คืนก่อนขึ้นดอยบรรดานายช่างต้องมีปาร์ตี้สังสรรค์กันบ้าง แต่เธอดื่มเกินลิมิตไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาตอนเช้าพร้อมกับมีร่างของผู้ชายคนเดิมที่เคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อนนอนอยู่ข้างๆ
คืนก่อนขึ้นดอยบรรดานายช่างต้องมีปาร์ตี้สังสรรค์กันบ้าง แต่เธอดื่มเกินลิมิตไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาตอนเช้าพร้อมกับมีร่างของผู้ชายคนเดิมที่เคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อนนอนอยู่ข้างๆ
ตะวันฉายรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันไป ฝันว่าคืนนี้เมนที่เธอชอบมาหาถึงห้อง หลังจากที่เขาเพิ่งจัดคอนเสิร์ตไปเมื่อไม่นานมานี้ จริงอยู่ว่าตอนที่เขาแสดงอยู่บนเวทีนั้นเต็มไปด้วยคาริสม่าอันล้นเหลือ ยามที่เสียงเพลงอัลบั้มใหม่จังหวะเร้าใจดังขึ้น พร้อมกับเสียงบีตหนักๆ ของกลองดังสนั่นไปทั่วทั้งฮอลล์ เขากระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มเหงื่อออกเผยให้เห็นหน้าท้องเป็นลอนเรียงตัวสวย เซ็กส์แอพพีลพุ่งสูงจนแฟนคลับแทบคลั่ง พอวันนี้คนคนนั้นมาปรากฏในฝันของเธอจึงอดตื่นเต้นไม่ได้ มีติ่งไม่น้อยที่เก็บเอาเมนตัวเองไปฝัน เธอเองก็ไม่เว้น
ความมืดช่วยทำให้จินตนาการของเธอเตลิดไปไกล กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวกับที่เมนของเธอเป็นพรีเซนเตอร์ทำให้เลือดในกายร้อนระอุ ยามที่ไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนื้อร้อนฉ่า กลับรู้สึกว่ามันทั้งเรียบลื่นและแน่นกว่าที่เห็นมาก มากจนเธอกัดริมฝีปากเพราะพยายามข่มใจที่เต้นไม่เป็นส่ำให้สงบนิ่ง
เป็นความฝันที่โรมานซ์จนอดเขินไม่ได้
โดยเฉพาะตอนนี้ ตอนที่เขาโน้มตัวมาคร่อมเธอไว้ท่ามกลางความมืด กลิ่นน้ำหอมผู้ชายคละเคล้าไปกับกลิ่นที่เธอใช้กลายเป็นเหมือนปฏิกิริยาลูกโซ่ เพียงแค่เขาประกบริมฝีปากลงมา แลกเปลี่ยนความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส ตะวันฉายเหมือนคนตาบอดที่เดินเท้าเปล่าไปในทุ่งดอกไม้ ถูกดึงดูดด้วยกลิ่นที่เธอหลงใหล สุดท้ายจึงมีคนใจดียื่นมือเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้นำทาง
ประสบการณ์ช่ำชองของชายหนุ่มในฝันทำให้หญิงสาวที่เก่งแต่ปากสติเลอะเลือน รสสัมผัสซาบซ่านชวนหลงใหลทำให้เธอกลายเป็นผู้ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ เขาผละริมฝีปากออก พึมพำด้วยถ้อยคำที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง ฝากฝังความเจ็บจี๊ดไปตามซอกคอระหง เลื่อนลงต่ำไปยังเนินอกที่โผล่พ้นเสื้อทั้งสองชั้น ตะวันฉายอุทานเสียงแผ่วเมื่อรู้สึกเจ็บตรงหน้าอก ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงซิปเสื้อกันหนาวถูกรูดจนสุด ตามด้วยกระดุมเชิ้ตที่ถูกปลดออกไป แม้ว่าจะมีฮีตเตอร์แต่เธอก็อดผวาเยือกไม่ได้ ขณะที่ใบหน้าของเขาฝังลงที่ร่องอก ลมหายใจร้อนผ่าวที่เลื่อนมาเป่ารดหน้าท้องเรียบเนียนจนเธอต้องบิดตัวด้วยความหวามหวิว
มือเรียวกระชากเสื้อออกจากตัวเขา เข่าทั้งสองข้างชันขึ้นอัตโนมัติ ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายใช้เข่าแยกมันออกจากกันแล้วบังคับให้แนบลงไปกับเตียงนอน
ผ้าห่มหล่นจากเตียงตอนไหนไม่มีใครรู้ ขณะเดียวกันทั้งสองก็เหลือแต่เพียงชั้นใน
“ชอบไหม” เขากระซิบ ค่อยๆ ฝากฝังร่องรอยไปตามผิวเนียนตรงหน้าท้อง จนคนใต้ร่างบิดเร่าไปกับสัมผัสที่แสนวาบหวาม เธอครางรับเสียงแผ่ว มือเรียวขยุ้มกลุ่มผมของเขาจนชายหนุ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาเลื่อนใบหน้าต่ำลงไปใกล้แพนตี้ตัวน้อย มือหนึ่งขยำเนินเนื้อนุ่มหยุ่นจนเธอหายใจสะท้าน แล้วใช้ปลายนิ้วจับขอบเรียบลื่นของชั้นในตัวจิ๋ว ลากมันลงมาทีละนิดจนมันหลุดออกไป
เขาเคลื่อนใบหน้ามาตรงความฉ่ำชื้นของเธอ ค่อยๆ สั่งสอนให้น้องคนนี้ได้รับรู้ว่าเซ็กส์สุดมันส์เป็นยังไง
ตะวันฉายครางงึมงำ อุณหภูมิร่างกายตอนนี้ร้อนกว่าอุณหภูมิห้อง น้ำหอมที่ฉีดพรมมาชื้นเหงื่อจนให้ความรู้สึกชวนลุ่มหลงปนกับกลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้สติอันรางเลือนรับรู้แต่เพียงว่าตอนนี้เมนคนนั้นกำลังปรนนิบัติเธออย่างถึงอกถึงใจ ขณะกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสเร่าร้อน ความเสียวซ่านพลันแล่นพล่านจากใจกลางกายไปจนสุดปลายประสาท
“อ๊า!” ตะวันฉายบิดเกร็งเพราะความรู้สึกประหลาดจากใครบางคนนั้น เธอแอ่นกายขึ้นราวกับคนไร้ยางอายเพื่อให้เขาได้ตักตวงอย่างเต็มที่ มือทั้งสองข้างเลื่อนมาขยุ้มหมอนนุ่มหวังว่ามันจะช่วยปลดปล่อย
ทว่ามันไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะเมื่ออีกฝ่ายเหวี่ยงเธอจนเกือบถึงจุดสูงสุด กลับเลือกขยับปลายลิ้นแล้วถามอย่างคนเป็นต่อ
“ชอบไหม”
“ต่อ...เร็วสิ รีบทำต่อ”
เขาเลิกคิ้วประหลาดใจ ไม่นึกว่าเธอจำชื่อเขาได้ แต่พออีกฝ่ายเรียกร้องพร้อมกับทำเสียงครางหงุงหงิงเหมือนสัตว์บาดเจ็บก็ต้องกระตุกยิ้มเหมือนปีศาจร้าย ปกติแล้วเขาไม่เคยเสิร์ฟผู้หญิงที่นอนด้วยกันแค่คืนเดียวขนาดนี้ แต่เพราะกลิ่นหอมจากตัวเธอแท้ๆ ที่ทำให้สัญชาตญาณสัตว์ป่าของต่อแสดงตัวออกมา
“ขอร้องสิ” เขาหัวเราะเสียงทุ้ม
“ช่วยด้วย...นะคะ” เธอว่า เสียงสั่นไหวเหมือนคนไร้สติ
“ต้องการแบบไหนล่ะ” ปกติไม่เคยถามขนาดนี้มาก่อนเลยนะ คนใต้ร่างนี่ถือเป็นกรณีพิเศษ
“ขอแบบเอ็กซ์ตรีมเลยค่ะที่รัก”
ช่างอ้อน... ต่อหัวเราะอีกครั้ง ศิษย์สำนักไหนกันนะ สอนกันมาดีจริงๆ
หลังจากได้ยินเสียงกระเส่าของคนตัวเล็ก ต่อก็เลื่อนมือปลดตะขอบราของเธอ ทรวงอกที่เบียดแน่นได้รับอิสระจากการปลดเปลื้องจากบราตัวจิ๋ว เขาเคลื่อนริมฝีปากเข้าครอบครองปลายยอดมันอย่างรวดเร็ว นึกย่ามใจที่ขนาดของมันเต็มปากเต็มคำจนรู้สึกตื่นเต้น มือสองข้างทั้งบีบขยำมันอย่างรุนแรงจนเธอกางเล็บครูดกับบ่าเขาเหมือนต้องการระบายความอัดอั้นในกาย ต่อไม่รอให้อีกฝ่ายได้ร้องขออีก เพราะตอนนี้ความต้องการของเขามันพร้อมยิ่งกว่าพร้อม
“ที่รักคะ ช่วยด้วยนะคะ” เธอกระซิบอ้อนวอน
เขาแอ๊บเป็นเด็กมหาลัยรอบที่ห้าก็ถูกผู้หญิงมอมเหล้าแถมใส่ยาปลุกเซ็กส์เอาไว้ ทำเอายอดมนุษย์ที่อายุยืนกว่าชาวบ้านต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับหอพักเพราะกลัวว่าจะไปเผลอกัดใครเข้า แต่คน(ครึ่งผี)หรือจะสู้ลิขิตฟ้า ระหว่างเดินเข้าซอยมืดดันบังเอิญได้กลิ่นหอมเหมือนขนมหวานลอยมาแตะจมูก นาทีนั้นสัญชาตญาณดิบก็พ่ายแพ้ให้กับของหวาน แวมไพร์เก๋าประสบการณ์อย่างเขาก็กลายร่างเป็นหมาเห็นกระดูก งับ...ของหวานนั้นโดยไม่รู้เลยว่าได้เผลอทิ้ง(พิษ)เอาไว้กับเธอ
“หมี่ขาว” สาววิศวะที่โสดขึ้นดอยเป็นปีที่สาม เธอไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นคนนั้น แต่ทว่าเพราะคำท้าที่รับปากเพื่อนด้วยความคึกคะนอง ทำให้เธอตกปากรับคำชวนของ “เก้าอี้” ตัวละครลับของภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ซึ่งวันนี้เขากลายเป็นพี่ปีสี่ ผูดผ้าคาด SOTUS สีแดง และวิ่งถือธงเกียร์นำขึ้นดอย เพียงเพราะเขาเดินมาทักและชวนเธอด้วยถ้อยคำเรียบง่าย “ขึ้นดอยด้วยกันมั้ยครับ”
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY