‘เณศรา’ สาวโสดไม่สนิทวัยย่างเข้ายี่สิบหกปี ยืนหนึ่ง! เรื่องกิริยามารยาทงาม นานถึงสามปีที่เธอมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพี่ชายเพื่อนสาว ทว่าเขากลับทำให้เธอผิดหวังและไม่กล้ารักใครจนบุพเพอาละวาดอีกครั้ง
‘เณศรา’ สาวโสดไม่สนิทวัยย่างเข้ายี่สิบหกปี ยืนหนึ่ง! เรื่องกิริยามารยาทงาม นานถึงสามปีที่เธอมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพี่ชายเพื่อนสาว ทว่าเขากลับทำให้เธอผิดหวังและไม่กล้ารักใครจนบุพเพอาละวาดอีกครั้ง
บทนำ
“เนยว่าตัวนี้สวยไหม?” เสียงทุ้มถามพลางลอบมองแก้มสีซับเลือด เมื่อสองสายตาสบประสานกันโดยบังเอิญ คนหนึ่งนิ่งอึ้งไปเพราะมัวแต่ให้ความสนใจขนตาเป็นแพสวยเหนือดวงตาคู่คม มากกว่าเสื้อผ้าชุดสวยในมือถือของชายหนุ่มในฝั่งตรงข้ามกันจนเขาต้องย้ำถาม
“ว่าไงครับ... เนยชอบไหม?”
“เนยก็ชอบ... เอ้อ... เนยว่าระบายลูกไม้ดีเหมือนกันค่ะ”
“พี่ว่าระบายลูกไม้ชายยาวลากพื้น สม็อกเอวรัดช่วงกลางตัวทำให้ดูผอมขึ้นเนอะ เนยว่ามันควรมีถุงมือด้วยมั้ยอะ?”
“เนยว่ามีถุงมือด้วยคงหรูหราไปอีกแบบเหมือนนางเอกเรื่อง... อะไรนะ? ที่เนยไปดูกับพี่”
“แวมไพร์...”
“ใช่ ๆ นั่นแหละ แต่ว่าชุดนั้นเปิดหลังเดินบนพรมแดงเข้าโบสถ์ เนยว่าเก๋ดีนะคะแต่เอ...” คิ้วเรียวสวยเหนือดวงตาคู่กลมโตชนชิดติดกันเกือบจะเป็นเส้นตรง “พี่ปัดอารมณ์ไหนคะ มาชวนเนยดูชุดแต่งงานเนี่ยนะ?”
“ไม่แต่งงานดูไม่ได้รึไงครับ? พี่แค่ดูเพราะอยากดูเฉย ๆ พี่ว่าเนยน่าจะชอบชุดเดียวกับที่พี่ชอบ...” คนพูดเลิกคิ้วเลียนแบบกิริยาของหญิงสาวที่มีสีหน้างุนงงสงสัยแม้รู้ดีว่าเขาคงหยอกล้อเธอเล่นเหมือนทุกครั้ง
“หรือว่าเนยคิดอะไร?”
“เปล่านี่คะ ใครบอกว่าเนยคิด...”
ใบหน้าแดงซ่านเลื่อนมองผ่านกระจกบานสูงจรดเพดานออกไปด้านนอกซึ่งถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าอาย ค่อยหันกลับมาพูดกับเขาใหม่
“เนยว่า... แปลก วันนี้พี่ปัดทำตัวแปลกมากเลยค่ะ โทรมาปลุกตั้งแต่เช้าเอาดอกไม้มาใส่แจกันในร้านให้ สงสัยต้องแอบถามยัยวิละว่าพี่ชายมีลับลมคมในอะไร”
“ถามไปก็ไม่รู้ครับ ยัยวิน่ะวัน ๆ ทำแต่งาน กลับมาจากออฟฟิศก็สี่ห้าทุ่มแล้วพี่เคยเจอหน้าน้องสาวที่ไหน ขนาดคนในบ้านยังเห็นนางนับวันได้”
“แต่เนยแช็ตคุยกับนางทุกวันนะจะบอกให้ วันก่อนยัยวิยังมานอนห้องเนยเลยค่ะ”
พูดถึง ‘ปวิมล’ เพื่อนสาวป่านนี้ได้ดิบได้ดี ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ นาน ๆ ครั้งถึงว่างมาหา แต่เณศราก็โทรหาเพื่อนตลอดไม่เคยขาดการติดต่อ
คนเป็นพี่ชายถึงกับหน้าเจื่อน เก็บมือถือลงกระเป๋าหนังสะพายใบโปรดที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ประสานมือทั้งสองไว้บนโต๊ะพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พี่ปัดก็น่ารักเหมือนทุกวันอะ... จะไปมีเรื่องอะไรล่ะครับ?” แล้วเลื่อนมือไปหยิกแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยว จนคนทำแก้มป่องต้องยกมือลูบตามรอยแดงที่ค่อย ๆ จางหายไป มันคงไม่เจ็บแต่ให้ความรู้สึกแสนซาบซ่านหวั่นไหว
ยากจะจำได้ว่าเจอหน้ากันบ่อยเท่าไร ปัถฐพลขยันมาหาเธอเป็นกิจวัตร เช้าถึงเย็นถึงด้วยเหตุผลว่าเขาต้องไปรับไปส่งน้องสาวและบ้านของเธอก็อยู่ละแวกเดียวกัน ทางผ่านไปมหาวิทยาลัย ถึงมันจะเป็นข้ออ้างเพียงฝ่ายเดียวเพราะจนกระทั่งเรียนจบแล้ว ทั้งเธอและปวิมลมีรถยนต์เป็นของตัวเอง เขาก็ยังมาช่วยยกขนมปังขึ้นรถตอนเช้า มาขับรถให้บ้างถ้าหากว่าวันไหนเธอทำงานเหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรง
ใช่เท่านั้น หากว่ามีหนุ่ม ๆ มาจีบหยอดทอดสะพานเมื่อไร พี่ชายเพื่อนคนนี้แหละ! ออกตัวเป็นไม้กันหมาไล่เตลิดเปิดเปิงเสียทุกราย เณศราจึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกับการทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครพูดกล่าว... ว่าควรเป็นแฟนหรือเปล่า
เธอแค่วางตัวดีในแบบของเธอที่ไม่ได้เหมาะสมกับเขานัก
“แล้ววันนี้จะรับอะไรดีคะ?”
“พี่ปัดคนแปลกขอสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กเหมือนเดิมครับ”
“ค่ะ... รอสักครู่นะคะคุณลูกค้า” พูดพลันเลื่อนมือลงลูบกระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูให้เรียบลงค่อยลุกขึ้นอย่างระวัง ด้วยท่าทางเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี
Bakery By Ne’Sara ตัวหนังสือใหญ่โตบนป้ายสีชมพูบอกถึงความเป็นสาวสายละมุน โลโก้สัญลักษณ์ลายตุ๊กตาผมหยิกหยอย ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตาบลายธ์มากกว่าที่จะเหมือนเจ้าของร้านซึ่งนั่นทำให้เธอหัวเราะกับมันอยู่บ่อย ๆ กระโปรงฟูฟ่องบนสติ๊กเกอร์ที่แปะหน้าสินค้าทุกชิ้นหน้าตาน่ารักเหมาะสำหรับเป็นของฝาก เหมาะสมกับเณศรา
ด้วยสไตล์การแต่งตัวสุดมุ้งมิ้งตามเทรนด์แฟชั่น เสื้อยืดเอวลอยออกแนวสวยซ่อนแซ่บไม่น่าเกลียดจนเกินไปธีมเดียวกับร้านเบเกอรี่ กระเป๋าสะพายพาดบ่าหนังสีขาว รองเท้าส้นสูงสองนิ้วก็มักจะประดับประดาด้วยงานแฮนด์เมดที่เต็มไปด้วยดอกไม้
เป็นอันรู้กันว่านอกเหนือจากเรื่องเจ้าของร้านสวยน่ารัก! เบเกอรี่ร้านนี้ยังสดใหม่ อบร้อนจากเตาทุกวัน
“สตรอว์เบอร์รีชีสเค้กหนึ่งที่ค่ะน้องพลอย อย่าลืมลูกค้าโต๊ะนู้นด้วยนะคะ คิดเงินออเดอร์นี้แล้วเราจะกลับไปอ่านหนังสือกลับได้เลยนะ พี่ปิดร้านเองค่ะ”
“ค่ะพี่เนย”
พอนักศึกษาตอบรับพยักหน้า หญิงสาวดันสังเกตเห็นบางคนยกปลายนิ้วชี้ปากอ้ากว้างทำหน้าทะเล้น เขานั่งคอยอยู่บริเวณโต๊ะแรกใกล้เคาน์เตอร์คิดเงิน เธอยิ้มอ่อนมองอย่างนึกขัน อมแก้มกลมตุ่ยขณะก้มตัวลงกวาดสายตามองขนมในตู้กระจกใสเพื่อดูสินค้าที่เหลือ
ครึ่งก้อนเป็นสตรอว์เบอร์รี สองก้อนที่เหลือเป็นวานิลลากับพายอีกไม่กี่ชิ้น...
“เค้กหน้าช็อกกะสตรอว์เบอร์รีขายดีค่ะพี่ มีอาจารย์เหมาไปสามก้อนเลยค่ะ”
“จ้ะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่ทำเพิ่มเนอะ เราว่างมาช่วยก็มานะ... มาทำเค้กอร่อย ๆ ให้ลูกค้าทานกัน”
“พวกหนูจะมาแต่เช้าเลยค่ะพี่เนย!”
นักศึกษาสาวร่างท้วมยิ้มหน้าระรื่นหากว่าจะได้เป็นลูกมือเรียนการทำเค้กโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย คนสอนเองก็น่ารักใจเย็นไม่หวงวิชา ไม่เคยดุว่าน้อง ๆ คนไหน
เมื่อลูกค้าเดินมาสั่งซื้ออาหารว่างไปทานทั้งสองคนรีบช่วยกันคิดเงิน ยกถาดขนมเค้กและกาแฟไปบริการให้ถึงโต๊ะ สำหรับคนพิเศษอย่างปัถฐพล เธอใช้ที่คีบตักเค้กทีละชิ้นวางลงบนจานใบเล็กแซมขอบสีทองอย่างเอาใจใส่ เสิร์ฟอาหารให้เขาด้วยตัวเอง
“ครีมคัสตาร์ดหนึ่ง เค้กสตรอว์เบอร์รีหนึ่ง หนึ่งแถมหนึ่งเพราะว่าก้อนนี้เนยทำ ทานให้อร่อยนะคะคุณลูกค้า”
จานสีขาวน่ารักตกแต่งด้วยตุ๊กตาไอซิ่งรูปหญิงสาวในกระโปรงพองสีขาว รู้เลยว่าหน้าเหมือนใคร
เณศราหย่อนก้นนั่งลงที่เดิม ขณะใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเศร้าหมอง
“เป็นวันสุดท้ายหรือเปล่า? จะได้กินเค้กอร่อย ๆ ของเนย...”
“คะ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นมองสงสัย ชายหนุ่มจึงฉีกยิ้มกลบเกลื่อน
“เอ่อ... ไม่มีอะไร พี่กินเสร็จพี่ไปเลยนะ ไม่อยู่ช่วยเก็บร้านนะครับ”
“ค่ะไม่เป็นไร เนยเก็บร้านคนเดียวได้ พี่ปัดมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี...” เขาตอบก่อนเลื่อนสายตาลงมองเค้กครีมหนาฟูแต่งแต้มด้วยผลไม้ ใช้ซ้อมตักทานมันอย่างช้า ๆ ซึมซับรสชาติกลมกล่อมพอดี ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่หญิงสาวสร้างเนื้อสร้างตัวเปิดร้านเบเกอรี่ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองสำเร็จ ปัถฐพลรู้ดีว่าเขาไม่ต่างจากเพื่อนร่วมเดินทางฝัน
“พี่ภูมิใจในตัวเนยนะ... ถึงพ่อแม่พี่จะไม่ชอบเนยเพราะว่าเนยไม่รวย พี่ขอให้เนยมีความสุขกับการทำเค้กอร่อยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ”
“เนยมีความสุขกับการทำอาหารทุกอย่างค่ะ เนยชอบเบเกอรี่เป็นพิเศษ มันฟูฟ่อง นุ่มนิ่ม เด้งดึ๋ง ๆ เวลาเห็นมันออกจากเตาแล้วคนกินยิ้มเพราะว่าเค้กอร่อย เนยหายเหนื่อย เนยรู้สึกภูมิใจค่ะ”
คำพูดนั้นทำคนฟังใจชื้นไม่น้อย ปัถฐพลก้มหน้าทานขนมในจานจนเกลี้ยง ในสายตาของเจ้าของร้านที่นั่งยิ้มอย่างเอ็นดู น้องนักศึกษาเดินผ่านมาแซวสองสามคำ จนกลับบ้านกันไปหมดเหลืออยู่แค่สองโต๊ะคือกลุ่มอาจารย์ นักศึกษาและโต๊ะของเจ้าของร้าน
“อิ่มละพี่ไปก่อนนะ ตังค์จ่ายแล้วนะครับ” คนพูดหัวเราะอย่างไม่ลืมว่าไม่ทอนด้วย! สำหรับฐานะระดับเขาคงมาทิปน้อง ๆ ได้ทุกวัน ช่วยอุดหนุนกันไป มือหนาวางส้อมเล็กลงบนจานเบา ๆ เลื่อนมือไปกุมมือของเธอเอาไว้
“พี่... ชอบ... เค้กเนยมากนะ อร่อยมาก ๆ อร่อยสุดยอด”
“ขอบคุณค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ ขับรถดี ๆ”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำชมที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งด้วยใจเป็นสุข ขณะที่เขาค่อย ๆ ปล่อยมือของเธอ
มันให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับว่าเขายังคงกุมมือของเธอเอาไว้ คอยให้กำลังใจเหมือนทุกครั้ง ทว่าพอร่างสูงลุกขึ้นยืนและเดินจากไป หัวใจดวงน้อยกลับสั่นไหวประหลาด
เณศราแน่ใจว่าเขาทำตัวแปลก ๆ และด้วยความไม่แน่ใจว่าอีกคนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าถึงได้พูดจาไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอพลอยเป็นกังวลขนาดว่านำจานไปล้างทางด้านหลังร้าน ยังเผลอพึมพำหน้าอ่างล้างมือคนเดียว กระทั่งเสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋าสะพายใบน่ารักลายตุ๊กตาหมี และเป็นเพราะว่าห้อยพวงกุญแจรถยนต์ไว้ด้วยกันมันเลยสั่นไปทั้งกระเป๋า
บางคนไม่ยอมขึ้นรถกลับบ้านไปสักที โทรมาทำอึก ๆ อัก ๆ ผิดวิสัยของปัถฐพลที่ไม่ใช่คนทำตัวมีความลับมากมาย เธอคุยกับเขาไม่กี่คำก็จำเป็นต้องวางสายเพราะปวิมลโทรสวนเข้ามาพอดี
[เนย... พี่ชายฉันไปร้านแกปะ?]
“มานั่งเล่นอยู่สักพักแล้วล่ะ นี่พี่เขาเพิ่งออกไปเอง... โทรมาจะพูดอะไรก็ไม่พูด มีอะไรเปล่าแก?”
ความเป็นคนซื่อไร้พิษภัยมาแต่ไหนแต่ไร เณศราคงนึกไม่ออกจริง ๆ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองกำแพงสีขาวครีมในร้านเงียบเชียบ ซึ่งเธอต้องตกใจอีกครั้งเพียงได้ยิน...
[คือ... งี้นะเนย... พี่ปัดจะแต่งงานอาทิตย์หน้านี้แล้ว ฉันสงสัยว่าเขายังไม่เอาการ์ดแต่งงานไปให้แกอีกเหรอ?]
เพื่อรักษาเกียรติท่านอาจารย์ ไป๋เหม่ยหลานยอมรับโทษทัณฑ์ของสำนักเซียวเหยา ถูกทรมานจนตาย ภพชาติใหม่นี้นางขอเป็นเพียงมนุษย์เดินดิน มิขอเกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์อีก ไยท่านจึงกลับมาพัวพันวาสนาชะตาชีวิตนาง...
‘มิตรรักลวงใจ’ เรื่องราวของเพื่อนสนิท คิดคดกับเธอมานานแล้ว ดันมาโพล๊ะเข้าได้ในวันเมามายไร้สติ ได้ลองกินเพื่อนสักคำหนึ่งแล้วก็ต้องมีคำที่สองคำที่สาม คำเดียวจะอิ่มพอได้ไง ----------------------- ‘เรือนใจนายอคิน’ เมื่อหนุ่มนักเฝ้าหนังสือ มาเฝ้ามองหาความรักจากครูสาวทุกวัน หลายคนคงเห็นเขาเอาแต่มองคุณครูสาวมาเป็นปี ๆ ได้ขับรถผ่านไปดูประตูรั้วโรงเรียนหน่อยก็ยังดี...
‘แม่แก้ว’ ลูกสาวเศรษฐีโรงฝิ่นมีความจำเป็นต้องแต่งงานกับ ‘คุณหลวงจัน’ เพื่อรักษาหน้าตาวงศ์ตระกูลและชื่อเสียงของหล่อน ทว่าหลังแต่งงานไปกลับต้องพบกับเรื่องแปลกประหลาด ความลับบางอย่างของคุณหลวงและคุณพระบ้านนี้ ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน ภพคุณหลวง (ภาคพิเศษ) พันวาเสน่หา
Arachné Tailors ‘เพราะบุคลิกภาพที่ดีเริ่มต้นจากเสื้อผ้า’ เป้าหมายสายตาเสื้อผ้าหน้าผมโดนใจ เข้าสโลแกนหน้าร้านบนป้ายตัวเบ้อเริ่ม หลายคนยังได้ยิน ‘ตรึงใจ’ ถูกหัวหน้างานเรียก ตามด้วยเจ้านายหนุ่ม ภายใต้รูปลักษณ์หล่อเหลา เอาการเอางาน ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของห้องเสื้อสูทชื่อดัง แท้จริงแล้วคือปีศาจแมงมุม! ผู้มาพร้อมสัญญาแห่งความปรารถนา ซึ่งเธอจะต้องเสียสละวิญญาณเข้าแลก และกฎแรงดึงดูดเที่ยงตรงเสมอ... “อ่านก่อนเซ็นนะครับ คุณดาว...” “ด้วยความหวังดี...” คำเตือนถึงสองครั้งสองครา! หญิงสาวก็ยังพลาด จนเกิดแต่เรื่องประหลาด ๆ ยิ่งสัมผัสจากเจ้านายหนุ่มช่างแตกต่างจากใคร เขาแสนอ่อนโยนกับเธอที่เผลอใจเต้นตึกตัก แต่นั่น... ก็จนกระทั่งเรียวปากหนาหยักได้รูปอ้ากว้าง คายเจ้าแมงมุมตัวสีดำออกมา... ให้ตายเหอะ นี่มันยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ! อีกหนึ่งผลงานโรมานซ์ทริลเลอร์ แฟนตาซี 18+ ของพันพราย ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน - ภพคุณหลวง - (พีเรียด) พันวาเสน่หา
ชายหนุ่มนามว่า ‘จัน’ ผู้ต้องคำสาปมนตร์ตาละวัน นั่นก็คือเขาจะต้องกลายเป็นจระเข้ในเวลากลางคืน เป็นบุรุษรูปงามผู้โดดเดี่ยวเดียวดายในเวลากลางวัน เจ้าสาวจระเข้เท่านั้นที่จะทำให้หลุดพ้นจากคำสาป แน่นอนว่าความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของเขาไม่ใช่ความตาย ตัวเขาและบ่าวคนสนิทจึงใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาตลอดหลายร้อยปี จนได้พบเจ้าของพรหมลิขิตผู้ชี้ชะตาชีวิตอย่าง ‘กัญญาวีร์’ ทว่าเธอดันเป็นถึงพนักงานขายอันดับหนึ่งของโรงงานผลิตหนังจระเข้! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป... จระเข้หน้ามึนอย่างนายจันจะต้องตายหรือไม่? ฤาจะโดนกุดหาง ถลกหนังไปเป็นกระเป๋าให้แม่แก้วตาดวงใจ ร้ายที่สุดคงได้กลายเป็นสเต๊กจระเข้ในยุคข้าวยากหมากแพง “เนื้ออิ่มอวบแนบเนื้อ นวลนาง ขยับถอดสอดแท่งกาม เข้าไซร้ เคลื่อนอีกท่าคว้าดารา ได้ต่อ หนอแม่ กี่ราตรีควบขี่ข้าง พี่นี้ ดุร้าย นำพา” “ลามกจกเปรต! ผู้ชายที่ไหนเขาแต่งกลอนแนว Sexual Harassment จีบสาวกัน” กระแทกเสียงบริภาษว่า ทั่วทั้งวงหน้าหวานเต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด แก้มแดงก่ำเพราะโกรธและอับอาย หนุ่มใหญ่กลับยิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วน้องต้องการเยี่ยงไร?” “สายเปย์ค่ะ พ่อบุญทุ่มหมดตัวหมดใจ กลับบ้านตรงเวลา ไปไหนกับใครส่งข้อความบอก สำคัญที่สุดคือไม่เจ้าชู้มีหลายเมีย กันไม่ชอบ ไม่เอาเด็ดขาด กลัวโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ใช้ผัวร่วมกับใคร มีไม่ดีไม่มีดีกว่า...” กัญญาวีร์หน้าบึ้งตึงใส่คนข้างกายที่อยู่ในชุดโบราณ นุ่งโจงกระเบนสีดำ อกกว้างกำยำเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวเหลืองนวลทอประกายสีทองอ่อนราวสีสันของแสงอรุณยามเช้า สตรีนางไหนได้เห็นคงต้องตาต้องใจทันทีเว้นเพียงเธอ ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยสติสำนึกรู้ตน ไม่สบตา ไม่แม้แต่จะสนใจเส้นผมดำขลับมัดเกล้าแซมสีขาวเทาเป็นปอย ขนานไปกับกรามแกร่งราวม่านน้ำ บุรุษรูปงามราวกับว่าเป็นเทวดาบนสรวงสวรรค์ ทว่าคงไม่ใช่... ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน ภพคุณหลวง (ภาคพิเศษ) พันวาเสน่หา
ไม่รู้โชคช่วยหรือดวงซวย! เลขาฯ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ‘André Bernard’ เลยได้มาเป็นเลขาฯ คนที่แปดของเจ้านายสาวเรื่องเยอะ ลูกสาวคนเดียวของบ้านคุณหญิงวริศรา ทายาทไฮโซ ร่ำรวยลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย
ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
เสิ่นสุยยินถูกบังคับให้ดำรงชีวิตในสถานะที่ด้อยกว่าตั้งแต่เด็ก การถูกกดขี่มาอย่างยาวนานไม่ได้ทำให้เธอสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองแม้แต่น้อย การตกต่ำของตระกูลเสิ่นในสายตาของคนภายนอกดูเหมือนจะเป็นความเสื่อมของตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวของเสิ่นสุยยินที่จะกลับคืนสู่ชีวิตใหม่ นางต่อสู้กับคนอื่นเพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่ทว่ากลับไม่รู้ว่าทุกแผนการของนาง เขากำลังจ้องตามองอยู่ ลู่จินหวยให้นางหลอกใช้ตนเองเป็นประโยชน์ได้ตามอำเภอใจของนาง แต่ไม่เคยให้นางต้องเปื้อนเลือดแม้แต่นิด สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงตัวนางเท่านั้น “เสิ่นสุยยิน ทางที่ดีเจ้าจะแกล้งทำไปตลอดชีวิต”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด