เมื่อวิศวะกรสาวข้ามภพสู่ยุคจีนโบราณกลายเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทผู้เย็นชาเธอต้องเผชิญทั้งอำนาจเกมการเมืองในวังศัตรูที่มุ่งร้ายความรักระหว่างเธอกับองค์รัชทายาทเธอจะเอาตัวรอดในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร
เมื่อวิศวะกรสาวข้ามภพสู่ยุคจีนโบราณกลายเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทผู้เย็นชาเธอต้องเผชิญทั้งอำนาจเกมการเมืองในวังศัตรูที่มุ่งร้ายความรักระหว่างเธอกับองค์รัชทายาทเธอจะเอาตัวรอดในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร
“คุณหนู คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ วาดรวี เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่หัว ราวกับว่าเธอเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บครั้งใหญ่
“ที่นี่ที่ไหน” วาดรวีถามอย่างตระหนก เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่มือของหญิงสาวในชุดจีนโบราณรีบจับเธอไว้
“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ท่านอย่าเพิ่งลุกขึ้นนะคะ ท่านเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ” หญิงสาวพูดพลางเอื้อมมือไปพยุงวาดรวีให้นั่งลงอย่างระมัดระวัง
“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอหลุดมาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้วเหรอ หญิงสาวนั่งนึกถึงตัวเอง
ในวันที่ฟ้าครึ้มฝน หนทางยาวเหยียดในเมืองหลวงปักกิ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟจากรถที่สัญจรไปมา วาดรวีวิศวกรสาวผู้เต็มไปด้วยความฉลาดและความมุ่งมั่นรีบขับรถออกจากที่ทำงานหลังจากการประชุมครั้งสำคัญที่กินเวลานานเกินกว่าที่คาดไว้ เธอต้องเร่งรีบเพื่อกลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเพราะจะกลับประเทศไทย เธอมาเป็นตัวแทนบริษัทมานำเสนอผลงานที่ปักกิ่ง หัวใจของเธอกระวนกระวาย รถที่ขับออกไปด้วยความเร็วสูงแล่นผ่านถนนที่เริ่มชื้นจากหยาดฝนที่ตกลงมาอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ รถบรรทุกคันหนึ่งก็พุ่งข้ามเลนเข้ามาหาเธอ วาดรวีพยายามหักพวงมาลัยหลบ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เสียงเบรกดังสนั่นก้อง รถของเธอเสียการควบคุม และวินาทีต่อมาเสียงชนอันดังสนั่นก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความมืด
ลมหนาวพัดผ่านเนื้อตัวของวาดรวี จนเธออดสั่นไม่ได้ เธอยืนมองออกไปในหุบเขาอย่างสับสน “ที่นี่...ที่ไหนกัน” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะศีรษะ รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แผลจากอุบัติเหตุแต่เมื่อมองรอบตัว เธอไม่อยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อเธอฟื้นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองอยู่ในยุคจีนโบราณ และเธอได้พบกับหญิงสาวแต่งชุดจีนโบราณ ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอ ที่สำคัญหน้าตาของหญิงสาวในชุดจีนโบราณนั้นเหมือนกับวาดรวียังกับฝาแฝด พอสอบถามได้ความว่า เธอชื่อ เหวิ่นจือหยู เป็นบุตรีของแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ องค์ชายที่หล่อเหลา เยือกเย็น และเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วแคว้น โดยเฉพาะ "เหวิ่นลี่หยา" น้องสาวต่างมารดาของเธอที่ไม่เคยถูกชะตากับเธอตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และตอนนี้ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อชิงองค์ชายมาเป็นของตน และเธอก็ถูกน้องสาวต่างมารดาทำร้ายร่างกายจนตาย เธอถูกดึงมาให้อยู่ที่นี่เพื่อเจอกับวาดรวี ซึ่งคือเธอในยุคปัจจุบัน และให้วาดรวีที่เคยเป็นเธอในอดีตกลับไปแก้แค้นให้เธอด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกลมหมุนแยกจากกัน
ที่แคว้นฉิน ในอีกยุคหนึ่ง เวลานี้คุณหนูเหวิ่นจือหยูกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่ลำบาก นางถูกสังคมวิจารณ์ว่าไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋อ ไม่ว่าทำอะไรดูเหมือนจะถูกน้องสาวของตน เหวิ่นลี่หยา หาทางทำลายชื่อเสียงตลอดเวลา
เย็นวันนั้น ขณะที่เหวิ่นจือหยู กำลังเดินผ่านสวนในตำหนัก จู่ๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนว่าโดนผลักจนล้มศีรษะฟาดกับก้อนหิน ก่อนที่ภาพรอบตัวจะค่อยๆ หมุนเคว้ง เสียงลมพัดผ่านหูอย่างแผ่วเบา และนางก็ล้มลงกับพื้น หัวกระแทกกับก้อนหินจนหมดสติ
“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอหลุดมาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้วเหรอ หญิงสาวนั่งนึกถึงตัวเองที่เจอกับเหวิ่นจือหยูเมื่อก่อนหน้าและสิ่งที่เธอบอก
วาดรวีงุนงง แต่เมื่อมองไปยังเงาสะท้อนในกระจก เธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดจีนโบราณ สวมอาภรณ์สีแดงงดงาม ใบหน้าของนางมีความอ่อนช้อยงดงามแต่งแต้มไปด้วยความเศร้า
เธอยกมือขึ้นแตะใบหน้าตัวเองอย่างช้าๆ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…นี่ฉันไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเองใช่ไหม”
วาดรวี หรือในตอนนี้คือเหวิ่นจือหยู ได้แต่มองภาพสะท้อนนั้นด้วยความรู้สึกที่ทั้งสับสนและหวาดกลัว เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมเธอถึงได้มาอยู่ในร่างของเหวิ่นจือหยู ในยุคจีนโบราณเช่นนี้ ถึงตอนนั้นเหวิ่นจือหยูที่เคยเจอจะบอกว่าเป็นเธอก็เถอะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากแก้แค้นอะไรนั่นเสียหน่อย
แต่เธอก็ยังกลายเป็นเหวิ่นจือหยู บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ องค์ชายที่โด่งดังทั้งในด้านความสามารถและความเย็นชาใส่เธอ
วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น เธอต้องใช้ชีวิตในร่างนี้และทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการเผชิญหน้ากับเหวิ่นลี่หยาน้องสาวต่างมารดาที่ดูเหมือนจะเกลียดเธอมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้น้องสาวคนนี้ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อจากเธอ
ก่อนที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ จู่ๆ มีหญิงมีอายุในชุดจีนโบราณยาวกรอมเท้า วิ่งเข้ามาหาเธออย่างเร่งรีบอีกคน “คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” หญิงผู้นั้นตะโกนเสียงดัง น้ำตาไหลพราก เธอก้มกราบลงอย่างนอบน้อม “บ่าวดีใจนักที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาได้”
“คุณหนูของนมเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ” ผู้หญิงมีอายุคนนั้นยังพูดต่อ คงเป็นแม่นมของเธอซินะ
“ปวด ตรงนั้นนิดหน่อยค่ะแม่นม ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็ถูกแม่นมดูแลให้ดื่มสมุนไพรนั่นนี่ตามประสาคนเป็นห่วง
ในวังหลวง องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อผู้ที่มีนิสัยเย็นชาและคาดหวังความสมบูรณ์แบบในทุกด้านของชีวิต รู้ดีว่าการหมั้นหมายกับเหวิ่นจือหยูเป็นเพียงการเมือง เขาไม่เคยสนใจนางมาก่อน ทั้งยังรู้ดีว่าน้องสาวของนางอย่างเหวิ่นลี่หยานั้นพยายามเข้าหาเขาอย่างมากมาย ด้วยการแสดงความอ่อนโยน
หลี่หยวนเจ๋อไม่ได้เกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้สนใจใยดี ทั้งหมดนี้สำหรับเขาเป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของราชวงศ์เท่านั้น จนกระทั่งวันที่เขาได้พบกับเหวิ่นจือหยูอีกครั้งหลังจากที่นางฟื้นจากอาการบาดเจ็บ
วันนี้ที่วังหยวนเหอ วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูถูกเชิญมาเข้าเฝ้าองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน เธอรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
แต่ทันทีที่เธอได้พบกับเขา สายตาที่เย็นเยียบและเคร่งขรึมของเขากลับทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูก
“เหวิ่นจือหยู” เขาเอ่ยเรียบๆ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจและความกดดัน “เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
“เพคะองค์ชาย ข้า... ข้าไม่ค่อยสบายมากนัก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”วาดรวีพยายามตอบด้วยความสุภาพที่สุด แม้จะยังคงตกตะลึงกับความหล่อเหลาของเจ้าชายผู้เย็นชา
องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อยืนนิ่ง เขาสังเกตเห็นแววตาของนางเปลี่ยนไปจากที่เคยเห็น ดูมีความเฉลียวฉลาดและไม่ใช่หญิงสาวที่โง่เง่าแต่เย่อหยิ่งนิสัยร้ายกาจอย่างแต่ก่อน
“เช่นนั้นดีแล้ว” เขาตอบสั้นๆ “ข้าไม่มีเวลาสำหรับความอ่อนแอของเจ้า”
"องค์ชายเพคะ ข้าได้นำผ้าชิ้นนี้มาถวายท่าน ข้าทอด้วยมือของข้าเอง"
เหวิ่นลี่หยาถือกล่องผ้าไหมสวยงาม นางเดินเข้ามาหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋ออย่างอ่อนหวาน สายตาอ่อนโยนจ้องมองเขา
หลี่หยวนเจ๋อเหลือบตามองผ้า แต่ไม่ตอบอะไร ใบหน้าของเขาเรียบเฉย เหวิ่นลี่หยากัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกเสียหน้า แต่ยังคงพยายามพูดต่อ
“หากท่านต้องการ ข้าจะทอผ้าให้ท่านทุกวัน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าได้ถวายงานให้ท่าน”
แต่อย่างไรก็ตาม หลี่หยวนเจ๋อยังคงเย็นชา “ไม่จำเป็น”
"แต่..."
ก่อนที่เหวิ่นลี่หยาจะพูดจบ เหวิ่นจือหยูที่ยืนฟังอยู่ก็เดินเข้ามาใกล้ นางยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดอย่างเฉียบขาด "น้องลี่หยา ข้าคิดว่าองค์ชายคงไม่มีเวลามากนักในการสนใจผ้าทอของเจ้า เขามีราชกิจสำคัญมากกว่านั้น"
เหวิ่นลี่หยามองหน้าพี่สาวของเธอด้วยความโกรธ เธอไม่คิดว่าเหวิ่นจือหยูจะกล้าท้าทายเธอแบบนี้
ถ้าเด็กมันจะยั่ว อยากได้เราเป็นผัวเราก็ต้องสนอง ถ้าคิดจะมีเมียเด็กต้องเช็คร่างกายให้พร้อม เด๋ียวเมียหาว่าแก่ ถ้าคิดจะมีผัวแก่ต้องยั่วให้เป็น ลีลาต้องเด็ด แต่งตัวให้ยั่ว ให้ผัวรักผัวหลงจนโงหัวไม่ขึ้น พ่อเลี้ยง กิตติภูมิ เลิศธนาธีรกานต์ (พี่บลู) อายุ 29 ปี เจ้าของไร่ชาเลิศธนา ไร่ชาที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของเชียงใหม่และเมืองไทย “ไอ้เด็กปากเก่ง ทำงานให้เก่งอย่างปากหน่อยแล้วกัน อย่าดีแต่ปาก ถ้ายังไม่หยุดพูดจะโดนของดีอุดปากจนพูดไม่ออก” ภูตะวัน อิทธินานนท์ (ข้าวโพด) อายุ 22 ปี ผู้ช่วยปากกล้า กล้าแม้กระทั่งต่อปากต่อคำกับเสือร้ายอย่างพ่อเลี้ยงกิตติภูมิที่ไม่มีใครเคยกล้า “คนแก่ใจร้าย ดุยิ่งกว่าเจ้าพิทบูล พ่อเลี้ยงบ้าอำนาจ ดีแต่วางมาดกับคนอื่น จะมีใครรู้ไหมว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นคนแก่หื่นกามดีๆนี่เอง”
นางขอสมรสพระราชทานเพราะรัก แต่คืนแต่งงาน เขารังเกียจนางและทิ้งไป ห้าปีผ่านไปพระชายาที่ถูกลืม กลับเป็นสตรีที่เขาต้องตามจีบ และศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาก็คือลูกชายของตนเอง
จากที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้า ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้ เห็นแล้วเป็นต้องคอยตามคอยแกล้ง พอไม่เห็นหน้าทำไมหัวใจมันร้อนรนอยู่ไม่ได้ต้องอยากเห็นหน้าตลอด หรือจะเป็นแบบที่โบราณว่าไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี
เมื่อหมอหนุ่มข้ามเวลามาเป็นพระชายาแห่งองค์รัชทายาท การปรับตัวในวังหลวงและการต่อสู้เพื่อหัวใจความรักองค์รัชทายาทท่ามกลางการต่อสู้ซับซ้อนทางการเมืองและบททดสอบครั้งใหม่ในโลกที่เขาไม่เคยรู้จัก กำลังรออยู่
เพราะรักจึงตามตื้อเพียงแค่อยากเห็นหน้าอยากได้รักตอบ แต่ไม่เคยจะรู้เลยว่ามันทำให้อีกคนทั้งลำบากใจ ทั้งหงุดหงิดและไม่ชอบ เนม วรานนท์ ทายาทคนโตของบ้านโชติกุลวัฒนา ที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงเลือกที่จะเรียนบริหารธุรกิจ ตอนเด็กที่น้องคลอด “ลุงหมอครับน้องเนมขอน้องน้อยมาเป็นเจ้าสาวให้น้องเนมได้ไหมครับ” พอโตมาโดนน้องบอกรักและตามตื้อ โคตรน่าหงุดหงิดรำคาญ พู่กัน พนัชกร ทายาทคนโตของบ้านธีรวัฒนาวัฒน์ ที่บ้านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจึงเลือกที่จะเรียนแพทย์ ตกหลุมรักพี่ชายใจดี พอบอกรักและตามตื้อ กลับเป็นว่าสร้างความลำบากใจและหงุดหงิดรำคาญใจให้อีกคน
การแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จัก แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักกัน มันเจ็บแบบนี้นี่เอง เพราะไม่มีสถานะอะไร นอกจากเป็นเมียตัวแทน นิลกาฬ ธีรวัฒนาวัฒน์ อายุ 32 ปี ศัลยแพทย์หนุ่มหล่อมือหนึ่งพ่วงตำแหน่งเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังโดนผู้เป็นพ่อจับแต่งงาน กับลูกสาวเพื่อนสนิท เพราะมัวแต่ทำงานทำให้พ่อกลัวว่าลูกชายแก่ตัวมาจะไม่มีคนดูแล อยากให้แต่งงาน เขาก็แต่งให้แล้ว แต่ถ้าหลังแต่งงานแล้วอย่ามาก้าวก่ายเรื่องของเขาก็แล้วกัน พีรฉัตร ศิริวงศ์ไพโรจน์ อายุ 24 ปี หนุ่มนักเรียนนอกด้านการบริหารอาหารและเครื่องดื่มจากฝรั่งเศส ที่กลับบ้านมาโดนเซอร์ไพรส์ จากพี่สาวที่หนีการแต่งงาน ทำให้เขาต้องทำหน้าที่เป็นเมียตัวแทนทั้งที่ไม่รู้จักเจ้าบ่าวเลยแต่ต้องมาอยู่ ด้วยกันใช้ชีวิตสามีภรรยาเพื่อรอวันหย่า
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY