ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
“ไหนอาหารเช้าของฉัน” เสียงเข้มของเขมราชเอ่ยถามเลขาสาวที่หอบแฟ้มเอกสารเข้ามาให้เขาในห้องทำงาน
“ไม่มีค่ะ” สร้อยเพชรตอบอย่างสุภาพ ก็ในเมื่อเขาทิ้งมันลงถังขยะ เธอจะทำให้เขากินอีกทำไม
“นี่เธอ!” สีหน้าท่าทีของเธอทำให้เขาอยากจะจับมาฟาดก้นนัก
“ท่านประธานรบกวนเซ็นเอกสารด้วยนะคะ” เธอพูดจบก็หมุนตัวทำท่าจะเดินออกไป แต่เขาไม่ยอมให้คนอวดดีหนีไปไหนได้
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” เขาเข้ามาขวางเอาไว้
“ท่านประธานมีอะไรอีกเหรอคะ”
“นึกยังไงถึงได้ใช้สรรพนามแบบนี้ หรืออยากประชด”
“ดิฉันไม่กล้าประชดท่านประธานหรอกค่ะ แต่ท่านประธานคงลืมไปแล้วว่าเป็นคนบอกดิฉันเองว่าเวลาอยู่บริษัทหรือเวลางานอย่าเรียกให้สนิทสนมมากนัก เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดเอาได้” เธอถอยหนี เขาก็ก้าวตาม ทำให้เธอจนมุม แผ่นหลังไปเบียดกับผนังห้องทำงานทางด้านหลัง
“กรุณาถอยไปด้วยค่ะ อื้อ...” ท่าทีอวดดีของเธอทำให้เขาต้องบดจุมพิตริมฝีปากนั้นอย่างดุเดือด
“นี่ปล่อยนะคะ” เธอจะฟาดใบหน้าของเขาแต่โดนรวบข้อมือเอาไว้ แถมมือหนายังกอบกุมใบหน้าของเธอแล้วบดจุมพิตอีกรอบ
“โอ๊ย!” เขมราชร้องเสียงหลงเมื่อโดนกัดปาก เธอกระแทกเข่าเข้าหา ก่อนที่จะผลักเขาจนกระเด็น
“สร้อยเพชร นี่เธอ! ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ” เขากุมเป้ากางเกงตัวเอง จุกจนตัวงอ เธอรีบเดินหนีไปที่ประตู
“เซ็นเอกสารเสร็จจะเข้ามาเอานะคะ” เธอพูดเสียงเข้มอย่างจริงจัง ก่อนที่จะงับประตูปิด
สร้อยเพชรผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะเดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง
เขมราชเป็นลูกชายเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัว ก่อนบิดามารดาเสียชีวิตได้ทิ้งหนี้ก้อนใหญ่เอาไว้ให้เธอด้วย เธอไม่โทษว่าเป็นความผิดของพวกท่านที่บริหารงานผิดพลาด แต่หน้าที่ของเธอคือต้องแบกรับภาระหนี้สินพวกนั้นและใช้ให้หมดในชาตินี้
บิดามารดาของเขมราชเป็นเพื่อนกับบิดามารดาของเธอ พวกท่านให้บุพการีของเธอหยิบยืมเงินทองไปต่อยอดธุรกิจ แต่เจ๊งไม่เป็นท่า ท่านจึงเสนอให้เธอมาทำงานกับเขมราชเพื่อชดใช้หนี้สิน หลังจากที่บิดามารดาของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เสียชีวิตกะทันหันทั้งคู่
เขมราชกับเธอห่างเหินกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พอต้องมาทำงานด้วยกัน จึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่กระนั้นก็พยายามทำดีกับเขาให้มากๆ การทำงานจะได้ราบรื่น เขาเห็นแบบนั้นกลับกลั่นแกล้งเธอสารพัด ให้เธอทำอาหารเช้ามาให้ แล้วก็โยนทิ้งถังขยะ บอกว่ารถชาติห่วยแตก เธอแก้มือไปทำมาใหม่ เขาก็ยังบอกว่ารสชาติห่วย สุดท้ายเธอก็เลยไม่ทำมาให้เขาอีก
พอไม่ทำมาให้ ก็เป็นอย่างที่เห็น เขาทวงอาหารเช้าแล้วก็อารมณ์เสีย หาว่าเธอไม่ทำอาหารเช้ามาให้ตามคำสั่ง
“เอกสารเรียบร้อยแล้ว เข้ามารับได้” ประโยคสั้น ๆ จากเครื่องอินเตอร์คอมทำให้เธอต้องลุกจากเก้าอี้อย่างเบื่อห่าย เดินเข้าไปในห้องทำงานของเขาอย่างมาดมั่น สีหน้าของเขาดูบึ้งตึงพอสมควร แต่เธอไม่ได้สนใจ มุ่งมั่นที่จะทำงานให้ดีเพื่อใช้หนี้ให้หมดเพียงเท่านั้น
“คิดว่าคุณพ่อคุณแม่และคุณย่าให้ท้ายแล้วเธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้อย่างนั้นเหรอ” เขาเกลียดท่าทีหยิ่งยโสของเธอนัก
“ดิฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ”
“สรรพนามของเธอนี่มัน” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนหน้านี้เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น ตอนนี้กลับใช้สรรพนามเสียห่างเหิน ไม่เรียกว่าเธอประชด จะให้เรียกอะไรกันล่ะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” เขาเข้ามาขวางเอาไว้ เธอก็ถอยหนี ท่าทีของเธอทำให้เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“ไม่ต้องทำท่าทางรังเกียจฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรเธอนักหรอก”
“นี่ขนาดไม่พิศวาสยังทำขนาดนี้” เธอแดกดันเขา
“อย่าคิดว่าผู้ใหญ่ทุกคนชอบเธอ แล้วจะมีใครมาบังคับให้ฉันแต่งงานกับเธอได้”
“ท่านประธานคิดมากไปแล้วจริงๆ ฉันไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะฉันเป็นแค่ลูกหนี้ของคุณเท่านั้น”
“อวดดี” เขากระชากเธอเข้ามาหา
“ว้าย! นี่ปล่อยนะ”
“อยากให้ปล่อยจริงๆ น่ะเหรอ ฉันไม่เห็นจะเชื่อเธอเลยสักนิด” เธอยกเข่าขึ้นเพื่อที่จะกระแทกเขาเหมือนเคย แต่คราวนี้เขารู้ทัน หลบได้ทันทีทันใด ก่อนที่จะบด
เบียดร่างของเธอไปกับผนังห้องทำงานอีกครั้ง ไม่มีช่องว่างให้เธอทำร้ายอะไรเขาได้อีก
“ผู้หญิงร้ายกาจแบบเธอนี่มันน่ารังเกียจที่สุด”
“ดิฉันไปทำอะไรให้ท่านประธานเคืองโกรธอีกเหรอคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็เธอไปออดอ้อนอะไรพ่อแม่แล้วก็คุณย่าล่ะ พวกท่านถึงได้อยากจะได้เธอมาเป็นสะใภ้”
“อันนี้ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณอยากรู้หรือสงสัยก็น่าจะไปถามท่านเองนะคะ”
“ปากดี” เขาบีบปลายคางของเธอจนเจ็บ
“ฉันเจ็บนะ” เธอพยายามดิ้นเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“วันนี้ทุกคนให้ฉันพาเธอไปกินข้าวที่บ้านด้วยกัน เตรียมตัวเอาไว้ด้วย”
“ดิฉันจะไปเองค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ”
“เธอนี่มันปากดีไม่เลิกรา ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ”
“ถ้าท่านประธานขืนทำอะไรฉันลงไป ฉันอาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้ใหญ่ของคุณก็ได้นะคะ”
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY