จะทำยังไงเมื่อตื่นมาต้องมีคู่หมั้นเเถมยังเป็นคนที่หน้าเกรงขามที่สุด มีคู่หมั้นทั้งทีทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วยชีวิตคู่จะเป็นยังไงเมื่อมีคู่หมั้นอย่าง เปรม ปรเมศ เเล้วคนอย่างเปรม ปรเมศจะสนอะไรใครล่ะ เเบบนี้ผมต้องทำยังไง?
จะทำยังไงเมื่อตื่นมาต้องมีคู่หมั้นเเถมยังเป็นคนที่หน้าเกรงขามที่สุด มีคู่หมั้นทั้งทีทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วยชีวิตคู่จะเป็นยังไงเมื่อมีคู่หมั้นอย่าง เปรม ปรเมศ เเล้วคนอย่างเปรม ปรเมศจะสนอะไรใครล่ะ เเบบนี้ผมต้องทำยังไง?
8.00 น.
กริ้งงง! กริ้ง~ กริ้ง~
โว้ยยยอะไรวะเนี่ยนี่มันวันหยุดไม่ใช่หรือไงทำไมถึงได้มีคนโทรจิกตั้งเเต่เช้าด้วย ผมบ่นในใจในขณะที่มือรีบคว้านหาโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังจนรบกวนเวลานอนของผม ให้ตายสิถ้าไม่ใช่ธุระด่วนผมจะโกรธยันลูกบวชเลยคอยดู!
“ฮัลโหล! นี่เเกอยู่ไหนไอ้น้องเวร!!” เดี๋ยวนะ! พี่สาวโทรมาตอนนี้เนี่ยนะ?
“เฮ้ ใจเย็นสิ” ผมตอบกลับไปในขณะที่หลับตาอยู่
“ฉันถามว่าอยู่ไหน รู้ไหมนี่มันกี่โมงเเล้ว!” บ้าจริงจะรบกวนเวลานอนคนอื่นไปถึงไหนนี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ
“เมฆก็อยู่คอนโดสิ เเล้วตอนนี้ก็เช้าอยู่ถ้าจะให้ไปธุระที่ไหนให้ ขอบอกเลยว่าไม่!” โทรมาเเต่ละทีคงมีไม่กี่อย่างไม่ใช้ไปโน้นก็ใช้ทำนี่
“นี่เเกลืมไปเเล้วหรือไงเมฆ ลุกไปเเต่งตัวเดี๋ยวนี้!”
“ลืม?” นี่ผมลืมอะไรไปหรือว่าผมเรียนมากไปจนจำอะไรไม่ได้เลย
“งั้นฉันจะบอกเเกเป็นครั้งสุดท้าย เเล้วช่วยลากสังขารเน่าๆของเเกมาเร็วๆด้วย” ผมได้ยินเสียงจริงจังของพี่สาวเเล้วชักใจไม่ดีหรือจะมีเรื่องไม่ดี?
“วันนี้วันเสาร์ใช่มันคือวันหยุดเเก เเต่ไม่ใช่วันนี้เพราะเเกต้องไปกับคุณเปรมไงไอ้น้องเวร!!”
“เวรเเล้ว!!” ผมเด้งตัวลุกตื่นเต็มตาทันทีผมเพ้าไรยุ่งหมดตอนนี้ไม่ใช่เวลาตกใจมันคือเวลาซวย ซวยเเน่ๆไอ้เมฆ!
“ใช่! เวรเเน่ๆคุณเปรมรอเเกที่ร้านดูชุดตอนนี้จะครึ่งชั่วโมงเเล้ว”
“เจ้ คะ..คือเมฆไม่ไปได้ไหม”ใช่ เขาคือเปรม ปรเมศ คนที่ใครๆต้องก้มหัวให้เเต่ผมกลับลืมนัดตั้งเเต่วันเเรก
“หยุดความกลัวเเล้วรีบไปเเต่งตัว เเกจะไปเป็นสะใภ้บ้านเขาเเต่กลับสายตั้งเเต่วันเเรกฉันจะเเก้ตัวให้เเกยังไงดีห๊ะ!?” เสียงเจ้บ่นออกมาไม่หยุดหูผมมันไม่ได้ฟังเสียงบ่นเลยสักนิดในหัวคิดเเต่จะเเก้ตัวยังไง ถ้าเจอเเล้วเขาจะเป็นยังไงมันหยุดคิดไม่ได้จริงๆ
“เมฆเเกฟังฉันอยู่รึป่าว?”
“อะ..อืมฟังอยู่” ปากขยับเเต่ในใจจะร้องไห้เเล้ว
“ฉันให้เวลาเเก 20 นาที เดี๋ยวฉันจะไปรับที่คอนโดเเล้วจะไปส่ง เเค่นี้” ติ๊ด! เชี่ยยเเล้ว ผมรีบลุกเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อยทันที
ผมจัดการตัวเองเสร็จผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถพี่สาวผมก็มารับที่คอนโด ผมรีบเปิดประตูขึ้นไปทันที
“เจ้ เลื่อนไม่ได้หรือไง บอกว่าผมปวดท้องก็ได้” พยายามหาวิธีเเก้ปัญหาเพราะตอนนี้ไม่อยากเจอเขาจริงๆ
“เเกคิดว่าเขาเป็นใคร จะเชื่อเด็กอย่างแกรึไง”
“เเล้วทำไมต้องเป็นผมด้วย ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ” ให้ตายสิผมยังเรียนอยู่เเต่กลับต้องมาเเต่งงานเข้าบ้านตระกูลใหญ่เนี่ยนะ? บ้าเเล้วต้องมีอะไรผิดพลาดเเน่ๆ
“หยุดคิดหยุดพูดสักที นั่งไปเงียบๆจะถึงเเล้ว” คำว่าจะถึงเล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลย ผมจะโดนว่าเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบไหม “ลงไปได้เเล้วถึงเเล้ว อย่าลืมขอโทษคุณเปรมด้วย”
“จะ..เจ้” จะหันไปขอร้องสักหน่อยดูสีหน้าเเล้ว เฮ้อ “อืม รู้เเล้วน่า” ผมมองร้านขนาดใหญ่ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ เเหมลงเเป๊ปเดียวขับออกไปไวเลยนะ
@ร้านJ
ร้านก็กว้างเกินเเล้วผมจะรู้ไหมวะว่าคุณเปรมไรนั้นอยู่ตรงไหน จะให้เดินหาให้ทั่วก็คงไม่ใช่เเล้วไหม สายตาผมกวาดมองไปรอบๆไม่มีใครโดดเด่นที่จะเป็นเขาคนนั้นเลย เดินหาจนจะทั่วเเล้วอยู่ไหนของเขาหรือว่าจะกลับไปเเล้ววะ? นั้นสิคนอย่างเขาคงไม่มานั่งรออะไรเเบบนี้หรอก หมุนตัวจะเดินกลับชนเข้ากับเเผงอกใครคนหนึ่งเข้า
“อ่ะ! ขอโทษครับ”ผมรีบกล่าวคำขอโทษไปทันที
“นี่เหรอสะใภ้ที่จะเเต่งเข้าบ้านฉัน?”
เสียงเข้มพูดออกมาเเค่ฟังน้ำเสียงก็เล่นเอาผมขนลุกไปทั้งตัว ใช่เเล้วนี่เเหละเขา เปรม ปรเมศ
“คะคือ เมฆขอโทษครับ เมื่อคืนเมฆปวดท้องมากๆ เลยมาสายนิดหน่อย” ผมแก้ตัวออกไปโดยที่ไม่มองดวงตาสีนิลของเขาเลยเเม้เเต่นิดเดียว
“ฉันให้เธอพูดอีกที”
ชิบหาย!ใช่เขาไม่ใช่คนที่ใครจะมาหลอกเขาได้ ซวยเเล้วไอ้เมฆ
“เมฆลืมครับ” ผมตอบกลับไปทันที มือบีบเข้าหากันเเน่นเป็นวันเเรกที่กดดันสิ้นดี
“เมฆตื่นสาย ขอโทษที่โกหกครับ” ผมกัดปากแน่นเมื่ออีกคนยังคงเงียบ
“ถ้ามีอีกครั้ง..”เขาเงียบไปผมเงยหน้าขึ้นมองเขากลับต้องนิ่งค้างทันทีกับสายตาที่จ้องมองผมเหมือนสายตาเขาไม่เคยละจากผมเลย “เธอเจอดีเเน่”
“คะครับ เข้าใจเเล้ว” ตอบกลับยังเสียงสั่นเลยไอ้เมฆเอ้ย ต่อไปจะอยู่ได้ไหมวะ
“รีบไปจัดการในส่วนของเธอ” ผมลืมไปเลยว่าต้องไปลองชุด มันต้องใช้เวลานิจะให้นั่งรอก็กดดันเปล่าๆ
“คุณเปรมกลับก่อนเลยก็ได้ครับ เมฆว่ามันคงอีกนนาน” พูดเเค่นี้ถึงกับจ้องหน้าเลยเหรอวะ หรือเราพูดอะไรไม่เข้าหูคนหวังดีนะเนี่ยกลัวจะรอนาน
“มันเป็นหน้าที่ฉัน ฉันจะรอ” โอเคคงไม่มีใครขัดใจเขาหรอก
ผมลองชุดเเละเลือกอะไรไปเรื่อยๆทั้งยืนทั้งหมุนเมื่อยขาไปหมดแล้วง่วงก็ง่วง อยากนอนด้วย หิวด้วยขอบ่นหน่อยเหอะอะไรเยอะเเยะไปหมด มือผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออก เพราะนี่คือชุดสุดท้ายเเล้วที่ผมลองในที่สุดจะได้กลับไปนอนสักที เสื้อเชิ้ตสีขาวตกลงไหล่ขาวก่อนทีจะถอดมันออกมือชะงักทันที
“เสร็จรึยัง?”
ให้ตายสิเขาเข้ามาตอนไหนผมรีบดึงเสื้อใส่อีกครั้งเเต่กระดุมนี่สิกลัดยังไงให้ทัน
“กะใกล้เเล้วครับ คุณเปรมออกไปรอข้างนอกก็ได้ครับ” ทำไมเสียงต้องสั่น เเล้วทำไมเขาเดินเข้ามาบอกให้รอข้างนอกไง
“ทำไม ฉันรอเธอในนี้ไม่ได้?” ผมกัดปากแน่นในขณะที่เขายืนซ้อนหลังผมเเผงอกกว้างกระทบกับเเผ่นหลังผมรับรู้ถึงร่างกายตัวเองที่สั่นทันที
“หื้ม? ว่าไง” เขาก้มลงกระซิบข้างหูพร้อมกับเเขนเเกร่งที่เข้ามาโอบเอว
“อะเอ่อ ขยับออกไปได้ไหมครับจะเปลี่ยนชุด” ตอบกลับไปเสียงสั่น
“หึ ยังไงฉันก็ต้องเห็นมากกว่านี้” เขาก้มลงจูบไหล่ผมเบาๆ
“หรือว่าไม่จริง?”
“ปะ..ปล่อยก่อนครับ” ผมสะดุ้งทันทีเมื่อริมฝีปากอีกคนประทับลงบนไหล่ขาวของผม มือเล็กพยายามเเกะเเขนแกร่งที่โอบรอบเอวผมเเน่นปลายนิ้วเริ่มถูวนตามหน้าท้องไปมา
“อ๊ะ! คุณเปรม!” เขาหมุนตัวผมให้หันหน้าเข้าหาผมตกใจจนเผลอสบตากับเขา ใบหน้าเเบบนี้เหมือนสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะทั้งปาก จมูก เเละดวงตาที่ไม่อาจละสายตานั้นมันทำให้ผมตั่วสั่นจนเเทบจะล้มพับลงกับพื้นถ้าไม่ติดที่ว่ามีเเขนของใครอีกคนประครองร่างของผมไว้อยู่
“หึ กลัวงั้นเหรอ” ริมฝีปากอีกคนขยับพูดจนจะชิดกับต้นคอ นิ้วยาวบีบเบาๆตามคางของผม
“ไม่ดีมั้งถ้าเมียจะกลัวผัวเเบบนี้”
มือเรียวจับขยุ้มเสื้ออีกคนไว้เเน่นผมเริ่มกลัวเขาเเล้วจริงๆไม่คิดเลยว่าเขาจะอันตรายขนาดนี้มือใหญ่บีบปลายคางผมให้เเหงนขึ้นให้สายตาผมอยู่ระดับเดียวกับสายตาของเขา
“จะทะ..อื้อ!” ริมฝีปากหนากดจูบลงอย่างเร็วปลายนิ้วเเกร่งบีบคางผมจนปวดริมฝีปากหนาบดขยี้ดูดกัดตามขอบปากล่างจนผมเผยปากออกจังหวะนั้นลิ้นร้อนของอีกคนเข้ามาดูดตวัดลิ้นเล็กดูดดึงจนเกิดเสียง
“อ่ะ..อื้อ” เหมือนจะขาดใจเก่งไปเเล้วเขาเก่งเกินไปมือผมทุบอกเขาไปหลายทียิ่งผมทุบเขายิ่งกดริมฝีปากดูดดึงเเรงขึ้นอีกเท่าตัวตอนนี้ขาผมเหมือนจะไม่ไหวเเล้วมันจะล้มพับให้ได้เลยให้ตายสิ
“ปะปล่อย อื้อ” เขาผละออกจากริมฝีปากผมที่น่าจะบวมแดงด้วยการจูบก่อนจะขยับปลายจมูกสูดดมตามซอกคอขาวริมฝีปากหนากดจูบตามลำคอฟันคมขบกัดตามรอยจูบไล่ลงมาตามไหล่ขาวเนียน ตอนนี้ทั้งรอยดูดรอยฟันประปรายตามลำคอขาวถึงจะปกปิดเเค่ไหนก็คงเห็นอยู่ดี ขาเล็กเหมือนจะไม่มีเเรงล้มพับนั่งลงกับพื้นทันที
“อึก! ทะทำไมต้องผม” ใช่ทำไมต้องผมที่ต้องมาเเต่งงานกับคนเเบบเขา ไม่ใช่เลยสักนิดผมถามออกไปทั้งเสียงสั่นๆนี่เเหละ
“นั้นสินะ ทำไมต้องเธอ”
ร่างสูงใหญ่ก้มลงมาพร้อมกับปลายนิ้วที่ถูตามคอขาวลูบตามร่องรอยที่แดงช้ำจนเห็นรอยฟันได้ชัด
“เเล้วฉันมันไม่ดีตรงไหน หื้ม?”
ร้ายกาจคนคนนี้ร้ายกาจจริงๆดวงตาสีนิลจ้องมองผมเหมือนไม่พอใจในสิ่งที่ผมถามไป ทำไมล่ะผมจะสงสัยไม่ได้เลยหรือไง อยู่ๆผมต้องมาเเต่งงานกับเขา เขาทั้งเพอร์เฟคสาวๆเหรอเหอะเเค่กระดิกนิ้วคงวิ่งมาหาเป็นเเถวเเล้วมั้ง
“เอาล่ะเด็กดีลุกขึ้นสักทีฉันไม่ว่างพอจะมามองเธอนั่งเเบบนี้ทั้งวันหรอกนะ” มือใหญ่ลูบตามแก้มขาวพร้อมกับตบเรียกสติเบาๆทำให้ผมหลุดออกจากความคิดทั้งหมดทันที
“ออกไปก่อนผมจะเเต่งตัว” ผมบอกออกไปในขณะที่มือเล็กๆของผมกระชับเสื้อสีขาวไว้เเน่น
“10 นาที” หื้ม? อะไร 10 นาทีผมขมวดคิ้วสงสัยทันที
“ฉันคงเห็นเธอในสภาพที่ดีกว่านี้” พูดจบร่างสูงใหญ่เดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่นั่งตรงนี้เลยสักนิด เกินไปเเล้วเขาทำเกินไปเเล้ว!
ผมรีบจัดการกับตัวเองทันทีทั้งตัวยังสั่นไม่หายเลยให้ตายสินี่คือครั้งเเรกที่เจอกันนะทำไมร้ายขนาดนี้ เเล้วไอ้รอยบ้านี่ทำไงให้หายไอ้เสื้อที่ผมใส่มาวันนี้ก็ปิดไม่มิดด้วยสิ ชีวิตนายเมฆา จบสิ้นเเล้ว เเต่งตัวเสร็จผมรีบก้าวเท้าออกจากห้องเเต่งตัวอย่างรวดเร็ว
“สะเสร็จเเล้วครับ” ผมมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระดิกนิ้วเป็นเชิงบอกให้ผมเดินไปหา คิดว่าไงเหอะก็ต้องไปสิครับใครจะกล้าขัดใจเขา ไอ้ขาเจ้ากรรมนี่ทำไมต้องสั่นด้วยก็เเค่เดินไปหาเองทำเป็นสั่นไปได้
“ดะเดี๋ยวครับ!” พอผมเดินไปยืนข้างเขาเเขนเเกร่งก็โอบเอวผมเข้าไปใกล้จนหน้าผมจมอยู่กับอกเเกร่ง ทำไมเขาตัวสูงใหญ่ขนาดนี้
“อะไร?” เขาก้มลงถามผมอย่างท่าทีสบายเนี่ยนะ?
“ทำไมต้องโอบด้วยครับ” ปากเวรถามอะไรไร้สาระอีกแล้วอยากโดนอีกไง
“เเล้วทำไมฉันจะโอบไม่ได้?” ดวงตาสีนิลจ้องมองสบตาผมทำให้ผมเกร็งจนเผลอขยุ้มชายเสื้อราคาเเพงของเขา
“ในเมื่อทั้งตัวของเธอมันเป็นของฉัน” ปฎิเสธไม่ได้จริงๆในเมื่อผมคือคนในปกครองของเขาไปแล้ว
เผลอคิดอะไรไปตั้งมากมายรู้ตัวอีกทีก็โดนโอบเอวออกมาจากร้านเเล้วตั้งเเต่เมื่อไหร่วะเนี่ย เดี๋ยวนะเเล้วเขาจะพาไปไหนอยู่ๆก็เอามายัดในรถเเบบนี้ aston martin คันนี้คงจะลากใครขึ้นมาก็ได้ทั้งนั้นสินะ คนระดับเขาคงอยากทำอะไรคงเป็นเรื่องง่ายไปหมด เเม้กระทั่งเอาผมมานั่งในรถคันหรูคันนี้อย่างง่ายดาย
ปึ๊ก! เสียงปิดประตูรถเมื่อร่างกายอันสูงใหญ่ของเขาเข้ามานั่งข้างกายผมเป็นที่เรียบร้อย
“เราจะไปไหนกันครับ เมฆมีธุระต่อนะ” ผมพูดออกไปก็เเน่สิตอนบ่ายผมมีทำรายงานกับเพื่อนที่มหาลัย
“ที่ไหน?” นี่เขาจะไม่ตอบใช่ไหมว่าเขาจะพาผมไปไหนผมไม่มีเวลามานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเขาหรอกนะ
“ที่มหาลัยครับ” ผมได้ยินเขาตอบกลับเเต่ อืม อะไรของเขาวะเขาควรปล่อยผมกลับไปทำรายงานไม่ใช่ไงให้ตายสิไม่ใช่ตบไฟเลี้ยวเข้ามาในโรงเเรมหรูขนาดนี้
“ใส่ซะ” เขาโยนอะไรมาบนตักผมเหมือนจะเป็นเสื้อกันหนาวเเต่เเค่รู้ยีห้อเเละราคาก็น่าจะหนาวเเล้วจริงๆเเต่ไม่เข้าใจให้มาทำไมอากาศร้อนขนาดนี้ ผมยังคงขมวดคิ้วสงสัย
“หรืออยากโชว์ว่าเพิ่งโดนอะไรมา?”
มือเล็กรีบยกปิดทันทีก่อนจะรีบสวมเสื้อกันหนาวเเล้วรูดซิปขึ้นจนสุด
“เธอใส่เเบบนี้ก็น่ารักดี” ว่าจบปากหนาก็กดจูบบนกลุ่มผมนิ่มเเล้วลงจากรถไปมีเเต่ผมนี่เเหละนั่งนิ่งอยู่ตรงนี้
“จะให้ฉันไปอุ้มลงมารึไง” ได้ยินเเค่นั้นผมรีบลงมาอย่างรวดเร็วให้ตายสิเสื้อเขานี่ไซส์อะไรวะอยู่บนตัวผมทำไมมันลงมาถึงต้นขาขนาดนี้ บ่นไปก็เดินตามร่างสูงใหญ่ไปเงียบๆ
“สวัสดีครับคุณเปรมทางเราได้จัดตามที่คุณต้องการเเล้วครับ ชั้นบนสุดเชิญครับ” เสียงพนักงานพูดออกมาก่อนจะเดินนำไป
“เดินดีๆ” อ่าผมคงเหม่ออีกเเล้วสินะทำไมเสียงเขาน่ากลัวเเบบนี้ เเขนเเกร่งเข้ามาโอบเอวผมไว้เเน่นผมอดประหม่าไม่ได้จนเผลอกัดปากตัวเองเเน่น
“อ่ะ! คุณเปรม!” ผมตกใจอยู่ๆเจ้าของร่างใหญ่ก็ดันผมชิดผนังลิฟต์ นี่เราไม่ได้อยู่กันเเค่สองคนนะเขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!
“ชู่วว”ปลายนิ้วหนาจรดริมฝีปากบางเล็กเหมือนบอกกลายๆว่าให้เงียบ
“อย่ากัดปาก ถ้าอยากให้มันเเตกฉันขอเป็นคนทำมันเอง”
“มะ..ไม่กัดแล้วครับ” อันตรายเขาอันตรายมากเกินไปจริงๆ ผมได้ยินเสียง หึ ในลำคอเขาพร้อมกับเสียงลิฟต์ที่เปิดออกพอดีมือเล็กรีบดันเเผงอกกว้างออกห่างทันที
“เชิญครับ” ผมหันไปมองวิวรอบๆบอกได้เลยว่าตรงนี้สวยงามมากจริงๆตึกที่สูงเหยียดฟ้าขนาดนี้ผมเคยไปก็ตั้งหลายที่เเต่เเปลกทำไมที่นี่ผมไม่เคยรู้จักเลย
“ชอบรึไง?” ผมสะดุ้งเซไปข้างหลังเล็กน้อยเเผ่นหลังผมปะทะกับอกแกร่งทันที
“เเค่บอกว่าชอบ ตึกนี้จะเป็นของเธอทันทีภายใน10 วิ” นั้นสินะคนอย่างเขาทำได้อยู่เเล้วเเต่เเบบนี้มันเกินไปแล้วเเค่ผมชอบเนี่ยนะ
“เมฆไม่ได้อยากได้” ผมตอบกลับไปทันที
“ฉันไม่ได้ให้ฟรี ทุกสิ่งจากฉันมันต้องเเลก”
“เมฆไม่มีอะไรจะมาเเลกหรอกครับ” นั้นสินะจะให้เงินเขาเหรอ อย่างเขาคงไม่ต้องการหรอกมั้ง
“เเน่นอนว่าเธอมี” อะไรวะที่บอกว่ามี?
“หลังจากนี้เธอมีสิ่งที่ฉันต้องการเเน่นอน”
เป็นครั้งเเรกที่ผมนั่งทานข้าวกับเขาบอกไม่ถูกทั้งอึดอัดเเละสิ่งที่เขาพูดมันคืออะไรเเต่ผมก็เลิกคิดแล้วล่ะยังไงผมก็ต้องอยู่กับเขาอยู่ดี พอออกมาจากโรงเเรมหรูกะจะขอเเยกกับเขาเลยเพราะต้องไปทำงานต่อที่มหาลัย
“งั้นเเยกเลยนะครับ เมฆจะไปทำงานต่อ”
“ขึ้นรถ” อะไรของเขาบอกว่าจะไปทำงานยังจะให้ไปไหนด้วยอีก
“ตะเเต่” โอเคไม่ต้องมองเเบบนั้นจะพาไปไหนก็ไปเลยเถียงอะไรไม่ได้อยู่เเล้วนิผมรีบก้าวขึ้นรถปิดประตูทันที
ผมเตรียมใจไว้เเล้วล่ะว่าวันนี้คงไม่ได้ไปช่วยเพื่อนเเน่นอนเดี๋ยวค่อยไลน์บอกพวกมันก็ได้ เฮ้อ เอาเเต่ใจจริงๆว่าเเล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มากดบอกเพื่อนทันที
“คุยไรนักหนา” คุยไรล่ะก็ใครที่ทำให้ต้องผิดนัดเพื่อนเนี่ย
“ก็เมฆจะบอกเพื่อนว่าไปไม่ได้เเล้ว”
“แหกตาดูซะ” ผมรีบเงยหน้ามองทันที นี่มหาลัยผมนิ จะมาส่งมันพูดยากรึไง!
“อ้าว เมฆไม่ทันมองทางไม่คิดว่าคุณเปรมจะให้มา”
“อืม กี่โมง” อะไรกี่โมงของเขา อ๋อกลับกี่โมงสินะ
“อ๋อ เมฆน่าจะเสร็จตอนประมาณทุ่มนี่เเหละครับ ปกติเพื่อนไปส่งอยู่เเล้ว”
“คนนั้น?” ผมมองตรงไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่อ่าไม่ใช่หรอก นั่นน่ะรุ่นพี่ที่ตามจีบผมต่างหากใครจะกล้าบอกว่ะว่ามีคนตามจีบ
“ไม่ใช่หรอกครับ คนนั้นรุ่นพี่ครับ”
“หึ งั้นเหรอ”
“งั้นเมฆไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ อ้อ! เเล้วก็ขอบคุณอาหารมื้อนี้ด้วยนะครับ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความจริงใจเเล้วก้าวเท้าลงจากรถ
“เดี๋ยว!” เท้าชะงักทันทีผมหมุนตัวกลับไปผมอาจจะลืมของบางอย่างสินะเเต่เขาเดินลงตามมาทำไม?
“มีอะ..อื้ม!” มือใหญ่บีบท้ายทอยเล็กเบาๆริมฝีปากหนากดจูบบดขยี้ริมฝีปากแดงเล็กทันทีดูดดึงขอบปากบนสลับล่างไปมาจนบวมเจ่อเเล้วผละออก
“นี่สำหรับพวกที่มันกล้าจะหวัง”
ดวงตาสีนิลจ้องมองใครอีกคนที่จงใจจะให้เห็นฉากนี้โดยเฉพาะปลายนิ้วใหญ่ลูบวนริมฝีปากที่บวมเจ่อไปมาด้วยความพอใจ
“เเล้วฉันจะมารับ”
พูดเเค่นั้นร่างสูงใหญ่ก็ขับรถออกไปทันที ให้ตายสิลืมไปได้ไงว่าไม่ได้มีเขาเเค่สองคนผมหันไปดูต้นไม้ต้นนั้นกลับไม่มีใครอยู่ซะเเล้ว หวังว่าคงไม่มีใครเห็นนะ
เมื่อเด็กอย่าง คิง พชร ที่มีความมั่นใจเเละคิดว่าไม่มีใครสามารถจัดการกับตัวเองได้ดันมาห้าวตีนใส่คนอย่าง ภาค พิเภก ใครจะรู้ว่าคนอย่างภาค พิเภก จะกล้าบ้าปิ่นโหดเเละใจร้ายขนาดนี้ จากที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงในชีวิตนี้จะเกลียดภาค พิเภกเเละไม่ขอเจออีกครั้งในชีวิตทำไมถึงได้วนมาตกเป็นคนของภาค พิเภกได้คองไม่เข้าใจ??
“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY