เป้าหมายของเธอคือทำให้เขารัก และเสียดาย
เป้าหมายของเธอคือทำให้เขารัก และเสียดาย
บทนำ
“หมั้นกับหนูหมอนได้ไหม”
หญิงชราวัยหกสิบเจ็ดพูดกับหลานชายวัยยี่สิบสามปีที่นั่งจับมือด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ด้วยอายุที่มากขึ้นจึงอยากที่จะเห็นสิ่งที่ตัวเองหวังไว้สมดังที่ใจปรารถนาก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป
“เด็กนั่นเพิ่งอายุสิบห้านะครับ”
ชายหนุ่มหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อคิดถึงหน้าเด็กสาวที่แค่ชื่อก็สามารถทำให้พะอืดพะอมได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหน้าตาเพราะมันแย่ยิ่งกว่าชื่อเสียอีก
“ย่าถึงขอให้หมั้นไว้ก่อน ไว้หนูหมอนเรียนจบค่อยแต่งงานกัน”
“แค่ชื่อก็ไม่น่าหมั้นด้วยแล้ว ผู้หญิงอะไรชื่อหมอนทอง” ชายหนุ่มแย้งเสียงเข้ม เขาเคยเจอคนที่ย่าอยากให้หมั้นด้วยมาตั้งแต่เด็ก และแน่นอนว่าไม่ชอบเด็กสาวคนนั้น
หมอนทองเป็นผู้หญิงที่แสนจะอัปลักษณ์ หุ่นเหมือนตุ่มต่อขา แถมหน้าตายังเหลอหลาไม่น่ารักใส่แว่นหนาเตอะไม่ชวนมอง เวลาคุยด้วยถามอะไรก็ตอบไม่ฉะฉาน ตะกุกตะกัก ดูกี่ทีก็ขัดหูขัดตา ไม่รู้ว่าทำไมยายเด็กอัปลักษณ์นั่นถึงได้ถูกอกถูกใจคุณย่านัก
“ย่ากับยายของหนูหมอนเป็นเพื่อนรักกัน เราอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกันและอยากจะรวมสวนทุเรียนของเราทั้งคู่ไว้ จริงๆ เรื่องนี้คุยกันมานานแล้ว หลานช่วยทำให้ความหวังของย่าเป็นจริงสักครั้งได้ไหม” หญิงชราพูดจบก็ไอออกมาติดๆ กันหลายครั้งจนคนฟังตกใจ
“แต่...”
“หมั้นกับหนูหมอนได้ไหมถือว่าเห็นแก่ย่า ตั้งแต่หลานเกิดมาย่ามีแต่จะให้กับให้เท่านั้น เรื่องนี้ย่าขอ ทำเพื่อย่าสักครั้ง แล้วย่าจะไม่ขออะไรอีกเลย” หญิงชราทำท่าอ่อนแรงเพื่อขอความเห็นใจ
“คุณย่า” ชายหนุ่มสบตาคนขอนิ่งอยู่พักใหญ่แล้วเอ่ยออกมาว่า
“ครับ”
เด็กสาววัยสิบห้าผิวขาวเหลืองสวมแว่นตาทรงกลมหนาเสียจนไม่น่ามอง รูปร่างอวบอ้วนกำลังเดินตรงเข้ามานั่งพับเพียบลงข้างๆ ทำให้ชายหนุ่มผู้แสนจะหล่อเหลาต้องเบือนหน้าหนีอย่างเสียมิได้ ซูเปอร์สตาร์อย่างเขาจะต้องมาหมั้นกับยายอัปลักษณ์คนนี้จริงๆ หรือ ปราชญ์ได้แต่คิดในใจ ใครจะไปคิดว่าคุณย่าจะเอาจริง แถมพอตกลงแล้วก็โทรศัพท์บอกเพื่อนรักทันที ผลก็คือเขาต้องหมั้นกับแม่คนนี้ในวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่แหวนทองเกลี้ยงถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายที่แสนจะกลมป้อมเรียบร้อย หญิงชราทั้งสองก็ส่งยิ้มให้กันด้วยความพอใจ ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่รอให้แม่สาวนามหมอนทองเรียนจบ ก็จะรีบจัดการให้เป็นทองแผ่นเดียวกันไปเสียเลย
หมอนทองนั่งมองแหวนหมั้นแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น เธอแอบชอบปราชญ์มาตั้งแต่จำความได้ เขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมไปเสียทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างไว้ตัวไปเสียหน่อย แต่ก็เป็นชายในฝันอยู่ดี
ยิ่งตอนนี้กำลังก้าวเข้ามาเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการโทรทัศน์ด้วยแล้วยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น การที่ได้หมั้นหมายกันเช่นนี้สร้างความรื่นรมย์ให้เด็กสาวเสียเหลือเกิน
12 ปีต่อมา
“ธิดาทุเรียนชะนีปีนี้ได้แก่ หมายเลข 10 ครับ นางสาวหมอนทอง สุนทรนิเวศ สวนทุเรียนคุณนายก้านยาวเป็นผู้ส่งเข้าประกวด”
สิ้นเสียงของผู้ประกาศ หญิงสาวร่างระหงที่สวมชุดไทยจักรพรรดิสีชมพูทอง ใบหน้าสวยหวานราวกับนางในวรรณคดีก็ก้าวออกมาจากกลุ่มเพื่อนนางงามด้วยท่าทางที่สง่างามราวกับนางพญา
“ดูสิครับเธอสวยงามดังคำชมที่ว่า
พักตร์น้องละอองนวลเปล่งปลั่ง ดังดวงจันทร์วันเพ็ญประไพศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ ดังกินรีลงสรงคงคาลัย
งามจริงพริ้งพร้องทั้งสารพางค์ ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน
พิศพลางปฏิพัทธ์กำหนัดใน จะใคร่ไปโอบอุ้มองค์มา...
สวยเหมือนนางบุษบาแปลงมาเลยทีเดียว”
ผู้ประกาศบนเวทีเอ่ยชมความสวยงามของหญิงสาวที่ได้รับตำแหน่งด้วยความชื่นชม หญิงสาวที่ได้รับตำแหน่งในวันนี้สวยงามจับใจจริงๆ
หลังจากรับสายสะพายพร้อมกับถ้วยรางวัลแล้ว หญิงสาวเจ้าของตำแหน่งเทพีทุเรียนชะนีก็เดินโชว์ตัวบนเวทีอีกครั้ง ส่วนด้านล่างเวทีนั้น หญิงชราวัยแปดสิบ เจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจันทบุรีกับพรรคพวกต่างร้องไชโยกันด้วยความดีใจ ที่หลานสาวของตัวเองได้ตำแหน่งนางงาม
ทันทีที่ลงมาจากเวทีนางงามเจ้าของตำแหน่งถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอถูกคุณยายจอมเผด็จการขอร้องแกมบังคับให้เข้าประกวดเพื่อกู้หน้าเพราะส่งนางงามเข้าประกวดมากี่ปีก็ไม่เคยได้สักตำแหน่ง
แถมถูกสวนทุเรียนคู่แข่งดูถูกว่า ถึงจะเป็นสวนใหญ่แต่ไม่มีทางได้ตำแหน่งนางงามแน่ เมื่อถูกท้าทายคุณนายก้านยาวยอมไม่ได้ ดังนั้นจึงบังคับหลานสาวให้เข้าประกวดเพื่อลบคำสบประมาท ทั้งขู่และบังคับอยู่นานกว่าหมอนทองจะยอม
“ดีมาก ไอ้หมอนของยาย” นางก้านยาวโผเข้ามากอดหลานสาวแล้วหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความพอใจปลื้มที่หลานสาวได้ตำแหน่ง
“ยาย รีบพาหนูกลับบ้านเถอะ” หมอนทองเร่งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ทำไม”
“ชุดบ้านี่ทำหนูคันไปทั้งตัวเลย” หญิงสาวพูดตรงๆ ชุดไทยชุดนี้สร้างความรำคาญให้มากถึงมากที่สุด อยากจะเกาก็ทำไม่ได้
“ทนเอาหน่อยสิ วันนี้เอ็งสวยที่สุดเลย ยายปลื้ม” คุณนายก้านยาวยังคงชมหลานสาวต่อ วันนี้หมอนทองสวยจริงๆ สวยชนิดที่ว่าใครมองผ่านคนคนนั้นต้องตาบอด
“เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว รู้ไหมพรุ่งนี้ยายให้คนเตรียมรถให้เลยนะ”
“รถอะไรยาย” หมอนทองถามด้วยความแปลกใจ
“เอาน่า พรุ่งนี้จะรู้เอง” หมอนทองมองผู้เป็นยายด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจนัก ลองได้พูดแบบนี้ต้องมีอะไรที่มันไม่ธรรมดาแน่
หมอนทองเหล่ตามองยายเล็กน้อยก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มโบกมือให้กับคนที่มายืนอยู่ข้างทาง เพื่อรอดูขบวนรถที่คุณนายก้านยาวผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวนทุเรียนเมืองจันทบุรี จัดแห่โชว์หลานสาวที่เพิ่งได้ตำแหน่งนางงามเทพีทุเรียนชะนีเมื่อคืนนี้
เธอถูกปลุกตั้งแต่เช้ามืดและจับแต่งหน้าแต่งตัวแบบจัดเต็มยิ่งกว่าบนเวทีประกวดนางงาม พร้อมทั้งขอร้องแกมบังคับให้ขึ้นรถแห่รอบหมู่บ้าน
“ยาย แบบนี้ไม่เอาแล้วนะ หนูยิ้มจนเหงือกแห้งแล้ว” หญิงสาวบ่นเมื่อการโชว์ตัวจบลง
“จะบ่นอะไรวะไอ้หมอน หลานยายสวย ยายก็อยากโชว์ก็เท่านั้น” คุณนายก้านยาวย้อน จากนั้นก็หันมายิ้มให้กับชาวบ้านที่เข้ามาเอ่ยชมความสวยของหมอนทองต่อ
“ยายนะยาย ถ้ารู้ว่าประกวดแล้วจะเป็นแบบนี้หนูไม่ประกวดหรอก” หมอนทองบ่นกระปอดกระแปดเบาๆ
“อย่าบ่นได้ไหม ยายเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เด็กจนโต ยายเคยบ่นหรือเปล่า” คุณนายก้านยาวย้อนเข้าบ้าง
หมอนทองเป็นหลานที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักมากที่สุด เพราะลูกสาวและลูกเขยจากไปด้วยอุบัติเหตุตอนหลานคนนี้อายุเพียงแค่ขวบเศษๆ เท่านั้น
“โธ่ ยายจ๋า หนูก็พูดไปอย่างนั้นแหละน่า อย่างอนสิ” หมอนทองกอดเอวยายประจบ
“ไม่ได้งอนแต่น้อยใจ ยายผิดเหรอที่มีหลานสาวสวยแล้วอยากโชว์”
“ไม่ผิด หนูบ่นก็เพราะชุดไทยที่ยายหามาให้ทำให้หนูคัน” หญิงสาวโยนความผิดให้ชุดไทยแทน
“โถ เรื่องนี้เอง เดี๋ยวยายจะไปจัดการคนที่หาชุดนี้มาให้เอ็งใส่ มิน่านั่งอยู่บนรถยุกยิกอย่างกับลิงกังที่แท้ก็คัน” คุณนายก้านยาวเข้าใจแล้ว
“ใช่จ้ะ” หมอนทองพยักหน้ารับ
“ตอนนี้หายแล้วใช่ไหมลูก”
“หายแล้วจ้ะยาย เห็นไหม คาลาไมน์เต็มแขนไปหมด”
“ดีแล้ว ตอนนี้เอ็งเรียนจบมาหลายปี ได้ตำแหน่งนางงาม ตอนนี้อายุก็ยี่สิบเจ็ดแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่เอ็งควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีนะ” สีหน้าคุณนายก้านยาวเปล่งประกายความหวังออกมาอย่างเด่นชัด
“ทำไมยายพูดแบบนี้” หมอนทองเริ่มรู้แล้วว่ายายต้องการอะไรจากนี้อีก
“ยายอยากมีเหลนและเอ็งก็หมั้นมาสิบสองปีแล้ว นี่ถ้าเพื่อนยายไม่ด่วนตายไปเสียก่อนคงได้แต่งงานกันไปนานแล้ว สัญญากันไว้ว่าจะอยู่ให้ถึงหนึ่งร้อยเอ็ดปี แต่แม่นั่นดันตายตอนอายุแปดสิบเอ็ด”
“คู่หมั้นหนูตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ สี่เดือนก่อนไปถ่ายละครที่ฮ่องกง กลับมาก็ไปรับเล่นเป็นพระเอกอีก และเขาไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยนะตั้งแต่วันหมั้น” หมอนทองแอบถอนหายใจเบาๆ
จริงอยู่ที่แอบชอบผู้ชายคนนั้นมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว แต่เมื่อโตขึ้นหมอนทองก็รู้ว่าเขาคนนั้นไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด
“เขาเป็นดาราใหญ่นะโว้ยก็ต้องไปหลายที่ เอ็งจะให้มาอยู่ดูแลสวนได้อย่างไร และถ้าเขาไม่มาที่นี่ เอ็งก็ไปหาสิ” คุณนายก้านยาวมองว่าทุกอย่างไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้การแต่งงานล้มเลิก
“เอ็งดูข่าวนี่สิ ไอ้ว่าที่หลานเขยนี่ตายยากจริงๆ พูดปุ๊บเจอข่าวปั๊บ”
หมอนทองนั่งมองหน้าจอทันที ภาพข่าวทำให้อมยิ้มเพราะผู้ชายที่อยู่ในจอโทรทัศน์คือชายในฝันของตน แต่อมยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหุบยิ้มเพราะคู่หมั้นหนุ่มดันให้สัมภาษณ์คู่กับพิชญา อมรกุล นักแสดงสาวที่กำลังมีข่าวว่าทั้งคู่กำลังสานสัมพันธ์กันอยู่
“ช่วงนี้มีภาพหลุดของคุณสองคนบ่อยๆ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรคะ”
“ก็อย่างที่เห็นค่ะ” นักแสดงสาวเป็นฝ่ายตอบเสียเอง
“แสดงว่าคุณไปกินข้าวด้วยกัน ไปซื้อของด้วยกัน ไปรับไปส่งกันอย่างนั้นหรือคะ” นักข่าวถามต่อ
“เราทำงานร่วมกันครับ บ้านก็ไปทางเดียวกัน มันจึงไม่แปลก” คราวนี้ฝ่ายชายตอบ ทำเอาคนดูอย่างหมอนทองเบ้ปาก
“แล้วข่าวที่ว่าคุณสองคนกำลังคบหากันจริงหรือเปล่าคะ”
“เราเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะ แต่ถ้าอยากจะคิดไกลกว่านั้นน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” คำตอบของนักแสดงสาวเรียกเสียงฮือฮาของนักข่าวได้ ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะมีงานที่จะต้องไปทำ
“พวกดาราลองพูดแบบนี้คบกันทั้งนั้น” นางสมใจคนรับใช้วัยหกสิบของคุณนายก้านยาวพูดออกมาบ้างหลังจากฟังข่าวจบ
หมอนทองนั่งเม้มปากแน่นเสียความรู้สึกเป็นที่สุด ที่ผ่านมาเขามีข่าวกับผู้หญิงหลายครั้งแต่ไม่มีการให้สัมภาษณ์ที่ทำให้คิดมากแบบนี้เลย
“ว่าไงไอ้หมอน เอ็งจะเอาอย่างไร” คุณนายก้านยาวหันมาถามเมื่อเห็นหมอนทองนั่งนิ่งไม่พูดอะไรสักคำ
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นแค่ข่าวคู่จิ้นเพื่อเรียกเรตติ้งก็ได้” หมอนทองพูดอย่างคนสวยมองโลกในแง่ดี
“ยายว่าได้เวลาที่ต้องคุยกันเสียที หมั้นไว้นานแล้วได้เวลาที่จะต้องตบแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว” คราวนี้ท่าทางคุณนายก้านยาวจะเอาจริง
“ยายจะให้หนูไปหาเขาเหรอ” หลานสาวเดาใจยายออก
“ใช่ ยายว่าไปพูดกันเสียทีก็ดี” หญิงชราตัดสินใจเด็ดขาดเป็นไงเป็นกันดีกว่าค้างเติ่งแบบนี้
“แล้วยายไม่ไปพูดเองเหรอ”
“เอ็งไปนั่นแหละ ตกลงกันให้เรียบร้อย เขาว่าไงรายงานยายด้วย” คุณนายก้านยาวสั่งงานแล้วลุกขึ้นเดินหายไป
คนฟังตกที่นั่งลำบากแล้ว แม้ปราชญ์จะเป็นผู้ชายที่อยู่ในใจมาตลอด แถมเป็นคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จัดการให้ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้สนใจตนแม้แต่น้อย ซ้ำหมอนทองยังต้องเป็นคนไปทวงสัญญาด้วยตนเองอีก
งานนี้ทั้งอึดอัดทั้งกังวลเป็นที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำ เพราะนั่นคือศักดิ์ศรีและอนาคตของนางสาวหมอนทองคนนี้
เพราะถูกความรักทำร้ายตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นทำให้เตชน์ ชลธีพงศ์ ชายหนุ่มวัย 45 ผู้หล่อเหลาไม่คิดที่จะจริงจังกับใคร เขาใช้ชีวิตแบบชายเสเพลจนกลายเป็นที่เลื่องลือในวงสังคมว่าถ้าไม่อยากอกหักอย่ารักเตชน์ ศศิปิลันธ์ ปัทมพิสุทธิ์ หญิงสาววัย 24 ที่อ่อนหวานแต่ทว่าไม่อ่อนแอ เธอเติบโตมาโดยมีสายตาแห่งความเกลียดชังของเขาจ้องดูอยู่ตลอดเวลา ความอ่อนหวาน สดใสและอ่อนโยนของเธอจะสามารถหลอมละลายหัวใจน้ำแข็งของเขาได้หรือไม่ ความรักจะสามารถทลายกำแพงแค้นได้หรือเปล่า
“จูบผมหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงคือการขอร้องและอ้อนวอน พุดแก้วยิ้มขยับตัวเข้าไปหาและค่อยๆ บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นิโคลัสใช้มือโอบรอบตัวเธอและกอดไว้แน่น ขณะที่ริมฝีปากนั้นรับจุมพิตอย่างพออกพอใจที่สุด “พอแล้ว” พุดแก้วพูดออกมาหลังจากที่ถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากเขาและดันตัวออกห่างช้าๆ ในขณะที่คนตัวใหญ่มองอย่างเสียดาย “ทำไมล่ะ” “เพราะคุณจะไม่หยุดแค่นั้น” หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้ทัน “และขาคุณหัก” หญิงสาวขยับตัวออกห่างจากรัศมีของวงแขนเขา “แต่อย่างอื่นมันไม่ได้หักนี่นา ร่างกายบางส่วนของผมยังแข็งแรงดี”
“ตบนี้สำหรับสิ่งที่คุณทำกับคำพูดจาบจ้วงเมื่อครู่ ถ้าคุณทำอีก ฉันก็จะตบคุณอีก ไม่มีการละเว้น” นภัสคาดโทษด้วยน้ำเสียงจริงจัง อนิรุทธ์ยกมือลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแฝงอยู่แววตายังคงเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะบอกว่ามันไม่สลดเลยสักนิดก็ได้ “ก็ดีนะ คิดว่าคุ้มอยู่เหมือนกันหนึ่งตบแลกกับหนึ่งกอด หนึ่งจูบ หนึ่งหอม คุ้มดี” เขาทำท่าจะเข้าหาอีกต่อ แต่นภัสใช้ความเร็วหลบได้ทัน “คุณเห็นฉันเป็นอะไร คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ” “เห็นคุณเป็นโฉมงาม เป็นแม่โจรเสียงหวานหน้าสวยน่ะสิ คนสวยของผม”
รักแรกพบ พรหมลิขิต แรงอธิษฐาน ปาฏิหาริย์ สองคน สองช่วงเวลา สองหัวใจที่รวมกันได้เป็นหนึ่งเดียว
“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
เมื่อน้องสาวฝาแฝดแสนอ่อนแอต้องแต่งเข้ามาเป็นฮองเฮาเพื่อมาสืบเรื่องราวการตายของวงศ์ตระกูลที่แท้จริง และได้มาเจอกับฮ่องเต้ที่มีปมฝังใจจนกลายเป็นคนขี้ระแวง แฝดผู้พี่จึงต้องปลอมตัวเป็นน้องสาวเพื่อมาจัดการกับสนมที่ข่มเหงน้องสาวฝาแฝดของนางและต่อกรกับฮ่องเต้ที่ไม่สนใจใยดีฮองเฮาของตนเอง แถมยังต้องตามสืบหาความจริง แต่นางจะสามารถทำได้สำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือ?
© 2018-now MeghaBook
บนสุด