เป้าหมายของเธอคือทำให้เขารัก และเสียดาย
เป้าหมายของเธอคือทำให้เขารัก และเสียดาย
บทนำ
“หมั้นกับหนูหมอนได้ไหม”
หญิงชราวัยหกสิบเจ็ดพูดกับหลานชายวัยยี่สิบสามปีที่นั่งจับมือด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ด้วยอายุที่มากขึ้นจึงอยากที่จะเห็นสิ่งที่ตัวเองหวังไว้สมดังที่ใจปรารถนาก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป
“เด็กนั่นเพิ่งอายุสิบห้านะครับ”
ชายหนุ่มหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อคิดถึงหน้าเด็กสาวที่แค่ชื่อก็สามารถทำให้พะอืดพะอมได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหน้าตาเพราะมันแย่ยิ่งกว่าชื่อเสียอีก
“ย่าถึงขอให้หมั้นไว้ก่อน ไว้หนูหมอนเรียนจบค่อยแต่งงานกัน”
“แค่ชื่อก็ไม่น่าหมั้นด้วยแล้ว ผู้หญิงอะไรชื่อหมอนทอง” ชายหนุ่มแย้งเสียงเข้ม เขาเคยเจอคนที่ย่าอยากให้หมั้นด้วยมาตั้งแต่เด็ก และแน่นอนว่าไม่ชอบเด็กสาวคนนั้น
หมอนทองเป็นผู้หญิงที่แสนจะอัปลักษณ์ หุ่นเหมือนตุ่มต่อขา แถมหน้าตายังเหลอหลาไม่น่ารักใส่แว่นหนาเตอะไม่ชวนมอง เวลาคุยด้วยถามอะไรก็ตอบไม่ฉะฉาน ตะกุกตะกัก ดูกี่ทีก็ขัดหูขัดตา ไม่รู้ว่าทำไมยายเด็กอัปลักษณ์นั่นถึงได้ถูกอกถูกใจคุณย่านัก
“ย่ากับยายของหนูหมอนเป็นเพื่อนรักกัน เราอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกันและอยากจะรวมสวนทุเรียนของเราทั้งคู่ไว้ จริงๆ เรื่องนี้คุยกันมานานแล้ว หลานช่วยทำให้ความหวังของย่าเป็นจริงสักครั้งได้ไหม” หญิงชราพูดจบก็ไอออกมาติดๆ กันหลายครั้งจนคนฟังตกใจ
“แต่...”
“หมั้นกับหนูหมอนได้ไหมถือว่าเห็นแก่ย่า ตั้งแต่หลานเกิดมาย่ามีแต่จะให้กับให้เท่านั้น เรื่องนี้ย่าขอ ทำเพื่อย่าสักครั้ง แล้วย่าจะไม่ขออะไรอีกเลย” หญิงชราทำท่าอ่อนแรงเพื่อขอความเห็นใจ
“คุณย่า” ชายหนุ่มสบตาคนขอนิ่งอยู่พักใหญ่แล้วเอ่ยออกมาว่า
“ครับ”
เด็กสาววัยสิบห้าผิวขาวเหลืองสวมแว่นตาทรงกลมหนาเสียจนไม่น่ามอง รูปร่างอวบอ้วนกำลังเดินตรงเข้ามานั่งพับเพียบลงข้างๆ ทำให้ชายหนุ่มผู้แสนจะหล่อเหลาต้องเบือนหน้าหนีอย่างเสียมิได้ ซูเปอร์สตาร์อย่างเขาจะต้องมาหมั้นกับยายอัปลักษณ์คนนี้จริงๆ หรือ ปราชญ์ได้แต่คิดในใจ ใครจะไปคิดว่าคุณย่าจะเอาจริง แถมพอตกลงแล้วก็โทรศัพท์บอกเพื่อนรักทันที ผลก็คือเขาต้องหมั้นกับแม่คนนี้ในวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่แหวนทองเกลี้ยงถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายที่แสนจะกลมป้อมเรียบร้อย หญิงชราทั้งสองก็ส่งยิ้มให้กันด้วยความพอใจ ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่รอให้แม่สาวนามหมอนทองเรียนจบ ก็จะรีบจัดการให้เป็นทองแผ่นเดียวกันไปเสียเลย
หมอนทองนั่งมองแหวนหมั้นแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น เธอแอบชอบปราชญ์มาตั้งแต่จำความได้ เขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมไปเสียทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างไว้ตัวไปเสียหน่อย แต่ก็เป็นชายในฝันอยู่ดี
ยิ่งตอนนี้กำลังก้าวเข้ามาเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการโทรทัศน์ด้วยแล้วยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น การที่ได้หมั้นหมายกันเช่นนี้สร้างความรื่นรมย์ให้เด็กสาวเสียเหลือเกิน
12 ปีต่อมา
“ธิดาทุเรียนชะนีปีนี้ได้แก่ หมายเลข 10 ครับ นางสาวหมอนทอง สุนทรนิเวศ สวนทุเรียนคุณนายก้านยาวเป็นผู้ส่งเข้าประกวด”
สิ้นเสียงของผู้ประกาศ หญิงสาวร่างระหงที่สวมชุดไทยจักรพรรดิสีชมพูทอง ใบหน้าสวยหวานราวกับนางในวรรณคดีก็ก้าวออกมาจากกลุ่มเพื่อนนางงามด้วยท่าทางที่สง่างามราวกับนางพญา
“ดูสิครับเธอสวยงามดังคำชมที่ว่า
พักตร์น้องละอองนวลเปล่งปลั่ง ดังดวงจันทร์วันเพ็ญประไพศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ ดังกินรีลงสรงคงคาลัย
งามจริงพริ้งพร้องทั้งสารพางค์ ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน
พิศพลางปฏิพัทธ์กำหนัดใน จะใคร่ไปโอบอุ้มองค์มา...
สวยเหมือนนางบุษบาแปลงมาเลยทีเดียว”
ผู้ประกาศบนเวทีเอ่ยชมความสวยงามของหญิงสาวที่ได้รับตำแหน่งด้วยความชื่นชม หญิงสาวที่ได้รับตำแหน่งในวันนี้สวยงามจับใจจริงๆ
หลังจากรับสายสะพายพร้อมกับถ้วยรางวัลแล้ว หญิงสาวเจ้าของตำแหน่งเทพีทุเรียนชะนีก็เดินโชว์ตัวบนเวทีอีกครั้ง ส่วนด้านล่างเวทีนั้น หญิงชราวัยแปดสิบ เจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจันทบุรีกับพรรคพวกต่างร้องไชโยกันด้วยความดีใจ ที่หลานสาวของตัวเองได้ตำแหน่งนางงาม
ทันทีที่ลงมาจากเวทีนางงามเจ้าของตำแหน่งถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอถูกคุณยายจอมเผด็จการขอร้องแกมบังคับให้เข้าประกวดเพื่อกู้หน้าเพราะส่งนางงามเข้าประกวดมากี่ปีก็ไม่เคยได้สักตำแหน่ง
แถมถูกสวนทุเรียนคู่แข่งดูถูกว่า ถึงจะเป็นสวนใหญ่แต่ไม่มีทางได้ตำแหน่งนางงามแน่ เมื่อถูกท้าทายคุณนายก้านยาวยอมไม่ได้ ดังนั้นจึงบังคับหลานสาวให้เข้าประกวดเพื่อลบคำสบประมาท ทั้งขู่และบังคับอยู่นานกว่าหมอนทองจะยอม
“ดีมาก ไอ้หมอนของยาย” นางก้านยาวโผเข้ามากอดหลานสาวแล้วหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความพอใจปลื้มที่หลานสาวได้ตำแหน่ง
“ยาย รีบพาหนูกลับบ้านเถอะ” หมอนทองเร่งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ทำไม”
“ชุดบ้านี่ทำหนูคันไปทั้งตัวเลย” หญิงสาวพูดตรงๆ ชุดไทยชุดนี้สร้างความรำคาญให้มากถึงมากที่สุด อยากจะเกาก็ทำไม่ได้
“ทนเอาหน่อยสิ วันนี้เอ็งสวยที่สุดเลย ยายปลื้ม” คุณนายก้านยาวยังคงชมหลานสาวต่อ วันนี้หมอนทองสวยจริงๆ สวยชนิดที่ว่าใครมองผ่านคนคนนั้นต้องตาบอด
“เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว รู้ไหมพรุ่งนี้ยายให้คนเตรียมรถให้เลยนะ”
“รถอะไรยาย” หมอนทองถามด้วยความแปลกใจ
“เอาน่า พรุ่งนี้จะรู้เอง” หมอนทองมองผู้เป็นยายด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจนัก ลองได้พูดแบบนี้ต้องมีอะไรที่มันไม่ธรรมดาแน่
หมอนทองเหล่ตามองยายเล็กน้อยก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มโบกมือให้กับคนที่มายืนอยู่ข้างทาง เพื่อรอดูขบวนรถที่คุณนายก้านยาวผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวนทุเรียนเมืองจันทบุรี จัดแห่โชว์หลานสาวที่เพิ่งได้ตำแหน่งนางงามเทพีทุเรียนชะนีเมื่อคืนนี้
เธอถูกปลุกตั้งแต่เช้ามืดและจับแต่งหน้าแต่งตัวแบบจัดเต็มยิ่งกว่าบนเวทีประกวดนางงาม พร้อมทั้งขอร้องแกมบังคับให้ขึ้นรถแห่รอบหมู่บ้าน
“ยาย แบบนี้ไม่เอาแล้วนะ หนูยิ้มจนเหงือกแห้งแล้ว” หญิงสาวบ่นเมื่อการโชว์ตัวจบลง
“จะบ่นอะไรวะไอ้หมอน หลานยายสวย ยายก็อยากโชว์ก็เท่านั้น” คุณนายก้านยาวย้อน จากนั้นก็หันมายิ้มให้กับชาวบ้านที่เข้ามาเอ่ยชมความสวยของหมอนทองต่อ
“ยายนะยาย ถ้ารู้ว่าประกวดแล้วจะเป็นแบบนี้หนูไม่ประกวดหรอก” หมอนทองบ่นกระปอดกระแปดเบาๆ
“อย่าบ่นได้ไหม ยายเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เด็กจนโต ยายเคยบ่นหรือเปล่า” คุณนายก้านยาวย้อนเข้าบ้าง
หมอนทองเป็นหลานที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักมากที่สุด เพราะลูกสาวและลูกเขยจากไปด้วยอุบัติเหตุตอนหลานคนนี้อายุเพียงแค่ขวบเศษๆ เท่านั้น
“โธ่ ยายจ๋า หนูก็พูดไปอย่างนั้นแหละน่า อย่างอนสิ” หมอนทองกอดเอวยายประจบ
“ไม่ได้งอนแต่น้อยใจ ยายผิดเหรอที่มีหลานสาวสวยแล้วอยากโชว์”
“ไม่ผิด หนูบ่นก็เพราะชุดไทยที่ยายหามาให้ทำให้หนูคัน” หญิงสาวโยนความผิดให้ชุดไทยแทน
“โถ เรื่องนี้เอง เดี๋ยวยายจะไปจัดการคนที่หาชุดนี้มาให้เอ็งใส่ มิน่านั่งอยู่บนรถยุกยิกอย่างกับลิงกังที่แท้ก็คัน” คุณนายก้านยาวเข้าใจแล้ว
“ใช่จ้ะ” หมอนทองพยักหน้ารับ
“ตอนนี้หายแล้วใช่ไหมลูก”
“หายแล้วจ้ะยาย เห็นไหม คาลาไมน์เต็มแขนไปหมด”
“ดีแล้ว ตอนนี้เอ็งเรียนจบมาหลายปี ได้ตำแหน่งนางงาม ตอนนี้อายุก็ยี่สิบเจ็ดแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่เอ็งควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีนะ” สีหน้าคุณนายก้านยาวเปล่งประกายความหวังออกมาอย่างเด่นชัด
“ทำไมยายพูดแบบนี้” หมอนทองเริ่มรู้แล้วว่ายายต้องการอะไรจากนี้อีก
“ยายอยากมีเหลนและเอ็งก็หมั้นมาสิบสองปีแล้ว นี่ถ้าเพื่อนยายไม่ด่วนตายไปเสียก่อนคงได้แต่งงานกันไปนานแล้ว สัญญากันไว้ว่าจะอยู่ให้ถึงหนึ่งร้อยเอ็ดปี แต่แม่นั่นดันตายตอนอายุแปดสิบเอ็ด”
“คู่หมั้นหนูตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ สี่เดือนก่อนไปถ่ายละครที่ฮ่องกง กลับมาก็ไปรับเล่นเป็นพระเอกอีก และเขาไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยนะตั้งแต่วันหมั้น” หมอนทองแอบถอนหายใจเบาๆ
จริงอยู่ที่แอบชอบผู้ชายคนนั้นมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว แต่เมื่อโตขึ้นหมอนทองก็รู้ว่าเขาคนนั้นไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด
“เขาเป็นดาราใหญ่นะโว้ยก็ต้องไปหลายที่ เอ็งจะให้มาอยู่ดูแลสวนได้อย่างไร และถ้าเขาไม่มาที่นี่ เอ็งก็ไปหาสิ” คุณนายก้านยาวมองว่าทุกอย่างไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้การแต่งงานล้มเลิก
“เอ็งดูข่าวนี่สิ ไอ้ว่าที่หลานเขยนี่ตายยากจริงๆ พูดปุ๊บเจอข่าวปั๊บ”
หมอนทองนั่งมองหน้าจอทันที ภาพข่าวทำให้อมยิ้มเพราะผู้ชายที่อยู่ในจอโทรทัศน์คือชายในฝันของตน แต่อมยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหุบยิ้มเพราะคู่หมั้นหนุ่มดันให้สัมภาษณ์คู่กับพิชญา อมรกุล นักแสดงสาวที่กำลังมีข่าวว่าทั้งคู่กำลังสานสัมพันธ์กันอยู่
“ช่วงนี้มีภาพหลุดของคุณสองคนบ่อยๆ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรคะ”
“ก็อย่างที่เห็นค่ะ” นักแสดงสาวเป็นฝ่ายตอบเสียเอง
“แสดงว่าคุณไปกินข้าวด้วยกัน ไปซื้อของด้วยกัน ไปรับไปส่งกันอย่างนั้นหรือคะ” นักข่าวถามต่อ
“เราทำงานร่วมกันครับ บ้านก็ไปทางเดียวกัน มันจึงไม่แปลก” คราวนี้ฝ่ายชายตอบ ทำเอาคนดูอย่างหมอนทองเบ้ปาก
“แล้วข่าวที่ว่าคุณสองคนกำลังคบหากันจริงหรือเปล่าคะ”
“เราเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะ แต่ถ้าอยากจะคิดไกลกว่านั้นน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” คำตอบของนักแสดงสาวเรียกเสียงฮือฮาของนักข่าวได้ ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะมีงานที่จะต้องไปทำ
“พวกดาราลองพูดแบบนี้คบกันทั้งนั้น” นางสมใจคนรับใช้วัยหกสิบของคุณนายก้านยาวพูดออกมาบ้างหลังจากฟังข่าวจบ
หมอนทองนั่งเม้มปากแน่นเสียความรู้สึกเป็นที่สุด ที่ผ่านมาเขามีข่าวกับผู้หญิงหลายครั้งแต่ไม่มีการให้สัมภาษณ์ที่ทำให้คิดมากแบบนี้เลย
“ว่าไงไอ้หมอน เอ็งจะเอาอย่างไร” คุณนายก้านยาวหันมาถามเมื่อเห็นหมอนทองนั่งนิ่งไม่พูดอะไรสักคำ
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นแค่ข่าวคู่จิ้นเพื่อเรียกเรตติ้งก็ได้” หมอนทองพูดอย่างคนสวยมองโลกในแง่ดี
“ยายว่าได้เวลาที่ต้องคุยกันเสียที หมั้นไว้นานแล้วได้เวลาที่จะต้องตบแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว” คราวนี้ท่าทางคุณนายก้านยาวจะเอาจริง
“ยายจะให้หนูไปหาเขาเหรอ” หลานสาวเดาใจยายออก
“ใช่ ยายว่าไปพูดกันเสียทีก็ดี” หญิงชราตัดสินใจเด็ดขาดเป็นไงเป็นกันดีกว่าค้างเติ่งแบบนี้
“แล้วยายไม่ไปพูดเองเหรอ”
“เอ็งไปนั่นแหละ ตกลงกันให้เรียบร้อย เขาว่าไงรายงานยายด้วย” คุณนายก้านยาวสั่งงานแล้วลุกขึ้นเดินหายไป
คนฟังตกที่นั่งลำบากแล้ว แม้ปราชญ์จะเป็นผู้ชายที่อยู่ในใจมาตลอด แถมเป็นคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จัดการให้ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้สนใจตนแม้แต่น้อย ซ้ำหมอนทองยังต้องเป็นคนไปทวงสัญญาด้วยตนเองอีก
งานนี้ทั้งอึดอัดทั้งกังวลเป็นที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำ เพราะนั่นคือศักดิ์ศรีและอนาคตของนางสาวหมอนทองคนนี้
เพราะถูกความรักทำร้ายตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นทำให้เตชน์ ชลธีพงศ์ ชายหนุ่มวัย 45 ผู้หล่อเหลาไม่คิดที่จะจริงจังกับใคร เขาใช้ชีวิตแบบชายเสเพลจนกลายเป็นที่เลื่องลือในวงสังคมว่าถ้าไม่อยากอกหักอย่ารักเตชน์ ศศิปิลันธ์ ปัทมพิสุทธิ์ หญิงสาววัย 24 ที่อ่อนหวานแต่ทว่าไม่อ่อนแอ เธอเติบโตมาโดยมีสายตาแห่งความเกลียดชังของเขาจ้องดูอยู่ตลอดเวลา ความอ่อนหวาน สดใสและอ่อนโยนของเธอจะสามารถหลอมละลายหัวใจน้ำแข็งของเขาได้หรือไม่ ความรักจะสามารถทลายกำแพงแค้นได้หรือเปล่า
“จูบผมหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงคือการขอร้องและอ้อนวอน พุดแก้วยิ้มขยับตัวเข้าไปหาและค่อยๆ บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นิโคลัสใช้มือโอบรอบตัวเธอและกอดไว้แน่น ขณะที่ริมฝีปากนั้นรับจุมพิตอย่างพออกพอใจที่สุด “พอแล้ว” พุดแก้วพูดออกมาหลังจากที่ถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากเขาและดันตัวออกห่างช้าๆ ในขณะที่คนตัวใหญ่มองอย่างเสียดาย “ทำไมล่ะ” “เพราะคุณจะไม่หยุดแค่นั้น” หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้ทัน “และขาคุณหัก” หญิงสาวขยับตัวออกห่างจากรัศมีของวงแขนเขา “แต่อย่างอื่นมันไม่ได้หักนี่นา ร่างกายบางส่วนของผมยังแข็งแรงดี”
“ตบนี้สำหรับสิ่งที่คุณทำกับคำพูดจาบจ้วงเมื่อครู่ ถ้าคุณทำอีก ฉันก็จะตบคุณอีก ไม่มีการละเว้น” นภัสคาดโทษด้วยน้ำเสียงจริงจัง อนิรุทธ์ยกมือลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแฝงอยู่แววตายังคงเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะบอกว่ามันไม่สลดเลยสักนิดก็ได้ “ก็ดีนะ คิดว่าคุ้มอยู่เหมือนกันหนึ่งตบแลกกับหนึ่งกอด หนึ่งจูบ หนึ่งหอม คุ้มดี” เขาทำท่าจะเข้าหาอีกต่อ แต่นภัสใช้ความเร็วหลบได้ทัน “คุณเห็นฉันเป็นอะไร คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ” “เห็นคุณเป็นโฉมงาม เป็นแม่โจรเสียงหวานหน้าสวยน่ะสิ คนสวยของผม”
รักแรกพบ พรหมลิขิต แรงอธิษฐาน ปาฏิหาริย์ สองคน สองช่วงเวลา สองหัวใจที่รวมกันได้เป็นหนึ่งเดียว
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY