กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”
กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”
ทั่วทั้งดินแดนถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด การต่อสู้แก่งแย่งเพื่อที่จะได้เป็นผู้ครอบครองดินแดนของทั้ง 2 เผ่าพันธุ์นั้นมีมานานหลายสิบปี และแล้ววันตัดสินชี้ชะตาในวันนี้ก็มาถึง เหล่าแวมไพร์ทั้งหลายสามารถเอาชนะการต่อสู้อันแสนยาวนานนี้ได้ พวกมนุษย์จึงต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์นับตั้งแต่นั้นมา
หลายชีวิตต้องหนีเอาตัวรอด หากหนีไม่พ้นก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะมาเยือนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หากใครที่คิดจะหลบหนีและถูกจับได้ พวกแวมไพร์ก็จะลงมือฆ่าได้อย่างเลือดเย็น
“รีบหนี รีบหนีเดี๋ยวนี้!!!”
“หนีเร็ว....วิ่งเร็ว!!”
สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังหลบลูกหนีตาย จากการถูกเหล่าแวมไพร์ไล่ล่า ทั้งคู่วิ่งหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปจนถึงโกดังเก็บของเก่าๆ แห่งหนึ่ง หญิงสาวอุ้มลูกสาวและลูกชายของเธอบรรจงวางลงไว้ภายในโกดัง และใช้สิ่งของที่อยู่ภายในนั้นบังกายลูกของเธอเอาไว้
“ลูกทั้งสองฟังแม่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”
“แล้วแม่กับพ่อล่ะคะ”
เด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นแม่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังจะลุกขึ้นเดินไปจากเธอและน้องชายที่นั่งกอดกันกลมตัวสั่นงันงกอย่างหวาดผวา
“ไม่ต้องถามแล้ว ดูแลน้องให้ดี และห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด”
“ที่รักช่วยป้องกันไว้ เร็วเข้า!! พวกแวมไพร์กำลังจะทลายกำแพงเข้ามาได้แล้ว!!”
เสียงผู้เป็นสามีดังขึ้น หญิงสาวรีบปิดประตูห้องนั้น เธอวิ่งออกมาสมทบกับสามี สองมือจับไม้หน้าสามท่อนหนึ่งไว้แน่นเผื่อเป็นสิ่งป้องกันตัว เธอหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง สายตามองไปที่ประตูที่ถูกปิดทึบด้วยความห่วงหาอาวรณ์
“ขอโทษนะ แต่ลูกทั้งสองคนจะต้องมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตที่เหลือแทนพ่อกับแม่ด้วยนะลูก”
“พวกแกจะทำอะไร!! ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก พวกแวมไพร์สกปรก”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อพวกแวมไพร์นักล่าพังทลายกำแพงเข้ามาได้สำเร็จ เขายกไม้ท่อนใหญ่ขึ้นมาป้องด้านหน้า ต่อให้ชีวิตนี้ต้องตาย ขอเพียงได้ปกป้องบุตรและภรรยาผู้เป็นที่รักก็เพียงพอแล้ว
--- เอือกกก!!! ---
---กรี๊ดดด!!!---
มีดดาบยาวถูกฟาดฟันลงไป ทุกอย่างถูกฉายให้เห็นผ่านดวงตาของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่แอบมองผ่านรูขนาดเล็กภายในห้องที่หลบซ่อนตัว ทั้งพ่อและแม่ถูกมีดดาบยาวฟาดฟันจนเลือดสาดกระเซ็นและล้มลงแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบเอามือเล็กปิดปากตัวเองและน้องชายวัย 4 ขวบเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าจะเผลอร้องออกมาจนพวกแวมไพร์นักล่าตามเข้ามาเจอ
“นี่เรา...ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว....”
หญิงสาววัย 18 ปี สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องเรียนภายในมหาวิทยาลัยประจำเมือง เธอเผลอหลับไปในช่วงพักกลางวันด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหาเงินมาเพื่อรักษาน้องชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายที่ยากจะรักษา
“ไอรีน” เด็กสาวที่กำพร้าพ่อแม่ เธอและน้องชายได้รับการอุปการะจากคุณป้าใจดีท่านหนึ่ง เธอเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ชีวิตในแต่ละวันของเธอนั้นต้องอดทนทำงานหาเงินเพื่อนำมารักษาอาการเจ็บป่วยของน้องชาย และยังต้องทนเป็นเบี้ยล่างของพวกแวมไพร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี่อีกด้วย
“พวกเธอรู้ไหม ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของฉันคือได้เป็นผู้รับใช้โลหิตให้แก่เจ้าชาย”
“เลือดของเธอ รสชาติคงจะแย่น่าดู เจ้าชายน่าจะดื่มไม่ลงหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้น ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลเคลล็อกก์ ถูกปกครองโดยเจ้าชายคิงส์ ผู้ซึ่งเป็นแวมไพร์หนุ่มหล่อ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย และเขาได้มอบหมายให้น้องชายของเขาอย่างเจ้าชายไคน์ ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เมืองนี้มีทั้งมนุษย์และแวมไพร์อาศัยอยู่ร่วมกัน พวกมนุษย์ต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้แก่เหล่าแวมไพร์อยู่เสมอ หากใครที่ขัดขืนหรือต่อต้านก็จะถูกทำร้ายอย่างทารุณและเลือดเย็น ในมหาวิทยาลัยประจำเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน
ไอรีนนั่งฟังเพื่อนร่วมห้องของเธอพูดคุยกันก็รู้สึกขยะแขยง เธอเกลียดพวกแวมไพร์ชนิดที่ตายก็ไม่เผาผี หากเลือกได้เธอก็คงไม่เรียนที่นี่ให้ถูกข่มเหงหรอก แต่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้คือความใฝ่ฝันทั้งหมดของน้องชายที่เธอรักที่ตอนนี้ป่วยเป็นโรคร้าย กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทั้งชีวิตของเธอเหลือแค่น้องชายเพียงคนเดียวแล้ว เธอต้องเรียนให้จบจากที่นี่ให้ได้เพื่อสานฝันของน้องชายให้สำเร็จ
ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ พวกแวมไพร์มักจะรังแกมนุษย์ผู้อ่อนแออยู่เสมอ ไอรีนเข้าใจสิ่งนี้ดีเพราะเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรังแกกดขี่ไม่เว้นแต่ละวัน เธอไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนั้นเสียจริง พวกแวมไพร์มีอะไรดีทำไมผู้หญิงเหล่านี้ถึงกับยอมมอบกายถวายชีวิตให้ขนาดนั้น
“นี่เธอ! เอานี่ไปส่งที่ห้องชมรมศิลปะหน่อยสิ ให้ไวล่ะ”
เสียงของเพื่อนชายร่วมห้องคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะโยนเอกสารกองโตใส่มือเธอโดยไม่รอฟังคำตอบ ไอรีนรับเอกสารนั้นอย่างจำยอมและเดินตรงไปที่ห้องชมรมศิลปะแต่โดยดี ถึงเธออยากจะปฏิเสธแค่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธออกไป เพราะการที่ตกเป็นเป้าของเหล่าแวมไพร์นั้นมันช่างน่ากลัว
“ทำไมต้องเป็นฉันที่โดนกดขี่รังแกอยู่ร่ำไป”
เธอตัดพ้อด้วยความน้อยใจในโชคชะตา เธออยากจะเข้มแข็งและกล้าต่อต้านพวกแวมไพร์เหล่านี้ แต่เธอก็กลัว กลัวว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะต้องลงเอยเหมือนพ่อและแม่ของเธอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ประตูห้องชมรมศิลปะถูกเปิดออกเล็กน้อย คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปภายในห้องนั้น เธอกลับได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เธอแอบดูก็เห็นว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งล้มลงและแน่นิ่งไป ตามมาด้วยคำพูดของใครบางคน
“ไม่ได้เรื่อง!! หึ!”
“ไคน์” เจ้าชายผู้ปกครองมหาวิทยาลัยแห่งนี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนไหน รสชาติเลือดสาวของพวกเธอเหล่านั้นก็ช่างไม่ถูกปากเขาเอาเสียเลย ไม่มีความหอมหวาน นอกเสียจากรสขมและฝาดเต็มลิ้น แวมไพร์หนุ่มหล่อร่างสูงยกมือขึ้นปาดเลือดที่เลอะริมฝีปากออกอย่างใจเย็น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่หน้าประตูห้อง
“เธอคนนั้น เข้ามานี่!!...”
---ปึ้ง!!!---
คนตัวเล็กรีบปิดประตูเสียงดังปึ้งด้วยความตกใจ เธอรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เอกสารที่ถืออยู่ในมือหล่นกระจัดกระจายไปตามรายทาง
“เขาเป็นแวมไพร์!! ทำไมฉันต้องมาเห็นภาพที่น่าขยะแขยงแบบนี้ด้วย”
เธอวิ่งโดยที่ไม่ดูทางเบื้องหน้าเลยว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่หรือไม่ ไม่นานก็วิ่งไปชนเข้ากับเสาต้นใหญ่และล้มลง
“ฉันเรียกเธอ เธอกล้าหนีฉันเหรอ? หึ! ช่างกล้านัก”
ผู้ที่ตามออกมาจากห้องชมรมศิลปะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อเขาเอื้อมมือไปจับไหล่คนตัวเล็กและบีบมันอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!!! ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”
เธอพยายามขัดขืนและสะบัดมือหนานั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด
“เสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างนั้นเหรอ แบบเธอก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นที่รอถ่างขาพร้อมมอบทั้งเลือดและร่างกายให้ฉันหรอก หึ!! แต่ก็นะลองเปลี่ยนมาเป็นแบบสาวที่ดูไร้เดียงสาบ้างก็คงไม่เลว”
สิ้นเสียงนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือไปจับมือข้อเล็กไว้แน่น เขายกข้อมือเล็กขึ้นมาพร้อมกับใช้ลิ้นร้อนเลียไปตามฝ่ามือนั้น ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับขนลุกซู่เมื่อโดนสัมผัส
“อื้ม...กลิ่นกายของเธอไม่เลวเลยนี่...หอม กลิ่นหอมนี่มัน...”
แวมไพร์หนุ่มค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาว มือหนาลากไล่ไปจนรุกล้ำเข้าไปใต้กระโปรงพีชสั้นที่เธอสวมใส่
“ยะ...หยุดนะ!!”
“หึ!! ผู้หญิงเช่นเธอควรจะขอบคุณฉันมากกว่านะ ที่ทำให้เธอเป็นผู้โชคดีที่ถูกฉันเลือกในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็พร้อมยอมพลีร่างกายให้ฉันอยู่แล้ว อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยน่า”
ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา สายตาของเธอประสานเข้ากับดวงตาสีเขียวที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีแดง พลันความคิดนึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็โลดแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง
ภาพแวมไพร์นักล่าเนื้อตัวเปือดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ลงมือสังหารผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอโลดแล่นเข้ามายังโสตประสาท แววตาสีแดงก่ำนั้นช่างไม่ต่างกันกับแววตาที่เธอเห็นในตอนนั้นเลย
“ปล่อย!! เอามือที่น่าขยะแขยงของนายออกไปนะ!!”
---เพี๊ยะ!!!---
ฝ่ามือเล็กฟาดลงไปที่ใบหน้าหล่อคมอย่างรุนแรงจนเล็บยาวของเธอไปบาดแก้มของแวมไพร์หนุ่มจนมีเลือดไหลซิบออกมา ไคน์ยกมือขึ้นปาดเลือดบนแก้มนั้นช้าๆ เขายกยิ้มจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคม แววตาที่แดงก่ำปรากฎขึ้นอีกครั้ง
“หึ!! แรงเยอะดีนี่ ดีเลย!! ยินดีด้วยสาวน้อย เธอทำให้ฉันโมโหสำเร็จแล้ว เป็นของฉันดีๆไม่ชอบสินะ”
มือหนาฉุดกระชากแขนเรียวของคนตัวเล็กให้เดินตามเขาไป ไม่ว่าเธอจะขัดขืนต่อต้านเพียงใดแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดนั้นก็ไม่สามารถสู้แรงของเจ้าชายแวมไพร์อย่างเจ้าชายไคน์ได้เลย
“ตามมานี่!!! เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม ได้สิ ได้เลย!!”
เขาตะคอกเสียงดังพร้อมยื้อยุดฉุดกระชากคนตัวเล็กด้วยความรุนแรง ไคน์ลากเธอออกมาที่ริมระเบียงใหญ่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษามากมายที่เป็นทั้งมนุษย์และแวมพร์ เสียงอันทรงพลังก็ประกาศกร้าวขึ้น
“ทุกคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จงฟังฉันให้ดี!! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงคนนี้คือศัตรูของฉัน และถือเป็นศัตรูของทุกคนเช่นกัน ทุกคนสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจ ฉันอนุญาต”
สิ้นเสียงมือหนาก็ปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ ร่างบางเล็กล้มทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำสีใสรินไหลออกมาจากดวงตาอันน่าสงสารของไอรีน เหตุใดเธอต้องโชคร้ายมาเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย เมื่อไหร่โชคชะตาจะเห็นใจให้ชีวิตเธอได้พบเจอเรื่องที่ดีและคนที่ดีเหมือนคนอื่นเขาสักที
“ผู้หญิงคนนั้นกล้าล่วงเกินเจ้าชายของเราขนาดนี้เลยเหรอ”
“หึ!! ใช่ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สิ่งที่ฉันตอบแทนคืนให้เธอนั้นถือว่าสมควรแล้ว”
ไคน์ตอบกลับบาร์รอน ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้ติดตามที่สามารถจัดการทุกปัญหาและทุกเรื่องแทนเขาได้
“นายไม่ทำรุนแรงไปหน่อยเหรอ”
บาร์รอนยังคงเอ่ยถามขึ้น สำหรับเขาแล้วสิ่งที่เจ้าชายไคน์ทำไปนั้นก็ดูรุนแรงมากเกินไป เทียบกับมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเพียงแค่หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลย
“สิ่งที่ฉันทำกับยัยนั่น ก็มาจากผลจากการกระทำของเธอไม่ใช่หรือไง เธอท้าทายฉันและเธอยังกล้าทำร้ายฉัน หึ!”
ไอรินเดินโซซัดโซเซลงมาจากระเบียงใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง ระหว่างทางที่เดินนั้นเธอโดนข้าวของปาเข้ามาโดนตัวไม่หยุด เหล่านักเรียนนักศึกษาทั้งที่เป็นแวมไพร์และมนุษย์เหมือนกันต่างลงมือกับเธอตามคำสั่งของเจ้าชาย
หากไม่ใช่เพียงเพราะต้องทำเพื่อน้องชาย และหากมีที่ให้สามารถหลบหนีไปได้ เธอก็คงไม่ต้องมาทนอยู่ในสถานที่ที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเช่นนี้ ตั้งแต่ที่มนุษย์ต่อสู้พ่ายแพ้ในวันนั้น ทุกคนก็ต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์ หากใครอยู่เป็นและยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายก็จะสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนแห่งนี้
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY