เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
งามตระการปาดเหงื่อที่ไหลซึมตรงหน้าผากเบา ๆ เพราะอากาศในวันนี้ค่อนข้างร้อน แต่ปูเตียงอีกไม่กี่ห้อง เธอก็จะทำงานเสร็จแล้ว
เธอทำงานเป็นพนักงานที่นี่และวันนี้ก็ทำงานแทนคนอื่นด้วย เพราะลูกสาวของอีกฝ่ายป่วยหนัก เลยลางาน เธอจึงทำงานแทน
“ว้าย!” งามตระการตกใจเมื่อโดนลากเข้าไปในห้อง ร่างของเธอโดนกดไปบนเตียงกว้าง
“ช่วยด้วย ช่วยหน่อย ผมโดนวางยา” เขากดมือเธอไปกับพื้นเตียง หน้ากากอนามัยที่สวมใส่ถูกกระชากออกเต็มแรง แต่ไฟในห้องดับลงเสียก่อน ท่ามกลางความมืดมิด เธอก็ได้ตกเป็นของเจ้านายหนุ่ม ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้แบบไม่ทันตั้งตัว
งามตระการสะดุ้งตื่นจากความฝัน เหงื่อไหลโซมไปทั่วร่างของเธอ
เธอฝันเรื่องเดิม ๆ อีกแล้ว ฝันว่าตัวเองร่วมหลับตอนกับคีน เจ้าของโรงแรมที่เธอเคยทำงานอยู่ จำได้ว่าตอนนั้นเขาบอกเธอว่ามีคนวางยาเขา
มือบางลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา มันนูนมากแล้วเพราะเธอใกล้คลอดเต็มที
คีนไม่รู้ว่าเธออุ้มท้องลูกของเขา เธอตื่นขึ้นมาเห็นเขานอนเปลือยกายอยู่ข้างๆ ก็รีบหนีออกมาในทันทีเพราะตกใจ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก เธอจึงว่าหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุเสียก่อน ด้วยสภาพแบบนั้น เมื่อกลับบ้านมามารดาเลี้ยงกับพี่สาวจึงซักถาม เธอจึงรีบเล่าให้คนทั้งสองฟังในทันที เพราะคนทั้งสองคือคนในครอบครัว
พี่สาวของเธอก็ทำงานในโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ อีกฝ่ายบอกว่าเจ้านายเกลียดการโดนผู้หญิงแบล็กเมล์มากที่สุด และวันนั้นเขาก็โดนวางยา ดังนั้นถ้าเขาสืบรู้ว่าใครเป็นคนทำเขาจะจัดการให้ถึงที่สุด
“ฝันร้ายเหรอจ๊ะ” สาวิตรีเอ่ยถามน้องสาวต่างสายเลือดด้วยท่าทีห่วงใย
“ค่ะพี่สา”
“ยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ มีแค่แม่กับพี่ที่รู้เรื่องวันนั้น พี่รับรองได้เลยว่าคุณคีนเขาจะไม่มีทางรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาอยู่ เขาจะไม่มีวันมาพรากลูกไปจากเธอได้แน่ ๆ” สาวิตรีดึงน้องสาวมา กอด ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา
ความจริงเธอกับมารดาวางแผนการทั้งหมด แกล้งหลอกงามตระการว่าคีนตามสืบเรื่องราวของผู้หญิงในคืนนั้นเพื่อจะจัดการซะ ยิ่งถ้ารู้ว่าท้องยิ่งจะให้ไปเอาเด็กออก นั่นทำให้งามตระการที่รู้ว่าตัวเองตั้งท้องต้องลาออกมาทำขนมส่งขายแทน แต่มารดาเลี้ยงกับพี่สาวก็ไม่ได้ว่าอะไร
ทั้งสองดูแลเธออย่างดี ดีจนเธอรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก หลังจากที่บิดาเสียชีวิต ก็มีคนทั้งสองนี่แหละเป็นญาติสนิทที่เหลืออยู่ในชีวิตของเธอ
“ขอบคุณพี่สากับคุณน้ามากนะคะ” งามตระการเอ่ยขอบคุณ พอรู้ว่าท้องสองแม่ลูกก็ดูแลเธออย่างดี เธอจึงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“ไม่เป็นไรจ้ะ เราน่ะก็เหมือนน้องสาวของพี่ มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว พักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวมื้อเย็นพี่ทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน”
“เกรงใจจังค่ะ ให้งามลุกขึ้นไปทำดีกว่าค่ะ งามไม่ได้ทำอาหารให้พี่กับน้าณากินมานานแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยจ้ะ เรากำลังท้องไส้อยู่ สุขภาพตัวเองกับลูกในท้องสำคัญที่สุด พักผ่อนดีกว่า”
“งั้นงามขอไปอาบน้ำดีกว่านะคะ จะได้สดชื่น”
“ดีจ้ะ เดี๋ยวไปกินของอร่อยด้วยกันนะจ๊ะ” สาวิตรีเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากห้องของน้องสาวนอกไส้
พอออกมาถึง สาวิตรีก็เบ้หน้าใส่มารดาในทันที
“ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้วเดี๋ยวยายงามก็มาเห็นเข้าหรอก” ปวีณารีบปรามลูกสาว
“สาเบื่อนี่คะคุณแม่ ต้องมาปั้นหน้าคอยทำดีกับนังนั่น น่าเบื่อน่ารำคาญที่สุด” สาวิตรีกระแทกตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างหงุดหงิดใจ
“รอให้มันคลอดลูก แล้วทุกอย่างก็จะเป็นของหนู
อดทนเอาไว้หน่อยสิจ๊ะ” พอรู้ว่างามตระการท้องกับคีน สุริยนต์ เจ้าของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ สองแม่ลูกก็เริ่มวางแผนในทันที คือขัดขวางไม่ให้งามตระการได้พบกับคีน และสร้างเรื่องโกหกให้เข้าใจผิด
ว่าคีนต้องการกำจัดผู้หญิงทุกคนที่คิดมีความสัมพันธ์ด้วย และยิ่งมีลูกยิ่งจะจัดการทั้งแม่ทั้งลูกเพราะไม่ต้องการลูก
งามตระการกลัวจึงรีบลาออกจากการเป็นพนักงานโรงแรม สองแม่ลูกก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี แกล้งทำดีด้วยเพราะต้องการเด็กในท้อง แล้วค่อยกำจัดงามตระการในภายหลัง
“ถ้าไม่เพราะมันท้องลูกของคุณคีน สาไม่มีทางทำงานเลี้ยงมันงกๆ แบบนี้หรอกค่ะ”
“เอาน่า มันโง่เหมือนพ่อมันนั่นแหละ พ่อมันตายแล้วทิ้งเงินประกันเอาไว้ให้ ลูกมันก็กำลังจะทิ้งทายาทมหาเศรษฐีเอาไว้ให้เราอีก ถือว่าได้กับได้ ทำงานเลี้ยงดูมันแปดเก้าเดือนไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรนักหรอก” แท้ที่จริงแล้ว สองแม่ลูกมีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ดังนั้นการเลี้ยงดูงามตระการให้คลอดลูกอย่างปลอดภัย ให้เด็กมีสภาพ
ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์จะทำให้เด็กคนนี้สร้างประโยชน์มหาศาลให้ในอนาคต
อีกทั้งการทำดีกับงามตระการเสมอมา ทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจไม่ระแคะระคายสงสัยอะไร
“ดีนะคะที่คุณแม่เคยเป็นพยาบาลมาก่อน จึงรู้วิธีการทำคลอด พอมันคลอด เราก็บอกว่าลูกมันตาย แล้วกำจัดมันซะ เราสองคนแม่ลูกนี่ฉลาดจริงๆ เลยนะคะ”
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY