เขาตั้งใจกักขังเธอเอาไว้..ด้วยคำว่าบุญคุณ ที่ตอบแทนทั้งชีวิต..ก็ไม่มีวันหมด
เขาตั้งใจกักขังเธอเอาไว้..ด้วยคำว่าบุญคุณ ที่ตอบแทนทั้งชีวิต..ก็ไม่มีวันหมด
เสียงลมหายใจหอบกระชั้นดังฝ่าความมืดมิดจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใดในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ อวัยวะเบื้องต่ำกระทบผืนดินแตกระแหงในจังหวะถี่รัว
เด็กสาวอายุเพียง 18 ปี ผมเผ้ารุงรัง เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวผสมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อนองเต็มใบหน้าเปรอะเปื้อนมอมแมมแทบดูไม่ได้
เธอเม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นจากความเจ็บปวดที่ได้รับบริเวณฝ่าเท้าเปลือยเปล่าที่แตกยับจากการวิ่งหนีใครบางคนอย่างไม่คิดชีวิต
แสงสว่างเป็นดวงๆ ลอยอยู่ด้านหน้าไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่นัก จึงกลั้นใจฝืนทนต่อความเจ็บแสบปวดแปลบแล้วใช้แรงเฮือกสุดท้ายพุ่งทะยานไปข้างหน้าตามแสงไฟที่ลอดผ่านแนวพุ่มไม้นั้น
อีกนิด อีกเพียงนิด ในที่สุด..เธอพุ่งตัวพ้นแนวพุ่มไม้ขนาดใหญ่ แสงไฟบนท้องถนนสว่างวาบขึ้นตรงหน้าพร้อมกับเสียงห้ามล้อดังสนั่น
คนตัวบางที่น้ำตาไหลอาบแก้มเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาเรียวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขยับไปไหนอีกแล้ว จึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาบังแสงไฟ ก่อนความสว่างวาบนั้นจะถูกแทนที่ด้วยความมืดมิดราวกับเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ไม่มีผิดพร้อมๆ กับสติสัมปชัญญะสุดท้ายของสาวน้อยผู้แสนโชคร้ายนี้จะวูบดับลงไป
“เห้ยยยยย”
ชายหนุ่มหล่อเหลาเรือนร่างใหญ่โตที่อยู่เบื้องหลังพวงมาลัยรถยนต์คันหรูราคาแพงที่การันตีสมรรถนะในการขับขี่ร้องลั่น เมื่ออยู่ๆ ก็มีผู้หญิงตัวบางๆ วิ่งทะเล่อทะล่าออกมายืนขวางหน้ารถของเขาในระยะไม่ไกลนัก
เขาเหยียบเบรกและประคองพวงมาลัยเพื่อหักหลบไปอีกเลนหนึ่งของถนนขนาดเล็กนอกเมือง โชคดีเหลือเกินที่เวลานี้ไม่มีการสัญจรขวักไขว่เหมือนช่วงหัวค่ำจึงไม่มีรถสวนมาให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ
รถยนต์สัญชาติยุโรปสมรรถนะดีเยี่ยมหยุดตัวเองลงได้หลังจากต้องไถลเปลี่ยนเลนไปไกล ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วรีบมองกระจกหลังเพื่อดูว่าผู้หญิงที่เห็นเมื่อครู่ยังมีตัวตนอยู่ไหม ก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน จึงรีบขับรถกลับมาอยู่ในเลนปกติของตัวเองแล้วขยับเข้าจอดชิดริมขอบทาง ก่อนจะรีบวิ่งไปดูคนที่นอนอยู่กับพื้นถนนนั้นอย่างรวดเร็ว
“คุณ คุณครับ คุณ”
เขากวาดสายตามองหาร่องรอยบาดแผลแล้วคลำหาชีพจรก็พบว่าเธอยังมีสัญญาณชีพปกติ และไม่มีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชน คาดว่าน่าจะตกใจจนเป็นลมเสียมากกว่า
ดวงตาคมกริบกวาดมองโดยรอบบริเวณอีกครั้ง ก็ไม่อาจทำใจเย็นโทรเรียกรถโรงพยาบาลมารับผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะบริเวณนี้คือถนนเลี่ยงเมืองที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีบ้านผู้คน จึงไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่จะมีผู้หญิงไม่ใส่รองเท้าวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาจากชายป่าข้างทางจนเกือบจะโดนรถชนแบบนี้
เมื่อประเมินจากสถานการณ์แล้วว่าน่าจะมีอันตรายมากกว่าปลอดภัย จึงรีบอุ้มผู้หญิงตัวบางที่ร่างกายเบาดุจปุยนุ่นเข้าไปในรถของตัวเองแล้วรีบขับออกจากบริเวณนี้ด้วยความรวดเร็วทันที
ดวงตากลมโตค่อยๆ เปิดปรือขึ้นมาทีละนิด จนเบิกกว้างแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีด
“กรี๊ดดดดดดด”
นี่คือเสียงแรกที่เล็ดลอดออกมาหลังจากเหตุการณ์เฉียดตายที่ผ่านมาทั้งหมด
คนตัวบางหลับหูหลับตากรีดร้องและนั่งกอดเข่าตัวสั่นสะท้าน ประตูห้องพักถูกเปิดเข้ามาพร้อมด้วยชายหนุ่มในชุดกาวน์พุ่งตัวมากอดกระชับเธอเอาไว้
“ไม่ต้องร้อง ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว”
สาวน้อยที่ดูแสนเปราะบางราวตุ๊กตากระเบื้องค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากอ้อมกอด มองเขาด้วยดวงตาสั่นระริกดั่งนกน้อยหลงทางดูน่าสงสารจนใจแกร่งกระตุกวูบ
“ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว จำเบอร์โทรของครอบครัวได้ไหม ฉันจะโทรให้มารับเธอกลับบ้าน”
“มะ ไม่ค่ะ คุณหมออย่าบอกใครนะคะ หนูขอร้อง”
คนตัวบางละล่ำละลักปฏิเสธความหวังดีของหมอหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร โชคดีเหลือเกินที่เธอไม่มีเอกสารแสดงตัวใดๆ ติดอยู่กับตัวเลย ไม่อย่างนั้น ป่านนี้คนใจร้ายนั่น ต้องมาลากเธอกลับไปขายชายแดนอีกรอบแน่ๆ
“ทำไม มีอะไร บอกฉันได้นะ ฉันเป็นคนที่เธอวิ่งมาตัดหน้ารถเมื่อคืนนี้และเป็นคนพาเธอมารักษาเอง เธอไว้ใจฉันได้ ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ หรืออยากให้ฉันแจ้งความเรียกตำรวจมาร่วมรับฟังปัญหาของเธอด้วยก็ได้”
“มะ ไม่ต้องค่ะคุณหมอ หนะ หนู หนูไม่ต้องการกลับไปอยู่ที่บ้านอีก ขอร้อง อย่าบอกคนที่บ้านหนูเลยนะคะว่าหนูอยู่ที่นี่”
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
คนตัวบางห่อไหล่ลู่ลงจนน่าสงสาร เธอมองเขาด้วยแววตาลังเล ไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจชายแปลกหน้าคนนี้ได้หรือเปล่า แม้ว่าเขาจะคือคนที่ช่วยชีวิตของเธอก็ตามที
“บอกฉันได้ แล้วเธอจะปลอดภัย ฉันสัญญา”
เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ แล้วพรั่งพรูเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเธอฟัง
“หนูหนีออกมา น้าจิน แม่เลี้ยงของหนู ขายหนูให้กับเจ้าของบ่อนที่น้าจินติดหนี้ มันกำลังจะเอาหนูไปขายที่ชายแดน แต่หนูหนีออกมาจากรถตอนที่พวกมันลงไปฉี่ข้างทาง”
“ถึงว่า เธอวิ่งออกมาที่ถนนทั้งๆ ที่ไม่มีรองเท้า รู้ไหมเท้าเธอแตกยับเลย แล้วพ่อของเธอล่ะ เขาอาจจะไปแจ้งความแล้วก็ได้นะ”
“พ่อหนูเสียไปหลายเดือนแล้วค่ะ พอพ่อเสีย แม่เลี้ยงก็ติดการพนัน”
“แจ้งความไหม ฉันจัดการให้”
“ไม่ค่ะ คุณหมอไม่รู้หรอก ว่าเจ้าของบ่อนนั่นมีอิทธิพลขนาดไหน ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นหน้าหนู แต่ถ้าเขารู้ว่าหนูแจ้งความ เขาต้องตามมาฆ่าหนูแน่ๆ หนูต้องการให้คนพวกนั้นคิดว่าหนูตายหรือหายสาบสูญไปแล้ว หนูจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ไม่กลับไปเจอหน้าคนพวกนั้นอีก”
“แล้วเธอจะทำอะไร มีญาติพี่น้องคนอื่นอีกหรอ”
“มะ ไม่มีค่ะ หนูไม่มีใครแล้ว”
คนตัวบางก้มหน้าลง ความสะเทือนใจกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาใสๆ ไหลอาบใบหน้านวลที่ต่างจากเด็กมอมแมมเมื่อคืนราวฟ้ากับดิน
หมอหนุ่มรูปหล่อถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความสงสารคนตัวบางที่มีชะตาแสนอาภัพ มือใหญ่ทั้งสองข้างจับใบหน้าเรียวๆ นั้นให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยหยาดน้ำตานั้นจนแห้งสนิท
ดวงตาคมกริบกวาดมองใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตากลมโตหวานฉ่ำ คิ้วถูกกันแต่งเป็นทรงสวย จมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเรื่อ ผิวพรรณขาวผ่องราวน้ำนม เรือนร่างบอบบางแต่อวบอิ่มไปด้วยวัยสาวที่เขาได้เห็นมาแล้วเพียงชั่ววินาที เมื่อคืนตอนที่เหล่านางพยาบาลตรวจร่างกายของเธออย่างรีบเร่งก่อนที่หมอผู้หญิงที่ถูกตามตัวอย่างเร่งด่วนจะมาถึง จึงหมดหน้าที่ของหมอผู้ชายอย่างเขา
เขายืนรอหมอผู้หญิงตรวจร่างกายของเธออย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมอยู่ด้านหลังผ้าม่าน ใจแกร่งเต้นระทึกระหว่างรอลุ้นผลการตรวจร่างกายบอบบางขาวโพลนนั้น
แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อหมอที่ทำการรักษาเดินออกมารายงานผลว่าเธอตกใจจนช็อกและเป็นลมหมดสติไป แถมร่างกายยังอ่อนเพลีย มีแผลแตกที่เท้า ส่วนร่างกายส่วนอื่นๆ ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรและที่สำคัญไม่มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิด
“ไม่มีใคร ก็อยู่กับฉัน ฉันจะดูแลเธอเอง”
“คุณหมอ..”
“ฉันชื่อน่านฟ้า เรียกหมอน่านก็ได้ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร อายุเท่าไหร่”
น่านฟ้า อธิพัฒน์โภคิน หมอหนุ่มวัย 30 ปี เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งนี้ส่งยิ้มอบอุ่นให้ลูกนกปีกหักตรงหน้า
คนตัวบางมองสบตากับชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังส่งยิ้มอ่อนให้กับเธอด้วยหัวใจเต้นระรัว ใบหน้าขาวสะอาด ดวงตาคมกริบสีดำขลับ คิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งจัด ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงสดราวกับผลเชอร์รี่ คางเหลี่ยมกำลังดีรับกับสันกรามโค้งมน ผมรองทรงไถข้างสั้นแสกกลางปล่อยปลายผมลงมาปรกหน้าผาก ภายใต้เสื้อกาวน์สีขาวสะอาด เขามีรูปร่างสูงใหญ่ผิวพรรณขาวจัดเนียนละเอียดราวผิวเด็กยิ่งทำให้เขาดูหล่อเหลากร้าวใจ
“หนูชื่อมะลิ อายุ 18 ปีค่ะ”
มะลิ ชื่อช่างเหมาะสมกับตัว ผิวพรรณที่ขาวผ่องหอมกรุ่นด้วยวัยสาวของเธอ แถมท่าทางบอบบางราวกับกลีบของดอกมะลินั่นช่างเหมาะสมกับเจ้าของชื่อจริงๆ
“ว่าไง ตกลงจะไปอยู่กับฉันไหม มะลิ ฉันจะส่งเธอเรียนเอง”
“แล้วครอบครัวหมอน่านไม่ว่าเอาหรอคะ หนู..”
“คิดมาก ไม่มีใครว่าอะไรหรอก พ่อกับแม่ฉันใจดี”
สาวน้อยครุ่นคิดอีกครั้ง เพราะไม่อยากที่จะเป็นภาระของใคร แต่จะให้เด็กอายุ 18 อย่างเธอที่ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วมีชีวิตรอดในสังคมต่อไป มันเป็นไปไม่ได้เลย
“ก็ได้ค่ะ หนูจะไปอยู่บ้านหมอ ขอบคุณมากนะคะ ถ้ามีอะไรที่หนูตอบแทนหมอได้ขอให้หมอรีบบอกมาเลยค่ะ หนูยอมทำทุกอย่าง”
“ทุกอย่างเลยหรอ”
คนหล่อเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ดวงตาที่มองสบกับสาวน้อยสว่างวาบขึ้นชั่ววินาที ก่อนจะมอดดับลงเป็นปกติดังเดิมโดยที่เธอไม่ทันได้เห็น
“ค่ะ ทุกอย่าง เพราะหมอช่วยชีวิตหนูเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหนูอาจจะถูกพวกมันฆ่าตาย หรือไม่ก็ถูกส่งไปขายกลายเป็นโสเภณีที่ชายแดน หนูติดหนี้บุญคุณหมอ ต่อให้ยากเย็นแค่ไหน ถ้าหมอต้องการ หนูก็จะทำให้ค่ะ”
“หึหึ เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกว่าต้องการอะไร ไว้ถ้านึกได้ จะบอกเธอแล้วกันนะ”
“ค่ะ ขอบคุณหมอมากค่ะ”
สาวน้อยตัวบางยิ้มหวาน ก่อนจะพนมมือก้มลงไหว้ผู้มีพระคุณอย่างนอบน้อมสวยงามตามที่คนเป็นพ่อได้สั่งสอนมา มันน่าเอ็นดูจนหมอหนุ่มต้องส่งมือไปลูบศีรษะทุยนั้นเบาๆ
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าหมอจะอยู่ในห้อง”
นางพยาบาลสาวสวยเดินเข้าห้องมาพร้อมเสื้อผ้าคนไข้ชุดใหม่และรถเข็นใส่อาหาร
“อืม พอดีผมมาดูคนไข้น่ะ ยังไงฝากด้วยแล้วกันนะครับ ผมมีไปดูคนไข้ห้องอื่นอีก ฉันไปก่อนนะมะลิ เดี๋ยวค่ำๆ จะแวะมาดูอีกรอบ”
“ขอบคุณมากค่ะ หมอน่าน”
จำเอาไว้ว่าผัวของเธอชื่อ “เหนือเมฆ” หลังจากนี้ ถ้าเธอไปอ่อยผู้ชายหน้าไหนอีก..ฉันเอาเธอตายแน่
เธอ..เป็นของต้องห้ามสำหรับเขา..คุณหนูผู้เอาแต่ใจ ลูกสาวเจ้านายผู้มีพระคุณ เขา..เป็นของร้อนสำหรับเธอ อยู่ใกล้แล้วมันร้อนรุ่ม บอดี้การ์ดหน้าโหดที่ขัดใจเธอไปเสียทุกอย่าง และแม้ว่าบอดี้การ์ดอย่างเขา จะอยากขย้ำเธอให้จมเขี้ยวสักเท่าไร แต่ก็ทำได้เพียงอดทน..จนกว่าจะถึงวันที่เขา..คู่ควร
ความเข้าใจผิดทำให้เขามีค่ำคืนอันเร่าร้อนกับเธอ..เขาจะถือว่าเธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตาม และของที่เป็นของเขา จะไม่มีวันปล่อยให้ใครหน้าไหนได้เชยชมทั้งนั้น อย่าฝันจะเป็นอิสระ
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY