เขาชอบเธอ แต่เธอปากหมา! เขาไม่ได้อยากร้าย ส่วนเธอไม่ได้อยากรัก ปฏิบัติการว้ากรักจึงเกิดขึ้น
เขาชอบเธอ แต่เธอปากหมา! เขาไม่ได้อยากร้าย ส่วนเธอไม่ได้อยากรัก ปฏิบัติการว้ากรักจึงเกิดขึ้น
ณ ลานเกียร์
"ก้มหน้าลงไป!!!”
ณ เสียงที่ตะโกนดังลั่นลานเกียร์ อย่าเพิ่งตกใจกันนะคะ เรากำลังรับน้อง แต่ไม่เข้าใจ๊ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องมารับน้องที่นี่ด้วย รู้อะไรไหมคะ ฉันล่ะเบื่อที่จะอยู่ในกฎเกณฑ์ เกลียดการถูกบังคับเป็นที่สุด อุตส่าห์เรียนบริหารกะว่าจะสบาย ๆ ไม่ต้องรับน้องเหมือนรุ่นพี่ปีที่แล้ว ฮึ่ยเจ็บใจ จะอะไรล่ะ เพราะปีที่แล้วน่ะรุ่นพี่เขารับรุ่นกันอย่างสบายไม่ต้องตกระกำลำบาก ไม่ต้องร้อนไม่ต้องนั่งตากแดด ไม่ต้องทนความกดดัน แต่ดูปีฉันสิ ดู๊!
"เงยหน้าทำไม!! ใครสั่งพวกคุณครับ ก้มหน้าลงไป!!!".
นั่นแหละค่ะอย่างที่ได้ยินเลย ไอ้พวกรุ่นพี่เก็บกดเอ้ย ว้ากเอา ๆ ไม่เจ็บคอหรือไง มันเซอร์ไพรส์รับน้องโหดที่รุ่นฉันยังไม่พอ รุ่นฉันยังมากับความโชคดี
โชคดีกับผีอะไรล่ะ โชคร้ายนะสิไม่ว่า เพราะเป็นปีแรกที่คณะบริหารต้องมารับน้องรวมกับคณะวิศวะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเถื่อนถ่อยที่สุด อยากจะบ้าตาย ฮึ่ม
"ใครสั่งให้พูด มีมารยาทกันไหม...ครับ"
ยัง ยังไม่จบ หันไปข้าง ๆ เพื่อนสาวเจ้าน้ำตาของฉันน้ำตาคลอแล้ว หันไปมองอีกคนก็กำมือแน่น อีกคนก็นิ่งไม่ขยับ ถ้ายังไม่หยุด จะขึ้นแล้วนะเว้ย
"เลิกเชียร์ได้ครับ" สวรรค์
"ฮือแก ฉันกลัวง่า"
"โอ๊ย หัวใจฉันจะวาย"
"ฉี่แทบราดอะมึง"
ไม่ต้องถามว่าอยู่ไหน ตอนนี้อยู่ห้องเรียนจ้า ส่วนเสียงสามเสียงเป็นเสียงเพื่อนฉันเอง คนแรกชื่อน้ำพิ้งค์ ขี้อาย ขี้กลัว หน้าสวยแต่งยังไงก็ขึ้น คนที่สอง ยัยน้ำหวาน หน้าโคตรหวานโคตรใส แต่สนิทรู้เลยว่ามันอะจอมทะลึ่ง โก๊ะ นิสัยนี่ขัดกับหน้าตาสุด ๆ
คนที่สามคือยัยน้ำทิพย์ มนุษย์หน้านิ่ง นิ่งจนคนอื่นหาว่าหยิ่ง ก็นะสำหรับคนไม่สนิทก็จะมองอย่างนั้น แต่ถ้าสนิทนะ ยัยเนี่ยเปรี้ยวและแซ่บสุดในกลุ่มเลยล่ะ คนอะไรขนาดนั่งเฉย ๆ ยังเซ็กซี่อะ
ส่วนคนสุดท้าย ฉันเอง ท้าดาาาา!
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อน้ำมนต์ หรือที่ครอบครัวและเพื่อนเรียกว่า ไอ้มนต์ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะพวกมันบอกว่าฉันแมนไง แมนตรงไหนวะแค่ต่อยมวยเป็นป้องกันตัวได้ เคยต่อยกับผู้ชายจนผู้ชายเข้าโรงพยาบาล แล้วก็ไม่ค่อยใส่กระโปรงเท่านั้นเอง
เอ้า แมนตรงไหน ตอบมนต์คนสวยหน่อยค่า นิสัยฉันก็คล้าย ๆ ยัยทิพย์แหละกับคนที่ไม่สนิทนะ แต่สนิทก็พูดมาก ใจใหญ่ไปไหนไปกัน คอยดูแลปกป้องพวกมัน และที่สำคัญ ปากหมา!! นี่ล่ะค่ะ ฉันเอง
สงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไมฉันสี่คนชื่อคล้าย ๆ กัน คืองี้แม่เราเป็นเพื่อนกันที่สนิทกันมาก ย้ำว่ามาก เลยตั้งชื่อเราให้เหมือนกัน ไงล่ะ ดีไปอี๊ก เฮ้อเหนื่อย อาจารย์มาละ ขอตัวเรียนก่อนละกัน
ช็อป วิศวะ
"เฮ้ย วันพรุ่งนี้ไปส่องเด็กกันไหมวะ ปีนี้เขาบอกว่าเด็ด"
"มึงหัดคิดเรื่องอื่นเป็นไหม นอกจากเรื่องผู้หญิงเนี่ยไอ้เหนือ"
"มันก็คิดเป็นเรื่องเดียวนั่นแหละ เรื่องอื่นมันคิดไม่เป็นหรอก"
"เอาเวลาที่พวกมึงสามตัวกำลังเถียงกัน มาช่วยกูทำงานไหมครับ ไอ้เพื่อนเชี่ย"
สงสัยกันล่ะสิว่าผมเป็นใคร ผมชื่อพายุ ลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยที่นี่แหละ ใหญ่สุดละ พวกมันชอบเรียกผมว่า "ราชา" แล้วก็เสียงของไอ้สามตัวเมื่อกี้อะ เพื่อนสนิทผมเอง เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รู้เช่นเห็นชาติกันทุกอณูนั่นแหละครับ
คนแรกไอ้เหนือ หรือเหนือนที นิสัยมันโคตรกะล่อน เจ้าเล่ห์ พูดมากเป็นที่สุด คนที่สองไอ้วินหรือไอ้ธาวิน บุคลิกดูโคตรเป็นคนดี ผู้ชายอบอุ่น? แต่นิสัยมันร้ายลึกนะครับผม คนที่สามไอ้ดิน หรือปฐพี ไอ้นี่ก็นิสัยคล้าย ๆ ผม ไม่ค่อยพูดกับคนที่ไม่สนิท ถ้าสนิทคือพูดมาก กวนตีน และหื่นสุด ๆ ส่วนผมน่ะเหรอ นิยาม หล่อเลว คือผมเอง
พวกผมทั้งสี่เรียนวิศวะยานยนต์ แก๊งเฮดว้ากประจำปีนี้ พวกผมอยู่ปีสาม และหัวข้อสนทนาเมื่อกี้ก็เป็นเรื่องรับน้อง แต่ที่ทำให้ไอ้เหนือมันดี๊ด๊าก็เพราะว่าปีนี้ คณะวิศวะต้องรับน้องรวมกับคณะบริหาร!!! ซึ่งคณะบริหารสาวเด็ดทุกคนครับ ไอ้เหนือมันเลยอยากจะไปอ็อฟ เอ้ย ไปดูน้อง ๆ เท่านั้นเอง ผมยังไม่รู้เลยว่าเด็กบริหารจะทนรับน้องของผมได้หรือเปล่า เห็นที พรุ่งนี้ ผมคงต้องไปดูลาดเลาซะหน่อยแล้ว
"หรือมึงจะไม่ไปไอ้พายุทอร์นาโด ตอปิโด..."
ไอ้เหนือมันพูดกวนส้นตีนผม
“หึ/หึ”
เสียงไอ้วินกับไอ้ดินหัวเราะในลำคอพร้อมมองผมยิ้ม ๆ พวกมันรู้ว่าผมคิดอะไร ก็บอกแล้วคบกันมานาน
"กูไป แต่ พวกมึงทั้งสามตัว รีบมาช่วยกูทำโปรเจกต์ส่งจารย์เลยเร็ว" พอผมพูดจบ เราก็ต่างฝ่ายต่างทำงาน
"เฮ้อ เรียนเสร็จสักที กูนี่โคตรเมื่อย" ไอ้หวานมันพูด
"ฮือ หิวอะหิว" ไอ้พิ้งค์
"พวกมึง ดูนี่ดิ เฟซกลุ่มมันบอกว่า พรุ่งนี้ให้ทุกคนมาเข้าเชียร์ ย้ำ! มาให้ครบทุกคน เฮดว้ากปีสามลงว่ะ" เสียงไอ้ทิพย์มันพูด
"อีกแล้วเหรอมึง เบื่อว่ะ ไปหาไรกินกันเถอะ" ฉันพูด และตอนนี้พวกฉันก็ตกลงกันได้แล้วว่าจะกินชาบู
ร้านชาบู
"มึง หิวจริงจังมากอะ อาจารย์สั่งโคตรเยอะ" ยัยหวานพูด
"รีบกินกันเถอะมึง ได้กลับคอนโดกันสักที" ยัยทิพย์พูด
"ฉันเห็นด้วยกับแก ปะ กิน ๆ" ฉัน
"พวกแก ที่เขาบอกว่าเฮดว้ากจะลงอะ น่ากลัวปะวะ ฮือ ฉันกลัว" ยัยพิ้งค์สาวขี้กลัวประจำกลุ่ม
"ขึ้นชื่อว่าเฮด กูว่าต้องน่ากลัวแน่เลย" ยัยหวาน
"หึ โหดเยอะ ๆ กูจะอ่อยให้ไปไม่เป็นเลย" ยัยทิพย์พูด
"กูไม่รู้ว่ะ ไม่ได้สนใจ แต่ไม่ต้องกลัว นี่ใคร เดียวพี่ดูแลเองน้อง"
"จ้า...พี่น้ำมนต์คนแมน" หลังจากฉันพูดจบ พวกมันก็รับคำฉันด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ หลังจากที่เช็กบิลเสร็จ พวกเราก็กลับคอนโดทันที อ้อเราอยู่ด้วยกันอะ สี่ห้อง อยู่ชั้นบนสุด ก็บอกแล้วพวกฉันรวยมาก
หลังจากสี่สาวร่างเล็กสี่สไตล์ที่เวลาอยู่ด้วยกันไม่สามารถทำให้คนที่มองละสายตาไปได้ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับพวกเธอไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่า ทั้งคำพูดและการกระทำได้ตกอยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งสี่เป็นที่เรียบร้อย แถมเสียงพูดท่าทางก็ชัดยิ่งกว่าระดับ hd ซึ่งทั้งสี่สาวอยู่ในสายตาพวกเขาตั้งแต่เข้ามาในร้านเรียบร้อยแล้ว และทั้งสี่สาวก็ถูกขึ้นบัญชีกับพวกเขาสี่หนุ่มแก๊งหล่อเลวเรียบร้อย
หึ ชัดครับชัดทั้งเสียงทั้งภาพ ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจใครบางคนในกลุ่มผู้หญิงสี่คน แต่ก่อนอื่นผมต้องเคลียร์กับเพื่อนก่อนว่าพวกมัน จองใคร
"กูอยากโดนอ่อย คนหน้าตาหมวย ๆ เซ็กซี่ ๆ พวกมึงห้ามยุ่ง" ถูกครับไอ้เหนือมันเลือกน้องคนหนึ่งคนหน้านิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ สเปกไอ้เหนือมัน
"กูมันผู้ชายอ่อนโยนชอบปกป้อง น้องหน้าตาน่ารักขี้กลัวคนนั้น พวกมึงอย่ามาแหยมครับ" เชรด ไอ้วินมันเลือกน้องหน้าสวยแต่ขี้กลัวไปครับ เหลือแค่ไอ้ดิน ผมจ้องมันเขม็งมันก็จ้องผมเหมือนกัน ก่อนผมจะยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินสิ่งที่มันพูดออกมา
"กูเอาคนนั้น น้องหน้าหวาน อยากรู้ว่าอย่างอื่นจะหวานด้วยหรือเปล่า คนนั้นกูจอง" ไอ้ดินพูด ใช่ครับน้องหน้าหวาน สเปกไอ้ดินมัน ส่วนผมน่ะเหรอ หึ
"คนนั้นของกู" ผมพูดยิ้ม ๆ ใช่ครับผมเลือกน้องมนต์น่าจะชื่อมนต์ผมได้ยินเพื่อนเรียกแบบนั้นนะ คนอะไร สวยน่ารักไปซะหมด เหมือนเธอจับเอาบุคลิกของเพื่อนเธอทั้งสามมารวมไว้ที่เธอ ซึ่งมองแล้วมันไม่น่าเบื่อนะสำหรับผม จริงๆ กลุ่ม
ของเธอสวยหมดทุกคนนะครับสวยคนละเเบบกินกันไม่ลง แต่สำหรับผมต้องน้องมนต์เท่านั้น คนอะไรหน้าดูเอ็น เอ้ย! หน้าเอ็นดูครับ ยิ่งห้าว ๆ แบบนี้ ผมจะปราบพยศให้เป็นแมวเชื่อง ๆ เชียว
"น้องมนต์ของเฮีย"
หลังแก้ปัญหาไอมารจนผืนดินกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่เว่ยซือหงต้องไปผจญภัยจริง ๆ เสียที สมบัติวิเศษ สมุนไพรล้ำค่า ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในดินแดนลับ นางจะกวาดให้เรียบ!
โปรย... ชะตาพลิกผันให้เจ๊ใหญ่หงทายาทมาเฟียยุค2000 ต้องไปเกิดใหม่ที่มิติใกล้ล่มสลาย ซึ่งทุกอย่างถูกวัดด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งพลังปราณ พลังธาตุ ทั้งนางยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเมื่อลืมตาตื่นความทรงจำกลับเลือนราง นางกลายเป็นก้อนแป้งน้อยโดยสมบูรณ์! ผักก็ต้องปลูก มารก็ต้องกำจัด ความทรงจำยังเลือนรางอีก สวรรค์ท่านกลั่นแกล้งข้าหรือไร?
คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด... เมื่อเรื่องราวความรักของม่านไหมโรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่ถูกก้องเกียรติสร้างขึ้นมา ชวนให้หลงมัวเมากับฉากหน้าอันแสนหวานยากจะถอนตัว กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าเธอถูกหนามแหลมคมของดอกกุหลาบที่ชื่นชอบคอยทิ่มแทงให้เธอเจ็บแล้ว ราวกับโลกทั้งโลกแหลกสลาย ความไว้ใจที่มีมาพังทลายลง! คนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ในรักอย่างเธอต้องมานั่งเสียใจนอนร้องไห้ ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอจะเลือกอะไรระหว่างอดทนยอมรับชะตากรรมความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อและให้อภัยเขาในที่สุด หรือ! เดินหน้าเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่หวังดีกับเธอตลอดมา เป็นกำลังใจให้ม่านไหมด้วยนะคะ ............................................... ตัวอย่างบางส่วนในนิยายค่ะ “ทำแบบนี้ทำไม” คำถามแผ่วเบาที่ออกจากปากของม่านไหม ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ก้องเกียรติตวัดสายตาดุร้ายมองเธอ เขาไม่ตอบเลือกที่จะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบมาแต่งตัว “ทำไมไม่ตอบ ทำแบบนี้ทำไม!” เสียงของม่านไหมดังขึ้น หญิงสาวไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มหันหลังให้ เธอเดินเข้าไปแล้วกระชากให้เขามามองหน้าเธอทันที “ตอบสิ ทำแบบนี้ทำไม ม่านทำอะไรผิดเหรอ พี่ถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้!” ม่านไหมโวยวาย สองมือของเธอทุบลงบนอกของเขา
เพราะว่ารักจึงยอม เพราะรักถึงรอ รอที่จะได้ยินคำว่ารัก รอวันที่เธอชัดเจน... .......... ตัวอย่าง “หยุดร้องก่อนได้ไหมฉาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่เขานั่งทนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวมาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบจะสองชั่วโมงได้ “ฉายไม่ได้อยากร้อง แต่ว่ามันหยุดไม่ได้ ฮึก! แล้วพี่สงจะให้ฉายทำยังไง” หญิงสาวตอบกลับพลางสะอื้นไห้ .......... “นานแล้วนะครับฉาย พี่ทรมาน” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นข้างหู “พี่สง!” “พี่รักฉายมากฉายก็รู้ แล้วตอนนี้มันก็นานมาก ๆ แล้วที่เราไม่ได้รักกัน ฉายไม่สงสารพี่เหรอครับ” เขายังคงหว่านล้อมเธอด้วยคำพูดจนจันทร์ฉายเริ่มลังเล ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมพูดต่อ “รักของพี่มีให้ฉายแค่คนเดียว ทั้งหัวใจพี่ก็มีแค่ฉาย จะทำอะไรก็นึกถึงแต่ฉาย แบบนี้... พี่ควรได้รางวัลหรือยังครับ” พูดแล้วก็เป่าลมร้อนเข้าหูเธอจนคนตัวเล็กย่นคอหนี “ตะ แต่ว่าฉายท้องอยู่นะคะ” “เลยช่วงอันตรายมาแล้วครับ หมอก็อนุญาตฉายก็รู้ พี่สัญญาว่าจะระวัง” “แต่ว่า” “ให้พี่ทักทายลูก ต่อแขนต่อขาให้ลูกนะครับคนดี พี่สัญญาว่าจะทำเบา ๆ นะครับ นะ” สงกรานต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะระดมจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว “คะ ครั้งเดียวนะคะ” “ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตสงกรานต์ก็ไม่คิดเกรงใจอีกเขาตะโบมจูบจันทร์ฉายด้วยความคิดถึงและความรักทั้งหมดที่มี ลิ้นหนาพัวพันกับลิ้นเล็กดึงดูดความหอมหวานของกันและกัน ก่อนจะประคองเธอนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอด้วยความชำนิชำนาญ
ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกนอกสมรสเธอไม่เคยปริปาก โดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยพร่ำบ่น เห็นว่าเธอไม่มีปากเสียงแล้วจะเอาอะไรที่เป็นของเธอไปก็ได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถึงเวลาที่เธอจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดีละ เตือนแล้วนะ... .......... ตัวอย่าง 1 “ดี! งั้นมาดูกัน ว่าระหว่างฉันกับเธอใครกันแน่ที่พูดความจริง แต่เธอคงไม่ถือใช่ไหมพริมา ถ้าต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างฉันน่ะ” กล่าวถามก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเรียบเฉยของน้องสาว อิงอรฉีกยิ้มเยาะเย้ยพลางมองพริมาด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน มือบางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับไปยังประตู ทว่าก่อนที่มือจะทันได้จับลูกบิด น้ำเสียงเย็น ๆ ของน้องสาวที่ดังขึ้นด้านหลังกลับหยุดเธอไว้ “ก็เอาสิคะ ถ้าพี่อิงมั่นใจว่าจะแย่งเขาไปจากฉันได้ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันเป็นคนหวงของ ยิ่งรักมากก็หวงมาก และฉันคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนที่แล้วมาแน่ อะไรที่เป็นของฉันใครหน้าไหนก็เอามันไปจากฉันไม่ได้ โดยเฉพาะคนหน้าด้านอย่างพี่อิง อย่าได้หวังเลยค่ะ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่แน่ ก็เชิญ แล้วจะได้รู้ ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด เตือนแล้วนะ” “เหอะ” อิงอรอารมณ์เสียเพราะคำพูดของพริมา แต่ไม่ใช่ในคำเตือน เธอหันกลับมามองหน้าน้องสาวแล้วส่งสายตาฟาดฟันกัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินออกจากห้องไป .......... ตัวอย่าง 2 “เสียดายจัง ยังไม่ทันได้มองหุ่นเขาเลย พี่พีก็เอามือมาปิดตาพริมซะก่อน เสียดายจริงๆ” “เสียดายทำไม! อยากดูก็มาดูหุ่นพี่นี่ พี่หุ่นดีกว่ามันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเขียว พริมายู่หน้าตอบ “มันไม่เหมือนกันนี่คะ ของพี่พีพริมได้ดูทุกวัน แต่ของคนอื่นพริมแค่อยากมองเฉย ๆ” เธอยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ทั้งยังไม่วายเจื้อยแจ้วไปถึงบรรดาหุ่นไอดอลชายหรือศิลปินที่เธอชื่นชอบจนรพีพัฒน์ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความหึงหวง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว ………. ตัวอย่าง “ขอโทษนะครับที่ทำร้ายเขมแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิด และเขมคงไม่ให้อภัยพี่ง่าย ๆ แต่พี่อยากบอกให้เขมรู้ ว่าพี่รู้สึกผิด และเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไป” “...” “พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขมนะ พี่แค่โกรธและโมโหมากไปหน่อย” เขมิกายกยิ้มพลางหัวเราะหยันในลำคอ รู้สึกโกรธคนตรงหน้าจนไม่อยากมองหน้าต้องมองเขาด้วยหางตาแทน “ไม่ได้ตั้งใจ... นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ ถ้าคุณตั้งใจขึ้นมามันจะขนาดไหน” “เขมคือพี่” “ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปนอกจากเรื่องงาน ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เข้าใจตรงกันนะคะ” นี่เขาทำอะไรลงไป... ถ้าเขาลดอคติลง ฟังเธอสักนิด วันนี้เขาคงไม่ต้องทำร้ายเธอจนทำให้เธอหวาดกลัวเขาแบบนั้น ไม่ต้องเห็นสายตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ... หากว่าเขาขอโอกาสกับเธออีกสักครั้ง เธอจะยินยอมมอบมันให้เขาหรือเปล่า?..
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"เธอคือผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่มีดวงตาสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ในศตวรรษที่ 24 เมื่อเธอเกิดใหม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ดวงตาของเธอถูกขุดออก การฝึกฝนของเธอถูกทำลาย ตัวตนของเธอถูกพรากไป และลูกชายของเธอถูกไอ้สารเลวและผู้หญิงใจร้ายแย่งชิงไป! จะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร! จากนั้นเธอใช้ชีวิตกับลูกสาว ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ จัดการทุกคนที่หาเรื่องพวกเขา และในที่สุดก็พบกับราชาเทพชั่วร้ายที่พาลูกชายของเธอไปจนได้ ลูกตัวน้อย ""แม่ มีผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตราบใดที่หนูเรียกเขาว่าพ่อ เขาจะมอบภูเขาทองคำให้หนู"" ผู้หญิง ""ถามเขาหน่อยว่าเขามีอีกไหม ฉันสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ด้วยนะ"" ราชาเทพกัดฟัน ""สาวน้อย ลูกทั้งสองเป็นของฉัน และตัวเธอก็เป็นของฉันด้วย"""
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด