จากแค่ตอนแรกที่คิดว่าจะพาเมียไปนวดอีโรติก สุดท้ายกลายเป็นว่าเมียสาวโดนทั้งนวดและนาบ แถมดูจะติดใจรสรักแปลกใหม่เอาซะด้วย
จากแค่ตอนแรกที่คิดว่าจะพาเมียไปนวดอีโรติก สุดท้ายกลายเป็นว่าเมียสาวโดนทั้งนวดและนาบ แถมดูจะติดใจรสรักแปลกใหม่เอาซะด้วย
“หลายครั้งสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันก็เหมือนหนังคนล่ะม้วน เหมือนเรื่องของผมกับเมีย ที่ตอนแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะแค่ให้หมอนวดมาช่วยกระตุ้นอารมณ์และเล้าโลมแค่ภายนอกเท่านั้น แต่สุดท้ายก็จบลงที่เมียผมโดนดุ้นเนื้อของหมอนวดชำแรกเข้าหาร่องเสียวจนครางไม่เป็นภาษา”
จั่วหัวมาแบบนี้ใครเข้ามาอ่านเรื่องของผมก็น่าจะพอเดาจุดเริ่มต้นและตอนจบของเรื่องนี้ได้ไม่ยากเพราะมันก็เหมือนกับเรื่องเสียวแนวสวิงที่เพื่อน ๆ ท่านอื่นอาจจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง แต่ยังไงผมก็อยากบันทึกมันเอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำในกาลเวลาแล้วก็อยากแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นของคู่เราให้กับทุกท่านได้มีส่วนร่วมไปกับเราสองคนด้วย
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกันนะครับ ผมชื่อ “วี” อายุ 27 ปี ส่วนเมียผมชื่อ “ริน” อายุ 26 ปี เราสองคนคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยโดยรินเป็นรุ่นน้องคณะผม ผมจีบรินตอนผมอยู่ปี 2 และรินเข้ามาเป็นเฟรชชี่ของคณะ ถึงแม้ว่ารินจะไม่ใช่สาวสวยประเภทที่ว่าออร่าเปล่งประกายระดับดาวคณะ แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่เข้าตาผมตั้งแต่วันแรกที่รินเข้ามาอยู่ในคณะ
ผมกับรินเรียนอยู่ในคณะเกี่ยวกับการโรงแรมและท่องเที่ยวในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวภาคตะวันออก แต่ที่บังเอิญคือเรามาจากจังหวัดเดียวกันในแถบภาคอีสาน ผมก็เลยใช้เรื่องนี้แหละเป็นใบเบิกทางในการเข้าไปจีบสาวรุ่นน้องคนนี้ และด้วยความที่ผมเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรควงไปไหนมาไหนไม่อายใครว่างั้นเถอะ ผมตามจีบรินอยู่ไม่ถึงสองอาทิตย์รินก็ตกลงที่จะคบกับผม แล้วอีกไม่กี่วันต่อมารินก็ตกเป็นของผม เรียกว่ารวบหัวรวบหางไว้ก่อนที่จะโดน มคปด.
แล้วผมก็ภูมิใจเป็นที่สุดเพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ความสาวของริน ส่วนผมนั้นเคยมีแฟนมาแล้วประสบการณ์ก็พอมีบ้างแม้จะไม่ได้ช่ำชองในเกมกามมากนักแต่ก็พารินแตะขอบสวรรค์ได้โดยที่ไม้ล่มปากอ่าวซะก่อน ส่วนครั้งแรกของเราจะเป็นยังไงนั้นขอข้ามไปก็แล้วกันนะครับ เพราะประเด็นของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การได้เปิดซิงรินของผม
สำหรับใครที่มองว่าเราอายุแค่ 26-27 เองก็เข้าสู่วงการสวิงแล้วเหรอ ตรงนี้ผมมองว่าแต่ละคู่ก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป คู่ผมกับรินนั้นได้กันตั้งแต่อายุยังน้อยแถมด้วยฮอร์โมนวัยรุ่นที่มันพลุ่งพล่านทำให้อาทิตย์หนึ่งเราสองคนเอากันแทบจะทุกวันก็ว่าได้ แล้วผมเองก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อรินเลยแม้แต่น้อย
นับวันรินยิ่งเร่าร้อนและเซ็กซี่ในความรู้สึกผม ไม่ว่าจะเป็นลีลาการใช้ปากลิ้นอมดุ้นเนื้อ การขึ้นบดและขย่ม การกลืนกินน้ำกามของผมแถมยังบอกว่าชอบมันอีกต่างหาก ยิ่งถ้าวันไหนเราสองคนไปดื่มกันมาด้วยแล้ววันนั้นกลับห้องมารินจะยิ่งออกอาการร่านร้อนถึงขั้นเป็นคนเริ่มก่อนแบบที่แฟนเก่าผมเทียบไม่ติดเลยล่ะ
และด้วยความที่ผมเป็นรุ่นพี่เลยทำให้เรียนจบก่อนริน 1 ปี แต่ก็เลือกที่จะทำงานอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากรินมากนัก เรียกว่าทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วง ขืนไปอยู่ไกล ๆ มีหวังอกแตกตาย
แต่เวลาแค่ปีเดียวมันก็ไม่ได้นานจนเกินไป ผมกับรินยังคงนัดเจอกันบ่อย ๆ แต่ละครั้งก็จัดเต็มกันจนหมดแรง แล้วในที่สุดรินก็เรียนจบที่สำคัญคือได้ตามมาเป็นรุ่นน้องในที่ทำงานผมอีกด้วย เพราะคนเก่าเพิ่งลาออกจังหวะเดียวกับที่รินกำลังยื่นใบสมัครงานไปตามโรงแรมต่าง ๆ
ตำแหน่งของผมตอนนั้นคือผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยง ส่วนรินทำงาน Front คอยต้อนรับลูกค้า ถือเป็นความโชคดีของเราสองคนเพราะน้อยคู่ที่จะได้มีโอกาสแบบนี้ทั้งตอนเรียนและตอนทำงาน
ถึงทุกวันนี้เราสองคนยังคงทำงานที่เดิม เพราะเป็นโรงแรมใหญ่ สวัสดิการดี เงินเดือน โบนัส ทำให้เราอยู่ได้อย่างสบาย ๆ อ้อลืมบอกไปว่าพอรินเรียนจบได้ปีเดียวผมกับรินก็ตกลงแต่งงานกันแล้วอยู่กันกันแบบผัวเมียเต็มตัว
และอย่างที่เกริ่นเอาไว้ในตอนแรกครับว่าเราสองคนพาตัวเองเข้าสู่วงการสวิงตั้งแต่อายุ 26-27 แล้วที่มาที่ไปก็คล้าย ๆ กับรุ่นพี่หลายคู่ในวงการนั่นแหละครับ โดยผมเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมีรสนิยมสวิงกิ้งเมื่อได้อ่านเรื่องเสียวหรือดูคลิปแนวนี้แล้วจะมีอารมณ์มากกว่าเรื่องเสียวแบบอื่น ๆ
ปัญหาก็คือผมคิดอยู่นานมากว่าจะเริ่มต้นยังไงดี อันนี้ใครที่เคยชวนเมียสวิงครั้งแรกน่าจะพอเข้าใจอารมณ์ มันเหมือนเป็นเส้นบาง ๆ ที่เรายังไม่กล้าก้าวข้ามไป เพราะไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้มันจะใช่แบบที่เราต้องการหรือป่าว ผมใช้เวลาทำใจอยู่เกือบปีเพราะถึงรินจะเป็นสาวเซ็กส์จัดแต่เรื่องแบบนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อน จนในที่สุดความอยากในใจก็อยู่เหนือเหตุผลและความกลัว ผมจึงเปิดอกคุยกับรินเมียผมในคืนวันหนึ่ง ส่วนคำตอบของเมียผมจะเป็นยังไงนั้นเดี๋ยว EP หน้าผมจะมาเล่าต่อนะครับ แต่ผมรู้ว่าเพื่อน ๆ ก็น่าจะพอเดากันได้ประเด็นคือใครกันนะที่จะเป็นผู้ชายคนที่ 2 ที่ได้สัมผัสเรือนร่างของริน เมียผมจะโดนสอดใส่ตั้งแต่ครั้งแรกหรือว่าครั้งต่อไปที่นัดเจอ เอาไว้มาต่อตอนหน้านะครับ....
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
“เมื่อความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในหน้าจอ… กลายเป็นไฟที่เผาใจเมื่อได้สัมผัสจริง” ลลิน สาวทำงานวัย 27 ปี ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายและซ่อนความเหงาไว้ภายใน วันหนึ่งเธอหลงเข้าไปในกลุ่มออนไลน์ลับ ที่เต็มไปด้วยบทสนทนาและข้อความที่เร่าร้อนไปด้วยราคะตัณหาในรูปแบบที่บางอย่างเธอเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้จริงๆ และ ในโลกเสมือนแห่งนี้ เธอได้พบกับ นรา ชายลึกลับที่ใช้เพียงตัวอักษรและเสียงสื่อสาร แต่กลับสามารถปลุกความปรารถนาและความโหยหาในใจเธอได้อย่างไม่อาจต้าน บทสนทนาเริ่มจากเรื่องธรรมดา ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาเป็นข้อความที่เย้ายวน จนกระทั่งทั้งคู่เริ่มสื่อสารด้วย เสียงและวอยซ์เมสเสจ ทำให้ความใกล้ชิดและแรงดึงดูดทวีคูณขึ้นทุกคืน ลลินเริ่มรู้สึกถึงความร้อนแรงที่ไม่ได้อยู่แค่ในจอ เธอกับนรานับวันยิ่งใกล้ชิดกันทางความรู้สึกและแรงปรารถนาของอารมณ์ เมื่อแรงปรารถนาและความอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงผลักดัน ทั้งคู่ตัดสินใจนัดเจอกันในโลกจริง การพบกันครั้งแรกในคาเฟ่เล็ก ๆ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเกมรักที่ร้อนแรงและเต็มไปด้วยความอ่อนไหว ทุกสัมผัส ทุกสายตา และทุกคำพูด ทำให้หัวใจของลลินและ นรา เต้นแรงเกินกว่าที่เคยรู้สึก จากเกมรักในโลกออนไลน์ สู่ความใกล้ชิดในโลกจริง การได้อยู่ใกล้กันเพียงแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของทั้งสองถลำลึกลงไปในเกมรักที่เร่าร้อนจนยากจะถอนตัวได้
“นาดา” หรือ “หมอดา” หมอสาวจบใหม่ไฟแรงดีกรีลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ที่บุคลิกภายนอกดูเข้มขรึมจริงจัง แต่ลึก ๆ แล้วเธอกลับชอบเรื่องเสียว ๆ และเรื่องตื่นเต้นกระตุ้นราคะในแบบที่ใครก็นึกไม่ถึง มาติดตามเรื่องราวของเธอได้ใน “ลุ้นเสียว...กับหมอสาว”
“Sex Note บันทึกเสียวของเราสอง” กับเรื่องราวและประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในชีวิตคู่ระหว่างผมกับแฟน ที่จะมาผลัดกันเล่าให้พวกคุณได้อ่านกัน
เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจากการเริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยวและถ่ายคลิปลงโซเชียลจะนำไปสู่ประสบการณ์ซ่านเสียวในแทบทุกทริปที่ได้ไป ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราได้รู้จักกับพี่แทน หนุ่มมาดเซอร์นักผจญภัยที่ภายหลังกลายมาเป็นคู่ชีวิตของเราและพาเราเข้าไปสู่อีกฝั่งของอารมณ์ราคะที่เราไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้สัมผัสกับมันด้วยตัวของเราเอง
ครูทรายพอบอกเลิกกับครูวิชิตไปแล้วก็คิดว่าตัวเองจะพ้นออกจากวังวนสวาทแบบเดิม ๆ แต่เธอหารู้ไม่ว่าผัวของตัวเองนี่ล่ะที่จะพาเธอวนกลับไปหาเรื่องราวความเสียวที่ตื่นเต้น แปลกใหม่ และเร้าใจมากขึ้น
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY