“เราเลิกกันเถอะ” เขาบอกเธอเช่นนั้น เมื่อถามถึงเหตุผล รมิตาก็ได้รับคำตอบเพียงว่า "พี่เบื่อ"
“เราเลิกกันเถอะ” เขาบอกเธอเช่นนั้น เมื่อถามถึงเหตุผล รมิตาก็ได้รับคำตอบเพียงว่า "พี่เบื่อ"
บทนำ
“เราเลิกกันเถอะ”
เสียงนุ่มทุ้มราวกับไม่รู้สึกอะไรในคำพูดของขุนศึกบอกคนตรงหน้าด้วยท่าทางปกติ ไม่ต่างกับการถามเรื่องสภาพอากาศวันนี้เลยแม้แต่น้อย
ดวงตากลมใสสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองคนพูด พลางย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก คำพูดเมื่อครู่เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม
เขาบอกเลิกเธอ
รมิตากลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างยากเย็น มือที่เพิ่งหยิบของบางอย่างในกระเป๋าออกมาถือชะงักนิ่ง ของที่เธออยากจะให้เขาเห็นที่สุด
“เคทอยากได้เหตุผล”
หญิงสาวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นตามความรู้สึกที่กำลังตีตื้นขึ้นมา วันนี้เธอมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา และเขาก็นัดเธอออกมาก็เพื่อบอกเลิก...นี่หรือคือเรื่องสำคัญที่เขาบอก
“พี่เบื่อ”
สั้น ง่าย ไม่ซับซ้อนหรือยุ่งยากอะไรเลยแม้แต่น้อยในความรู้สึกของคนพูด แต่มันช่างซับซ้อนและยุ่งยากเหลือเกินในความรู้สึกของคนฟัง รมิตาพยายามนึกตามและหาเหตุผล แต่นึกเท่าใดเธอก็ยังนึกไม่ออก เมื่อในที่สุดเธอไม่สามารถให้คำตอบได้ หญิงสาวก็ทำเพียงเงยหน้ากลับขึ้นมามองคนที่ได้ชื่อว่าคนรักที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นอดีตคนรักในไม่กี่นาทีต่อจากนี้
“อย่างนั้นเหรอคะ”
ไม่มีคำร้องโวยวายอย่างที่เขาอยากให้เธอทำ มีเพียงน้ำเสียงเรียบหวานเย็นเฉียบเท่านั้นที่เอ่ยออกมา น้ำเสียงที่ราวกับไม่รับรู้อะไรในประโยคที่เขาบอก
“ถ้าอย่างนั้นเคทขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เมื่อไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ สิ้นคำหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นลายดอกไม้สีชมพูสดระบายอยู่ทั่วตัวก็ลุกขึ้นยืน มือบางซุกของชิ้นนั้นเข้ากระเป๋าถือใบเล็กดังเดิม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องตากับเขาอีกครั้ง ก่อนจะข่มความรู้สึกที่มีเพื่อเอ่ยลา
“ลาละค่ะ”
“เดี๋ยว!” คนถูกเอ่ยลาเรียกเอาไว้ก่อนที่เธอจะผละจาก ร่างโปร่งบางอย่างลูกเสี้ยวชาวออสซี่ชะงักกึก ขุนศึกผุดลุกขึ้นมายืนมองตามหลังบางอย่างขลาดๆ
“เคทไม่โกรธพี่ใช่ไหม”
แทนคำตอบ หญิงสาวที่ยืนหันหลังให้ส่ายหน้าจนผมสีน้ำตาลเข้มยาวเลยสะโพกไหวกระเพื่อม
“เคทไม่มีสิทธิ์โกรธพี่ขุนหรอกคะ”
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม” เขาถามขึ้นอีก หวังใช้มันยื้อเธออีกสักนิด แต่มันคงไม่มีค่าพอที่จะให้เธออยู่ เมื่อคำพูดที่ตอบกลับมานั้นตัดรอนเขาอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่โกรธ ไม่อาละวาด และพร้อมจะเข้าใจทุกอย่างได้ชัดเจน
มือบางข้างที่ว่างยกขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาก่อนที่มันจะหล่นลงให้เขาได้เห็นว่าเธออ่อนแอแค่ไหน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะได้เห็น รมิตาไม่อยากให้เขารู้สึกสมเพชเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารักเขามานานหลายปี ผู้หญิงที่ชอบจุ้นจ้านกับชีวิตของเขาจนถูกหาว่ารำคาญครั้งแล้วครั้งเล่า และหลายครั้งที่ถูกมองข้ามความรู้สึก ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งไม่เคยชัดเจนได้เท่าครั้งนี้ ร่างสมส่วนหันกลับมามองเขาอีกครั้ง รอยยิ้มหวานถูกส่งให้ แต่ดวงตากลับอ่อนแสงลงจนคนมองสบนิ่งไป
“ได้สิคะ ยังไงพี่ขุนก็เป็นรุ่นพี่ แล้วก็ลูกค้าคนสำคัญของที่ร้านเคทนี่นา” ว่าแล้วก็เสมองไปทางอื่น ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“แล้วที่เคทบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกพี่ล่ะ”
ดวงตาคมมองเธอนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นเมื่อทางที่เขาเลือกเองตอนนี้เป็นได้แค่ลูกค้าคนสำคัญ สิ่งที่ถามออกไปจึงเป็นเพียงแค่การยื้อเวลาให้เขาได้มองเธอเต็มตาอีกสักครั้ง ขอเพียงเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างมันจะว่างเปล่า...ว่างเปล่าเหมือนบางสิ่งหลุดหาย อกข้างซ้ายกำลังรู้สึกเบาโหวงราวกับบางอย่างไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิม ตำแหน่งที่เคยมีต่อแต่นี้จะไม่มีอีกต่อไป แต่ไม่เป็นไรหรอก...เขาเต็มใจ หากสุดท้ายมันจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่
“มันไม่สำคัญแล้วละค่ะ”
รมิตาตอบกลับเสียงเยาะ ใบหน้าเรียวเงยขึ้นสบตาเขานิ่ง อยากจะจำผู้ชายคนนี้ให้ลึกเข้าไปสุดหัวใจ ไม่สนใจว่าน้ำตาเม็ดหนึ่งกำลังร่วงหล่นลงมาให้เขาได้เห็นหรือไม่ เพราะอย่างไรทุกอย่างมันก็จบอย่างที่เขาอยากให้เป็นอยู่ดี
“ลาก่อนนะคะ”
สิ้นคำลาคำรบสอง ร่างบางก็หมุนตัวเดินกลับออกไป ขาเรียวยาวภายใต้กระโปรงบางพลิ้วก้าวออกไปอย่างไม่มั่นคงนัก แต่เธอต้องทำเป็นเก่งเพื่อไม่ให้เขาดูถูกเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ มือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมปกปิดไม่ให้ใครต่อใครที่เดินผ่านมาเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ ก่อนจะล้วงหยิบวัตถุบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง เผยรอยยิ้มหยันให้กับตัวเองเมื่อก้มมองมัน
แล้วตัดสินใจยื่นของในมือทิ้งลงในถังขยะข้างบันไดระหว่างที่ก้าวออกจากร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่นที่มันเป็นร้านโปรด ร้านที่เขาเลือกขอคบหากับเธอในครั้งแรกและบอกเลิกในครั้งล่าสุด แท่งตรวจการตั้งครรภ์ที่มีขีดสีแดงถึงสองขีดอยู่คั่นกลางร่วงหล่นจากมือบางลงถังได้อย่างแม่นยำ
มันจบแล้ว...
ตอนที่ 1 ความรักในความลับ
แลนด์โรเวอร์สี่ประตูสีดำมันปลาบแล่นออกจากเขตรั้วอธิรักษ์โยธินในเวลาเกือบเที่ยงคืน บ้านหลังใหญ่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่ก่อจากหินอ่อนสีขาวมุกทั้งหลังค่อยๆ เล็กลงตามระยะทางที่ห่างออกไป
ขุนศึก อธิรักษ์โยธิน บุตรชายคนที่สามของคุณภาวิน อธิรักษ์โยธิน ประมุขแห่งอาณาจักรอธิรักษ์โยธินกรุ๊ป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศกับคุณพัตรา วงศ์สกุล ภรรยาคนที่สาม
‘ลูกเมียน้อย’ นั่นคือความจริงที่กัดกินก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจมาตั้งแต่จำความได้
แม้ว่าความอบอุ่นที่ได้รับจากภรรยาทุกคนของบิดาจะทำให้เขาและน้องสาวฝาแฝดอย่างแก้วกานต์ อธิรักษ์โยธิน เติบใหญ่ขึ้นมาจนกระทั่งอายุยี่สิบหกปีบริบูรณ์ แต่ขุนศึกก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเกลียดชังสายเลือดที่ไหลเวียนในตัวนี้มากเหลือเกิน สายเลือดของผู้ชายมักมาก ผู้ชายที่ไม่เคยรักใครจริงนอกจากตนเอง คำหวานละมุนแผ่วกระซิบเป็นเพียงคำลวงให้คุณพัตราในตอนนั้นตายใจ และนั่นทำให้เขาเกลียดคำว่า ‘รัก’ เพราะมันไม่เคยสำคัญเท่า ‘การกระทำ’ และเกลียดชังคำว่า ‘การแต่งงาน’ เพราะมันไม่เคยสำคัญหากว่าคนสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ใบหน้าคมคายออกไปทางเข้มขรึมเพราะผิวกร้านแดดจากการทำงานกลางแจ้งเป็นประจำจ้องมองถนนเบื้องหน้านิ่ง มือทั้งสองข้างยังคงทำหน้าที่กุมพวงมาลัยเอาไว้มั่น ขณะที่ขาทั้งสองข้างก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่าทางไม่สนใจใครทำให้คนที่นั่งมาด้วยหน้าม่อยลงอย่างเห็นได้ชัด
รมิตา อัศวกุล ถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อถูกคนที่ได้ชื่อว่า ‘คนรัก’ แสดงท่าทีเฉยเมยใส่ ทั้งที่เขาเพิ่งพาเธอไปงานของครอบครัวเป็นครั้งแรกแท้ๆ แม้ว่าความจริงแล้วคนที่เชิญเธอไปจะเป็นสี่ทิศ อธิรักษ์โยธิน พี่ชายคนโตของเขาก็ตาม แต่การได้ออกงานด้วยกันครั้งแรกในฐานะคนรัก เธอควรจะได้รับสีหน้าที่ยินดีมากกว่าใบหน้าบึ้งตึงไม่ใช่หรือ
ดวงตากลมหวานสีน้ำตาลของสาวลูกเสี้ยวออสเตรเลียเหลือบมองช่อบูเก้สีขาวในมือด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาคงโกรธที่เธอขัดคำสั่งลุกออกไปรับช่อดอกไม้เจ้าสาวจากภีมชญา ภรรยาคนสวยของสี่ทิศ และนั่นคือต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกลากกลับบ้านทันทีที่ส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าหอเรียบร้อย
‘น้องเคทได้ช่อดอกไม้แบบนี้ สงสัยจะเป็นรายต่อไปที่ได้แต่งงานนะคะเนี่ย’
คำสัพยอกจากเพื่อนในกลุ่มของขุนศึกเอ่ยล้อเมื่อเธอเดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากไปร่วมพิธีการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว และเธอคือผู้โชคดีที่รับช่อดอกไม้ได้ ตั้งแต่นั้นใบหน้าที่ยุ่งอยู่เป็นนิจก็ยิ่งขรึมลงไปอีก เพราะเธอขัดคำสั่งของเขาหลายอย่างเหลือเกิน จากที่เพียงแค่มองและเอ่ยห้ามบ้างกลายเป็นนิ่งเงียบ เฉยชา และไม่คุยกับเธออีกเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้
“พี่ขุนคะ” รมิตาเอ่ยเรียก แต่คนที่มีหน้าที่ขับรถกลับยิ่งเพิ่งความเร็วมากยิ่งขึ้นจนเธอสัมผัสได้ ความเร็วคือสิ่งที่เธอหวาดกลัวและเขารู้ดี แต่ที่ชายหนุ่มกำลังทำกลับตรงกันข้าม นี่อาจเป็นบทลงโทษของคนไม่เชื่อฟังเช่นเธอก็เป็นได้
“เคทกลัว”
น้ำเสียงสั่นไหวทำให้เท้าที่กดหนักบนคันเร่งถอนออก การจราจรในเวลาเกือบเที่ยงคืนเช่นนี้ถนนค่อนข้างโล่ง และนั่นเหมือนจะเป็นตัวเรียกสติคนโมโหจนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
“เคทขอโทษค่ะ”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าผิด” เสียงทุ้มตอบกลับแทบจะทันทีที่ประโยคนั้นจบลง
รมิตาก้มหน้าคล้ายเด็กที่กำลังสำนึกผิด ความจริงเธอควรจะเชื่อเขา อยู่ในที่ของตนเองโดยไม่ยุ่งวุ่นวายกับเขา และที่สำคัญไม่ควรไปวุ่นวายกับครอบครัวของเขา
“เคทแค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์เท่านั้น”
“ประโยชน์ของเคทคือการประกาศให้คนทั้งงานรู้ว่ากำลังคบอยู่กับพี่สินะ”
คนฟังน้ำตาเอ่อคลอหน่วย เธอผิดหรือที่อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ครอบครัวของเขาบ้าง และเธอผิดหรือที่จะบอกใครต่อใครว่าเธอมากับใคร
“ก็เราคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ แต่ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้ก็ได้”
“แต่เราคบกันมานานแล้วนะคะ” เธอท้วงกลับ เขาและเธอคบกันตั้งแต่สมัยเรียนซึ่งมันก็เจ็ดปีมาแล้ว หลายคนเคยบอกเลขเจ็ดคือเลขอาถรรพ์ แต่เธอเชื่อการกระทำและความรู้สึกของตนเองมากยิ่งกว่า สายตาของรมิตามีเพียงขุนศึกไม่ว่าจะวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่มีใครทำให้ความรักที่เธอมีต่อเขาลดน้อยลงได้ เพราะนับวันมันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
จากที่คบหากันลับๆ บางครั้งเธอก็นึกอยากที่จะประกาศให้ใครต่อใครได้รับรู้เช่นเดียวกัน แต่มีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้คือขุนศึกไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็เลือกที่จะยอมทำตามที่เขาต้องการ
“และมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พี่ขุน” รมิตาครางเรียกชื่อคนข้างกายเบาหวิว “พี่ขุนไม่อยากให้ใครรู้ว่ากำลังคบอยู่กับเคทเหรอคะ”
“ทำไมเคทไม่เข้าใจ” เขาหันมาตวาด “เราก็มีความสุขกันดีไม่ใช่เหรอที่เป็นแบบนี้”
‘คำถาม’ แต่มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่เขาต้องการ และนั่นทำให้รมิตาต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่กลางอกให้กลับลึกลงไปสุดหัวใจ
“ค่ะ มีความสุขดี” เธอโกหก
รมิตาคือผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยากได้คำหวานจากคนรัก เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยากจะบอกใครต่อใครว่าเขาคือคนพิเศษ และเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยากจะเป็นผู้ได้รับการยอมรับไม่ใช่ผู้หลบซ่อน แต่สิ่งที่เธอทำได้ก็มีเพียงแค่เดินตามทางที่เขาขีดไว้ ทางที่เธอไม่เคยต้องการแต่มันก็ดีกว่าการที่ต้องทะเลาะกันจนสุดท้ายต้องเลิกรากันไป เพราะหากว่าถึงเวลานั้นเธอคงไม่มีแม้แต่แรงที่จะหายใจ
“เข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ดี ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบ”
“ค่ะ”
รมิตารับคำเหมือนที่ทำมาตลอด เธออาจจะอ่อนแอและหวาดกลัวความเสียใจมากเกินไปจนไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจเขา และทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็เป็นเธอเองที่ต้องเป็นฝ่ายยอม เพราะต้องการประคับประคองให้ความรักงอกงามเพื่อเฝ้ารอว่าสักวันหัวใจด้านชาของเขาจะเปิดออกและช่วยเธอดูแลต้นรักต้นนี้ไปด้วยกัน
มีข่าวลือว่า ลูกเลี้ยงของตระกูลเสิ่นทำทุกอย่างเพื่อเข้าวงการแต่งงานกับตระกูลหลิน หลังจากถูกหลินอี้ฟานทิ้ง เธอก็เล็งไปที่หลินเหยียนเซิง แต่ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนแต่งงาน เบ่ยหลินถูกหลินเหยียนเซิงวางแผนอย่างไร้ปรานี เมื่อเป็นคุณนายหลินในขณะตั้งครรภ์ เบ่ยหลินเพียงหวังว่าจะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แม้วันแต่งงานวันแรกหลังจากนั้น จะมีข่าวลือกับรักเก่าของเขาเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมือง เธอก็ยังคงเฉยเมย และยังส่งข้อความไปเตือนให้เขาระวังเรื่องปิดม่านครั้งหน้า แต่คืนนั้น เบ่ยหลินก็ถูกเขาดักไว้ที่มุมกำแพง “ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว...” หลังแต่งงาน หลินเหยียนเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้เมียของเขานั้นยากที่จะเอาอกเอาใจขนาดไหน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P
เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
© 2018-now MeghaBook
บนสุด