ห้องแบ่งเช่าของ "ยวงสวาท" ว่ากันว่าเจ้าของใจดีนัก ใครไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ก็นำหัวใจมาจ่ายแทน เพราะเจ้าของโหยหาความรักเป็นที่สุด
ห้องแบ่งเช่าของ "ยวงสวาท" ว่ากันว่าเจ้าของใจดีนัก ใครไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ก็นำหัวใจมาจ่ายแทน เพราะเจ้าของโหยหาความรักเป็นที่สุด
6/9 ห้องเช่ายวงสวาท
ตอน ราจีฟ
“ได้ข่าวว่าแขกเข้าหรือเมื่อคืน เป็นยังไงบ้างละมึงเดินถนัดไหม ฮ่าๆ”
คำถามนี้ไม่ได้มีจากเจ๊ฝอยทองเจ้าของร้านอาหารตามสั่งคนเดียวที่ถาม แต่คนอื่นๆ ในซอยบรรดาเจ้าของห้องแบ่งเช่าหลายๆ รายก็ถามเช่นกัน เรื่องอะไรฉันจะบอกว่ามันดีขนาดไหน นึกถึงแล้วแทบจะเดินไม่ไหวแข้งขาพานอ่อนแรง ไม่ได้เหนื่อยสะสมเพราะการเก็บค่าเช่าเมื่อคืนหรอก แต่เพราะนึกถึงแล้วเสียวสะท้านไปทั้งกาย อยากให้ถึงคืนนี้ไวๆ เรียกว่าแทบจะรอพ่อราจีฟกลับมาไม่ไหวอยู่แล้ว ถึงยังนั่งไม่เต็มก้นเสียวแปลบๆ อย่างไม่เคย แต่ชอบใจไม่เบาทีเดียว
ฉันชื่อ ยวงสวาท เป็นเจ้าของห้องแบ่งให้เช่า
ส่วนราจีฟเป็นหนุ่มอาหรับฉันคิดว่ามันเป็นพวกอาหรับ จมูกโด่งผิวขาว ผมหยิกๆ ของมันนุ่มมือหนักหนา ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนขยำและทึ้งไปกี่หน รู้แต่ทุกครั้งที่เสียวซ่านทั้งข้างหน้าและข้างหลังก็จะจิกเนื้อ ทึ้งผม ขยำขนอ่อนตรงหน้าอกที่ยาวเป็นแนวไปถึงในกางเกงจนถึงถั่วแขกของมันอย่างลืมตัว ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มนมเพิ่งแตกบานแต่ถั่วใหญ่เอาการ จะทำให้ฉันระบมทั้งสองระบบถึงเพียงนี้
แต่ถึงแม้ฉันจะมีห้องแบ่งเช่า มีคนมาเช่าและจ่ายค่าเช่าด้วยวิธีที่ฉันพอใจแทนเงินในบางครั้ง แต่พูดอย่างไม่อายเลยว่าไม่เคยยอมให้ใครเข้าประตูปิด(หลัง) แต่เมื่อคืนฉันทนเสียงรบเร้าออดอ้อนของพ่อแขกขาวไม่ไหวจริงๆ ราจีฟเฝ้ากระซิบว่าไม่เจ็บ มันมีเควายเจลและมันชอบมากกว่าข้างหน้าเสียอีก แล้วพวกมันก็ชอบกันทุกคน
ผู้หญิงที่โน่นซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าประเทศอะไรของมัน ก็ชอบ หากจะมีเซ็กส์ก่อนแต่งงานก็ทำข้างหลังเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้เจ้าบ่าวตัวจริงในวันแต่งงานไม่เช่นนั้นพวกหล่อนจะมีความผิดฐานผิดประเวณี เสียตัวก่อนแต่งงาน และคู่นอนของพวกหล่อนก็มีความผิดไปด้วย
อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?
“เธอพูดจริงหรือราจีฟ”
“เรื่องอะไรที่ว่าจริงหรือไม่จริง เรื่องผมอยากอัดตูดพี่นะหรือ จริงสิ ผมชอบมาก” มันไม่พูดเปล่า มือขาวจนเส้นขนดูเขียวทั้งล้วงทั้งถูวนไปรอบๆ
“ขอชิมก่อนนะพี่”
มันขออะไรทีแรกฉันไม่เข้าใจ แต่พอมันเลื่อนตัวลงไปข้างเตียง ยกขาฉันพาดบ่าแล้วดันขึ้นยกสะโพกฉันขึ้นสูงเพื่อจะได้เห็นประตูปิดตายที่มันอยากชิมได้ถนัดชัดแจ้ง มันแลบลิ้นออกมายาวๆ ขยิบตาให้ฉันก่อนจะมุดหน้าลงไป
“โอ้ว” ฉันแทบสะดุ้ง บอกไม่ถูกว่ามันซ่านขนาดไหน ไม่ใช่ไม่เคยมีใครตวัดลิ้นเลียรอบๆ ประตูปิดของฉันแบบนี้มาก่อน เพราะคนเช่าห้องของฉันทุกคนจะต้องลงลิ้นประตูสวรรค์ของฉันแล้วเลยไปที่ประตูปิดด้วยทั้งสิ้น แต่ลิ้นแดงๆ แข็งๆ ของราจีฟมันทำให้ความรู้สึกแตกต่างกันจนฉันเผลอร้องอีกหลายครั้ง
“โอ้ว มันดีจริงๆ”
ราจีฟชิมรอบประตูปิดแล้วไม่ลืมขยับมาแหย่ปลายลิ้นชิมประตูสวรรค์ของฉัน ลิ้นอุ่นตวัดผ่านอัญมณีล้ำค่าตรงกึ่งกลาง มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะสะดุ้งตัวเกร็งแล้วขยุ้มผมหยิกๆ ของมันเต็มแรง พร้อมแอ่นร่างจนโหนกเนื้อกระแทกปากกระทบฟัน
ราจีฟหัวเราะเบาๆ แล้วมองสบตาฉัน สายตามันเหมือนท้าทายและคาดโทษว่าอีกประเดี๋ยวฉันจะโดนหนักกว่านี้ ก่อนมันจะก้มลงมาอีกครั้งทว่าครานี้มันขยับมาชิมยอดปทุมสีคล้ำของฉัน ขบเม้มแรงจนฉันอยากกระชากออก ทว่าไม่นานแรงขบกลับทำให้ประสาทสัมผัสเปิดกว้าง ซ่านเสียวอย่างประหลาด ยิ่งผสานกับแรงกระแทกนิ้วที่ราจีฟใช้ส่องทางเข้าประตูสวรรค์ ที่กระแทกเร็วรัวแบบไม่บอกไม่กล่าว และไม่เห็นใจแม้ฉันจะบิดกายหนีเพราะทานแทบไม่ไหว
“ราจีฟ อย่า โอ้ว”
“อย่าหยุดใช่ไหมพี่ ไม่หยุดหรอก” มันกระแทกรัวๆ ปากก็ขบเม้นยอดโน้นที ดูดยอดนี้ที จนฉันครางยาวยืดปล่อยความฉ่ำแฉะออกมาอย่างสุดกลั้น
“อื้อออ”
แต่พ่อแขกขาวยังไม่หยุดแค่นี้ มันมุดลงไปดูดกลืนความฉ่ำชื้นดุจเป็นของหวานล้างปากจนหมด แล้วลุกไปหยิบของบนหัวเตียง ปล่อยให้ฉันนอนปรือตาเป็นอีบ้าที่อยากให้มันทำซ้ำๆ อีกหลายๆ ครั้ง
ไม่นานราจีฟก็กลับมาพร้อมหลอดครีมสีขาวนวล กวัดแกว่งตรงหน้าฉัน ก่อนจะพลิกร่างอ่อนระทวยชื้นเหงื่อของฉันให้คว่ำลง
“โก่งก้นขึ้นมาที่รัก” มันเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้ว และฉันก็บ้าคำเรียกหวานๆ จนต้องรีบดันก้นขึ้นสูง มันมองลอดระหว่างขามาสบตาฉันแล้วหลิ่วตาให้ แถมยังหลอกเอินติ่งเนื้อฉันเล่นด้วยการสะกิดเบาๆ ก่อนจะทาครีมเย็นวาบรอบประตูปิด
“เจ็บมากไหมราจีฟ” ฉันเริ่มกังวล
“เจ็บแต่มันสุดยอดมากดาร์ลิ่ง สาวๆ ที่บ้านผมชอบกันมาก แล้วเราก็ชาชินกันการอัดตูดพวกหล่อน มันแน่นมันสุดยอดจริงๆ”
“แต่พี่กลัวนะ” ฉันไม่ปิดบัง
เจ้าแขกขาวของฉันหัวเราะเบาๆ จูบแก้มก้นฉันดังจ๊วบ แล้วพูดเหมือนปลอบแต่ฉันว่าค่อนไปทางให้ทำใจเสียมากกว่า
“เป็นเมียแขกต้องอดทน แล้วพี่จะรู้ว่าทั้งใหญ่ทั้งยาว ทั้งแน่นทั้งตึงเป็นยังไง พร้อมละนะ”
มันยังถามความพร้อมอีก ก็เอาสิโก่งคอยจนเมื่อยแล้วนี่
มันนวดวนรอบๆ ประตูปิดอีกสักพัก มืออีกข้างก็ขัดถั่วแขกของมันไป ฉันแอบมองแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก ถ้าถั่วแขกทั้งใหญ่ทั้งยาวขนาดนี้จะมาไขประตูสวรรค์ฉันก็พอใจมาก คงจะคับแน่นจนสุดเสียวยามเสียดสี แต่นี่มันจะไขประตูที่ปิดตายมาตลอดชีวิต มันจะไหวหรือ
“โอ๊ย!” ฉันเผลอร้องดัง เมื่อราจีฟแทงถั่วของมันเข้ามาแบบไม่บอกกล่าวให้ตั้งรับ มันแค่กดสะโพกฉันออกห่าง ถ่างก้นเพื่อให้เห็นประตูชัด แล้วเสียบฝักถั่วลงมาทันที
“เจ็บ” ฉันบอก
มือเริ่มกำผ้าปูที่นอนแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อราจีฟขย่มอยู่บนสะโพก ถั่วฝักยาวๆ ของมันขยับเข้าออกช้าๆ จนคล่อง ก็ขย่มเร็วขึ้นแรงขึ้นจนฉันคาดว่าบานประตูคงฉีกขาด ทว่ามันเสียวซ่านอย่างไม่เคยพบ จากร้องเจ็บฉันเปลี่ยนเป็นร้องเร่ง ให้มันทำแรงขึ้น เร็วขึ้น จนต่างพูดไม่เป็นคำ ราจีฟเองก็เอวดีเหลือหลาย ขยับโยก ขย่มเหยงจนฉันตัวเกร็งร้องราวสัตว์ป่า ถึงสวรรค์รำไรไม่รู้กี่ครั้ง กว่ามันจะหยุดนิ่ง แล้วเร่งสุดกำลังขย่มรัวๆ ก่อนซบลงมากอดฉันเอาไว้แน่น
“โอย ตายแล้ว” ฉันอุทานตกใจสุดชีวิต ใช้ศอกกระทุ้งให้มันขยับลงไปเสียที
ราจีฟลงนอนแผ่ข้างๆ แต่ถามอย่างแปลกใจ
“อะไรตายหรือที่รัก”
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY