คนหนึ่งรัก…..คนหนึ่งเลิกรัก คนหนึ่งเสียใจ……คนหนึ่งพอใจ คนหนึ่งคิดถึง……คนหนึ่งทิ้งให้คิดถึง
คนหนึ่งรัก…..คนหนึ่งเลิกรัก คนหนึ่งเสียใจ……คนหนึ่งพอใจ คนหนึ่งคิดถึง……คนหนึ่งทิ้งให้คิดถึง
"น่ารำคาญ" ผมพูดขึ้นอยู่เบาะหลังรถหรูที่นั่งมาหลังจากที่สายตาปะทะเข้ากับฝูงนักข่าวจำนวนมากที่รอต้อนรับ ไม่ต่างอะไรจากแร้งรุมศากศพ แค่คิดก็ทำเอาหงุดหงิด
"คิดเห็นอย่างไรกับข่าวที่เกิดขึ้นในเครือของ ACTOR ตอนนี้บ้างครับ/คะ?" ไม่ทันที่เป้าหมายอย่างผมจะลงจากรถ ก็พบกับคำถามไม่เข้าหู
ขายาวก้าวลงจากรถที่นั่งมาหวังฝ่าฝูงนักข่าวจำนวนมากเข้าไปด้านในพร้อมกับบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันแต่เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะจำนวนนักข่าวที่มากจนยากเกินไปที่จะเปิดทาง
"ช่วยตอบคำถามหน่อยได้ไหมครับว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่าหรือว่าที่ไม่ตอบเพราะว่ามันคือเรื่องจริงตามที่เป็นข่าว" คำถามที่ไม่รู้ว่าถูกกรองมากจากส่วนไหนในสมองทำให้ผมเลือกที่จะหยุดเดินและหันมองหน้าเจ้าของเสียงนั้นชัดๆ
"การที่ผมไม่ผูกสัมพันธ์กับคนจำนวนมากไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการนะครับ แต่ผมแค่ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมจนเกินเหตุหรือถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากที่จะยุ่งกับใครเลยด้วยซ้ำถ้าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับงาน ผมว่าคุณน่าจะลองทำเหมือนผมบ้าง"
เหมือนคำพูดของผมจะเป็นผลทำเอาเจ้าตัวถึงกับหน้าซีดเล็กน้อย แต่ก็เอาเถอะผมไม่มีเวลามากพอที่จะต่อปากต่อคำกับใคร
และไม่นานมากจากความวุ่นวายผมก็ฝ่าฝูงนักข่าวมาได้แม้จะแลกมาด้วยความยากลำบากก็เถอะ
"ดูสิ่งที่แกทำ! มันเสียหายมากขนาดไหนแกเห็นหรือยัง!?" ผมชินแล้วล่ะ กับคำกรนด่าของผู้เป็นพ่อหรือจะเรียกว่าท่านประธานดี?
"หุ้นตกไปกี่ร้อยล้านล่ะครับครั้งนี้"
เพี๊ยะ!
ไม่ทันสิ้นเสียงดีฝ่ามือหนาของคนเป็นพ่อก็ตบลงมาที่หน้าผมอย่างจัง ผมนิ่งไปอย่างคิดไตร่ตรองกันสิ่งที่เกิดผม ถ้าให้ไล่มาตั้งแต่จำความได้นี่คงเป็นครั้งแรกที่พ่อตบหน้าผม
"นอกจากจะไม่สำนึกยังมาทำท่าทีแบบนี้ใส่ฉันอีกนะแก!" ท่าทางของพ่อโกรธจัดในระยะที่ผมเองก็เคยเจอมาก่อนเหมือนกัน
"แล้วแกจะทำยังไงต่อ ดูผู้หญิงที่แกควงสิ ไม่เคยจะซ้ำหน้ากันเลยสักข่าว งามไส้ดีไหมล่ะ” ใช่ครับเพราะข่าวที่ผมควงสาวแบบว่าเข้าโรงแรมไม่ซ้ำหน้าทำให้หุ้นบริษัทตกพรวดวันละหลาย ๆ สิบล้าน พ่อถึงได้เดือดขนาดนี้
เครือกรุ๊ป ACTOR เป็นธุรกิจส่งออกรายใหญ่ระดับโลกถ้ามีเรื่องนิดหน่อยมากระทบก็ทำหุ้นตกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
"กลับมาเป็นคนเดิมได้เเล้ว หนูพิมเธอตายไปนานแล้ว" ผมขมวดคิ้วขึ้นกับประโยคที่พ่อพูดบอก ผมไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะพูดเรื่องนี้มาทำเพื่ออะไร
"ผมขอตัว" ไม่รอให้คู่สนทนาได้ตอบกลับอะไรไปมากกว่านี้ก็เดินออกมาพร้อมกับคำกรนด่ามากมายตามหลัง นี่มันวันอะไรของผม วันโดนพ่อด่าแห่งชาติงั้นเหรอ
พิมคือภรรยาที่ผมรักมาก แม้ชีวิตถ้าผมแลกเธอกลับมาจากอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีที่แล้วได้ ผมก็จะทำ
"นายน้อยอย่าไปใส่ใจเลยนะครับ คุณท่านแค่โมโห" เอ็มมือขวาคนสนิทของผมพูดขึ้นหลังจากที่เราทั้งคู่เดินเข้ามาที่ห้องทำงานของผมแล้ว
"เงียบ" มันก้มลงมาพื้นพร้อมกับมือที่ประสานกันอยู่ด้านหน้า
อีกด้าน
ผมถูกเรียกตัวกลับมาประเทศไทยด่วนเพราะคุณพ่อ ความจริงแล้วผมเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีที่ฝรั่งเศสและมีแพลนจะทำงานที่นั่นสักระยะเพื่อหาประสบการณ์แล้วกลับมาช่วยบริษัทของคุณพ่อทีหลัง
"แล้วสรุปคุณพ่อเรียกดีนกลับมาด่วนเพราะอะไรครับลุงเอก" นั่งนึกหาเหตุผลมาตลอดที่ขึ้นเครื่องมาก็ไม่อาจจะรู้ความคิดของท่านเองเลยเพราะปกติแล้วถ้ามีเหตุให้ต้องกลับไทยคุณพ่อก็ต้องบอกล่วงหน้าสิแต่ครั้งนี้ไม่ใช่
"ไม่มีใครรู้ความคิดของนายท่านได้หรอกครับคุณหนู" ก็จริงอย่างลุงแกว่านะ
ตอนนี้ลุงเอกมารับผมที่สนามบินและเราก็กำลังเดินทางกลับบ้านพร้อมกับรถคุ้มกันจำนวนมาก ก็นะคุณพ่อกับธุรกิจมากมายทั้งผิดและถูกกฎหมายลูกกลับมาทั้งทีคงไม่ดีถ้าคู่แข่งทางการค้าจะลอบฆ่าผม เอาเถอะความสบายใจของท่านหนิ
เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ถึงที่หมาย ประตูรั้วขาวขนาดใหญ่เปิดออกเมื่อรถคันแรกเข้าจอดจ่อประตูหวังเข้าด้านในคฤหาสน์กว้าง
"ผมไม่กลับมาแค่ปีเดียวบ้านเราเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอครับ" ไม่คิดว่าผมจะกลายเป็นเด็กคิดถึงบ้านไปได้
"นายท่ายสั่งปรับปรุงบริเวณบ้านเมื่อสามวันที่แล้วก่อนคุณหนูกลับมาเองครับ"
ลุงเอกเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณพ่อเขาแหละ การที่ได้มารับผมก็เพราะความไว้ใจล้วนๆ เพราะท่านรู้ว่าลุงเอกสามารถปกป้องผมได้แน่นอนยามเกิดเหตุฉุกเฉิน
ผมพยักหน้าให้กับคำตอบของลุงเอกก่อนจะหันมาสนใจกระเป๋าที่ตัวเองสะพายมาเพื่อเตรียมพร้อมจะลงจากรถแต่รู้สึกว่าจะมีคนยืนต้อนรับผมอยู่ก่อนแล้วด้วย
"คุณพ่อสวัสดีครับ คิดถึงจังเลย" ผมเดินไปสวมกอดคุณพ่อที่มารอรับทันทีที่ลงจากรถ เราทั้งคู่สนิทกันมากถึงมาก แต่ก็ไม่ได้ตามใจผมให้เสียนิสัยอะไรขนาดนั้นหรอก ตามใจตามที่เห็นสมควร
คุณแม่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กๆ เลยมีแค่คุณพ่อเท่านั้นที่ทำหน้าที่ดูแลผมทุกอย่าง ถามว่าคุณแม่เป็นอะไรถึงเสีย ผมให้คำตอบไม่ได้หรอกครับเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก" ฝ่ามือหนาลูบลงบนผมนุ่มของผู้เป็นลูกอย่างอ่อนโยนผิดฐานะเจ้านายจนลูกน้องหลายๆ คนต่างส่งยิ้มให้กับภาพที่เห็นแต่ก็ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อปะทะสายตากับผู้เป็นนาย
"เข้าบ้านกันเถอะ ลูกกลับมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำ พักผ่อนเเล้วเดี๋ยวเย็นนี้พ่อจะให้คนขึ้นไปตามสำหรับดินเนอร์"
"ดีเหมือนกันครับ เจ๊ทแล็กจนได้" ไม่แปลกที่จะแจ๊ทแล็กเลยครับก็ดูทามโซนของไทยกับฝรั่งเศสสิ มากี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยชินเลย
กระเป๋าสัมภาระของผมถูกเคลื่อนย้ายขึ้นไปบนห้องจนหมดในระยะเวลาไม่นานด้วยฝีมือแม่บ้านก่อนจะขอตัวละจากคุณพ่อขึ้นไปอาบน้ำแล้วงีบพอให้หายแจ๊ทแล็กสักหน่อยก็ยังดี
"กลับมาแล้วนะครับคุณแม่" ก่อนเข้าห้องไม่ลืมที่ผมจะแวะไหว้คุณแม่ในห้องของท่าน แต่ดูจากธูปหนึ่งดอกที่ถูกจุดไว้จนเหลือครึ่งก็น่าจะเป็นของคุณพ่อ
"คุณพ่อคงบอกแล้วใช่ไหมครับ คิดถึงจังเลยนะ" มือเล็กเอื้อมเข้าไปลูบวนกับรูปในกรอบบริเวณแก้มสวยของผู้เป็นแม่ก่อนจะหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อเสียงหนึ่งเข้าแทรก
"คุณหนูคะ ป้าจัดของเข้าที่ให้หมดแล้วนะคะ" ผมหันไปพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้เข้าที่เหมือนเดิม
ร่างบางของผมยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกที่สะท้อนภาพเงาของตัวเองออกมาให้เห็นถึงส่วนโค้งส่วนเว้าในร่างกายที่ผมคุ้นชิน
ทำไมตนถึงไม่เกิดมารูปร่างเหมือนผู้ชายที่เขาตัวสูงๆ โตๆ นะ แอบสงสัยอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยที่จะได้คำตอบเพราะมันเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของผมไปเสียแล้วน่ะสิ
"คุณหนูคะ คุณท่านให้ขึ้นมาถามว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ?" เสียงป้าจิ๋ว หัวหน้าแม่บ้านประจำเอ่ยถามขึ้นจากด้านนอกห้องน้ำ
"ไม่ครับป้า" ผมตะโกนรับจากด้านในก่อนจะรีบแต่งตัวใส่เสื้อคุมเดินออกจากห้องน้ำ
"งั้นเดี๋ยวป้าจะขึ้นมาตามอีกทีตอนทานมื้อเย็นนะคะ"
"ครับป้า ฝากล็อคห้องให้ดีนหน่อยนะครับ" ว่าบอกและเดินไปปรับอุณหภูมิแอร์ให้เย็นลงหลังจากป้าเดินออกไปก่อนจะทิ้งตัวนอนลงทั้งเสื้อคุมผืนเดียว เพลียมากขอนอนหน่อยแล้วกัน
18:30 น.
"ป้ากำลังไปตามคุณหนูพอดีเลยค่ะ" ป้าจิ๋วพูดขึ้นเมื่อมาเจอผมที่บันไดเชื่อมชั้นพอดี
"พอดีว่ากับข้าวมันหอมไปถึงห้องเลยครับ ดีนคิดถึงฝีมือป้าจิ๋วจะแย่เลยรีบลงมา" อันนี้ผมไม่ได้โกหกนะกลิ่นกับข้าวที่คุ้นเคยมันหอมแบบสุดๆ ไปเลย
"งั้นไปกันเถอะค่ะ นายท่านรอคุณหนูอยู่" ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินนำอีกคนไปที่ห้องอาหาร
"ลงมาแล้วเหรอลูก"
"ครับคุณพ่อ พอดีว่ากลิ่นอาหารห๊อมหอม ขึ้นไปตามถึงบนห้องเลย" ผมเดินไปเข้าที่ประจำของตัวเองพลางตอบกลับผู้ที่รออยู่ก่อนแล้ว เสียนิสัยจริง ๆ เลยให้คุณพ่อรอทานข้าวได้ไงเนี่ย
เราสองพ่อลูกเริ่มทานข้าวทันทีที่เด็กในบ้านตักข้าวให้ นานๆ ทีจะได้ทานข้าวด้วยกันมันก็จะอร่อยหน่อย ๆ บวกกับฝีมือการทำกับข้าวของป้าจิ๋วอีก สุดยอดไปเลย
"ว่าแต่คุณพ่อจะบอกได้ยังครับว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเรียกดีนกลับไทยด่วนขนาดนี้ล่ะ" ผมถามขึ้นพลางตักข้าวในช้อนเตรียมจะใส่ปาก
ก็ตั้งแต่กลับมาพ่อยังไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องที่ให้ผมกลับไทย ผมเลยต้องชิงถามก่อนเพราะความอยากรู้และข้องใจ
"ดีนจำเพื่อนพ่อที่ชื่อลุงเจตน์ได้ไหม?" คุณพ่อชำเลืองมองมาทางผมกลายๆ ก่อนจะพูดขึ้นถาม
"ลุงเจตน์ที่เมื่อก่อนชอบมาบ้านเราบ่อยๆ น่ะเหรอครับ ว่าแต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้เห็นเลยนะครับ" พูดตอบบทสนทนาหลังจากรู้สึกอิ่มข้าวพอดีก่อนจะวางช้อนส้อมในมือลงอย่างเบาแรง จับผ้าขึ้นเช็ดริมฝีปากบางของตัวเองก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตาม
"นั่นแหละ พอดีว่าลุงเจตน์อยากให้ดีนกับลูกเขาแต่งงานกัน"
"แค่ก ๆ....คุณพ่อว่าอะไรนะครับ" สำลักน้ำสิงานนี้ ผมไม่ได้ยินอะไรผิดไปใช่ไหม?
"ใจเย็นๆ ค่อยๆ ดื่มสิลูก ก็ลุงเจตน์มาปรึกษาพ่อเรื่องลูก ว่าอยากจะให้แต่งงานกับลูกเขา พ่อก็คิดเหมือนกันนะว่าลูกพ่อจะได้มีคนดูแล พ่อจะได้หมดห่วง" คุณพ่อพูดต่อหลังจากที่ผมมีท่าทีหายจากอาการสำลักน้ำแล้ว
สายตาที่ส่งมาตอนนี้ของคุณพ่อเหมือนกับตอนทำงานเลย มันยิ่งทำให้ผมรู้ว่าครั้งนี้คุณพ่อจริงจังกับมันมากแค่ไหน แล้วแบบนี้ผมจะหาข้ออะไรมากังขาท่านได้
"แต่ลูกลุงเจตน์เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอครับหรือว่ามีผู้หญิงอีกที่ดีนไม่รู้" คิ้วคู่สวยเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างรอคำตอบ
ตั้งแต่เด็กจนโตมาก็รู้แค่ว่าลุงเจตน์มีลูกผู้ชายอายุก็มากกว่าผมราว ๆ 4-5 ปีได้ แต่ทำไมถึงมาคุยเรื่องแต่งงานกับผมที่ตัวก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
"ไม่มีหรอก ลุงเจตน์มีลูกแค่คนเดียว" ผมไม่ได้จำผิดแต่ทำไมล่ะ?
"คุณพ่อหมายความว่าจะให้ดีนแต่งงานกับผู้ชายเหรอครับ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับพ่อ?" ไม่โอเค ผมไม่โอเคและไม่เข้าใจว่าผู้เป็นพ่อกำลังคิดอะไรอยู่
"ใจเย็น ๆ ก่อน พ่อเห็นว่าพี่เขาก็เป็นคนดีปกป้องดีนได้ พ่อไม่สามารถอยู่กับดีนได้ตลอดนะ เข้าใจพ่อหน่อย" คุณพ่อพูดบอกด้วยน้ำเสียงที่ซอร์ฟลงจากประโยคก่อนหน้าพลางวางช้อนส้อมในมือลงและมองมาที่ผมอย่างตั้งใจนัยน์ตาคู่นั้นแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเป็นห่วง ถึงจะแบบนั้นก็เถอะผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
"แล้วทำไมคุณพ่อไม่ถามดีนสักคำล่ะครับ ทำไมไม่เข้าใจดีนบ้าง"
"ดีนอิ่มแล้ว ดีนจะขึ้นห้อง" น้อยใจครับมีแค่คำเดียวเลยที่อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ของผมได้
"หยุดนะดีน พ่อไม่ชอบคนไม่เปิดรับฟังอะไร กลับมานั่งที่เดิม”
"........" ผมที่กำลังจะลุกออกจากเก้าอี้ก็ต้องนั่งลงเหมือนเดิมเพราะรู้แจ้งถึงนิสัยส่วนตัวของผู้เป็นพ่อ
"พรุ่งนี้เย็นลุงเจตน์และครอบครัวจะมาทานข้าวเย็นที่นี่ หวังว่าลูกจะทำตัวดีๆ" คุณพ่อที่เหมือนจะไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อก็สรุปทุกอย่างรวบมัดเหมือนมัดมือชกผมเป็นกลาย
"ดีนปฏิเสธอะไรได้บ้างล่ะครับ" นั่นแหละครับผมปฎิเสธอะไรได้ด้วยเหรอ เพราะคำตัดสินของพ่อเป็นที่สิ้นสุดไง
ผมที่ตอนนี้อารมณ์แย่มาเต็มที่ก็ลุกขึ้นเดินไปชั้นสองทันทีก่อนที่เสียงเรียกของป้าจิ๋วจะตามมาติดๆ รอดีนอารมณ์โอเคกว่านี้แล้วกันนะครับป้า
"คุณหนูคะ คุณหนู" ป้าจิ๋วเรียกตามคุณหนูของเธออย่างเป็นห่วงพลางเดินตามไปดูอาการแต่กลับหยุดนิ่งเสียก่อนกับเสียงที่ดังขึ้นแทรก
"ปล่อยเขาไป" นายใหญ่ของบ้านพูดบอกเสียงเรียบก่อนจะถอนหายใจออกมากเฮือกใหญ่อย่างรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าลูกตนต้องไม่พอใจกับสิ่งนี้เป็นแน่
แต่จะให้ทำยังไงได้เพราะสิ่งที่ตนมอบให้ก็เพื่อตัวลูกเองทั้งนั้น เอาเถอะข่มโคขืนให้กลืนหญ้ากันหน่อยจะเป็นอะไรไป
คนที่ไม่ได้รักกัน แต่ถูกจัดให้แต่งงานกันเพียงเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัว ให้ตายก็รักกันไม่ได้อยู่ดี
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY