/0/5502/coverbig.jpg?v=deaa6446c9f1a7667f5a679550bc2c64)
คุณเชื่อรึเปล่าว่าแค่การอยากดูดาวจะทำให้เราเจอกับคนที่โชคชะตากำหนดมาให้ ฉันไม่เคยเชื่อเลยจนมาเจอกับตัวเอง เป็นเพราะดาวหรือเพราะโชคชะตากันนะที่ทำให้เขากับเธอมาเจอกันในสถานที่และห้วงเวลาที่ต่างออกไป
คุณเชื่อรึเปล่าว่าแค่การอยากดูดาวจะทำให้เราเจอกับคนที่โชคชะตากำหนดมาให้ ฉันไม่เคยเชื่อเลยจนมาเจอกับตัวเอง เป็นเพราะดาวหรือเพราะโชคชะตากันนะที่ทำให้เขากับเธอมาเจอกันในสถานที่และห้วงเวลาที่ต่างออกไป
วันนี้คือวันที่คู่รักทั่วโลกแสดงความรักต่อกัน แต่เธอกลับถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งสามปีบอกเลิกทำไมกันนะ ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับหญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างเธอด้วย ลู่เมิ่งหลิงสาวน้อยวัย19ปีที่เพิ่งถูกคนรักบอกเลิกเมื่อเช้า ตอนนี้กำลังนั่งร้องไห้ปรับทุกข์คนเดียวที่สวนสาธารณะหน้าหอดูดาวในเมืองแห่งหนึ่ง พลางในมือถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ด้วย
“ถานมู่ไป๋ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน ฉันอุตส่าห์คบกับนายตั้งสองปี สองปีเชียวนะที่ฉันยอมนายทุกอย่าง โชคชะตาเล่นบ้าอะไรกับชีวิตฉันเนี่ย ทำให้ต้องทำให้คนอย่างฉันไม่เหลือใครด้วยเนี่ย” ปากพลางพร่ำเพ้อโทษโชคชะตา มือก็พลางยกเครื่องดื่มขึ้นมาจรดปากตนเพื่อหวังเพียงให้มันช่วยคลายความโศกเศร้าในใจตนได้
“ดาวตกงั้นเหรอ จริงสินะวันนี้มีดาวตกนี้น่า ไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน” ว่าอย่างนั้นลู่เมิ่งหลิงก็ลุกขึ้นเพื่อจะเดินเข้าไปภายในหอดูดาวสาธารณะที่เปิดบริการอยู่ทันที
“ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ” พนักงานขอบัตรประชาชนของลู่เมิ่งหลิง ก่อนที่เธอจะยื่นให้เหมือนเคยและได้ยินคำพูดบางอย่างของพนักงานที่ดูแลทางเข้าที่ชวนให้ประหลาดใจประโยคหนึ่ง
“หวังว่าจะหลุดพ้นจากเรื่องที่ไม่สมหวังนะครับ”
“คะ!? อ่อขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ” ลู่เมิ่งหลิงเอ่ยขอบคุณก่อนจะรับบัตรประชาชนของตนกลับคืนมา
“ครับ ข่าวบอกว่าคืนนี้จะมีดาวตกที่ในร้อยปีจะมีสักครั้งด้วยนะครับ หวังว่าคุณจะโชคดีได้เจอนะครับ”
“ค่ะ หวังว่าฉันจะมองเห็นมันนะคะ” ลู่เมิ่งหลิงขอบคุณพนักงานคนนั้นก่อนจะเลือกเดินขึ้นไปด้านบนของหอดูดาวแห่งนี้เพื่อจับจองพื้นที่สำหรับดูดาวในคืนนี้ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทั้งที่คืนนี้เป็นวันที่จะมีดาวตกที่จะมีทุกร้อยปีเกิดขึ้นแท้แต่กลับไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงเธอและสายลมเย็นที่พัดผ่านเท่านั้น
“ไม่มีคนงั้นสินะ เอาเถอะหากว่าคืนนี้มีดาวตกที่ทุกร้อยปีจะมีสักครั้งเกิดขึ้นจริงก็ขอให้คำขอของฉันเป็นจริงทีเถอะ” ลู่เมิ่งหลิงพลางยกสองมือประสานกันเพื่ออธิษฐานต่อดาวและเทพบนสวรรค์ให้ช่วยบันดาลให้คำขอของเธอเป็นจริงเท่านั้น
“เอาล่ะ ลู่เมิ่งหลิงพรุ่งนี้เธอยังต้องไปเรียน จะมามัวแต่เสียใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ” ลู่เมิ่งหลิงปลอบใจตัวเองแล้วเดินลงมาจากหอดูดาวเพื่อกลับไปยังหอพักนักศึกษาที่ตนอาศัยอยู่ในตอนนี้
“อาเตี๋ยฉันกลับแล้ว อาเตี๋ยเธออยู่ไหม” ลู่เมิ่งหลิงเรียกชื่อของรูมเมทของตน ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้รูมเมทของเธอไปค้างที่ห้องของแฟนหนุ่มที่อยู่นอกมหาลัย
“วันนี้แม้แต่อาเตี๋ยที่น่ารักก็ยังไปนอนหอแฟนเลยสินะ แล้วฉันล่ะถูกแฟนบอกเลิกไม่พอ ยังต้องมานั่งดื่มเหล้าในหอคนเดียวอีก วันนี้มันวันอะไรของฉันเนี่ย” ว่าจบลู่เมิ่งหลิงก็ล้มตัวลงบนเตียงก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าเพื่อปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนลง
ร่างบางหลับลงอย่างไม่สติจนกระทั่งได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูเบาๆ
‘เด็กน้อยลืมตาขึ้นมาเถอะ แม่มารับเจ้าแล้ว’
'ใครน่ะ'ลู่เมิ่งหลิงที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเพียงเอ่ยถามเท่านั้น
'แม่มารับเจ้าแล้ว เมิ่งเมิ่ง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ลูกควรอยู่ ไปเถอะกลับไปกับแม่ แม่จะพาเจ้ากลับไปในที่ที่เจ้ากลับมา'
'จะพาฉันไปไหนกันน่ะ'
'เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าก็จะรู้ได้เองเมิ่งเมิ่ง'เสียงของผู้หญิงคนนั้นเงียบไป ลู่เมิ่งหลิงก็หลับลงไปอีกครั้ง
แสงอาทิตย์สาดส่อง เสียงของนกน้อยใหญ่ดังขึ้นเบาๆ เหมือนการขับกล่อมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา สาวน้อยค่อยๆ ตัดสินใจลืมตัวขึ้นมามองดูธรรมชาติเบื้องหน้า พลางใช่สายตาสำรวจรอบๆ อย่างนึกสงสัยว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันแน่ หรือเพียงเพราะนี้เป็นแค่ฝันที่ตนสร้างขึ้นจากจินตนาการในยามเช้า หรือนี่คือเรื่องจริงกันแน่
เมื่อพินิจอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเรื่องจริง สาวน้อยก็ลุกขึ้นมองเสื้อผ้าของตนที่ตอนนี้อยู่ในชุดจีนโบราณผ้าเนื้อดีสีขาวเหลือบน้ำเงินปักด้วยลายที่วิจิตรประณีต เช่นนั้นสาวน้อยจึงวิ่งไปที่สระน้ำด้านหน้าที่ใสราวกับกระจกเพื่อจะสำรวจใบหน้าของตน ก่อนจะพบว่าฝาหน้าของเธอในตอนนี้งดงามยิ่งกว่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์หรือกระทั่งดาราในยุคปัจจุบันที่เธอจากมาด้วย แม้ตอนนี้ร่างนี้จะยังเป็นเพียงเด็กอยู่ก็ตาม
“อะไรกัน นี่ใช่ฉันจริงเหรอ” ลู่เมิ่งหลิงใช้มือลูบไปที่กลางหน้าผากของตน
“รอยอะไรกัน ฉันเคยมีรอยแบบนี้อยู่กลางหน้าผากด้วยงั้นเหรอ”
“ตราดารา สัญลักษณ์แห่งเทพธิดาแห่งฝันน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ลู่เมิ่งหลิงตกลงไปในน้ำอย่างช่วยไม่ได้
“คุณเป็นใครน่ะ”
“อยู่ที่นี่เจ้าต้องใช้ภาษาของที่นี่ มิใช่ภาษาของที่ที่เจ้าจากมารู้หรือไม่ลู่เมิ่งหลิง”
“แล้วคุณเป็นใครกันแน่ รู้ชื่อฉันได้ยังไงกัน แล้วอีกอย่างฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตอบคำถามฉันได้หรือเปล่า” ลู่เมิ่งหลิงถามบุคคลตรงหน้าที่ยืนยิ้มแย้มโดยไม่มีท่าทีว่าจะช่วยตนขึ้นจากน้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เจ้าขึ้นมาจากน้ำดีก่อนหรือไม่ ข้าจะได้ตอบคำถามเจ้าได้ง่ายขึ้น”
“คุณไม่คิดช่วยฉันหน่อยหรือไง ทั้งที่เป็นเพราะคุณแท้ๆ ที่ทำให้ฉันตกลงมาในน้ำแบบนี้น่ะ”
“อ่อ งั้นข้าช่วยเจ้าเอง” ว่าจบร่างกายของเมิ่งหลิงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากน้ำอย่างช้าๆ พร้อมกับเสื้อผ้าที่แห้งงด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณมาก ว่าแต่คุณคือ”
“เสียมารยาทแล้ว ข้าคือคนที่มารดาเจ้าไหว้วานให้มาช่วยดูแลเจ้าในโลกนี้เท่านั้น”
“ในโลกนี้คุณหมายความว่า ที่ๆ ฉันจากมามันไม่ใช่ที่ของฉันเหรอ”
“ฉลาดดี สมแล้วที่เป็นธิดาเทพธิดาดาราจันทรา ถูกต้องโลกที่เจ้าอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ด่านเคราะห์หนึ่งของเจ้าเท่านั้น”
“ด่านเคราะห์ จะบอกว่าฉันเป็นเทพเซียนหรือไงที่จะได้ต้องผ่านด่านเคราะห์อะไรแบบนั้น”
“ใช่มารดาเจ้าคือเทพธิดาดาราจันทรา ส่วนบิดาของเจ้าก็เป็นเทพเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้เรื่องต่างๆ มากขนาดนั้น ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องรู้มีเพียงแค่เรื่องราวของโลกใบนี้เท่านั้น”
“แล้วฉันต้องรู้อะไรบ้างล่ะ ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจว่าแค่อกหักแล้วทำไมถึงตายแล้วมาอยู่ที่นี่ก็เถอะ แต่ฉันก็จะพยายามทำความเข้าและปรับตัวก็แล้วกัน” เทพผู้นั้นมองเด็กสาวอย่างยิ้มเอ็นดูกับการกระทำของนาง
“เหมือนบิดาเสียยิ่งกว่าใครจริง เอาล่ะอย่างแรกเลยก็คือเจ้าลู่เมิ่งหลิง เจ้าต้องเปลี่ยนวิธีการพูดใหม่เสียเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอเวลาอีกหน่อยนะคะ ตอนนี้ฉัน…ข้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใครในโลกนี้กันแน่ แล้วทำไมตอนนี้ข้าเหมือนเป็นเด็กเช่นนี้ล่ะ” ลู่เมิ่งหลิงถามเทพหนุ่มตรงหน้าตน เพราะอยากรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ตนมายังโลกนี้
“เจ้าคือลู่เมิ่งหลิง ปีนี้อายุเจ็ดหนาวเท่านั้น ในโลกนี้เจ้าก็คือเทพธิดาแห่งฝัน”
“พ่อแม่ข้าล่ะเจ้าคะ”
“ในโลกใบนี้เจ้าเป็นเด็กที่เกิดมาจากพลังของธรรมชาติเท่านั้น เจ้าเป็นสตรีจึงมีพลังหยินมาก เจ้าจำไว้แค่เพียงว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะคอยสั่งสอนเจ้าแทนบิดามารดาเอง”
“เจ้าค่ะ งั้นให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดีเจ้าคะ อาจารย์ดีหรือไม่”
“อย่าเชียว อย่าได้คิดที่จะเรียกข้าว่าอาจารย์เชียวเด็กน้อย มิเช่นนั้นบิดาเจ้าได้มาแหกอกข้าเป็นแน่”
“งั้นให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดีเจ้าคะ”
“เรียกข้าว่าท่านลุงใหญ่ก็แล้วกัน เพราะอย่างไรเสียมารดาเจ้าก็เหมือนน้องสาวของข้าคนนึงเช่นกัน ส่วนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าอาเมิ่ง” เทพหนุ่มบอกเด็กสาวอายุเจ็ดหนาวตรงหน้าตน
“เจ้าค่ะท่านลุงใหญ่ เมิ่งเมิ่งจะทำถามที่ท่านบอก” เด็กน้อยคำนับบุรุษตรงหน้าตน
“เมิ่งเมิ่ง เจ้าแทนตัวเองเช่นนี้ไปได้ยินมาจากไหนหรือ” เทพหนุ่มถามเด็กน้อย เพราะชื่อนี้หากมิใช่บิดาหรือมารดาแล้วย่อมไม่อาจมีผู้ใดเรียกเช่นนี้เป็นแน่
“เสียงของผู้หญิงที่บอกว่าจะพาข้ากลับมาที่ที่ข้าควรอยู่เจ้าค่ะ นางบอกว่าเป็นแม่ข้า” เด็กน้อยตอบบุรุษตรงหน้าตน
“งั้นหรือ อาเมิ่งเจ้าจำไว้นะ นั้นคือเสียงของมารดาเจ้า อาเมิ่งน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อของเจ้ามาจากอะไร” เทพหนุ่มพลางลูบหัวเด็กน้อยที่ตอนนี้นั่งอยู่บนตักตน
“ชื่อของข้าหรือเจ้าคะ”
“ใช่ชื่อของเจ้า”
“ชื่อของข้าไม่ได้มาจากกวางแห่งฝันหรือเจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นหรืออาเมิ่ง”
“เจ้าค่ะ มิใช่หรือเจ้าคะ ในโลกก่อนคนที่รับเมิ่งเมิ่งไปเลี้ยงบอกว่า ชื่อของเมิ่งเมิ่งมาจากกวางแห่งฝันเจ้าค่ะ ท่านลุงรู้หรือไม่เจ้าคะ ว่าเมื่อก่อนเมิ่งเมิ่งถูกล้อว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กกำพร้าเป็นเพียงแค่เด็กที่ถูกรับเลี้ยงเท่านั้น” เด็กน้อยว่าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจากการที่ถูกล้อเมื่อชาติก่อน
“อาเมิ่งฟังลุงนะ เรื่องของชาติก่อนจะเป็นเช่นไรก็ช่าง มันก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เจ้ามีลุงใหญ่อยู่ด้วยแล้วจะไม่มีใครรังแกเจ้าได้อีก”
“เจ้าค่ะ เมิ่งเมิ่งรักท่านลุงเจ้าค่ะ ว่าแต่ชื่อของเมิ่งเมิ่งมาจากอะไรกันแน่เจ้าคะ” เด็กน้อยที่ยังไม่คลายความสงสัยเอ่ยถามผู้ที่ตนเรียกว่าลุงอีกครั้ง
“เด็กน้อยเจ้าอยากรู้เช่นนั้นเชียว”
“แน่นอนสิเจ้าคะ ก็ท่านลุงเอ่ยมาเช่นนั้นแล้วจะไม่ให้เมิ่งเมิ่งอยากรู้ได้อย่างไรกัน” เด็กน้อยว่าแก้มป่องอย่างติดงอนเล็กน้อย
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวลุงจะบอกให้ ชื่อของเจ้าคือลู่เมิ่งหลิง ลู่ที่มาจากหยกที่สวยงาม เมิ่งมาจากฝันส่วนหลิงมาจากกระดิ่งลม เพราะฉะนั้นชื่อของเจ้าคือ กระดิ่งลมแห่งฝันที่สร้างมาจากหยก” เทพหนุ่มบอกเด็กน้อยตัวกลมบนตักตน
“กระดิ่งลมแห่งฝันที่สร้างมาจากหยกหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ ทำไมท่านแม่ถึงตั้งชื่อข้าแบบนี้กัน”
“เจ้านี้ช่างสงสัยมากจริงนะอาเมิ่ง ชื่อเจ้าหาใช่มารดาเจ้าตั้งไม่ เป็นบิดาของเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ตั้งชื่อของเจ้าขึ้นมา” เทพหนุ่มตอบเด็กน้อยบนตักตน
“ท่านพ่อจะตั้งชื่อข้าเช่นนี้ทำไมกันนะ”
“อาเมิ่ง ต่อไปนี้เจ้าแทนตัวเองว่าอาเมิ่งนะ อย่าแทนตัวเองว่าเมิ่งเมิ่งต่อหน้าผู้อื่นอีกเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ ท่านลุงใหญ่ต่อไปนี้อาเมิ่งจะต้องทำเช่นไรต่อไปเจ้าคะ”
“ต่อไปนี้ ลุงจะคอยดูแลคอยสอนเจ้าในทุกๆ เรื่องเอง อย่างไรเสียก็เฉพาะเรื่องที่เจ้าต้องรู้ในโลกนี้เท่านั้นแหละนะ ที่ลุงจะสอนเจ้าได้ เพราะอย่างเจ้าเองก็เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเช่นกัน”
“ท่านลุงแล้วเราจะพักที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“…” เทพหนุ่มไม่ตอบพลางยิ้มก่อนจะใช่พลังสร้างกระท่อมขึ้นมาเพื่อให้เด็กน้อยและตนได้อาศัยอยู่
“เราจะอยู่ที่นี่กัน กระท่อมแห่งนี้คือที่ที่เราสองคนลุงหลานจะอยู่จนกว่าเจ้าจะถึงเวลาที่สมควรออกไปเจอโลกภายนอก”
“ท่านลุงเรียกที่นี่ว่ากระท่อมหรือเจ้าคะ” เมิ่งหลิงถามเทพหนุ่มเพราะสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าไม่ควรถูกเรียกว่ากระท่อม ควรเรียกว่าจวนมากกว่า
“งั้นหรือ” เทพหนุ่มว่าก่อนจะอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกและพาสำรวจรอบๆ โดยไม่รู้เลยว่าจะมีสายตาคู่หนึ่งมากทั้งสองด้วยสายตาอิจฉาอยู่
“หน็อย เจ้าหงส์เฒ่าถือสิทธิ์ว่าเป็นคนที่ดูแลภรรยาข้ามา แล้วยังมีหน้ามาอุ้มลูกสาวก่อนผู้เป็นบิดาเช่นข้าอีก” เทพหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะใช้มือทุบเข้าที่ต้นไม้ใกล้อย่างแรง
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
"เธอคือผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่มีดวงตาสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ในศตวรรษที่ 24 เมื่อเธอเกิดใหม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ดวงตาของเธอถูกขุดออก การฝึกฝนของเธอถูกทำลาย ตัวตนของเธอถูกพรากไป และลูกชายของเธอถูกไอ้สารเลวและผู้หญิงใจร้ายแย่งชิงไป! จะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร! จากนั้นเธอใช้ชีวิตกับลูกสาว ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ จัดการทุกคนที่หาเรื่องพวกเขา และในที่สุดก็พบกับราชาเทพชั่วร้ายที่พาลูกชายของเธอไปจนได้ ลูกตัวน้อย ""แม่ มีผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตราบใดที่หนูเรียกเขาว่าพ่อ เขาจะมอบภูเขาทองคำให้หนู"" ผู้หญิง ""ถามเขาหน่อยว่าเขามีอีกไหม ฉันสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ด้วยนะ"" ราชาเทพกัดฟัน ""สาวน้อย ลูกทั้งสองเป็นของฉัน และตัวเธอก็เป็นของฉันด้วย"""
[แสนหวาน + วิวาห์ฟ้าแล่บ + แต่งงานก่อน แล้วรักทีหลัง] แฟนที่หลู่ชิงชิงเลี้ยงดูมาหลายปีกลับนอกใจเธอ แอบไปคบกับเพื่อนสนิทของเธอ? เธอทนต่อกับเรื่องนี้ไม่ได้ และไปสมัครขอแต่งงานโดยตรง และแต่งงานกับชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากการแต่งงานแล้ว ชายคนนั้นคำหนึ่งก็ว่าเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัวสองคำก็ว่าจะเลี้ยงดูเธอ หลู่ชิงชิงเยาะเย้ยคิดว่ามันเป็นกลอุบายและคำโกหกของผู้ชายอีกแล้ว โดยไม่คาดคิดว่าชายคนนี้กลับกลายเป็นคนให้ความสำคัญกับภรรยาตัวเองจริงๆ ทั้งสนับสนุนอาชีพการงานของเธอและยังช่วยเธอทำงานบ้านด้วย และให้เธอตกแต่งบ้านตามใจชอบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา เขาก็สามารถแก้ปัญหาให้เธอได้ตลอด ทุกครั้งที่เธอถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขามักจะหัวเราะและเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาดโดยชมเธอว่าเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ภายใต้การเลี้ยงดูจากสามีของเธออย่างต่อเนื่อง เธอก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน จากนั้นเธอถึงพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในนิตยสารการเงินระดับโลกที่ดูเหมือนสามีของเธอทุกประการ...
เรื่องย่อ วังวนร้อนรักจวนแม่ทัพใหญ่ แนว 4P ซุนหลีนถูกจับมาเป็นเชลยสงครามพร้อมพี่ชายบุญธรรมที่นางแอบมีใจให้เขาและมารดา แต่ด้วยความงามของนางจึงทำให้ฮูหยินใหญ่ที่ไร้ทายาทต้องการให้นางอุ้มท้องแทนตน เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน หนังสือนิยายเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเหมาะกับสายแซ่บไม่พูดเยอะ เจ็บคอ จะมีฉาก NC นำเนื้อหาแทบทั้งเรื่อง และพล็อตเบาคลายเครียด แทบไม่มีพล็อตค่ะ ดังนั้นท่านผู้อ่านควรพิจารณาโหลดตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ขอบคุณค่ะ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
© 2018-now MeghaBook
บนสุด