I swear to god , i won't stop until you scream my name
I swear to god , i won't stop until you scream my name
วันศุกร์, 19:42 PM
เสียงการแจ้งเตือนของสมาร์ทโฟนวางอยู่ไม่ไกลจากตัวเท่าไหร่ดังขึ้น เจ้าของเครื่องเอื้อมมือเปิดดูก็รู้ว่าไม่ใช่ใคร กลุ่มเดิม ๆ คงนัดไปร้านเหล้าเหมือนอย่างเคย แล้วคิดเหรอว่าคนอย่างนาวจะไม่ไป วันนี้มันวันศุกร์หรรษาที่นาวจะต้องไม่พลาดอยู่แล้ว แสงสีเป็นสิ่งที่คนอย่างนาวหลงใหล ยิ่งมีเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ พร้อมกับแก้วแอลกอฮอล์ที่อยู่ในมือด้วยแล้วล่ะก็...สนุกเลยล่ะ
ไม่ทันวางโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงรีบกดเข้าทวิตอย่างเร็ว ใช่แล้ว วันนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือนของคน ๆ นึงที่เฝ้ารอมาทั้งวัน เป็นไปได้ไง ในเมื่อวันนี้เป็นวันศุกร์ ทำไมถึงไม่มีการเคลื่อนไหว นาวเลื่อนรีดูไม่รู้ต่อกี่ครั้งก็ต้องหยุดแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอนหลับไปจนเกือบสามทุ่ม จนไอ้ฝนตัวนำไปร้านเหล้าวันนี้ก็โทรตาม นาวเลยลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วกลับมาเช็คดูการแจ้งเตือนของทวิตเตอร์...แต่ก็ยังเงียบ
ร่างบางทำได้แต่ถอนหายใจแล้วคว้ากุญแจรถแล้วรีบออกจากห้องก่อนที่เพื่อนตัวดีจะรัวข้อความแชทมาตามอีกครั้ง ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวมาถึงหน้าร้านที่ถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย มีเสียงดนตรีดังออกมาเบา ๆ เมื่อนาวเดินเข้ามาในร้านก็พบกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่นั่งอยู่โต๊ะประจำหน้าเวทีที่ใกล้ชิดกับนักร้องมากที่สุดแล้ว
“มาช้าจังวะ” ประโยคแรกที่นาวมาถึงก็ถูกไอ้คนที่โทรตามถามอย่างไว กลุ่มนาวมีแต่ฝน บีม สอง แล้วนาว ไม่ใช่ไม่มีใครคบแต่เลือกคบกันแค่นี้มากกว่า
“กูหลับ” คนตัวสูงตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมาช้าอะไรนัก สามทุ่มกว่า ๆ มันเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดแล้วสำหรับการมาร้านเหล้า ไม่รู้จะรีบมารีบเมาไปทำไม “แล้วไอ้บีมมันไปไหน” หันมองเพื่อนที่โต๊ะแล้วยังไม่ครบกลุ่มองค์ประชุมเลยต้องเอ่ยปากถามหา
“นู่น!`” ไม่พูดเปล่าฝนก็ชี้มือไปที่โต๊ะที่มีผู้หญิงนั่งรุมล้อมผู้ชายตัวสูงไล่เลี่ยกับตัวเอง มีผิวขาวแต่หน้าตาจิ้มลิ่มมากกว่าอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะเท่าไหร่ “มันอยู่กับสาว ๆ ของมันไปแล้ว”
นาวพยักหน้าตอบรับก่อนยกแก้วขึ้นกระดกจนหมด รสชาติของแอลกอฮอล์ยังทำให้คิดถึงวันแรกที่ให้มันเข้ามาอยู่ในร่างกายเหมือนเดิม คิดถึงตอนไหนก็ขำทุกครั้ง เป็นความทรงจำที่ไม่เคยเลือนหายไปจากห้วงเวลาที่ผ่านมาสักที แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดอีกแล้ว
“ว่าแต่เด็กมึงไปไหนหมดไอ้นาว” สองที่นั่งเงียบมาสักพักหันมาถามเพื่อนที่เพิ่งยกเหล้าเข้าปาก
“ไม่รู้ว่ะ กูเบื่อแล้ว”
“คนอย่างมึงเนี่ยนะเบื่อ หรือว่ามึงมีคนที่แอบชอบแล้ววะ เห็นหลัง ๆ ไม่ค่อยมีแมลงหวี่แมลงวันมาตอมเหมือนแต่ก่อน”
“เปล่า!!! ไอ้พวกนี้นี่ สรุปจะชวนกูมาแดกเหล้าหรืออากูมาซักไซ้ถามนู้นถามนี่วะ” นาวเริ่มหัวเสียที่เพื่อนสองคนถามนั้นนี้ไม่หยุด ใครมันจะบอกว่าแอบรอคนคนนั้นในทวิตเตอร์อยู่ “แดกไหมเหล้า ไม่แดกกูกลับ”
“แดก ๆ ๆ มา ๆ ชน ๆ”
แกร้ง! เสียงแก้วเหล้าสามใบถูกชนกันก่อนถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็วหลายครั้งจนล่วงเวลามาจวบจนร้านจะปิด ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเว้นแต่บีมที่หายไปจากกลุ่มเพื่อนตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ นาวไม่ได้สนใจอะไรนอกจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าที่ถูกล้วงออกมาหลังจากที่เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว นิ้วเรียวยาวเลื่อนกดเปิดทวิตเตอร์ขึ้นมา ไม่นานพอแอพถูกเปิดขึ้น การแจ้งเตือนที่รอคอยก็เด้งขึ้นมาด้วยเหมือนกัน จนทำให้เจ้าของเครื่องเผยรอยยิ้มพึงใจออกมา
‘@havsixtothenine’
วันนี้ไม่ได้ตอบดีเอ็มใครนะครับ ไม่ได้นัด, แต่กลางคืนจะสุ่มคอลหา
rt, for random dirty talk phone call
เมื่อเห็นดังนั้น ไม่รอช้านาวก็รีบกดรีทวิตอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ทำไมนาวหลงใหลแอคทวิตเตอร์สิบแปดบวกของนายคนนี้อย่างมากถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจอ ไม่เคยนัด แล้วก็ไม่เคยได้คุยเลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาจะได้เป็นผู้โชคดีที่เขาคนนี้โทรหาหรือเปล่า
แล้วถ้าเป็นแบบนั้นล่ะ ถ้าเขาเป็นคนที่โชคดีในคืนนี้ล่ะ คำแรกที่เขาจะใช้พูดกับนายคนนี้อย่างไรดี คิดได้แบบนี้มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่นขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่กล้าหรืออายอะไรนะ แต่มันตื่นเต้น เขาไม่เคยใจเต้นแรงกับใครขนาดนี้มานานแล้ว เขาเอามือไปทาบหน้าอกที่มีก้อนเนื้อเต้นแรกอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะสะบัดหัวแรง ๆ หนึ่งครั้ง แล้วเลิกคิดเรื่องนี้เขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
โทรศัพท์เครื่องเดิมถูกโยนไว้ในคอนโซลรถ ก่อนจะขับรถออกไปจากร้านเหล้าแล้วมุ่งหน้าไปคอนโดของเขา ไม่นานรถก็ถูกจอดไว้ที่ลาดจอดรถของคอนโด เขาเหวี่ยงตัวเองออกจากรถโดยไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ ก่อนหันหลังกลับมาปิดประตูรถ แต่ก็เซด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือดตอนนี้เกือบทำให้ล้ม โชคดีที่มีคนผ่านมาแล้วคว้าตัวไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงหน้าคว่ำไปแล้ว
“ขะ ขอบคุณครับ” นาวรีบกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ ทีหลังก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย ถ้ารู้ว่าเมา”
“แม่งขาวฉิบหาย”
“ห๊ะ! เมื่อกี้พูดว่าไงวะ” นาวรีบผลักคนที่ช่วยเมื่อกี้ออกจากตัวเองอย่างเร็ว เมื่อได้ยินประโยคคำพูดต่อท้ายที่อีกคนพึมพำถึงจะได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ก็เถอะ
“ก็แค่บอกว่าขาว ไม่ได้บอกว่าอยากเอาสักหน่อย”
“เอื้อครับ ชื่อเอื้อ” คนที่มาช่วยไว้เอ่ยแนะนำตัว
“ขอบคุณ แต่ไม่ได้อยากรู้จัก ไม่ต้องแนะนำตัว คงไม่ได้เจอกันอีก” นาวพูดก่อนรีบขึ้นไปบนห้องของตัวเอง
ไม่นานเสียงการแจ้งเตือนของกลุ่มเพื่อนที่รายงานว่าตัวเองได้กลับถึงบ้านของตัวเองก็ดังขึ้น นาวไม่ได้สนใจที่จะเปิดมันขึ้นมาดูเลยสักนิด แต่...เสียงต่อมาเป็นเสียงแจ้งเตือนของทวิตของคนที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นผู้โชคดี นาวเด้งตัวขึ้นมาตอบอย่างเร็ว
‘นอนยังครับ’
“ยังครับ”
‘ว่างฟังเสียงกันไหมครับ’
“เป็นเด็กดีนะครับ”
‘Yes, daddy :D'
วันเสาร์, 10:42
เมื่อยตัว คือ ความรู้สึกของคนตัวบางผิวขาวที่ลุกนั่งบนเตียงด้วยความงัวเงีย จริง ๆ แล้วก็รู้ว่ามันสายมากแล้ว แต่ร่างกายที่ผ่านการใช้งานมาเมื่อคืนนี้ทำให้ไม่อยากลุกออกไปไหนเลยก็ว่าได้ คนบ้าอะไรทำให้เหนื่อยได้ขนาดนี้ อันนี้แค่ใช้เสียงนะ ถ้าเจอตัวเป็น ๆ จะทำยังไง นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็นั่งอมยิ้ม
ว่าแต่ ทำไมเสียงของซิกซ์ไนน์ถึงคุ้นจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
‘ร้องครางลั่นเลยนะ แค่นี้ก็ขาสั่นแล้วเหรอครับเรา’
‘ค่อย ๆ เอานิ้วสอดเข้าไปนะครับ อา...คนเก่ง ไม่ต้องเกร็งนะครับ’
โคตรดี เมื่อคืนมันโคตรดี ขนาดได้ยินแค่เสียงแล้วช่วยตัวเองยังเสร็จไปหลายรอบ
ติ๊ง!
เสียงการแจ้งเตือนแต่ครั้งนี้ไม่ใช่จากแชทกลุ่มเหมือนทุกครั้ง แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เมื่อยตัวมาจนถึงตอนนี้ ไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์มาเช็ค
‘เมื่อคืนเป็นยังไงครับ เด็กดี เมื่อยตัวไหมเรา’
“ครับ เมื่อยไปหมดเลย เพิ่งตื่นเนี่ย”
‘อา ถ้า เอา จริง ๆ คงจะต้องเบามือหน่อยแล้วละมั้ง’
‘@nowadaysxo’
Swear to God, last night was damnn
He’s hot as hell @havsixtothenine
‘ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ คุณก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน ขนาดตอนนี้ผมยังนึกถึงเสียงครางของคุณอยู่เลย ถ้ามีโอกาสอยากลองนัดเมื่อไหร่คิดถึงผมคนแรกได้เลยนะครับ’
“ถ้าวันไหนคุณคิดถึงเสียงครางของผมก็กดโทรมาได้ตลอดนะครับ จะรอรับสาย”
‘ตอนนี้เลยได้ไหมครับ แค่คิดถึงเสียงคุณมันก็ตื่นขึ้นมาเลยครับ’
‘เตรียมตัวครางอีกรอบเลยคนดี’
สิ้นบทสนทนาไม่นานโทรศัพท์ก็มีสายเข้าทันที ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนในแชทเมื่อสักครู่นี้เอง ไม่รอช้าทั้งสองคนก็เร้าอารมณ์กันผ่านทางสายโทรศัพท์ใส่กันจนเสร็จสม นาวจึงขอตัวอาบน้ำก่อนที่จะออกไปหาอะไรกินข้างนอก เพราะจะเที่ยงวันอยู่แล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง คนในสายก็คงเช่นเดียวกัน
วันนี้ไม่มีการสนทนากับแชทกลุ่มคงเป็นเพราะยังไม่ฟื้นจากเมื่อคืน กลับบ้านกันได้ปลอดภัยก็เก่งมากแล้วแหละ นาวเดินลงมาลาดจอดรถก็ทำให้นึกถึงคนเมื่อคืนที่ชื่อ ‘เอื้อ’ ไม่ได้ตั้งใจจะจำชื่อหรอกนะ แต่มันนึกขึ้นมาได้เอง เอาจริง ๆ ก็เป็นคนที่ดูดีมากเลยก็ว่าได้ หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออกเป็นเพื่อนที่คณะหรือเปล่านะ แต่ไม่น่าใช่คนที่คณะ เพราะไม่มีใครหน้าตาดีขนาดนี้ สูง หล่อ สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างเลยก็ว่าได้ แต่จะเด็ดหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง
ปึก!
“ขอโทษครับ” นาวรีบก้มหน้าก้มตาขอโทษที่เดินชนคนตรงหน้า มัวแต่เดินคิดอะไรไม่รู้จนไม่ได้ดูทางเลย
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“นาย!!” นาวรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงหน้า ก็พบกับรอยยิ้มที่ดึงดูดให้หลงใหล
“ตกใจอีกแล้วเหรอ ขวัญอ่อนจัง”
“ใครขวัญอ่อน แล้วเป็นอะไรเดินไม่ดูคน ก็เห็นว่ามีคนเดินอยู่ทำไมไม่หลบ ปล่อยให้เดินชนได้ไง รีบถอยไปเลยคนยิ่งรีบ ๆ อยู่” ไม่พูดเปล่านาวก็ผลักเอื้อให้พ้นจากทางที่ตัวเองกำลังจะเดินไป
ไวเท่าความคิดนาวที่กำลังจะเดินจากออกไป นายเอื้อก็รีบคว้าข้อมือบางเอาไว้แล้วดึงร่างเล็กที่ไม่ทันตั้งตัวก็เกือบจะล้มลงแต่โชคดีที่มีแผ่นอกของเอื้อรองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไป ตอนนี้มือของนาวอยู่บนแผ่นอกแกร่งของเอื้อทั้งสองข้าง ถึงจะไม่ล้มแต่ก็ทำให้สติของนาวหลุดหายไปเหมือนกัน ทั้งสองคนสบตากันอยู่พักใหญ่ ๆ มือของเอื้อกอดรัดเอวบางของนาวไว้แบบหลวม ๆ นาวรู้สึกเหมือนมีไฟบางอย่างสุมอยู่ในความรู้สึกเมื่อสัมผัสกับหน้าอกแกร่งดูสุขภาพดีของเอื้อ ใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อย ส่วนมือของเอื้อก็ไม่น้อยหน้า เขาแอบจับเอวของนาวพลางออกแรงเหมือนจะบีบยั่ว สายตาของเอื้อมองการแสดงออกของนาวอย่างพอใจ อารมณ์ตอนนี้ของนาวคงเกิดจากอาการค้างจากการเร้าของซิกซ์ไนน์เมื่อกี้
เวลาผ่านไปสักพักนาวก็เรียกสติตัวเองกลับมาได้ก่อนผลักอกเอื้ออย่างแรงแล้วรีบเดินไปที่รถที่จอดอยู่ เอื้อมองตามนาวพร้อมกับอมยิ้มอย่างพอใจ หลังจากนาวขึ้นรถแล้วก็รีบขับออกไปอย่างเร็ว ในใจนึกเขินและคิดอะไรเกินเลยติดเรทขึ้นมา อยากได้มากกว่าต้องทำอย่างไรมีคำถามขึ้นมาในหัวอีกแล้ว
รถมาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง นาวรีบเดินลงมาด้วยความหิวข้าว ถึงแม้ว่าจะอารมณ์ค้างจากเหตุการณ์เมื่อกี้ก็เถอะ แจ้งเตือนแชทเด้งขึ้นก่อนที่นาวจะสั่งอาหาร นาวเหลือบไปดูนิดหน่อยก่อนจะสั่งอาหารแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูเป็นแชทของไอ้บีมเอง ไอ้คนทิ้งเพื่อนไปเอาหญิง
‘ไอ้นาวววววววว’
‘มึงตื่นยังวะ’
‘ช่วยไรกูหน่อย’
“มีไรวะ กูแดกข้าวอยู่”
‘กูลืมเอกสารไว้ที่มอว่ะ ช่วยกูหน่อย’
“มึงอยากให้กูด่าป่ะ กูจะแดกข้าว”
‘ช่วยกูหน่อย กูโอนให้สามพันเลย’
“บัญชีเดิม”
‘เข้ายัง’
“โอเค เดี๋ยวกูแดกข้าวแล้วไปให้”
นาวยิ้มร่าเริงเมื่อเห็นยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น ไม่นานก็กินข้าวเสร็จแล้วมุ่งหน้าไปมหาลัยเพื่อหาเอกสารให้ ‘เพื่อนรัก’ กัดฟันพูดเลยคำนี้
มหาลัย
ตอนนี้รถได้ถูกจอดอยู่ที่ลานจอดรถของคณะนิเทศศาสตร์เป็นที่เรียบร้อย นาวลงจากรถเพื่อเดินตรงไปที่ห้องที่พวกเขาเคยนั่งเรียนกันหวังว่าเอกสารจะอยู่ในห้องนั้น ระหว่างที่เดินผ่านห้องหนึ่ง เหมือนเขาจะเห็นรูปของใครสักคนแปะอยู่ที่บอร์ดมหาลัย เมื่อนาวเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้ว ก็ยิ้มกว้างอย่างพอใจกับรูปของคนที่ตัวเองเหมือนจะให้ความสนใจ จะเป็นใครไปได้ นอกจาก ‘เอื้อ อรุณสวัสดิ์ เตภิบูรณ์ อดีตเดือนมหาลัย วิศวกรรมศาสตร์ปี 4’ ที่ใคร ๆ ก็บอกว่า เด็กวิดวะเด็ด ซึ่งคนนี้จะเด็ดเหมือนที่ใคร ๆ เขาลือกันไหมนะ อยากลองแล้วสิ
นาวมัวแต่สนใจคนที่อยู่บนบอร์ดของมหาวิทยาลัยอยู่ไม่รู้ตัวว่ามีผู้มาเยือนคนใหม่ ที่เดินเข้ามาใกล้แล้วโอบกอดจากทางด้านหลัง คงไม่ใช่ใคร แต่เป็น ‘ไทม์’ อดีตคนรักของเขาที่เลิกรากันไปหลายเดือนแล้ว แต่ไทม์ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขาเสมอ เขาสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากที่เลิกสนใจบอร์ดตรงหน้า การกระทำของไทม์ทำให้เขาเอือมระอา และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไทม์เดินมากอดเขา เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาเจอกัน
นาวค่อย ๆ แกะมือไทม์ออก โดยที่ไม่หันมามองหน้าเลยสักนิด ทุกครั้งเขาจะมีเพื่อนมาช่วยเป็นไม้กันหมา แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ที่เขามาเพียงลำพัง ไทม์เป็นคนเดียวที่นาวไม่กล้าเอ่ยปากด่าทอแรง ๆ ออกไป ไม่ใช่เพราะความสงสารแต่มันเป็นเพราะอย่างอื่น ไทม์เคยเป็นคนที่นาวรักมากถึงมากที่สุด ไม่คิดว่ามันจะมีวันที่กลายเป็นคนอื่น อ้อมกอดไทม์มันยังทำให้นาวอบอุ่นใจอยู่เสมอ แต่ก็นั่นแหละอ้อมกอดไทม์มันไม่ใช่ของนาวอีกต่อไปแล้ว
“นาว!” เสียงของใครสักคนดังมาจากทางเดิน ทั้งสองคนหันไปตามเสียง นาวทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นคนเรียกเป็นคนที่อยู่ในบอร์ดมหาลัย
“ทำไรกันอยู่เหรอ” นาวยิ่งทำหน้างงไปอีกที่ประโยคต่อมาของเอื้อเป็นคำถามที่ของคนที่รู้จักกันหรือสนิทกันถามกัน แต่เขาทั้งสองคนแทบไม่รู้จักอะไรกันเลย
“มึงมายุ่งอะไรด้วยวะไอ้เอื้อ” ไทม์ปล่อยมือออกจากเอวของนาวแล้วหันไปถามอย่างเอาเรื่องกับเอื้อ ไม่มีใครไม่รู้จักเอื้อที่เป็นอดีตเดือนมหาลัยที่หล่อเหลาปานเทพบุตรคนนี้ แต่นาวเพียงแค่ลืมหรือเรียกว่าไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ก็ว่าได้
“นาว ไปกัน” เอื้อแทบไม่สนใจคำพูดของไทม์สักนิด กลับเดินไปดึงข้อมือของนาวอย่างเบามือแล้วเดินผ่านหน้าของไทม์ไปอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นตรงนั้น
นาวที่คิดว่าตัวเองตัวสูงแล้วพอมาอยู่ใกล้เอื้อตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กตัวน้อยไปเลย ข้อมือของนาวยังถูกเอื้อครอบครองอย่างนั้น หน้าตาตกใจของนาวก็ยังปรากฏอยู่จนเอื้อนึกขำออกมาที่หันมามอง
“ขำอะไรของมึงวะ” นาวเห็นเอื้อขำก็รีบถาม “แล้วมือกูเนี่ยปล่อยได้แล้วมั้ง”
“ขอบคุณสักคำได้ไหมที่ช่วย”
“รู้ได้ไงว่ากูต้องการให้มึงช่วย”
“แสดงว่าชอบที่ถูกกอดแบบนั้นในที่สาธารณะ”
“แล้วกูพูดเหรอว่ากูชอบ”
“ทำไมปากดีจัง ทีกับไอ้ไทม์ยืนเงียบให้กอด”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง”
“จะให้เป็นเรื่องของเราเหรอ”
“เรื่องของเราเชี่ยไรล่ะ อยากได้กูก็ไปต่อคิวนู่น แต่หางแถวไกลหน่อยนะกูมีคนมาต่อคิวรอจีบกูเยอะ”
“เอ้า ลัดคิวให้หน่อยไม่ได้เหรอ” พูดจบเอื้อก็ผลักนาวให้ติดผนังด้านหลัง ก่อนจะรวบข้อมือของนาวทั้งสองข้างไว้เหนือหัวขึ้นไป
“มึงจะทำอะไร ที่สาธารณะนะเว้ย” นาวที่สู้แรงเอื้อไม่ไหวทำได้แค่ดิ้นไปมา
“ไปที่ลับ ๆ ดูไหมล่ะ” เอื้อยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะฉวยโอกาสจุมพิตลงที่ริมฝีปากของนาวแล้วผละออกไป ปล่อยนาวให้ยืนตาโตอยู่ตรงนั้นหลังจากเอื้อเดินผ่านนาวออกไป เขาก็หันมายิ้มให้นาวก่อนโบกมือบ๊ายบายให้อย่างชอบใจ
นาวเดินมาที่ห้องที่ต้องมาเอาเอกสารให้ไอ้เพื่อนตัวดีของเขาที่ต้องทำให้เขามาเจอเหตุการณ์อย่างวันนี้ พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นาวก็เผลอเอามือมาลูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง แล้วยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ รีบหาเอกสารเจ้าปัญหาแล้วรีบกลับห้องคงจะดีกว่า
04:12 AM
หลังจากที่นาวกลับมาถึงห้องก็หลับไปจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงกึกกักดังอยู่แถวระเบียงห้อง นาวรีบลุกจากเตียงพุ่งออกไปดูก่อนจะเห็นเป็นลูกแมวตัวน้อยที่กำลังเล่นกล่องกระดาษอยู่ นาวอุ้มลูกแมวขึ้นมาแล้วพลิกดูก็เหมือนว่าจะเป็นแมวของใครสักคนที่อยู่ในคอนโดเดียวกับเขา แต่ว่ามันไม่มีปลอกคอหรืออะไรที่จะทำให้เขาติดต่อเจ้าของได้เลย
นาววางแมวตัวเล็กลงบนเตียงนอนก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแมวแล้วส่งให้ในกลุ่มเพื่อนดู คำตอบของคนในกลุ่มก็คือให้เอาไปคืนเจ้าของ แล้วคิดเหรอว่านาวอยากเลี้ยงแมวน้อยเนี่ย แค่มันไม่รู้จะเอาไปคืนใคร นาวกดเข้าไลน์กลุ่มของคอนโดดูเผื่อมีใครทำแมวหาย แต่ก็ไม่มีข้อความตามหาแมวเลยแม้ข้อความเดียว นาวหันไปมองแมวตัวเล็กที่เดินเอาตัวเองมานอนบนตักของเขา ร้องเมี้ยว ๆ ให้เขาเอามือมาลูบหัวแล้วหลับไป เขาแอบยิ้มเล็ก ๆ ก่อนตัดสินใจที่จะเลี้ยงเจ้าแมวตัวนี้ไว้
นาวหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแมวน้อยที่นอนอยู่บนตักเขาก่อนโพสต์ลงทวิต
‘@nowadaysxo’
ห้องเรามีแมว มาดูแมวห้องเราไหม
ไม่นานก็ทั้งคอมเมนต์ รีทวิต หรือแม้กระทั่ง DM ก็มาเต็มไปหมด แต่จุดประสงค์ของนาวมีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่อยากให้มาดูแมวที่ห้องของเขา ถ้ามาจริงจะได้ดูแมวหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่คิดนาวก็เขินหลุดยิ้มออกมาจนแก้มแทบแตก แต่ตอนนี้ก็ยังไร้วี่แววของคน ๆ นั้นมาโต้ตอบหรือมีปฏิกิริยากับทวิตของเขาเลยสักนิด เลื่อนขึ้นเลื่อนลง เลื่อนลงเลื่อนขึ้นอยู่แบบนั้นก็ยังไร้วี่แววจนนาวตัดสินใจจะกดออกจากแอป แต่ก็มีการแจ้งเตือนการอัพเดตทวิตเตอร์ของคนที่เขารอคอย
‘@havsixtothenine’
เอาแมวมาดูที่ห้องเราได้ไหมครับ @nowadaysxo
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
เรื่องย่อ วังวนร้อนรักจวนแม่ทัพใหญ่ แนว 4P ซุนหลีนถูกจับมาเป็นเชลยสงครามพร้อมพี่ชายบุญธรรมที่นางแอบมีใจให้เขาและมารดา แต่ด้วยความงามของนางจึงทำให้ฮูหยินใหญ่ที่ไร้ทายาทต้องการให้นางอุ้มท้องแทนตน เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน หนังสือนิยายเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเหมาะกับสายแซ่บไม่พูดเยอะ เจ็บคอ จะมีฉาก NC นำเนื้อหาแทบทั้งเรื่อง และพล็อตเบาคลายเครียด แทบไม่มีพล็อตค่ะ ดังนั้นท่านผู้อ่านควรพิจารณาโหลดตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ขอบคุณค่ะ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เคลวิน แม็คคลาเรน ถูกคู่หมั้นหักหน้าด้วยการประกาศแต่งงานกับชายคนอื่น ด้วยความคั่งแค้นที่ถูกหยามหน้า ทำให้เขาว่าจ้างเด็กสาววัยกำดัดที่ตนเองอุปการะเอาไว้มาแต่งงานด้วย เพื่อเอาคืนคนเคยรักให้กระอักเลือด เพราะบุญคุณล้นหัว ทำให้เฌอปรางต้องยอมลงชื่อในสัญญาจ้างแต่งงาน แทนที่ผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก "เธออ่านสัญญาละเอียดหรือยัง" "หนูอ่านละเอียดแล้วค่ะ" "ถ้าอ่านละเอียดแล้ว เธอคงรู้ข้อห้ามทั้งสามข้อที่เธอต้องทำให้ได้แล้วใช่ไหม" "ค่ะ หนูทราบแล้วค่ะ" "งั้นลองบอกฉันมาสิ ว่าข้อห้ามมีอะไรบ้าง" หล่อนช้อนตาขึ้นมองผู้มีพระคุณด้วยสายตาที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้แทบไม่มิด "ข้อแรก หนูไม่มีสิทธิ์ในตัวของคุณค่ะ" "ถูกต้อง" เขายิ้มอย่างพอใจ "แล้วข้อสองล่ะ" หล่อนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก "ห้ามรักคุณค่ะ" เขายิ้มอย่างพอใจอีกแล้ว "แล้วข้อสามล่ะ" "ห้าม... เอ่อ... ห้ามปล่อยให้ท้องค่ะ เพราะถ้าท้อง คุณจะไม่รับผิดชอบ" "ถูกต้อง และฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด" หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกไป "แล้วถ้าครบสัญญาหกเดือนแล้ว เอ่อ... หนูต้องไปจากที่นี่ไหมคะ" "ฉันคิดว่ามันจะดีสำหรับเรา หากไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก หรือเธอคิดว่าไง" ท่าทางของเขาเย็นชา ไร้หัวใจ ทำราวกับกำลังเจรจาธุรกิจไม่มีผิด "เอ่อ หนูแล้วแต่คุณค่ะ" เธอทำได้แค่ฝืนยิ้ม ซ่อนน้ำตา ให้กับผู้ชายที่ตรเองทั้งรักทั้งบูชาเท่านั้น แต่ใครจะรู้เล่าว่า เมื่อสัญญาจบสิ้นลง เธอได้เดินจากไปพร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY