ในเมื่อเขาเมินเธอก็พร้อมทำทุกวิถีทางให้เขาหันมารักเธอ
ในเมื่อเขาเมินเธอก็พร้อมทำทุกวิถีทางให้เขาหันมารักเธอ
จันทร์เจ้ากำลังนั่งวาดรูปขนมไทยที่ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้า คุณยายเทียนหอมก็เดินมาหาหลานสาวด้วยรอยยิ้ม
“หลานสาวของยายฝีมือดีจริง ๆ เลย” คุณยายเอ่ยชมหลานสาวคนสวย
“คุณยายมีอะไรให้หนูรับใช้หรือเปล่าคะ” คนเอ่ยถามยิ้มหวานส่งกลับไปให้
“ใครจะกล้าไปใช้เรายายตัวแสบ”
“เดี๋ยวนี้หนูกลายเป็นยายตัวแสบของคุณยายไปแล้วเหรอคะ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ถึงเป็นยายตัวแสบยายก็รักจ้ะ”
“คุณยายมีอะไรหรือเปล่าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“วันนี้คุณย่าดารินของหลานชวนไปกินข้าวด้วยกันจ้ะ”
“แน่ะ คุณย่าดารินมาเป็นของหนูตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ เป็นของพี่รัฐต่างหาก” เขาหมายถึงทรงรัฐคู่หมั้นของเธอ
เธอไม่อยากหมั้นกับเขาหรอก แต่ผู้ใหญ่จับหมั้นกันตั้งแต่เด็ก เธอคิดว่าโตขึ้นจะถอนหมั้นกับเขาและแยกย้ายไปมีคนรักของตัวเอง แต่พอโตขึ้นก็คิดว่าคงจะไม่แต่งงานเพราะชอบชีวิตโสดมากกว่า
“เอาล่ะจ้ะ เย็นนี้เราเปลี่ยนสถานที่ไปกินข้าวบ้านคุณย่าดารินกัน”
“ค่ะคุณยาย” บ้านของคุณยายเทียนหอมใกล้กับคุณย่าดารินและทั้งสองก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็ก จึงมีความผูกพันแน่นแฟ้น ถึงขนาดว่าจับเธอกับทรงรัฐหมั้นกัน
เธอเรียนจบมัธยมปลายโรงเรียนหญิงล้วนก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ในขณะที่ทรงรัฐเรียนโรงเรียนชายล้วน เขาเรียนจบมัธยมหกก็ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปี เรียนจบแล้วก็ทำงานที่โน่นและเรียนต่อปริญญาโท ใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นอีกหลายปี เธอคิดว่าป่านนี้เขาคงมีคนรู้ใจไปแล้วล่ะ ดังนั้นการยกเลิกแต่งงานในครั้งนี้เขาเองก็คงเห็นด้วยกับเธอ
ตอนเย็นคุณยายให้สาวใช้นำอาหารจากที่บ้านไปด้วย อาหารมากมายทำให้จันทร์เจ้ามองด้วยความสงสัย เป็นปกติว่ามากินข้าวบ้านของคุณย่าดาริน คุณยายก็มักจะนำอาหารและขนมหวานรวมถึงผลไม้ไปฝากอีกฝ่ายด้วย แต่มันก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ทำเอาเธอสงสัยว่าที่บ้านคุณย่าดารินมีแขกหรืออย่างไรกัน
สองยายหลานชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนสองคนคุยกัน ในขณะที่สาวใช้ลำเลียงอาหารเข้าไปไว้ในห้องครัวของคุณย่าดารินด้วยความคุ้นเคย
“ผมอยากถอนหมั้นกับจันทร์เจ้าครับคุณย่า”
“ทำไมล่ะจ๊ะ หนูจันทร์เจ้าไม่ดีตรงไหน”
“ไม่ดีทุกตรงครับ หน้าตาขี้เหร่ อ้วนก็อ้วน แถมยังนิสัยไม่ดีอีก”
อีตานี่ กล้าว่าเธอถึงขนาดนี้เชียวหรือ จันทร์เจ้าทำท่าจะเข้าไปจัดการ แต่คุณยายรีบดึงแขนเอาไว้
“เขาด่าว่าหนูนิสัยไม่ดีนะคะคุณยาย”
“ก็ตอนเด็กเราชอบไปแกล้งพี่เขานี่นา”
“คุณยายเข้าข้างเขาเหรอคะ”
“ยายพูดไปตามจริง” ประโยคของคุณยายทำให้จันทร์เจ้ากอดอกอย่างงอน ๆ แต่ก็ยืนฟังว่าทรงรัฐจะพูด
อะไรกับคุณย่าของเขาต่อ
“ตอนนั้นน้องยังเด็ก” คุณย่าดารินพูดกับหลานชายอย่างใจเย็น
“ไม่เด็กแล้วนะครับ ตอนเรียนมัธยมปลายยายตัวแสบนั่นก็ยังไม่รู้ความ ไม่ใช่แค่ผม เธอชอบแกล้งคนอื่น
ด้วยครับ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ผมไม่มีวันแต่งงานกับเธอหรอกครับ” ประโยคของทรงรัฐทำให้จันทร์เจ้าหันมาหาผู้เป็นยาย
“ดูเขาพูดสิคะคุณยาย งั้นเราถอนหมั้นไปเลยค่ะ เราอย่าให้เขามาดูถูกเราถึงขนาดนี้นะคะคุณยาย”
“เราไม่ต้องมายุยาย ไม่อยากหมั้น จะถอนหมั้นก็ได้นะ ยายไม่ได้บังคับเรา แต่เราเป็นคนสัญญากับยายเองว่าถ้าไม่แต่งกับพ่อรัฐ เราจะหาหลานเขยที่ดีกว่ามาแต่งงานแทน”
“คุณยายนี่ความจำเป็นเลิศดีจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าประชด จริง ๆ ถ้ารู้ว่าคุณยายไม่ได้บังคับตั้งแต่แรก แล้วให้ถอนหมั้นกันง่าย ๆ เธอคงไม่ไปบอกว่าจะหาหลานเขยที่ดีกว่าทรงรัฐมาให้ท่านหรอก
ปากไวแท้ ๆ นี่ล่ะหนาเขาบอกว่าคำพูดเป็นนาย พูดไปแล้วจะกลับคำก็กลายเป็นคนกลับกลอกไป
“แต่พูดไปพูดมาพ่อรัฐเขาก็ดูถูกหลานสาวของยายเกินไป งั้นก็ถอนหมั้นกันไปเลย เราก็สวยรวยเก่ง ไม่เห็นต้องง้อผู้ชายเลย”
“จริงด้วยค่ะคุณยาย”
“แต่หลานสาวของยายจะโดนนินทาหรือเปล่าว่าผู้ชายถอนหมั้น เขาไม่เอาเราน่ะ”
“ช่างเถอะค่ะคุณยาย เราไม่ได้ขอข้าวใครกินเสียหน่อย ใครจะนินทาก็ช่างหัวมันค่ะ”
“ใช่จ้ะ”
“แต่เขากล้าดียังไงมาหาว่าหนูนิสัยไม่ดี” จันทร์เจ้ารู้สึกหงุดหงิดตรงนี้แหละ
“แล้วหนูจะเอายังไงคะ”
“ถ้าต้องถอนหมั้นหรือใครต้องทิ้งใครสักคนมันต้องเป็นหนูสิคะ ไม่ใช่เขา หนูไม่ยอมหรอก”
“นั่นน่ะสิ” คุณยายแกล้งเออออห่อหมก ก่อนจะยุต่อ
“มีผู้ชายมาชอบมาจีบหนูตั้งมากมาย หนูยังไม่เอาเลย เขามีสิทธิ์อะไรมาบอกไม่เอาหนู ต้องหนูสิเป็นคนบอกว่าไม่เอาเขา” เธอพูดอย่างหงุดหงิด
“หลานสาวของยายเสน่ห์แรงหัวกะไดบ้านไม่แห้ง ยายเองก็โกรธนัก มาดูถูกกันถึงขนาดนี้ ถึงไม่แต่งงานกับเขาก็ใช่ว่าจะขายไม่ออก”
“ดังนั้นหนูจะไม่ยอมถอนหมั้นง่าย ๆ ค่ะ”
“ดีจ้ะ อ้าว... ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ” คุณยายเห็นด้วยก่อนจะแกล้งอุทานออกมา
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY