"อย่าดื้อนะอีหนู คนดีของพี่กำนัน" "พี่กำนันบ้าอะไร ไอ้แก่!" พระนางลิ้นกับฟัน โคแก่กินหญ้าอ่อน ตีกันตลอด เร่าร้อน หึงโหด โกรธแรง ดราม่าครบทุกรส ตลก เศร้า น่ากลัว ซึ้ง หวาน โรมานติก
"อย่าดื้อนะอีหนู คนดีของพี่กำนัน" "พี่กำนันบ้าอะไร ไอ้แก่!" พระนางลิ้นกับฟัน โคแก่กินหญ้าอ่อน ตีกันตลอด เร่าร้อน หึงโหด โกรธแรง ดราม่าครบทุกรส ตลก เศร้า น่ากลัว ซึ้ง หวาน โรมานติก
สะแบงสาวงามประจำตำบลทุ่งนาโนน วัย20ปีบริบูรณ์ เจ้าของดวงตากลมโต พ่วงแก้มใสขาวนวลเหมือนหยวก ผิวกายผ่องเนียนละเอียดด้วยทางฝั่งพ่อมีเชื้อสายญวน จมูกโด่งเรียวปลายหยดน้ำก็ได้พ่อมาเช่นกัน ส่วนใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วดกดำ ขนตาหนางอนเป็นแพ ปากกระจับอวบอิ่ม ทรงจะคล้ายทางฝั่งแม่ เธอผู้นี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่รูปร่างหน้าตา ยังฉลาด หัวไว ใฝ่เรียนรู้ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ไม่เหมือนสาวบ้านนอกบ้านนาทั่วไป ทั้งยังทะเยอทะยานฝันสูง เธอมีความฝันว่าอยากจะเป็นดาราเหมือนกบ สุวนันท์ และ นิ้ง กุลสตรี อยากมีชีวิตเฉิดฉายในเมืองใหญ่ท่ามกลางไฟแสงสี แต่ด้วยความที่เกิดมาในครอบครัวชาวนาฐานะยากจนความฝันจึงเป็นได้แค่ความฝันเท่านั
้น
หญิงสาวเกลียดความยากจน เกลียดบ้านนอกบ้านนา เธอพยายามขอพ่อกับแม่เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง จนกระทั่งวันที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับกำนันเดช! เพื่อล้างหนี้ที่ครอบครัวหยิบยืมมา เธอจึงคิดหนีเข้ากรุงเทพฯเพื่อหนีงานแต่ง
คืนวันเดือนดับมืดสนิทไปทุกแห่งหนสะแบงตัดสินใจแน่แน่วว่า อย่างไรก็จะหนีไปกรุงเทพกับสะดิ้งเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นสาวประเภทสอง ซึ่งสะดิ้งเองก็มีความฝันอยากเป็นช่างทำผม
เงินรางวัลที่ได้จากการประกวดนางนพมาศปีนี้ยังไม่ได้แกะใช้สักบาท สะแบงคิดจะเอาเงินก้อนนี้เป็นทุนในการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานหาเงินได้แล้วก็ค่อยส่งมาให้พ่อแม่เอาไปใช้หนี้ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เรื่องอะไรต้องทิ้งชีวิต ทิ้งศักดิ์ศรี ยอมแต่งงานกับคนชั่วอย่างกำนันเดชด้วย!
เมื่อแน่ใจว่าพ่อกับแม่นอนหลับสะแบงก็เปลี่ยนจากชุดนอนมาสวมเสื้อยืด กางเกงยีนขาม้า มัดผมยาวสยายรวบตึงขึ้นสูงปล่อยหางม้าไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงวางจดหมายลาพ่อกับแม่ไว้บนที่นอน โยนกระเป๋าเสื้อผ้าลงไปทางหน้าต่าง แล้วจึงกระโดดตามกระเป๋าลงไป
ตุ๊บ! ตุ๊บ!
หมาอีตุ่นสะดุ้งโหยงถึงสองหน แต่เมื่อมันเห็นว่าเป็นสะแบงที่กระโดดลงมามันก็เดินมาดมเจ้านายพร้อมกระดิกหางไปมา พลอยทำให้สะแบงน้ำตาซึม ใจยังนึกเป็นห่วงบุพการีถ้าหนีไปกำนันเดชจะทำอะไรพ่อกับแม่ของเธอหรือไม่ แต่ถ้ายอมแต่งงานชีวิตเธอหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
เอาล่ะ!ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เสี่ยงแขนหักขาหักกระโดดลงมาจากบ้านแล้ว ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า และชีวิตอีสะแบงต้องดีกว่านี้ คิดได้อย่างนั้นจึงลูบหัวหมาอีตุ่นเบาๆก่อนจะก้าวเท้าเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้าน
หมาอีตุ่นวิ่งตามมาจนถึงถนนใหญ่
“อีตุ่น! กลับไปเดี๋ยวนี้ กลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ ดูแลพ่อกับแม่ด้วยนะ พี่สัญญาอีกไม่นานพี่จะกลับมา” สะแบงหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับทาสสี่ขาผู้ซื่อสัตย์
หมาอีตุ่นเหมือนฟังรู้เรื่อง ท่าทางมันคล้ายลังเลว่า จะตามเจ้านายไปหรือหันหลังกลับบ้าน สะแบงน้ำตาไหล เจ็บตรงหัวใจ คนจนก็เท่านี้ ไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าต้องอยู่เหมือนตายทั้งเป็น ก็สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ลองดูกันสักตั้ง! ถ้าชีวิตนี้จะหาดีไม่ได้เลยก็ให้มันรู้ไป เธอหันหลังให้เจ้าหมาแสนรู้ บังคับสองขาให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า จุดหมายคือศาลาปากทางเข้าหมู่บ้าน
สะดิ้งรอเธออยู่ตรงนั้น
แสงไฟจากหลอดนีออนที่ติดอยู่กลางศาลาช่วยให้สะแบงมองเห็นร่างผอมบางหุ่นทรงอ้อนแอ้นนั่งหันหลังอยู่ หญิงสาวเผยยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ชีวิตใหม่ของเธอกำลังจะเริ่มขึ้นนับจากนี้ สองเท้าเร่งระยะการเดินเพื่อตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิทผู้พี่
“พี่สะดิ้งฉันมาแล้ว รอนานไหมจ๊ะ รถยังไม่มาใช่ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงหวานนุ่มนวลพูดอย่างตื่นเต้น สะดิ้งก็ลุกขึ้นยืนหันหน้ามาหาเจ้าของเสียง สีหน้าเจ้าหล่อนดูเจื่อนหมองคล้ายแฝงความหวั่นเกรงในอะไรบางอย่าง
สะแบงวางกระเป๋าลงบนม้านั่งพลางเอ่ยถามขึ้นอีก
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นจ้ะพี่ อย่าบอกนะว่ารถไปแล้ว เราจองรอบสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอ นี่พึ่งสามทุ่มกว่าๆ เองนะ”
“สะแบงรถไม่มารับเราแล้วล่ะ”
คนตอบน้ำเสียงสั่นเครือกิริยาเหมือนอยากจะร้องไห้ ทำให้สะแบงยิ่งประหลาดใจ
“อ้าว! ยังไงกันพี่ หมายความว่ายังไง เราจองตั๋วไว้แล้วนิจะไม่มารับได้ไง” เจ้าของพวงแก้มใสพูดขึ้นคล้ายเอ็ดตะโร
ในช่วงระยะลมหายใจเข้าออก ก็ได้รู้สึกเหมือนว่ามีบุคคลอื่นนอกเหนือจากเธอและเพื่อนสนิทผู้พี่เร่งฝีเท้าเข้ามาร่วมสนทนา
“คิดจะหนีหนี้หรืออีสะแบง!”
น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจระคนความเกรี้ยวกราดดังมาจากด้านหลังของสะแบง เวลานั้นหัวใจของเธอเหมือนถูกดึงกระชากออกแล้วโยนทิ้งลงไปบนพื้น ขณะนั้นมีลมพัดผ่านมาพอในเย็นสบาย แต่กลับสร้างความรู้สึกเย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจที่พึ่งขาดโหวง เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
สะแบงค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้าของเสียงคือใคร! แต่กระนั้นก็ยังส่งคำถามออกมาทางสายตา
สาวประเภทสองร่างบางที่จริตจะก้านทิ้งความเป็นชายไปหมดแล้ว พยักหน้าตอบคำถามของสายตาคู่สวย ยิ่งทำให้แน่ใจว่าคนที่พูดประโยคเมื่อครู่คือ กำนันเดช!
เรือนร่างอรชรค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ที่ไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ยังมีลูกสมุนตามมาด้วยอีก2คน ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าเห็นกำนันเดชไปไหนมาไหนคนเดียวนี่สิแปลก
“กะ กำนันเดช!” ไม่ใช่แค่เสียงสั่นเครือจนคำพูดคำจากระท่อนกระแท่น แต่เวลานี้หญิงสาวกลัวจนสั่นไปทั้งตัว
เวรกรรมอะไรของอีสะแบงนักหนา อุตส่าห์วางแผนจะหนี แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด!
“ว่ายังไงนางตัวดีจะหนีไปไหน หึ? ” แววตาดุดันปานเสือร้ายจ้องมองใบหน้างามคล้ายจะกัดจะกิน
“เปล่า! ฉันไม่ได้จะหนี ทำไมฉันต้องหนี ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะไปกรุงเทพ ไปทำงานหาเงินมาคืนกำนันนั่นแหละ ฉันจะได้ไม่ต้องจำใจแต่งงานกับคนอย่างกำนัน! ” แม้จะกลัว แต่ก็ยังรวบรวมความกล้ากัดจิกอีกฝ่าย
“ไปทำงานกรุงเทพ ฮ่าๆๆ อย่างเอ็งจะไปทำงานอะไรถึงจะได้เงินมากมายขนาดนั้นมาคืนข้า นอกจากไปเป็นกะหรี่! แต่จะไม่เป็นเอดส์ก่อนตายรึ ถึงจะหาเงินมาคืนได้ พวกแม่เล้า พวกแมงดามันดุนะโว้ย”
อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะดูถูก หากคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่คำพูดของเขาทำให้สะแบงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า สองมือเรียวกำหมัดแน่น ถ้าไม่เหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บอยู่บริเวณชายพกของเขาเสียก่อนคงพลั้งฟาดปากเข้าให้ไปแล้ว
“เป็นกะหรี่หรือเป็นอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้นแหละ ดีกว่าต้องแต่งงานกับคนชั่วๆ อย่างกำนัน! ”
ในเมื่อฟาดหน้าไม่ได้จึงฟาดด้วยคำพูด
กำนันเดชกัดกรามแน่น! ดวงตาเต็มไปด้วยแววพิโรธ คำพูดเธอทำให้เขาโกรธแรงพอสมควร จึงไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำอีก ร่างสูงก้าวเข้าประชิดดึงร่างบางมาอย่างไม่ถนอม จับแขนเธอล๊อกไพล่หลังเอาไว้
“งั้นก็ไปเป็นกะหรี่ให้ข้าก็แล้วกัน รับรองข้าจ่ายตามจริง ไม่เอาเปรียบเอ็งสักบาท ใช้หนี้คืนหมดเมื่อไหร่ อยากไปไหนก็ไสหัวไปได้เลย”
พูดจบเขาก็ลากร่างอรชรที่ถึงแม้จะดิ้นรนขัดขืนก็เหมือนไม่ได้มีผลอะไร พาเดินตรงไปที่รถ ซึ่งจอดหลบความมืดไว้ข้างทาง
“ไม่นะ ปล่อยฉันนะกำนัน ช่วยด้วย! พี่สะดิ้งช่วยฉันด้วย”
หลังสืบรู้ว่าภรรยาเก่าของลูกหนี้ผู้น่ารำคาญคือผู้หญิงแพศยาที่เคยทำให้ครอบครัวของเขาพัง เดปมาเฟียหนุ่มเจ้าของบ่อนคาสิโนจึงไม่รีรอที่จะแก้แค้น ผู้หญิงแพศยาคนนั้นทำเลวไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ครั้งล่าสุดก็คือทิ้งลูกสาวกับผู้ชายที่เป็นลูกหนี้ของเขาไปแต่งงานใหม่กับมหาเศรษฐี และตอนนี้ลูกสาวของหล่อนที่อยู่กับลูกหนี้ของเขาโตพอใช้งานได้แล้ว.....
ฟ้าเป็นใจให้สินทรผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนุ่มวัย34 มีโอกาสได้เห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยของ ดาวใจ สาวน้อยวัย16 ย่าง17 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เคยทำให้เขาช้ำใจ จึงได้ข้ออ้างมาต่อรองหวังฟันสาวน้อยแล้วทิ้งขว้างเพื่อแก้แค้นพ่อแม่ของเธอ ทว่าฟ้าก็ดันกลั่นแกล้งให้สินทรหลงรักลูกสาวอดีตกิ๊กจนโงหัวไม่ขึ้น ความรักของ น้าสินทรตัวร้าย กับ อีหนูดาวใจตัวแสบ จะสนุกสนาน เสียวซ่าน บันเทิงเริงใจ ฮาลั่นทุ่งกันเพียงไหน ไปติดตามกันเลยจ้า..... “แม่เจ้าโว้ย! อีดาวใจ ข้าเห็นเอ็งมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตอนนี้หอยเท่าฝ่าตีนข้าแล้วหรือวะเนี่ย” “น้าสินพูดบ้าอะไรเอาผ้าถุงฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องแม่” “ยังกะข้ากลัวแม่กับพ่อเอ็งนิ!” “น้าสิน เอาผ้าถุงมาให้ฉันเถอะเดี๋ยวคนมาเห็น”
เธอมาเพื่อเงินของเขา ส่วนเขาต้องการแค่สนุก วินๆทั้งคู่ แค่ความสุขฉาบฉวยของผู้ชายขี้เบื่อ และ เงินจำนวนหนึ่งที่หญิงสาวกำลังต้องการ เพียงเท่านั้น... แต่!วันหนึ่งคนขี้เบื่อดันกลัวจะโดนเบื่อซะเอง..
อุตส่าห์ช่วยเหลือเพราะเห็นว่าไร่อยู่ใกล้กัน แต่พี่ชายตัวดีของเธอกลับไม่ยอมคืนเงิน แถมยังร่วมมือกับพวกชาติชั่วเล่นงานเขาอีก "มีเมียเป็นคนใบ้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงบ่น ถอดเสื้อผ้า!!!"
ใครบัญญัติว่าพระเอกต้องเป็นคนดี ในเมื่อผู้หญิงส่วนมากหลงรักคนเลวทั้งนั้น สำหรับเขาก็แค่จะร้ายให้เธอรัก (รวยมากเลวมากใครไม่รักก็ให้มันรู้ไป)
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY