วิญญาณสาวร่างกายเปียกปอน คอยติดตามอดีตว่าที่สามี เธอไม่รู้ว่าตนเองตายเพราะอะไร อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม มีเพียงแฟนสาวของอดีตสามีที่จะช่วยเธอได้ แต่เธอก็เกลียดผู้หญิงคนนี้ เกลียดที่สุด
วิญญาณสาวร่างกายเปียกปอน คอยติดตามอดีตว่าที่สามี เธอไม่รู้ว่าตนเองตายเพราะอะไร อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม มีเพียงแฟนสาวของอดีตสามีที่จะช่วยเธอได้ แต่เธอก็เกลียดผู้หญิงคนนี้ เกลียดที่สุด
“นังพิม นังพิ๊ม แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย พวกชั้นรอจนจะได้ผัวเป็นตัวเป็นตนกันแล้วนะ”
เสียงสาวประเภทสองนามว่าแนทซี่ดังออกมจากลำโพงรถเสียงดังลั่น
“ถึงแล้ว ถึงแล้ว กำลังจะถอยรถจอด แค่นี้ก่อนนะแก”
หญิงสาววางสายพร้อมกับถอยรถเข้าที่จอดและรีบร้อนเปิดประตูออกมาโดยไม่ทันได้ระวัง ปึก เสียงประตูรถของเธอกระแทกกับที่จอดรถคันข้างๆอย่างแรง
“ตายๆ ตายแล้วนังพิม กระแทกแรงด้วยรถเค้าจะบุบไหมวะเนี่ย”
รำพึงรำพันพลางถลาลงมาจากรถแล้วค่อยๆเอามือลูบรถคันที่โดนกระแทก
“ฮือ รถแพงด้วย ใหม่กริ๊บเลย ฮือ บุบเลย ยี่ห้ออะไรเนี่ย” พิมพ์ใจก้มหน้าก้มตาเดินไปดูข้างท้ายรถ
“บีเอ็ม ป้ายแดงด้วย นังพิมตายแน่ เงินทั้งเดือนจะพอค่าซ่อมรถเค้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮือ”
ชายหนุ่มที่ยืนตรงประตูด้านคนขับของรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู แปดซีรี่ส์ นิ่วหน้าใส่หญิงสาวที่กำลังรำพึงรำพันอยู่คนเดียวด้วยความระอาพลางนึกในใจว่าเดี๋ยวก็คงรีบถอยรถไปจอดที่อื่นหรือไม่ก็หนีเข้าร้านทำไม่รู้ไม่ชี้แน่ๆ แต่ผิดคาดเมื่อเขาเห็นหญิงสาวมุดกลับเข้าไปในรถแล้วหยิบกระดาษกับปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มจึงเริ่มพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าด้วยความละเอียดอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนรูปร่างตามแบบสมัยนิยม เธอไม่ใช่คนผอมขาวหุ่นดีแบบที่ผู้หญิงทั่วๆไปนิยมมีแต่เธอเป็นคนผิวสีน้ำผึ้งที่มีเนื้อมีหนังดูกลมมนไปทั้งตัว เอวไม่ได้เล็กแต่ก็มีเอว ไม่ได้ผอมบางแต่ก็ไม่ได้อวบอ้วน ความสูงไม่เกินหัวไหล่เขาน่าจะสูงร้อยหกสิบกว่าๆ หน้ากลมใส่แว่นกระจกสีฟ้าแบบตัดแสงเวลาต้องใช้คอมพิวเตอร์นานๆ จูมกกับปากเล็กนิดเดียว คงแบบนี้กระมังที่เค้าเรียกกันว่าปากนิดจมูกหน่อย เธอรวบผมไปเกล้าเป็นหางม้าที่ด้านหลังจนหมด แถมยังติดกิ๊บดอกไม้สีส้มไว้ทั้งด้านซ้ายขวา คงเป็นคนขี้รำคาญไม่ชอบให้ลูกผมมะระหน้าตาแน่ๆ ชายหนุ่มยืนพิจารณาหญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์จนเพลินกระทั่งได้ยินเสียง
“อุ๊ย คุณเป็นเจ้าของรถคันนี้หรือเปล่าคะ”
หญิงสาวตกใจเมื่อกำลังจะนำกระดาษที่เขียนชื่อและเบอร์โทรพร้อมทั้งคำขอโทษและขอชดใช้ไปเหน็บกับที่ปัดน้ำฝนแล้วพบว่าชายหนุ่มยืนจ้องเธอผ่านแว่นกันแดดสีดำอยู่ เธอส่งยิ้มเก้อๆไปให้เขาพลางนึกในใจ
‘ต้องอ่อนน้อมเข้าไว้ เค้าจะได้ลดค่าซ่อมให้เรา’
“สะ สวัสดีค่ะ ชั้นชื่อพิมนะคะ พิมพ์ใจค่ะ นี่เป็นเบอร์โทรของชั้น ถ้าคุณเอารถไปซ่อมแล้วเค้าคิดค่าเสียหายเท่าไหร่ก็โทรมาบอกนะคะ ชั้นยินดีชดใช้”
พูดพร้อมกับยื่นกระดาษส่งให้ชายหนุ่ม
“แล้วก็ต้องขอโทษคุณอีกครั้งนะคะที่ไม่ระวังทำรถคุณบุบ เสียเวลาคุณต้องไปซ่อมอีก ขอโทษนะคะ”
หญิงสาวยกมือไหว้สวยงามแล้วอ้าปากค้าง เมื่อเธอมองเห็นหญิงสาวใส่ชุดสีฟ้าเนื้อตัวผมเผ้าเปียกน้ำจนน้ำหยดลงมาตามเส้นผมยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มเจ้าของรถ เธอพยายามไม่มองสบตาผีสาวตนนั้นแล้วหันหลังกลับวิ่งเข้าร้านไปทันที อลันมองตามหลังหญิงสาวที่จู่ๆก็ยืนมองเค้าอ้าปากค้างแล้ววิ่งหนีเข้าร้านไปดื้อๆพลางส่ายหัวแล้วขึ้นรถขับออกไป โดยไม่รู้เลยว่ามีวิญญานสาวตัวเปียกน้ำตามเขาอยู่ตลอดเวลา
“แก นังพิม ทางนี้ๆ”
พิมพ์ใจมองตามเสียงที่เรียกและมือที่โบกไหวๆตรงโต๊ะด้านใน วันนี้เธอมีนัดกับกลุ่มสาวแซ่บ เพื่อสนิทมากสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและยังคงสนิทมากแม้จะเรียนจบมาได้สองปีแล้ว เพื่อนของเธอทั้งสี่มีเพียงเธอกับน้ำฝนที่เป็นผู้หญิงแท้ ที่เหลืออีกสามเป็นผู้ชายทางร่างกายแต่จิตใจเป็นสาวอ่อนไหวเสียยิ่งกว่าเธอกับน้ำฝนเสียอีก
“ไงหล่อนกว่าจะเสด็จมาได้นะ พวกชั้นนั่งรอจนจะมีผัวคนที่สองแล้ว”
“เกินไปย่ะนังเยลลี่ ผู้เค้านั่งกินข้าวของเค้าอยู่เฉยๆ แกน่ะพยายามจะหันไปอ่อยเค้าเอง เดี๋ยวชั้นจะฟ้องผัวแก”
“หยุดกัดกันได้แล้วนังเยลลี่กับนังฝน แกสองคนกัดกันตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้พวกแกไม่เบื่อกันมั่งรึไงฮึ”
แนทซี่ทนเห็นทั้งคู่แหย่กันไปมาไม่ไหว
“ไม่เบื่อ ชั้นมีความสุขทุกครั้งที่เห็นนังเยลลี่มันแพ้ราบคาบให้แก่ความเก่งกล้าของชั้น” น้ำฝนลอยหน้าลอยตาตอบ
“จ้า แกมันเก่ง แกมันฉลาด แกมันเริ่ด เก่งแต่กับพวกชั้น แต่พออยู่กับพี่พฤกษ์นะแหม อยากจะแหมไปให้ถึงเชียงใหม่”
“นังเยลลี่ แกจะแหมไปตอนนี้เลยก็ได้นะ ชั้นไม่ว่าอะไร”
“นังฝน แกจะไล่ชั้นไปเหรอห๊ะ นังเพื่อนทรยศ”
“ทำ……”
“โอ๊ย พอๆ พอทีแกจะกัดกันจนร้านปิดเลยไหมฮะ”
น้ำฝนกับเยลลี่ได้แต่ทำปากหมุบหมิบเมื่อโดนแนทซี่เบรค
“แล้วทำไมแกถึงมาช้าล่ะนังพิม” โรสเพื่อนผู้เกือบมีสาระที่สุดในกลุ่มเอ่ยปากถาม
“ชั้นเพิ่งเคลียร์บัญชีที่ผู้จัดการสุมมาให้เสร็จน่ะสิ ต้องรีบทำเพราะพรุ่งนี้ต้องส่งให้ผู้จัดการแล้ว”
“แล้วเค้าให้มาตั้งแต่วันไหนล่ะ ปกติแกไม่เคยดองงานไม่ใช่เหรอ”
“ให้มาเมื่อวันศุกร์น่ะโรส แต่มันจัดมาไม่เป็นระเบียบเลย ชั้นต้องมาจัดเรียงใหม่อีกทีด้วยเลยช้ากันไปใหญ่”
เพื่อนในโต๊ะส่ายหัวด้วยรู้ว่าผู้จัดการแผนกบัญชีบริษัทที่พิมพ์ใจทำอยู่นั้นแย่แค่ไหน เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มเครียดแนทซี่เลยเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้งานกร่อย
“แต่ผู้คนเมื่อกี้แซ่บมากจริงๆนะแก น่าจะเป็นพวกลูกครึ่ง หน้าตาออกฝรั่งหล่อเวอร์ อร๊าย ใจชั้นจะละลาย”
“นังแนทซี่ แกมีผัวแล้ว ให้โอกาสชั้นมั่งก็ได้นะหล่อน” พิมพ์ใจขัดเพื่อนขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
แหม กี่คนๆมันก็จะเอาซะหมดแล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เธอถึงจะได้ผู้มาครอบครองมั่งล่ะ
“เอ แต่หน้าฝรั่ง ตัวสูงๆใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินใช่มะ”
“ใช่ นังพิมแกรู้ได้ไงอย่าบอกนะว่าแกแจกเบอร์ให้เค้าไปแล้ว”
“ช่าย แล้วแกจะทำไมมีปัญหาไรป่ะ”
“อ๊าย นังพิม เดี๋ยวนี้แกใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้เลยเหรอ กลัวมีผัวไม่ทันเพื่อนๆหรือไงแก แหม ไวไฟนะเดี๋ยวนี้”
แนทซี่กรีดร้องท่ามกลางอาการตกตะลึงของเพื่อนๆที่เห็นพิมพ์ใจกล้าให้เบอร์ผู้ชาย
“ไม่ได้แรดโว้ย แค่ชั้นรีบลงจากรถจนเปิดประตูรถไปกระแทกรถเค้าบุบน่ะสิ พูดแล้วเศร้า รถบีเอ็มป้ายแดงด้วยชั้นยังไม่รู้เลยว่าต้องจ่ายค่าซ่อมเท่าไหร่ เครียดเลยโว้ย” หญิงสาวคร่ำครวญโวยวายจนเพื่อนๆเบ้ปาก
“ไม่ใช่แผนแกที่เห็นคนหล่อเลยอยากจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่องกับเขาหรอกนะ”
“แกจะบ้าเหรอนังเยลลี่ ใครอยากจะต่อเนื่องด้วยชั้นไม่เอาหรอกแก มีเจ้าของตามมาซะขนาดนั้นชั้นไม่ขอสู้” พิมพ์ใจส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“แต่พวกเราเห็นเค้ามานั่งกินข้าวอยู่คนเดียวนะ แกรู้ได้ไงว่ามีเจ้าของ”
“ก็ชั้นเห็นไง ยืนตัวเปียกน้ำอยู่ข้างหลังเค้า หรือแกอยากจะได้เอาไม๊ล่ะนังโรส ถ้าเค้าโทรมาเรียกค่าซ่อมชั้นจะได้ติดต่อให้แก” “อ๊าย ไม่เอา โรสสู้คนแต่ไม่สู้ผีค่ะ แกหยุดพูดหยุดเล่าเลยนะนังพิม โธ่ หมดกันผู้ชายในฝันของโรส” โรสทำท่ารำพันช้ำใจยกผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับน้ำตาทิพย์ที่ไม่ได้ไหลสักหยด
“ไม่มีใครอยากได้งั้นสั่งข้าวเหอะ หิวใส้จะขาดละ”
ตอนที่พูดไปพิมพ์ใจไม่เคยจะคิดแม้สักนิดว่าตนเองจะต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่องกับหนุ่มหล่ออีกหลายเรื่อง ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เหอหลันฮวา คุณหนูใหญ่ตระกูลเหอ ชาติที่แล้วตกตายเพราะความริษยาของน้องสาวต่างมารดา แต่ที่นางกลับมา ไม่ได้อยากล้างแค้นใคร ขอให้ข้าได้ใช้ชีวิตกับสามีอย่างสงบสุขได้หรือไม่
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด