เพราะเป็นตัวซวยของครอบครัว เธอจึงถูกส่งไปอยู่กับยาย แต่ย่าผู้เกลียดชังของเธอก็ขอให้เธอแต่งงานกับคู่หมั้นของพี่สาวฝาแฝด เธอจำต้องรับเงื่อนไขของผู้เป็นย่าเพราะคุณยายป่วยหนัก เพื่อยื้อชีวิตของคุณยายที่รักและดูแลเธอมาตลอด ดังนั้นเธอจึงยอมแต่งงานกับเขา
เพราะเป็นตัวซวยของครอบครัว เธอจึงถูกส่งไปอยู่กับยาย แต่ย่าผู้เกลียดชังของเธอก็ขอให้เธอแต่งงานกับคู่หมั้นของพี่สาวฝาแฝด เธอจำต้องรับเงื่อนไขของผู้เป็นย่าเพราะคุณยายป่วยหนัก เพื่อยื้อชีวิตของคุณยายที่รักและดูแลเธอมาตลอด ดังนั้นเธอจึงยอมแต่งงานกับเขา
ท้องฟ้าสีคราม ท้องน้ำสะท้อนแสงแดดยามเช้าอันแสนสดใส บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ตั้งอยู่ริมลำคลองอันเงียบสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ขวัญเนตรนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้เก่าๆ ข้างๆ คุณยายที่เลี้ยงดูเธอมาแต่อ้อนแต่ออด นอกจากจะมีม้านั่งไม้ยาวที่ตั้งอยู่ข้างบ้าน บ้านเรือนไทยยังถูกตกแต่งด้วยไม้ลวดลายไทยแบบดั้งเดิมที่แสดงถึงความงามของวัฒนธรรมโบราณ
“ช่วงนี้คนสั่งขนมกันเยอะมากเลยนะคะคุณยาย” ขวัญเนตรพูดกับผู้เป็นยาย
ขวัญเนตรเพิ่งเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์การอาหารมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
เธอตั้งใจว่าเรียนจบ จะกลับอยู่ดูแลคุณยายที่บ้าน เปิดร้านขายขนมเล็ก ๆ สร้างอาชีพให้ตัวเอง เพราะคุณยายไม่มีใคร เธอไม่อยากทิ้งท่านเอาไว้เพียงลำพัง อีกอย่างเธอก็รับจ๊อบทำวิจัยให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ช่วงนี้ไม่มีงาน เธอจึงรับออร์เดอร์ขนมมาทำแทน
“ใช่จ้ะ เพราะเรานั่นแหละหาลูกค้าให้ยาย”
คุณยายพูดเสียงอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักทั้งชีวิตหยิบจับทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว จัดการกับวัตถุดิบและเครื่องมือทำขนมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขวัญเนตรหันไปมองคุณยายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเคารพ
“ลูกค้าสั่งขนมตาลมากเป็นพิเศษค่ะคุณยาย เพราะติดใจฝีมือของคุณยาย” ขวัญเนตรยิ้มให้กับคุณยาย สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่
“ขนมตาลต้องหอมหวานและนุ่มนิ่ม มะพร้าวก็ต้องหอมหวานมันอร่อย ไม่แก่จนเกินไป ไม่อ่อนจนเกินไป” คุณยายพูดไปพลางหยิบลูกตาลโตนดที่เพิ่งเก็บมาจากต้นข้างบ้านมาจัดการเตรียมเอาไว้
ขวัญเนตรเริ่มเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ข้างๆ คุณยาย เธอรู้ดีว่าแต่ละขั้นตอนนั้นสำคัญมาก การทำขนมไทยไม่ใช่แค่การผสมแป้งและน้ำตาล แต่มันคือการทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ รักษาความอร่อยและความสมบูรณ์แบบตามวิธีดั้งเดิม
“ต้องใส่น้ำตาลโตนดจากต้นที่เราเพิ่งเก็บมาเมื่อวานนี้นะจ๊ะ เพราะมันหวานและหอมที่สุด” คุณยายบอกกับหลานสาวพลางจัดการคนแป้งกับน้ำตาลอย่างชำนาญ
ขวัญเนตรหันไปมองน้ำในคลองที่ใสสะอาด และแสงแดดยามเช้าที่เริ่มส่องผ่านต้นไม้ใหญ่ไปกระทบกับผิวน้ำ ทำให้เกิดภาพที่งดงามและสงบเงียบ เธอรู้สึกเหมือนว่าเวลาเดินไปช้าๆ ผ่อนคลายและมีความสุขอย่างประหลาด
การทำขนมไทยกับคุณยายเป็นเหมือนการเชื่อมต่อกับอดีตที่เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับท่าน
เมื่อก่อนคุณยายหาบขนมไปขายที่ตลาด บ้างก็รับทำขนม เธอไปช่วยขายขนมแต่เด็ก รู้จักผู้คนแถวนี้ดี ใคร ๆ ก็ติดใจขนมไทยโบราณของคุณยายแทบทั้งสิ้น
“เดี๋ยวทำเสร็จแล้ว ก็เก็บลงในตะกร้าหวาย แล้ววางให้เย็นก่อน เพราะถ้ายังอุ่นอยู่มันจะไม่คงตัว”
ขวัญเนตรทำตามขั้นตอนทุกอย่าง อย่างระมัดระวัง คอยใส่ใจทุกรายละเอียด
บรรยากาศในบ้านเรือนไทยริมคลองช่างอบอุ่นและผ่อนคลาย
เสียงน้ำไหลในคลองและเสียงนกร้องท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งเพิ่มความสุขใจให้กับวันนั้น แม้แต่สายลมที่พัดผ่านก็ยังทำให้รู้สึกเหมือนกับเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน
"จำไว้นะ ทำทุกอย่างด้วยความรัก ความพยายาม ความใจเย็น แล้วขนมจะออกมาหอมหวานอร่อยเสมอ" คุณยายบอกอีกครั้งขณะมองดูหลานสาวกำลังทำงานด้วยความตั้งใจ
ขวัญเนตรยิ้มรับ ตั้งใจทำขนมตาลอย่างแข็งขัน คุณยายของเธอทำขนมได้หลากหลาย แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง หากมีจำนวนมากก็จะเริ่มเตรียมกันตั้งแต่เย็นของอีกวัน เช่นขนมใส่ไส้ที่ต้องเตรียมตัดใบตอง และไม้กลัดให้มีขนาดห่อเท่า ๆ กัน
ขณะที่ขวัญเนตรกำลังตั้งใจผสมแป้งและน้ำตาลตามขั้นตอนที่คุณยายบอกอย่างระมัดระวัง มือเล็กๆ ของเธอกำลังปั้นขนมตาลอย่างพิถีพิถัน ทุกอย่างดูเหมือนจะ
ราบรื่นจนกระทั่งคุณยายล้มหมดสติลงใกล้ๆ กับที่เธอนั่งอยู่
“คุณยาย... คุณยายเป็นอะไรไปคะ” ขวัญเนตรถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ใบหน้าของท่านเริ่มซีดจนเห็นได้ชัด
“คุณยาย!” ขวัญเนตรร้องเสียงหลง รีบประคองร่างของคุณยายขึ้นมา แต่มันหนักเกินกว่าที่เธอจะรับไหว
หญิงสาวรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังจะหยุดหมุน
ขวัญเนตรรู้ตัวว่าต้องการความช่วยเหลือ เธอวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน รีบตะโกนเรียกหาคนช่วยจากบ้านข้างๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้น มือของขวัญเนตรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าและรีบโทร. เรียกรถพยาบาลโดยด่วน
ขวัญเนตรรีบวิ่งกลับไปหาคุณยาย เธอจับมือคุณยายไว้แน่น พลางพูดด้วยเสียงสะอื้น
“คุณยาย... อย่าเป็นอะไรนะคะ เดี๋ยวรถฉุกเฉินก็มาแล้วค่ะ” ภายในใจของขวัญเนตรเต็มไปด้วยความกลัว ความกังวล ความหวาดหวั่นจนแทบขาดใจ แต่เธอพยายามตั้งสติให้มากที่สุด คุณยายได้ให้ชีวิตและความรักกับเธอมากมาย เธอไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไป
เพื่อนบ้านมาช่วยประคองคุณยายเอาไว้ พร้อมทั้งช่วยกันปฐมพยาบาล
ในเวลาต่อมา รถพยาบาลก็มาถึงบ้านเรือนไทยริมคลอง เจ้าหน้าที่การแพทย์ช่วยหามคุณยายขึ้นเปลในทันที ขวัญเนตรตามไปติดๆ ด้วยหัวใจสั่นไหว ไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่าการมองดูคุณยายถูกพาขึ้นรถ
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY