เนตราที่ตื่นมาพร้อมกับความจำแค่สมัยมหาวิทยาลัย คนที่อยู่ข้างเธอคือชวินทร์ เขาบอกความจริงที่น่าตกใจว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แถมพาตัวตัวเองกระแซะเข้ามาใกล้ ท่ามกลางความสับสนและงงของเธอ ก็เขาน่ะเพลย์บอยตัวพ่อ ส่วนเธอเป็นผู้หญิงระดับกลางๆ ไหงมาคบกันได้ล่ะ
เนตราที่ตื่นมาพร้อมกับความจำแค่สมัยมหาวิทยาลัย คนที่อยู่ข้างเธอคือชวินทร์ เขาบอกความจริงที่น่าตกใจว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แถมพาตัวตัวเองกระแซะเข้ามาใกล้ ท่ามกลางความสับสนและงงของเธอ ก็เขาน่ะเพลย์บอยตัวพ่อ ส่วนเธอเป็นผู้หญิงระดับกลางๆ ไหงมาคบกันได้ล่ะ
ภาพแรกที่ค่อยๆ แจ่มชัดในสายตาเนตราคือ แสงไฟสว่างจ้าจากหลอดฟูลออเรสเซนต์ในห้องขาว
เธอกระพริบตากลมโตถี่ๆ เรียกสติคืนจากความง่วงงุน ศีรษะหนักอึ้ง คอแห้งเหมือนคนหลงในทะเลทรายมานาน
เมื่อสายตาชินกับแสงจึงเห็นสภาพห้อง เธอนอนบนเตียง มีขวดน้ำเกลือแขวนเหนือศีรษะ สายเล็กเรียวมาหยุดอยู่ที่กลางแขนขวา
ทีแรกคิดว่าตนเองอยู่ลำพัง แต่เหลือบเห็นประตูกระจกกั้นระเบียง ใครบางคนยืนอยู่ด้านนอก
“มีใครอยู่บ้างคะ สวัสดีค่ะ”
อยากลุก แต่จนด้วยเนื้อตัวระบมไปหมด ได้แต่ส่งเสียงทัก ประตูเคลื่อนเปิด เผยให้เห็นสมาชิกร่วมห้อง ชวินทร์! เนตราอ้าปากเหวอ
“จะเอาอะไรเหรอ เดี๋ยวเรียกพยาบาลให้”
เขาเดินมากดปุ่มเหนือหัวเตียง เผยให้เห็นไหล่กว้าง ท่อนแขนเข็งแรง
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วฉันล่ะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
คำถามยิงรัวเร็วเกือบเท่าจังหวะการหายใจถี่กระทั้น
“คุณล้ม หัวฟาดกระถางต้นไม้ ผมพามาโรงพยาบาล”
สรรพนามก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเรียก “เธอ” กลายเป็น “คุณ” ท่าทีเย็นชาเปลี่ยนเป็นห่วงใย
“หลับไปสองวันเต็มๆ”
“แล้วนายไปเจอฉันหัวฟาดกระถางต้นไม้ได้ยังไง ไหนบอกว่าเราอย่าเจอกันสองต่อสองอีก”
ชวินทร์ขมวดคิ้ว
“อย่างนี้แฟนนายจะคิดยังไง”
ดวงตายาวรีดำสนิทของเขาพินิจเธอแปลกๆ
“แล้วเพื่อนๆ ล่ะ มีใครรู้ว่าฉันป่วยหรือยัง ไปเรียกมาหน่อย จะได้ไม่กลายเป็นว่าเราอยู่ด้วยกัน”
“คุณป่วยนะ ไม่มีใครมาคิดมากหรอก”
“เพราะคิดน้อยนี่แหละถึงได้เกิดเรื่องไง ขอร้องล่ะ เรียกใครสักคนมาเถอะ อย่างน้อยก็มาเป็นพยานว่าเราไม่ได้อยู่กันตามลำพัง”
อาการหนักอึ้งในศีรษะเปลี่ยนเป็นปวดตุบๆ จนต้องยกมือคลึงบริเวณปวดเบาๆ
“นายจะได้ไม่มีปัญหากับแฟน”
“คุณห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองอีกแล้ว”
“ฉันห่วงตัวเองมากกว่า ไม่อยากโดนแฟนนายที่ชื่ออะไรนะ ...เออ ใช่ ชื่อแจงหักอก”
ชวินทร์หรี่ตา
“แฟนผมชื่ออะไรนะ”
“ก็แจงไง”
ใจเจ็บแปลบ เขาจะให้ย้ำชื่อเจ้าของหัวใจตัวเองทำไมหลายรอบ ชวินทร์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะพ่นออกมาพร้อมคำถาม
“ดาว วันนี้เดือนปีอะไร”
“หือ”
เธอครางในลำคอ
“ตอบมาเถอะน่า”
“ยี่สิบสี่เมษาสองห้าห้าเจ็ด”
พยาบาลชุดขาวสาวเท้าเข้ามาในห้องเพราะเสียงกดเรียกในทีแรก เนตราหน้าเหรอหรา ขณะชวินทร์เสียงก้อง
“ผมต้องการพบหมอ ด่วนที่สุดครับ!”
แล้วเขาก็หายลับสายตาไปท่ามกลางสีขาวของห้องและชุดพยาบาล หมอเข้ามาตรวจและถามประวัติเธอ สลับกับถามเรื่องทั่วๆ ไป ชีวิตส่วนตัวในมหาวิทยาลัย งานที่อยากทำ ก่อนจะกลับออกไป ปล่อยเธอไว้กับความเงียบในห้อง
“มีใครเห็นโทรศัพท์มือถือฉันไหมคะ”
เนตราเรียกพยาบาลอีกครั้ง
“ไม่ทราบสิคะ ปรกติของส่วนตัวผู้ป่วยจะได้รับคืนวันที่ออกจากโรงพยาบาลค่ะ”
“ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ค่ะ จะติดต่อฝ่ายไหนได้บ้าง”
“งั้นต้องให้ญาติไปเซ็นชื่อรับที่ชั้นล่างค่ะ”
เธอมีเสียทีไหนกันล่ะญาติที่ว่านั่น คงต้องรอชวินทร์ เขาเป็นความหวังเดียว ที่เธอไม่อยากจะหวังเอาเสียเลย
ชวินทร์กลับมาในอีกหลายชั่วโมงต่อมา เขาเปลี่ยนชุดใหม่เป็นเชิ้ตขาวทับด้วยสูทสีเทา ยิ่งขับเน้นมาดนักธุรกิจหนุ่ม ตัวเขาหอมกลิ่นฝนจางๆ จนเนตราอาย ด้วยตัวเธอมีแต่กลิ่นยา
“นายช่วยโทรตามเพื่อนคนอื่นให้ฉันหน่อยสิ”
“ทำไม”
“เราจะได้ไม่อยู่ด้วยกันสองต่อสองอีก”
สถานการณ์แบบนี้แหละที่พาไปสู่ “เรื่องนั้น” จนเขาและเธอมองหน้ากันไม่ติด
“คุณป่วยอยู่นะ”
ชวินทร์เลื่อนเก้าอี้กลมมาข้างเตียง แล้วนั่งลง กลายเป็นเธอที่ทอดตามองเขา
“ฉันอยากกลับบ้าน”
เขาสงบ ต่างกับเธอที่ใจเต้นแรงจนกลัวมันจะหลุดจากขั้ว
“หมอขอดูอาการก่อน”
“ฉันเป็นอะไร”
เนตราขยับตัวไปอยู่คนละฝั่งเตียงกับเขา ชวินทร์หลุบเปลือกตาลง ขนตาหนาเป็นแพจนเธออยากยื่นนิ้วไปไล้เล่นเหมือนดังครั้งก่อน กลับมาๆ เนตราบอกตัวเอง ถ้าไม่อยากเสียใจซ้ำสอง
“หมอบอกว่าคุณความจำเสื่อม มันหยุดอยู่แค่ความจำสมัยมหาวิทยาลัย”
“ห๋า”
เธอชี้หน้าตัวเอง ย้ำกับเขาว่านี่เรื่องจริงใช่ไหม ชวินทร์พยักหน้ายืนยัน
“คิดว่าเรื่องอย่างนี้มีแต่ในละครซะอีก”
“แล้วนี่ผ่านมากี่ปีแล้ว หมอบอกไหมความจำฉันจะกลับมาหมดเมื่อไร”
“ตอนนี้ผ่านมาหกปี”
ชวินทร์ทำหน้าปั้นยาก เขากำลังตัดสินใจบางอย่าง
“หมอบอกว่าความทรงจำทั้งหมดจะค่อยๆ กลับมา ระบุเวลาแน่นอนไม่ได้”
เธอได้ยินแล้วค่อยโล่งหน่อย
“แล้วนายมาเจอฉันล้มหัวแตกได้ยังไง”
ห้องเงียบไปครู่ ความกดอากาศหนักๆ ลอยวนเหนือเขาและเธอ เวลาหกปีชวินทร์เปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่นักศึกษาหน้าใส เครื่องหน้าบึกบึนเข้มขึ้น มีไรหนวดเขียวจางๆ บริเวณแก้มและเหนือริมฝีปาก
ระหว่างคิ้วปรากฏรอยย่นจางๆ แบบคนคิดมาก ส่วนเธอก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน จากเด็กสาวหลายเป็นหญิงสาว แก้มป่องกลายเป็นเรียว ผิวขาวขึ้นและผอมลง
“เราเป็นแฟนกัน”
เนตราเบิกตาเท่าที่รอยช้ำบนเปลือกตาจะเอื้ออำนวย
“เป็นไปไม่ได้”
นานพอดูกว่าเธอจะหาเสียงตัวเองเจอ ซึ่งก็แหบแห้งเสียเหลือเกิน
“นายจะมาเป็นแฟนฉันได้ยังไง”
เธอพยายามนึก ค้นลึกลงไปในความทรงจำ แต่ได้กลับมาเพียงอาการปวดจี๊ดที่กำเริบขึ้นจนต้องยกมือแตะศีรษะ
“อย่าเพิ่งเครียด หมอบอกว่าหัวคุณกระทบกระเทือน ความทรงจำบางส่วนหายไป”
และเป็นบางส่วนที่สำคัญสุดๆ เสียด้วย
“นายเป็นแฟนกับแจงอยู่นี่”
“ผมเลิกกับเขานานแล้ว”
ชวินทร์เล่าเหมือนกำลังบอกว่าไปซื้อของ ไม่มีอาการหวั่นไหวเมื่อพาดพิงถึงความรักครั้งเก่า
“ฉันเป็นต้นเหตุหรือเปล่า”
เขายิ้มเห็นไรฟัน
“เปล่าหรอก มันมีหลายสาเหตุ อย่าไปคิดถึงเรื่องคนอื่นเลย พักผ่อนเถอะ”
ในสายตาเนตรา ชวินทร์รักแฟนเขามาก เห็นได้จาก “คืนนั้น” ที่เขาคร่ำครวญเรียกชื่อเธอเสียหนักหนา
“แล้วเรามาคบกันได้ยังไง”
ความสงสัยใคร่รู้ตะกุยผ่านช่องท้อง เคลื่อนขึ้นฉายในดวงตา เหงื่อซึมทั้งอยู่ในห้องปรับอากาศ ใจจดจ่อรอคำตอบจากปากเขา ที่นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์
“มันไม่ได้เกิดแอคซิเดนท์ระหว่างเรา แบบว่า ...ฉันท้องหรอกนะ”
เธอเดาคำตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ คราวนี้ชวินทร์หัวเราะดังพรืด เธอหน้าร้อน อายจนอยากซุกหน้าเข้าผนัง ก็แหม ...นี่มันเป็นมุกคลาสสิคที่ทำให้ผู้หญิงบ้านๆ กับผู้ชายรวยๆ อย่างเขาต้องตกกระไดพลอยโจรต้องมาอยู่ด้วยกันเชียวนะ
“อย่าขำสิ! ฉันซีเรียสนะ” เธอแว้ด กลั้นใจรอคำตอบ
“คุณไม่ได้ท้อง”
เนตราพ่นลมหายใจยาว สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
“ผมกลับมาจากอเมริกา เจอคุณ เราต่างไม่มีใครเลยคบกัน”
“ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ”
เธอจำได้ว่าชวินทร์ก่อนมาคบกับแฟน ...หมายถึงคนก่อนที่เลิกกันไปก่อนจะมาคบกับเธอ เขามีสาวๆ รุมล้อมหน้าล้อมหลัง เรียกว่ามีให้ควงไม่ได้ขาด และสวยๆ ทั้งนั้น ไหงเขามาเลือกเธอล่ะ
“การที่คนเราจะคบกันเป็นแฟนมันต้องยากสักแค่ไหนกันเชียว”
เนตราไม่เคยนึกฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้มานั่งคุยกับเขาเรื่องนี้ บนเตียงโรงพยาบาล
“นายกับฉันต่างกันมาก”
“ผมชอบคบกับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
เธอแทบละลายกับประโยคนี้ ขณะคนพูดก็เสไม่มองตา บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความขวยเขิน
“แต่ฉันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี นายมีหลักฐานที่เราคบกันไหม”
ชวินทร์ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง ภาพปรากฏบนจอเป็นภาพเธอกับเขาน่าจะเป็นงานเลี้ยงอะไรสักอย่างเพราะเขาใส่สูทเต็มยศ ขณะเธอสวมแซกเกาะอกสีเหลืองนวลสั้นเสมอเข่า ทั้งสองยืนข้างกันแต่ไม่มีใครยิ้ม
“โทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมผมพัง มีแค่นี้ นี่เป็นรูปล่าสุดที่เราถ่ายด้วยกัน”
“ไม่เหมือนคนเป็นแฟนกันเลย”
เธอเพ่งมองภาพนั้น เก็บรายละเอียดไว้ทุกเม็ด
“ผมทำให้คุณโมโหนิดหน่อย ภาพเลยออกมาแบบที่เห็น”
“เราทะเลาะกันเรื่องอะไร”
เนตราจับโทรศัพท์แน่น จนรับรู้ถึงความอุ่นจางๆ
“ผมมาช้า คุณเลยโมโห”
“ปรกติฉันไม่ใช่คนโมโหกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้” เธอค้าน
“เวลานัดกันทีไรผมมักไปสายเสมอ ครั้งนี้คุณเลยโมโหมาก”
เหตุผลพอเข้าใจได้หน่อย
“แล้วฉันล้มหัวฟาดได้ยังไง”
เธอคืนโทรศัพท์ให้ ชวินทร์รับไปเก็บไว้ที่เดิม
“คุณรดน้ำต้นไม้อยู่ พื้นมันลื่นเลยเกิดอุบัติเหตุ”
ทุกอย่างลงล็อก กระทั่งเธอหมดคำถาม
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“บอกแล้วว่าหมอให้อยู่ดูอาการก่อน ผมจะจ้างพยาบาลพิเศษดูแลช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนผมจะมาอยู่เป็นเพื่อน”
“มะ ไม่ต้องก็ได้”
ถึงเขาบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่เนตราก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคย
“นายจะลำบากเปล่าๆ”
“ผมเป็นแฟนดาวนะ เรื่องแค่นี้สบายมาก”
ชวินทร์กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนสมัยมหาวิทยาลัย หนุ่มขี้เล่นผู้มั่นอกมั่นใจในตัวเอง
“บางทีถ้าปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ความทรงจำอาจกลับมาเร็วขึ้น”
มีแววไหววูบในดวงตาคมรี แต่ก็เร็วจนเธอไม่ทันสังเกต
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”
ชวินทร์ลุกขึ้น ยื่นมือดึงแขนเธอมาใกล้ เนตราที่ไม่ทันได้ระวังตัว จึงกลายเป็นพุ่งร่างกระทบอกเขา
“แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่”
ริมฝีปากนิ่มอุ่นจุมพิตหน้าผาก ความร้อนแผ่จากบริเวณเขาสัมผัสจนเนื้อตัวเธอแดงไปหมด
“ดาวรอโน้ตนะ”
โอ๊ย! อาการปวดหัวกลับมาอีกละรอก และดูเหมือนครั้งนี้จะหายยากเสียด้วยสิ เนตราครางในใจ
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
บทนำ หมอพุฒตาล ศัลยแพทย์ทั่วไป เรียนจบด้วยเกรดนิยมอันดับหนึ่ง เธอกลายเป็นหมอผ่าตัดมือหนึ่งของโรงพยาบาล ด้วยชีวิตที่คิดอุทิศให้กับวงการแพทย์ ทำให้หมอพุฒตาลไม่เคยข้องแวะกับชายใด แม้จะมีหนุ่มเข้ามาจีบไม่เว้นวัน เมื่อบิดาของเธอเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เพราะการผ่าตัดที่ล่าช้า เนื่องมาจากช่วงเวลานั้น ขาดหมอเฉพาะทาง เหตุผลนี้จึงเป็นแรงผลักดัน ทำให้เธอตั้งใจเรียนศัลยแพทย์ จนฝีมือด้านการผ่าตัดการวินิจฉัยโรคของหมอพุฒตาล เป็นที่ยอมรับของเพื่อนหมอ และคนไข้ที่มารับการรักษา เมื่อเธอทำงานได้สองปีสิ่งที่ไม่คาดฝันกับชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อมารดาเข้ามาหาเธอถึงห้องพักแพทย์ในโรงพยาบาล สิ่งที่มารดาต้องการคือการให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อน เมื่อนางกู้ยืมเงินเขามาส่งเสียให้เธอเรียน ใครเล่าจะรู้ว่าหมอมือหนึ่งอย่างเธอ จะต้องมาแต่งงานใช้หนี้ผู้ชายที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เงินสิบล้านกับดอกเบี้ยอีกเท่าตัวทางเลือกของหมอพุฒตาล คือการแต่งงานกับชายแปลกหน้าเพียงเท่านั้น เตชิน หนุ่มไฮโซรูปหล่อ เห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องบำเรอ เขามองความรักเป็นแค่เรื่องล้อเล่น เที่ยวเตร่ไปวันๆ ส่วนธุรกิจของครอบครัวเขาทิ้งให้เตชิต พี่ชายเพียงคนเดียวรับผิดชอบ ความอดทนของผู้เป็นมารดาได้สิ้นสุดลง เมื่อเตชินเที่ยวเตร่ไม่เอาการเอางาน นางจึงยื่นคำขาดด้วยการให้เขาแต่งงานกับหมอพุฒตาล เตชินฟังแค่ชื่อของเธอ เขาถึงกับขำออกมา ชายหนุ่มไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงเฉิ่ม ๆ แบบนั้นเป็นอันขาด ที่สำคัญเขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่เมื่อมารดายื่นคำขาดคือการริบทรัพย์ ทั้งบัตรเครดิตและรถสปอร์ตคันหรู เมื่อไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มจำใจยอมตกลงแต่งงาน ซึ่งแน่นอนผู้หญิงคนนั้นต้องทนเขาไม่ได้ และเธอต้องขอหย่าภายในสามเดือน เขาจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เธอดู เธอจะได้รู้ว่าไม่ควรวิ่งเข้ามาในกองเพลิง ที่เขาก่อเอาไว้ เพราะมันพร้อมที่จะเผาเธอให้มอดไหม้ไปในพริบตา!! ************************* ฝากภาค 2 รุ่นลูก ด้วยนะคะ บำเรอรักคุณหมอจ้า*************
เมื่อชีวิตและความสาวถูกตีราคาเพียงห้าแสนบาท เดือนอ้ายที่ถูกบังคับขายตัวจึงยอมตกเป็นทาสสวาท มอบความรักและหัวใจให้ผู้เป็นเจ้าของชีวิตเธอ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะตอบแทนเธอกลับ ด้วยความรักไม่ใช่เพียงความใคร่ แต่ถึงแม้เธอจะรักและทำทุกอย่างเพื่อเขามากแค่ไหน ในหัวใจของจักรพัฒน์ เดือนอ้ายก็เป็นได้เพียงนางบำเรอที่หน้าตาคล้ายคนรักเก่า สำหรับเขา เธอเป็นได้แค่เงาของแพรพราว ไม่ใช่วุ้นหรือเดือนอ้ายที่เขารัก
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด