หญิงงามต้องคำสาป 'การเสพสม' คืออาหาร แต่เมื่อความรักมาเยือน นางจะทำเยี่ยงไร ใจหนึ่งก็รัก แต่ร่างกายก็กระหายหิว!!!
หญิงงามต้องคำสาป 'การเสพสม' คืออาหาร แต่เมื่อความรักมาเยือน นางจะทำเยี่ยงไร ใจหนึ่งก็รัก แต่ร่างกายก็กระหายหิว!!!
สองเท้าพาร่างอ่อนล้าเพราะกรำงานหนักมาทั้งวันมุ่งตรงเข้าสู่ตรอกเล็กๆ ที่แยกมาจากถนนเส้นหลักของชุมชนย่านตลาด แม้จะเป็นยามห้ายแต่เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนโหวกเหวกร้องเรียกลูกค้าซื้อของ เสียงลูกจ้างโรงเตี๊ยมเรียกลูกค้าเข้าร้าน เสียงหัวเราะต่อกระซิกครื้นเครงจากโรงคณิกา และเสียงการเล่นที่มีเรียงรายตลอดเส้นทางก็ยังดังต่อเนื่องตลอด เสมือนว่าทุกสิ่งบนถนนเส้นหลักนั้นไม่เคยหลับใหล
แต่สำหรับเขา งานรับจ้างแบกข้าวสารที่กรำมาทั้งวัน ก็หนักหนาเสียจนเขาอยากจะทอดร่างลงนอนแล้วให้น้องนางคณิกาที่ชม้อยชายตาให้เมื่อครู่ บีบนวดให้คลายเมื่อย แต่เพราะความจนทำให้ต้องเจียมตัว เงินที่หาได้ในแต่วันก็ต้องเก็บออมไว้ไถ่ถอนที่นาที่เอาไปจำนองไว้เมื่อครั้งแต่งเมีย
เดิมคิดว่าหน้านาครั้งนี้จะได้ข้าวมากพอที่จะขายและปันเงินมาไถ่ถอนได้ แต่โชคชะตาฟ้าก็กลั่นแกล้งให้ปีนี้น้ำท่วมหนัก ข้าวเน่าตายคานาไปแทบทั้งหมด ที่เหลือก็เพียงเอาไว้กิน เขาจึงต้องจากบ้านมาทำงานในเมือง
ดังนั้นไม่ว่าจะอยากปลดเปลื้องความสุขมากแค่ไหน ก็ต้องทนไว้ หรือหากทนไม่ไหว นิ้วมือทั้งห้าก็ช่วยได้ แต่หากพรุ่งนี้เขาขยันมากขึ้น บางทีเขาอาจมีเงินเพียงพอที่จะหาซื้อความสุข แค่ต้องขอให้ ‘ซ้อเจ็ด’ เจ้าของหอคณิกา ช่วยลดราคาค่าตัวแม่นางเหล่านั้นให้หน่อย เขาจะไม่เกี่ยงไม่เลือกนางใด จะให้ซ้อเจ็ดเลือกให้ แม่นางผู้ใดก็ได้ที่จะพอรับเงินน้อยนิดของเขา
“อูย...”
แค่คิด มือกรำงานมาทั้งวันก็ต้องทาบทับกระบองสั้นเอาไว้เพื่อระงับ แต่เสียงหัวเราะของแม่นางคนงามเหล่านั้นก็ยังคงดังต่อเนื่อง เขาจึงต้องเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นอีก ถ้าไม่ได้ยินเสียงหวานหัวเราะต่อกระซิก เขาคงจะห้ามตัวเองจนกว่าจะถึงที่พักได้
ยามดึกเช่นนี้ แสงสว่างจากจันทร์ครึ่งเสี้ยวยังพอให้เห็นเส้นทางได้ ยิ่งเดินมาไกล ทั้งเสียงและแสงก็เริ่มจะลดน้อยลง เพราะแม้จะมีแสงจันทร์นำทาง แต่แนวต้นไม้ที่ขึ้นหนาทึบเรียบริมตลิ่งก็ไม่อาจทำให้จันทร์ทอแสงส่องมาถึงได้
อากาศที่เริ่มเย็นทำให้เขาต้องห่อตัวและเร่งฝีเท้า เพื่อให้ถึงยังจุดหมายโดยเร็ว เพราะหากชักช้าแล้วพบเจอสัตว์มีพิษเข้า เขานี่แหละที่จะเดือดร้อน เพราะคงไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าหมอรักษา ลำพังแค่เงินจะหาห้องพักเล็กๆ แค่ซุกหัวนอนก็ยังทำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เลือกพำนักที่วัดร้างด้านใน
คิดแล้วก็ท้อใจในโชคชะตาเพราะลำพังแค่เงินค่าจ้างต่อวันก็น้อยแล้ว ยังต้องเจียดไว้สำหรับซื้ออาหารแต่ละมื้อ ดังนั้นเรื่องเข้าพักในโรงเตี๊ยมก็เป็นสิ่งที่ไกลตัว คิดแล้วก็ได้แต่แค่นยิ้ม เพราะจนแสนจน แต่เขายังกล้านึกถึงเรือนร่างของแม่นางเหล่านั้น
ร่างเล็กผอมรีบพาตัวเองเดินลัดเลาะตามริมตลิ่ง สายตาสอดส่ายระแวดระวังภัย แต่แล้วอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ริมน้ำก็ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้า พลางขยี้ตาให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นใช่อย่างที่คิดไว้จริงหรือไม่
เรือนร่างขาวโพลนท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องกระทบกำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางสายน้ำที่แยกตัวมาจากแม่น้ำสายหลักของเมืองหลวง ขนาบกับตรอกที่เขาเดินเข้า ร่างอรชรแหวกว่ายไปในทิศทางที่เขากำลังตรงไป ‘ท่าน้ำหน้าวัดร้าง’ สถานที่ที่เขาใช้สำหรับชำระล้างร่างกายในแต่ละค่ำคืน
สองเท้าพาก้าวเร็วไวตามใจที่โลดแล่น แม้ว่ามันอยากจะหยุดเต้นเสียเวลานี้ เพราะหากเขาไม่ได้ตาฝาดไป สิ่งที่เห็นนั้นคือ สาวน้อยรูปร่างอรชรที่ไม่ได้นุ่งห่มอะไรเลยสักชิ้น ร่างของแม่นางผู้นั้นเปล่าเปลือยจนเห็นความอวบอิ่มนูนเด่นได้อย่างถนัดตาและยิ่งใหญ่จนเขาอยากไปเห็นให้ใกล้กว่านี้
ยิ่งเดินเข้าใกล้ ดวงตาหื่นกระหายก็ไม่อาจละจากอกอวบอิ่มที่เห็นปริ่มน้ำได้เลย เพราะทรวงอกนั้นไม่ต่างจากดอกบัวคู่งามที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา มันทั้งอูมใหญ่ ทั้งขาวผ่องกระจ่างชัดอยู่ในค่ำคืน และเมื่อเจ้าของดอกบัวคู่ใหญ่หันมาเห็นเขา หญิงสาวก็ทำท่าเอียงอาย แต่ชม้ายตาให้เขาราวกับเย้ายั่ว
เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ท่าน้ำ แต่ไม่วายจะหันมองเข้าไปด้านใน เพราะวัดร้างแห่งนี้ไม่ได้มีเขาอยู่เพียงผู้เดียว แต่ยังมีคนทุกข์ยากแบบเขามาอาศัยอยู่ด้วยกันหลายคน แค่มีที่ซุกหัวนอนเท่านั้น เขาอยากให้แน่ใจว่านอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครเห็นแม่นางน้อยยั่วเย้าผู้นี้
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใคร เขาไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าใกล้
ริมฝีปากอวบอิ่มของสาวน้อยแย้มยิ้มพร้อมกับส่ายทรวงอกสะท้านผิวน้ำไปมาราวกับว่าหากขืนเขายังช้ากว่านี้ บัวคู่งามก็อาจจะหลบลี้หนีจากไปได้
ไม่มีอะไรอยู่ในหัวของเขาอีกแล้วในเวลานี้ สิ่งที่เห็นตรงหน้าสั่งการให้ฝ่ามือหยาบใหญ่จากการกรำงานหนักมาทั้งวันและตลอดชั่วชีวิตนี้ไม่รอช้า เร่งถอดเอาเสื้อผ้าชุ่มเหงื่อออกจากร่างแต่โดยเร็ว ฝ่าเท้าพาก้าวลงสู่ริมตลิ่งทั้งที่ดวงตากระหายยังคงจับจ้องใบหน้างามที่มองมาอย่างเรียกร้องเชิญชวน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY