“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
ปฐมบท
“ผมไม่แต่ง! คุณย่าจะมาบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!” เสียงโวยวายที่ดังสนั่นบ้านไม้ใจกลางบ้านไร่เรือนดาวส่งผลให้เหล่าบรรดาคนใช้นับสิบต่างก็พากันสะดุ้งไปตามๆ กัน จะมีก็แต่เจ้าของบ้านผู้เป็นใหญ่สุดที่ยกแก้วชาในมือขึ้นจิบเบาๆ อย่างใจเย็น ทำราวกับว่าไม่หยี่ระต่อคำปฏิเสธของหลานชายเลยสักนิดเดียว
“แกต้องแต่ง! ไม่อย่างนั้นฉันจะเล่นงานทุกคนที่แกรักให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอน เริ่มจากใครดี แม่แพรวพราวนั่นเลยเป็นไง!”
“คุณย่า!”
“ฉันไม่เห็นว่าหนูองค์อินของฉันจะมีอะไรแย่ตรงไหน น้องเองก็รักแกมาตั้งนานนม อีกอย่าง…แกลืมคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่บัวตองแม่ของแกไปแล้วหรือไงตาสอง!” เมื่อเจอเข้ากับคำถามที่เกือบๆ จะลืมไปจากความทรงจำเข้าชรัส สุนธรวิทย์ หลานชายคนเดียวของคุณบุษบาเจ้าของไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่สุดของเชียงรายก็ถึงกลับเงียบนิ่งไป มันพาลทำให้เขาคิดไปถึงคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นมารดาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ คำสั่งเสียสุดท้ายของท่านที่เขาต้องตอบรับเอาไว้ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจคาอ้อมกอดของเขาไปด้วยรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน รอยยิ้มที่มันทำให้คิดถึงทุกครั้งเมื่อละลึกถึงขึ้นมา
“แม่อยากให้สองแต่งงานกับคุณหนูองค์อินเมื่อน้องโตพอที่จะมีครอบครัวได้ สองสัญญากับแม่ได้ไหมว่าไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่มีวันทอดทิ้งน้อง…นะสอง สัญญากับแม่สิ…”
เขารู้ดีว่าครอบครัวของเขาเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ของผู้หญิงน่ารำคาญคนนั้นมากแค่ไหน เรื่องมันเกิดขึ้นเป็นเพราะพ่อกับแม่เธอที่เคยช่วยเหลือธุรกิจของบ้านเขาตอนที่เกือบๆ จะล้มละลายไป แต่ใครจะไปคิดว่าบุญคุณบ้าๆ นั่นมันจะมากเสียจนทำให้พวกผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามที่จะจับคู่เขากับหล่อน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าแบบนั้น
องค์อิน ผู้หญิงที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารำคาญในสายตาเขาไปหมด!
“จริงเหรอคะคุณย่า! พี่สองจะแต่งงานกับหนูจริงๆ เหรอคะ!” น้ำเสียงตื่นเต้นที่ดังออกมาถึงนอกบ้านทำให้นางอุ่นเรือน อดที่จะอมยิ้มตามคุณหนูของตนเองขึ้นมาไม่ได้เมื่อบังเอิญมาได้ยินเรื่องราวอันน่ายินดีที่คุณหนูของนางรอมานาน
“ได้ค่ะ หนูอินเรียนจบแล้วค่ะ แล้วพบกันนะคะคุณย่า หนูอินรักคุณย่าที่สุดเลยค่ะ” องค์อิน เลิศภักดี หญิงสาววัยยี่สิบสองเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะกดวางสายพร้อมกับหัวใจที่เบิกบานมากกว่าวันไหนๆ
“มีข่าวดีจากเชียงรายเหรอคะคุณหนู”
“ยิ่งกว่าข่าวดีเสียอีกคะนม คุณย่าโทรมาบอกเมื่อกี้เองค่ะว่าตอนนี้พี่สองเขาตอบตกลงจะแต่งงานกับหนูอินแล้ว หนูอินดีใจที่สุดเลยคะนม!” หญิงสาวตอบเสียงหวานก่อนจะโผเข้ากอดแม่นมที่เลี้ยงดูเธอมานับตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของเธอเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายสิบปีก่อนอย่างมีความสุขที่ในที่สุดความฝันที่รอมานานนับสิบๆ ปีก็ใกล้จะเป็นจริงเสียที ความฝันที่อาจจะมีแค่เธอที่มีความสุขไปกับมัน
“นมดีใจด้วยจริงๆ นะคะ แล้วนี่คุณหนูจะลงไปเชียงรายเมื่อไหร่คะ” คนถูกถามยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“อีกสามวันค่ะนม คุณย่าบอกว่าอยากให้หนูอินลงไปเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ” องค์อินตอบพร้อมรอยยิ้มสดใส นานกี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน แต่ถึงจะนานแค่ไหนสำหรับเธอแล้วผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ แม้เธอจะไม่เคยเป็นที่หนึ่งในใจเขาเลยก็ตาม
แต่เธอก็ยังเชื่อว่าสักวันความรักของเธอมันจะส่งไปถึงใจของเขาบ้าง สักวันชรัสจะรักเธอเหมือนอย่างที่เธอยังรักเขาเรื่อยมา
เชียงรายสามวันต่อมา
“คุณสองให้ผมมารับครับคุณหนูอินครับ” สีหน้าของคนที่เพิ่งจะเหยียบแผ่นดินเชียงรายเป็นอันต้องเศร้าสลดเมื่อพบว่าคนที่มารอรับเธอนั้นไม่ใช่คนเดียวกับคนที่เธอกำลังชะเง้อหาแต่อย่างใด
“แล้วพี่สองของพี่เก้าไปไหนเสียล่ะคะ ทำไมเขาไม่มารับอินด้วยตัวเอง” องค์อินถามกลับอย่างอดเคืองว่าที่สามีขึ้นมาไม่ได้ ก็ไหนคุณย่าบอกว่าเขาจะมารับเธอด้วยตัวเองยังไงล่ะ แล้วนี่เขาหายไปไหน ทำไมถึงเป็นพี่เก้าคนสนิทของคนเขาที่มารับเธอแบบนี้
“เอ่อ คือว่าตอนนี้นาย…ติดธุระสำคัญอยู่น่ะครับ ก็เลยให้ผมมารับคุณหนูแทน” แม้จะอยากถามต่อว่าธุระอะไรของเขาที่มันสำคัญไปกว่าเธอแต่องค์อินก็เลือกที่จะเก็บเงียบเพราะไม่อยากสร้างเรื่องตั้งแต่วันแรกที่มาถึง อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีน้ำใจส่งคนของตัวเองมารับ ไม่ใจร้ายปล่อยให้เธอหาทางไปที่ไร่ด้วยตัวเองแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์มารับอิน เราไปกันเลยไหมคะ” นายเก้าพยักหน้ารับก่อนจะอาสาช่วยถือกระเป๋าเสื้อผ้าถึงสามใบให้กับว่าที่เมียนายอย่างเต็มใจ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคุณหนูองค์อินที่เมื่อก่อนยังตัวเล็กเท่าลูกแมวคนเดิมที่เคยวิ่งตามตูดเจ้านายของเขาไปซะทั่วไร่ บัดนี้เติบโตขึ้นเป็นสาวสวยสะพรั่งแบบนี้
สวยเสียจนเขาอยากจะเห็นหน้านายตอนได้เจอว่าที่เมียเข้าจริงๆ ว่าจะทำหน้าแบบไหน…
ตลอดการเดินทางอันยาวไกลทำให้องค์อินมีโอกาสมองดูความเปลี่ยนไปของจังหวัดเชียงรายไปในตัว และนั่นมันทำให้เธอยิ่งคิดถึงอดีตในวัยเด็กของตัวเองขึ้นมา เธอเกิดและเคยใช้ชีวิตที่นี่ถึงอายุเจ็ดขวบก่อนจะย้ายตามพ่อกับแม่ไปอยู่กรุงเทพในที่สุด และถ้าหากเลือกได้จริงเธออยากเลือกอยู่ที่นี่มากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะที่นี่มันไม่ได้เป็นแค่บ้านเกิด แต่ยังเป็นที่ที่ทำให้เธอได้พบกับใครคนนั้น คนที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ คนที่แม้จะใจร้ายแต่เธอก็ยังรัก และคงจะรักเขาไปแบบนี้อีกนานเท่านานเลยทีเดียว
“คิดถึงที่นี่จังเลยค่ะ รู้สึกเหมือนอินได้กลับบ้านยังไงก็ไม่รู้สิคะ” นายเก้าทำได้แค่พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มตาม ด้วยอาจเพราะเป็นคนคุยไม่เก่งเท่าไหร่นัก อีกทั้งสถานะของตัวเองก็แค่ลูกจ้างธรรมดาคนหนึ่ง เขาจึงไม่อาจเอื้อมที่จะพูดคุยกับว่าที่เมียนายอย่างที่ใจคิด
สุดท้าย..ก็เลยต้องปล่อยให้คุณหนูองค์อินพูดคนเดียวต่อไป
ร่างสมส่วนที่กำลังก้มลงกราบเท้าของตนเองด้วยท่าทีนุ่มนวลน่ารักตรงหน้าถูกรวบเข้าไปกอดแทบทันทีเมื่อมาถึง องค์อินยิ้มรับก่อนสวมกอดคุณย่าของชรัสด้วยความรู้สึกคิดถึงท่านจับหัวใจ
“อินคิดถึงคุณย่ามากเลยค่ะ”
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
“ผมไม่หย่า! ต่อให้คุณจะเกลียดผมไปจนวันตายยังไงผมก็ไม่หย่า” “ทำไมล่ะคะ คุณจะเก็บฉันเอาไว้ทำไมในเมื่อคุณไม่สามารถทำให้ฉันมีความสุขได้เลยสักวันเดียว! เป็นฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณรู้บ้างไหมคะวาฉันต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนที่ต้องฝืนทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณ อ๊ะ!!” คำต่อว่าที่รุนแรงทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป มือทั้งสองกระชากใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอยู่ดี รสสัมผัสที่รุนแรงหยาบกระด้างค่อยๆ แผ่วเบาลงตามลำดับแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาใสที่ไหลรินออกมาจากแก้มเนียนทุกๆ สิ่งถึงได้หยุดลงพร้อมๆ กับใบหน้าคมคายที่ผละตัวออกห่าง... “ผมขอโทษ ขอโทษที่ใจร้ายกับคุณมาตลอด แต่ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจอีก”
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!
เรื่องความหื่น.. ไม่เข้าใครออกใคร.. ผัวเมียถึงจะรักกันมากแค่ไหน หากเกิดเหตุการณ์ที่เป็นใจ ก็อาจเผลอไผลทำผิดศีลธรรมได้.. โดยเฉพาะถ้าเจอคนถูกใจ ก็ยิ่งหลวมตัวได้ง่าย..
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
ร่างของกัญติญาถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรง มือที่ถูกไขว้ไว้ที่ด้านหลังแถมโดนมัดเสียแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนแนวขาอ่อนทั้งสองข้างก็ถูกเขาทุบเบาะๆเพื่อตัดทอนกำลัง ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างของเธอไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ “เธอจะต้องได้รับโทษที่เธอทำไว้กับฉัน วันนี้เธอจะต้องจดจำไปชั่วชีวิตแน่นอน” กางเกงตัวสวยของเธอถูกถอดออกจากร่างกายตามด้วยอันเดอร์แวร์ โดยกัญติญาไม่ทีทางต่อสู้ได้เลย เธอไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน “เธอเตรียมตัวรอรับโทษจากฉันได้เลย” เขาพูดจบพร้อมกับลงโทษให้เธอรู้สำนึกว่าอย่าบังอาจมาทำร้ายคนอย่างเขา ถ้าเขาเจ็บเธอจะต้องเจ็บยิ่งกว่า และมันก็เป็นอย่างที่เขาตั้งใจไว้จริงๆ “อี๊ดดดดดดดดด..” เสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถดังออกมาได้เพราะเธอถูกเสื้อที่เขากระชากติดมือมาอุดไว้ที่ปาก ความเจ็บปวดที่แสนทุกข์ทรมานที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน น้ำตาของเธอรินไหลออกมาไม่ขาดสาย ร่างกำยำเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่แทรกเข้ามาในกลีบกุหลาบของเธอ ในภาวะที่เธอยังไม่พร้อมทำให้ร่างกายของเธอเจ็บปวดอย่างที่สุด กลีบกุหลาบที่ไร้ซึ่งน้ำหวานมาชโลมให้ชุ่มฉ่ำ ร่างทั้งร่างเจ็บปวดจนไม่อาจทานทนได้ มีเพียงน้ำตาที่รินไหลออกมาบรรเทาความเจ็บปวดเท่านั้น กัญติญาร้องไห้แทบจะเป็นสายเลือดเพราะความเจ็บระบมกับสิ่งที่เกิดขึ้น บทลงโทษของเขาทำให้เธอจดจำไม่มีวันลืมจริงๆ เขายังคงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง แรงถาโถมที่เขาสาดใส่อย่างแรงอย่างไม่กลัวเธอเจ็บปวด เขาทำตามอารมณ์และจินตนาการที่อยู่ในใจของเขา เสียงสะอื้นและกรีดร้องผ่านเสื้อที่ปิดเรียวปากของเธอ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาหาสนใจไม่ยังคงเคลื่อนไหวบนร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งได้ปลดปล่อยในร่างกายของเธอ รัฐศาสตร์นอนหอบหายใจแรงอยู่ข้างกายเปลือยเปล่าของเธอ หลังจากเสพสมครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น เขาตะแคงหันร่างมาหาเธอที่นอนร้องไห้อยู่ มือหนาไต่ไปตามแนวลำแขนของเธอที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและรอยเขียวจ้ำกระจายอยู่เต็มไปทั่ว “ฉันจะไม่ฆ่าไอ้เคนจิมัน..แต่ฉันจะไล่มันลงเรือแทน และต่อไปนี้ห้ามติดต่อกับมันอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ถ้าฉันรู้เธอเจอหนักกว่านี้แน่ แต่ถ้าเธอคิดหนี พ่อของไอ้เคนจิมันจะต้องหัวใจวายเพราะลูกชายมันแน่นอน” รัฐศาสตร์ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย แต่ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากเตียงเขาปลดเสื้อที่มัดข้อมือและเรียวปากของเธอให้เป็นอิสระ และดึงผ้าห่มมาปิดร่างกายให้ กัญติญานอนร้องไห้กับการกระทำของเขา ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอแบบนี้ เคนจิโร่ทำร้ายเธอทั้งคำพูดและร่างกายเป็นบางครั้ง แต่เธอสามารถทนได้เพราะรักเขาและนึกถึงทางาดะบิดาของเคนจิโร่ที่มีบุญคุณกับเธออย่างใหญ่หลวง แต่สำหรับรัฐศาสตร์เธอเองไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทนและทนไปเพื่ออะไร หญิงสาวนอนร้องไห้จนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและเจ็บปวด นอนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเพื่อต่อสู้กับเขาในวันพรุ่งนี้ รัฐศาสตร์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลอง เขาเดินมาหยุดนิ่งที่ข้างเตียง ยืนมองร่างที่หลับใหลของเธอ ใบหน้านวลยังคงมีหยาดน้ำตาแห้งกรังติดอยู่ เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปกับเธอเพราะเหตุใด แต่ที่แน่ๆ คือเขาหวง ไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ยิ่งเป็นเคนจิโร่ด้วยแล้ว ความหวงของเขามากเป็นเท่าทวีคูณ รัฐศาสตร์เดินออกไปจากห้องนอนทันที เพื่อจัดการบางอย่างให้เรียบร้อย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY