เพราะเป็นตัวซวยของครอบครัว เธอจึงถูกส่งไปอยู่กับยาย แต่ย่าผู้เกลียดชังของเธอก็ขอให้เธอแต่งงานกับคู่หมั้นของพี่สาวฝาแฝด เธอจำต้องรับเงื่อนไขของผู้เป็นย่าเพราะคุณยายป่วยหนัก เพื่อยื้อชีวิตของคุณยายที่รักและดูแลเธอมาตลอด ดังนั้นเธอจึงยอมแต่งงานกับเขา
เพราะเป็นตัวซวยของครอบครัว เธอจึงถูกส่งไปอยู่กับยาย แต่ย่าผู้เกลียดชังของเธอก็ขอให้เธอแต่งงานกับคู่หมั้นของพี่สาวฝาแฝด เธอจำต้องรับเงื่อนไขของผู้เป็นย่าเพราะคุณยายป่วยหนัก เพื่อยื้อชีวิตของคุณยายที่รักและดูแลเธอมาตลอด ดังนั้นเธอจึงยอมแต่งงานกับเขา
ท้องฟ้าสีคราม ท้องน้ำสะท้อนแสงแดดยามเช้าอันแสนสดใส บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ตั้งอยู่ริมลำคลองอันเงียบสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ขวัญเนตรนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้เก่าๆ ข้างๆ คุณยายที่เลี้ยงดูเธอมาแต่อ้อนแต่ออด นอกจากจะมีม้านั่งไม้ยาวที่ตั้งอยู่ข้างบ้าน บ้านเรือนไทยยังถูกตกแต่งด้วยไม้ลวดลายไทยแบบดั้งเดิมที่แสดงถึงความงามของวัฒนธรรมโบราณ
“ช่วงนี้คนสั่งขนมกันเยอะมากเลยนะคะคุณยาย” ขวัญเนตรพูดกับผู้เป็นยาย
ขวัญเนตรเพิ่งเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์การอาหารมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
เธอตั้งใจว่าเรียนจบ จะกลับอยู่ดูแลคุณยายที่บ้าน เปิดร้านขายขนมเล็ก ๆ สร้างอาชีพให้ตัวเอง เพราะคุณยายไม่มีใคร เธอไม่อยากทิ้งท่านเอาไว้เพียงลำพัง อีกอย่างเธอก็รับจ๊อบทำวิจัยให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ช่วงนี้ไม่มีงาน เธอจึงรับออร์เดอร์ขนมมาทำแทน
“ใช่จ้ะ เพราะเรานั่นแหละหาลูกค้าให้ยาย”
คุณยายพูดเสียงอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักทั้งชีวิตหยิบจับทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว จัดการกับวัตถุดิบและเครื่องมือทำขนมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขวัญเนตรหันไปมองคุณยายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเคารพ
“ลูกค้าสั่งขนมตาลมากเป็นพิเศษค่ะคุณยาย เพราะติดใจฝีมือของคุณยาย” ขวัญเนตรยิ้มให้กับคุณยาย สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่
“ขนมตาลต้องหอมหวานและนุ่มนิ่ม มะพร้าวก็ต้องหอมหวานมันอร่อย ไม่แก่จนเกินไป ไม่อ่อนจนเกินไป” คุณยายพูดไปพลางหยิบลูกตาลโตนดที่เพิ่งเก็บมาจากต้นข้างบ้านมาจัดการเตรียมเอาไว้
ขวัญเนตรเริ่มเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ข้างๆ คุณยาย เธอรู้ดีว่าแต่ละขั้นตอนนั้นสำคัญมาก การทำขนมไทยไม่ใช่แค่การผสมแป้งและน้ำตาล แต่มันคือการทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ รักษาความอร่อยและความสมบูรณ์แบบตามวิธีดั้งเดิม
“ต้องใส่น้ำตาลโตนดจากต้นที่เราเพิ่งเก็บมาเมื่อวานนี้นะจ๊ะ เพราะมันหวานและหอมที่สุด” คุณยายบอกกับหลานสาวพลางจัดการคนแป้งกับน้ำตาลอย่างชำนาญ
ขวัญเนตรหันไปมองน้ำในคลองที่ใสสะอาด และแสงแดดยามเช้าที่เริ่มส่องผ่านต้นไม้ใหญ่ไปกระทบกับผิวน้ำ ทำให้เกิดภาพที่งดงามและสงบเงียบ เธอรู้สึกเหมือนว่าเวลาเดินไปช้าๆ ผ่อนคลายและมีความสุขอย่างประหลาด
การทำขนมไทยกับคุณยายเป็นเหมือนการเชื่อมต่อกับอดีตที่เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับท่าน
เมื่อก่อนคุณยายหาบขนมไปขายที่ตลาด บ้างก็รับทำขนม เธอไปช่วยขายขนมแต่เด็ก รู้จักผู้คนแถวนี้ดี ใคร ๆ ก็ติดใจขนมไทยโบราณของคุณยายแทบทั้งสิ้น
“เดี๋ยวทำเสร็จแล้ว ก็เก็บลงในตะกร้าหวาย แล้ววางให้เย็นก่อน เพราะถ้ายังอุ่นอยู่มันจะไม่คงตัว”
ขวัญเนตรทำตามขั้นตอนทุกอย่าง อย่างระมัดระวัง คอยใส่ใจทุกรายละเอียด
บรรยากาศในบ้านเรือนไทยริมคลองช่างอบอุ่นและผ่อนคลาย
เสียงน้ำไหลในคลองและเสียงนกร้องท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งเพิ่มความสุขใจให้กับวันนั้น แม้แต่สายลมที่พัดผ่านก็ยังทำให้รู้สึกเหมือนกับเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน
"จำไว้นะ ทำทุกอย่างด้วยความรัก ความพยายาม ความใจเย็น แล้วขนมจะออกมาหอมหวานอร่อยเสมอ" คุณยายบอกอีกครั้งขณะมองดูหลานสาวกำลังทำงานด้วยความตั้งใจ
ขวัญเนตรยิ้มรับ ตั้งใจทำขนมตาลอย่างแข็งขัน คุณยายของเธอทำขนมได้หลากหลาย แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากมีจำนวนมากก็จะเริ่มเตรียมกันตั้งแต่เย็นของอีกวัน เช่นขนมใส่ไส้ที่ต้องเตรียมตัดใบตอง และไม้กลัดให้มีขนาดห่อเท่า ๆ กัน
ขณะที่ขวัญเนตรกำลังตั้งใจผสมแป้งและน้ำตาลตามขั้นตอนที่คุณยายบอกอย่างระมัดระวัง มือเล็กๆ ของเธอกำลังปั้นขนมตาลอย่างพิถีพิถัน ทุกอย่างดูเหมือนจะ
ราบรื่นจนกระทั่งคุณยายล้มหมดสติลงใกล้ๆ กับที่เธอนั่งอยู่
“คุณยาย... คุณยายเป็นอะไรไปคะ” ขวัญเนตรถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ใบหน้าของท่านเริ่มซีดจนเห็นได้ชัด
“คุณยาย!” ขวัญเนตรร้องเสียงหลง รีบประคองร่างของคุณยายขึ้นมา แต่มันหนักเกินกว่าที่เธอจะรับไหว
หญิงสาวรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังจะหยุดหมุน
ขวัญเนตรรู้ตัวว่าต้องการความช่วยเหลือ เธอวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน รีบตะโกนเรียกหาคนช่วยจากบ้านข้างๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้น มือของขวัญเนตรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าและรีบโทร. เรียกรถพยาบาลโดยด่วน
ขวัญเนตรรีบวิ่งกลับไปหาคุณยาย เธอจับมือคุณยายไว้แน่น พลางพูดด้วยเสียงสะอื้น
“คุณยาย... อย่าเป็นอะไรนะคะ เดี๋ยวรถฉุกเฉินก็มาแล้วค่ะ” ภายในใจของขวัญเนตรเต็มไปด้วยความกลัว ความกังวล ความหวาดหวั่นจนแทบขาดใจ แต่เธอพยายามตั้งสติให้มากที่สุด คุณยายได้ให้ชีวิตและความรักกับเธอมากมาย เธอไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไป
เพื่อนบ้านมาช่วยประคองคุณยายเอาไว้ พร้อมทั้งช่วยกันปฐมพยาบาล
ในเวลาต่อมา รถพยาบาลก็มาถึงบ้านเรือนไทยริมคลอง เจ้าหน้าที่การแพทย์ช่วยหามคุณยายขึ้นเปลในทันที ขวัญเนตรตามไปติดๆ ด้วยหัวใจสั่นไหว ไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่าการมองดูคุณยายถูกพาขึ้นรถ
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“เธอคือเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้” แต่เมื่อเขายิ่งอยู่ใกล้เธอ เขากลับยิ่งอยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ทว่าเธอไม่ใช่หมากให้เขาควบคุม เขาต่างหากที่จะถูกเธอควบคุมและยอมจำนนรักต่อเธอ
คะนึงนิจรักเขาจึงยอมยกทุกอย่างให้เขาทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาเพียงแค่หลอกกินฟรี เตะถ่วงเวลาออกไปเพื่อไปหาผู้หญิงที่ดีกว่า ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นของไร้ค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา โดยไม่เสียดายผู้ชายหลอกลวงอย่างฉัฐดนัยเลย
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY