ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
“ไหนอาหารเช้าของฉัน” เสียงเข้มของเขมราชเอ่ยถามเลขาสาวที่หอบแฟ้มเอกสารเข้ามาให้เขาในห้องทำงาน
“ไม่มีค่ะ” สร้อยเพชรตอบอย่างสุภาพ ก็ในเมื่อเขาทิ้งมันลงถังขยะ เธอจะทำให้เขากินอีกทำไม
“นี่เธอ!” สีหน้าท่าทีของเธอทำให้เขาอยากจะจับมาฟาดก้นนัก
“ท่านประธานรบกวนเซ็นเอกสารด้วยนะคะ” เธอพูดจบก็หมุนตัวทำท่าจะเดินออกไป แต่เขาไม่ยอมให้คนอวดดีหนีไปไหนได้
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” เขาเข้ามาขวางเอาไว้
“ท่านประธานมีอะไรอีกเหรอคะ”
“นึกยังไงถึงได้ใช้สรรพนามแบบนี้ หรืออยากประชด”
“ดิฉันไม่กล้าประชดท่านประธานหรอกค่ะ แต่ท่านประธานคงลืมไปแล้วว่าเป็นคนบอกดิฉันเองว่าเวลาอยู่บริษัทหรือเวลางานอย่าเรียกให้สนิทสนมมากนัก เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดเอาได้” เธอถอยหนี เขาก็ก้าวตาม ทำให้เธอจนมุม แผ่นหลังไปเบียดกับผนังห้องทำงานทางด้านหลัง
“กรุณาถอยไปด้วยค่ะ อื้อ...” ท่าทีอวดดีของเธอทำให้เขาต้องบดจุมพิตริมฝีปากนั้นอย่างดุเดือด
“นี่ปล่อยนะคะ” เธอจะฟาดใบหน้าของเขาแต่โดนรวบข้อมือเอาไว้ แถมมือหนายังกอบกุมใบหน้าของเธอแล้วบดจุมพิตอีกรอบ
“โอ๊ย!” เขมราชร้องเสียงหลงเมื่อโดนกัดปาก เธอกระแทกเข่าเข้าหา ก่อนที่จะผลักเขาจนกระเด็น
“สร้อยเพชร นี่เธอ! ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ” เขากุมเป้ากางเกงตัวเอง จุกจนตัวงอ เธอรีบเดินหนีไปที่ประตู
“เซ็นเอกสารเสร็จจะเข้ามาเอานะคะ” เธอพูดเสียงเข้มอย่างจริงจัง ก่อนที่จะงับประตูปิด
สร้อยเพชรผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะเดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง
เขมราชเป็นลูกชายเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัว ก่อนบิดามารดาเสียชีวิตได้ทิ้งหนี้ก้อนใหญ่เอาไว้ให้เธอด้วย เธอไม่โทษว่าเป็นความผิดของพวกท่านที่บริหารงานผิดพลาด แต่หน้าที่ของเธอคือต้องแบกรับภาระหนี้สินพวกนั้นและใช้ให้หมดในชาตินี้
บิดามารดาของเขมราชเป็นเพื่อนกับบิดามารดาของเธอ พวกท่านให้บุพการีของเธอหยิบยืมเงินทองไปต่อยอดธุรกิจ แต่เจ๊งไม่เป็นท่า ท่านจึงเสนอให้เธอมาทำงานกับเขมราชเพื่อชดใช้หนี้สิน หลังจากที่บิดามารดาของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เสียชีวิตกะทันหันทั้งคู่
เขมราชกับเธอห่างเหินกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พอต้องมาทำงานด้วยกัน จึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่กระนั้นก็พยายามทำดีกับเขาให้มากๆ การทำงานจะได้ราบรื่น เขาเห็นแบบนั้นกลับกลั่นแกล้งเธอสารพัด ให้เธอทำอาหารเช้ามาให้ แล้วก็โยนทิ้งถังขยะ บอกว่ารถชาติห่วยแตก เธอแก้มือไปทำมาใหม่ เขาก็ยังบอกว่ารสชาติห่วย สุดท้ายเธอก็เลยไม่ทำมาให้เขาอีก
พอไม่ทำมาให้ ก็เป็นอย่างที่เห็น เขาทวงอาหารเช้าแล้วก็อารมณ์เสีย หาว่าเธอไม่ทำอาหารเช้ามาให้ตามคำสั่ง
“เอกสารเรียบร้อยแล้ว เข้ามารับได้” ประโยคสั้น ๆ จากเครื่องอินเตอร์คอมทำให้เธอต้องลุกจากเก้าอี้อย่างเบื่อห่าย เดินเข้าไปในห้องทำงานของเขาอย่างมาดมั่น สีหน้าของเขาดูบึ้งตึงพอสมควร แต่เธอไม่ได้สนใจ มุ่งมั่นที่จะทำงานให้ดีเพื่อใช้หนี้ให้หมดเพียงเท่านั้น
“คิดว่าคุณพ่อคุณแม่และคุณย่าให้ท้ายแล้วเธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้อย่างนั้นเหรอ” เขาเกลียดท่าทีหยิ่งยโสของเธอนัก
“ดิฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ”
“สรรพนามของเธอนี่มัน” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนหน้านี้เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น ตอนนี้กลับใช้สรรพนามเสียห่างเหิน ไม่เรียกว่าเธอประชด จะให้เรียกอะไรกันล่ะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” เขาเข้ามาขวางเอาไว้ เธอก็ถอยหนี ท่าทีของเธอทำให้เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“ไม่ต้องทำท่าทางรังเกียจฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรเธอนักหรอก”
“นี่ขนาดไม่พิศวาสยังทำขนาดนี้” เธอแดกดันเขา
“อย่าคิดว่าผู้ใหญ่ทุกคนชอบเธอ แล้วจะมีใครมาบังคับให้ฉันแต่งงานกับเธอได้”
“ท่านประธานคิดมากไปแล้วจริงๆ ฉันไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะฉันเป็นแค่ลูกหนี้ของคุณเท่านั้น”
“อวดดี” เขากระชากเธอเข้ามาหา
“ว้าย! นี่ปล่อยนะ”
“อยากให้ปล่อยจริงๆ น่ะเหรอ ฉันไม่เห็นจะเชื่อเธอเลยสักนิด” เธอยกเข่าขึ้นเพื่อที่จะกระแทกเขาเหมือนเคย แต่คราวนี้เขารู้ทัน หลบได้ทันทีทันใด ก่อนที่จะบด
เบียดร่างของเธอไปกับผนังห้องทำงานอีกครั้ง ไม่มีช่องว่างให้เธอทำร้ายอะไรเขาได้อีก
“ผู้หญิงร้ายกาจแบบเธอนี่มันน่ารังเกียจที่สุด”
“ดิฉันไปทำอะไรให้ท่านประธานเคืองโกรธอีกเหรอคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็เธอไปออดอ้อนอะไรพ่อแม่แล้วก็คุณย่าล่ะ พวกท่านถึงได้อยากจะได้เธอมาเป็นสะใภ้”
“อันนี้ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณอยากรู้หรือสงสัยก็น่าจะไปถามท่านเองนะคะ”
“ปากดี” เขาบีบปลายคางของเธอจนเจ็บ
“ฉันเจ็บนะ” เธอพยายามดิ้นเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“วันนี้ทุกคนให้ฉันพาเธอไปกินข้าวที่บ้านด้วยกัน เตรียมตัวเอาไว้ด้วย”
“ดิฉันจะไปเองค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ”
“เธอนี่มันปากดีไม่เลิกรา ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ”
“ถ้าท่านประธานขืนทำอะไรฉันลงไป ฉันอาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้ใหญ่ของคุณก็ได้นะคะ”
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“เธอคือเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้” แต่เมื่อเขายิ่งอยู่ใกล้เธอ เขากลับยิ่งอยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ทว่าเธอไม่ใช่หมากให้เขาควบคุม เขาต่างหากที่จะถูกเธอควบคุมและยอมจำนนรักต่อเธอ
คะนึงนิจรักเขาจึงยอมยกทุกอย่างให้เขาทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาเพียงแค่หลอกกินฟรี เตะถ่วงเวลาออกไปเพื่อไปหาผู้หญิงที่ดีกว่า ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นของไร้ค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา โดยไม่เสียดายผู้ชายหลอกลวงอย่างฉัฐดนัยเลย
4Pเหล่ามาเฟียทั้งสามมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงในการรับเธอมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
รัชวินทร์รู้ดีว่า ถึงจะมีหรือไม่มีแผนการของญาติผู้ใหญ่ เขาก็บังเกิดความรู้สึกพิเศษกับแก้วกัลยา เด็กสาวในอุปการะของคุณตาคุณยาย และเธอก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขาอยากสร้างครอบครัวที่แสนอบอุ่น
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY