนที่ 1 เกิดเหตุ
รถเบนซ์ตัวท๊อปรุ่นใหม่ล่าสุดคันสีดำเงาวับ แล่นมาตามท้องถนนเวลาดึกสงัด ท่ามกลางฝนตกปรอยๆ รถจึงแล่นไปไม่ค่อยไวนัก เพราะคนขับเน้นความปลอดภัยของผู้เป็นเจ้านายที่สุด แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เหมือนมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้นด้านหน้า เมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้ แสงไฟสาดส่อง แต่ก็ยังมองไม่ค่อยชัดอยู่ดี เพราะสายฝนเริ่มเทลงมาหนักขึ้นอีก แต่ก็พอจะรู้ว่าด้านหน้ากำลังเกิดเรื่อง
“ข้างหน้ามีอะไรน่ะเจส” เสียงเข้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่กำลังทำหน้าที่ขับรถ
คาลอสมีลูกน้องคนสนิทสองคน ชื่อเจสกับดราฟ ทั้งสองมีความสำคัญพอๆกัน ไปไหนไปด้วยกัน ทั้งสองจะผลัดกันทำหน้าที่ขับรถให้เจ้านายนั่ง
“เหมือนจะมีเรื่องครับนาย” ดราฟที่นั่งอยู่ด้านหน้า ข้างคนขับเอ่ยขึ้น ดราฟกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้ามาแต่ไกล ภาพที่เห็น มีผู้ชายห้าคนกำลังรุมล้อมผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งแทบจะมองผู้หญิงไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ เพราะผู้ชายที่กำลังรุมล้อมอยู่นั้นบดบังผู้หญิงจนมิด แต่เสียงร้องที่ดังออกมานั้น ทำให้คนที่อยู่ในรถรู้แล้วว่าเหตุการณ์ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น
“หุบปากถ้ามึงยังไม่อยากตาย ก็ไปกับพวกกูดีๆ” ชายหนึ่งในห้าคนเอ่ยขึ้นเสียงดัง ข่มขวัญผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นถนน เสื้อผ้าเปียกปอน สภาพดูไม่ได้
“ไม่! ไอ้บ้า อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูกลัวแล้ว ขอร้องล่ะ” เสียงสั่นๆยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากผู้ชายห้าคนตรงหน้า
“อีนี่ มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ยอมเป็นของพวกกูซะดีๆ แล้วพรุ่งนี้มึงก็จะได้เป็นอิสระ” หนึ่งในห้าคน นั่งลงข้างหน้าเธอ เอ่ยขึ้นเสียงเข้มหน้าตาดุดัน สกปรกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สิ่งที่หญิงสาวเห็นภาพตรงหน้าเธอทั้งหวาดกลัวทั้งขยะแขยง
“ปัก!! ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เท้าเล็กๆของเธอถีบเข้าที่แผงอกของผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่มีทางยอมเป็นของพวกมันแน่ ถึงตายเธอก็ยอม
“ช่วยด้วยค่า...ช่วยด้วย...” เมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้ขึ้น เสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้นท่ามกลางสายฝน ทั้งเสียงฝนที่กำลังตกอยู่ กับเสียงผู้หญิงที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ดังปนๆกันไป แต่คนที่ได้ยินเพราะลดกระจกรถลง ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันแน่น เพราะเขาเกลียดเรื่องแบบนี้เป็นที่สุด นั่นจึงทำให้เขาต้องสั่งให้รถจอดกะทันหัน
“จอด...” เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องมาจากทางด้านหลัง เจสเหยียบเบรค เมื่อมีคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายดังขึ้น
“ไอ้ดราฟมึงลงไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น” เพราะภาพที่เห็นเหมือนผู้หญิงกำลังจะถูกทำร้าย และนั่นเป็นสิ่งที่คาลอสรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ แถมผู้ชายยังมีกันถึงห้าคน ส่วนผู้หญิงคนเดียว แต่ก็ยังมองไม่ชัดอยู่ดี เพราะชายพวกนั้นรุมเธอจนมิด
ดราฟเปิดประตูรถลงไปตามที่เจ้านายสั่งทันที พร้อมกับอาวุธคู่กายที่พกติดมือเอาลงไปด้วย
“เจส มึงรออยู่ในนี้” พูดจบผู้เป็นนายก็เปิดประตูรถลงไปด้วยทันที เมื่อเขาเห็นภาพแบบนี้ คาลอสไม่สามารถทนดูได้จริงๆ
“แต่ นายครับ” เจสยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงประตูรถก็ปิดดังปัง เจสแค่กำลังจะบอกว่าเขาจะลงไปให้เอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว คนที่ก้าวเท้าลงไปเดินฉับๆอย่างไว
“นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกมึงกำลังทำอะไรกัน” เสียงภาษาไทยเอ่ยขึ้นแปร่งหู ภาพที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กสภาพเปียกปอน ต่อสู้อยู่สุดกำลัง เธอทั้งร้องทั้งสู้อย่างไม่กลัวตาย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เห็นแล้วทำให้คาลอสยิ่งทนมองไม่ได้
“ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย พวกมันจะข่มขืนหนู” เมื่อเห็นสภาพหญิงสาวตรงหน้ายังคงยื้อยุดฉุดกระชากในสภาพดูไม่ได้
“หุบปาก เพี๊ยะ!!” แรงตบด้วยฝ่ามือของผู้ชาย ทำให้หญิงสาวถึงกลับหน้าหันไปอีกทาง
“อย่ามาแส่หาเรื่องดีกว่า ถ้าไม่อยากตายจะไปไหนก็ไป” หนึ่งในห้าคนเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามีผู้เข้ามาขัดขวาง
“พวกมึงสิอยากตายหรือไง ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!” เสียงกร้าวเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กถูกทำร้าย
“ปั้ง!!”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เป็นกระบอกที่อยู่ในมือของดราฟที่ยิ่งขู่ขึ้นฟ้า พลันเท้าหนักๆของคาลอสถีบเข้าที่ด้านหลังของผู้ชายคนใดคนหนึ่งในห้าคน หวังจะช่วยหญิงสาวผู้นั้นออกมาก่อน ทั้งหมดเกิดการต่อสู้กัน ดีที่เจสลงมาช่วยอีกแรง คาลอสรีบเข้าไปดูหญิงสาวที่ตอนนี้เธอได้สลบไปแล้ว
“นายพาผู้หญิงขึ้นรถเลยครับ ทางนี้พวกผมจะจัดการเอง”
“ฝากด้วยแล้วกัน เธอ...เธอ...โธ่โว้ย” เสียงสถบดังขึ้นเมื่อหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าหมดสติไปแล้ว ที่มุมปากของเธอมีเลือดสดๆไหลออกมา ท่ามกลางสายฝนเนื้อตัวเปียกปอน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย คาลอสรีบอุ้มหญิงสาวตัวเล็กขึ้นรถ ในขณะที่เจสกับดราฟกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง ปกป้องผู้เป็นเจ้านายด้วยชีวิต
เสียงปืนยิงขู่ดังขึ้นเป็นระยะ เพราะดราฟไม่อยากทำร้ายใครถ้าไม่จำเป็น อีกอย่างทางฝ่ายโน้น ถึงจะมีกันถึงห้าคนแต่พวกมันก็ไม่ได้มีอาวุธ
“ปั้ง!! โอ้ย!!”
“ไอ้เข้มถูกยิง!”
“ถอยโว้ย ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” หลังจากที่ต่อสู้กันอยู่สักครู่ ทางโน้นถูกยิงไปหนึ่งนัด พวกมันจึงยอมถอย ที่จริงดราฟไม่อยากยิงโดนเลยด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องการจะยิ่งขู่เท่านั้น แต่กระสูนเจ้ากรรมมันดันทำหน้าที่ของมันเอง แต่ก็ไม่ได้จะกลัวกฎหมายแต่อย่างใด เพราะกล้องหน้ารถได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
“นายครับจะให้พาเธอไปโรงพยาบาลก่อนไหมครับ” เจสเอ่ยขึ้นถามคนเป็นเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลังกับผู้หญิงตัวเล็กที่ได้ช่วยไว้
“กลับบ้าน” สำหรับคาลอสที่สั่งให้ลูกน้องขับรถกลับบ้านนั้น เขาคิดว่าถ้าไปโรงพยาบาล หญิงสาวคนนี้ก็จะต้องถูกสอบประวัติ ซึ่งเขาไม่รู้จักเธอเลย แล้วตอนนี้เธอก็สลบอยู่ แต่ถ้าเธอฟื้นคุณหมอก็ต้องสอบถามหาความจริงอีกอยู่ดี แล้วเรื่องก็คงต้องถึงตำรวจ เขาไม่รู้ว่าเธอหวาดกลัวหรือเสียขวัญขนาดไหน เขาก็เลยพาเธอกลับบ้านก่อนดีกว่า
ทั้งสองที่ได้ยินคำตอบของผู้เป็นเจ้านาย ถึงกลับงงในคำตอบ เพราะแทนที่จะตอบว่าให้พาไปโรงพยาบาล แต่เจ้านายกลับสั่งให้กลับบ้านซะอย่างนั้น สายตาของลูกน้องทั้งสองมองกันแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เจสทำหน้าที่ขับรถเหมือนเดิม ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาจอดที่คฤหาสน์หลังงาม
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
สิบปีเต็มที่ฉันแอบรักภาคิน วงศ์วรานนท์ ผู้ปกครองของฉัน หลังจากครอบครัวของฉันล้มละลาย เขาก็รับฉันไปดูแลและเลี้ยงดูฉันจนโต เขาคือโลกทั้งใบของฉัน ในวันเกิดอายุสิบแปดปี ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อสารภาพรักกับเขา แต่ปฏิกิริยาของเขากลับเป็นความเกรี้ยวกราดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาปัดเค้กวันเกิดของฉันตกพื้นแล้วคำรามลั่น “สติแตกไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นผู้ปกครองเธอนะ!” จากนั้นเขาก็ฉีกภาพวาดที่ฉันใช้เวลาวาดเป็นปีเพื่อเป็นคำสารภาพรักของฉันจนไม่เหลือชิ้นดี เพียงไม่กี่วันต่อมา เขาก็พาโคลอี้ คู่หมั้นของเขากลับมาบ้าน ผู้ชายที่เคยสัญญาว่าจะรอฉันโต ที่เคยเรียกฉันว่าดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดของเขา ได้หายไปแล้ว ความรักที่ร้อนแรงและสิ้นหวังตลอดสิบปีของฉันทำได้เพียงแผดเผาตัวเอง คนที่ควรจะปกป้องฉันกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายฉันเจ็บปวดที่สุด ฉันก้มมองจดหมายตอบรับจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในมือ ฉันต้องไปจากที่นี่ ฉันต้องถอนรากถอนโคนเขาออกจากหัวใจ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของพ่อ “พ่อคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เอวาตัดสินใจแล้ว เอวาอยากไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ ค่ะ”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY