มีผัวเหมือนมีมาร
มีผัวเหมือนมีมาร
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
“ระวัง!!”
“พาคุณหนูหนีไป!!”
บอดี้การ์ดตัวใหญ่วิ่งด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่ขายาวจะทำได้แล้วคว้าตัวผู้หญิงตัวเล็กแค่หน้าอกอุ้มวิ่งหนีออกไปทันที เสียงปืนดังไล่หลังตามมาติดๆจนกระทั่งมาถึงรถที่จอดรออยู่แล้ว เพียงไม่กี่นาทีรถคันหรูขับออกไปด้วยความเร็วมากและรถอีกคันตามมาติดๆอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน รถทั้งสองคันเหมือนกำลังขับแข่งกันบนท้องถนนแต่ความจริงไม่ใช่เลย นี่คือการตามล่าเพื่อเอาชีวิตผู้หญิงในรถที่เป็นลูกสาวคนเดียวของมาเฟียหน้าใหม่
ครั้งนี้ให้เจ็บตัวไม่ได้หรอก
เขามาดูแลเธอเองไม่ว่าใครก็ห้ามฆ่า
“เอาปืนมา!”
“อย่าครับคุณหนู”
“ฉันยิงแม่นน่า!”
“รถกันกระสุนทั้งคันแล้วคุณหนูจะเปิดหน้าต่างรับกระสุนทำไม!?”
“นี่กล้าขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอไอ้บ้า!!”
“ขึ้นคร่อมยังทำมาแล้วนับประสาอะไรกับขึ้นเสียง!?”
“กรี๊ด!! ไอ้บ้า!!”
“โอ๊ย!! หุบปากได้แล้ว เสียงแหลมๆมันทำให้เสียสมาธิ!!”
“ฉันเป็นเจ้านายนะ!!”
“แต่พี่เป็นผัว!!”
“ไอ้ผัวเฮงซวย!!”
ด้านนอกรถมีคนหาทางจะยิงเข้ามาให้ได้ ส่วนด้านในก็เหมือนว่ามีสงครามขนาดย่อมเช่นกัน รถคันหรูที่มีรอยโดนยิงแทบทั้งคันขับด้วยความเร็วสูงหาทางสลัดรถที่ตามติดเหมือนเจ้ากรรมนายเวรให้หลุดพ้นไป ผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมงที่ถูกไล่ล่าในที่สุดก็สามารถหลุดออกมาได้อย่างสะบักสะบอมมากพอสมควร
เอี๊ยด!!
“จอดทำไม!?”
“แล้วจะอยู่ให้มันตามทันรึไง!?”
“พูดดีๆไม่เป็นรึไงห่ะ ความจริงเอาปืนมาให้ฉันยิงมันก็จบแล้ว”
“อวดเก่งจริงๆ ทีตอนพี่วิ่งไปอุ้มทำไมไม่ยิงล่ะ มาปากเก่งทำไมตอนนี้!?”
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ ตอนนี้พี่เป็นแค่บอดี้การ์ดลืมตัวไปแล้วรึไง!?”
“ในรถคันนี้มีแค่เราสองคน ตอนนี้พี่เป็นผัวไม่ใช่ลูกน้องใครทั้งนั้น!”
“พวกนั้นเป็นใคร!?”
“ยังไม่รู้”
“ไม่ได้เรื่อง!”
“ว่าพี่แล้วตัวเองรู้เหรอ?”
“ก็…”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนี่!”
“ฉันน่าจะอยู่ฆ่ามันให้ตายๆไปซะ!”
“มันจะฆ่าเธอก่อนดิ!”
“หุบปาก!!”
“ไปกันได้แล้ว ที่นี่เป็นเซฟเฮ้าส์แล้วอีกเดี๋ยวคนอื่นจะตามมา”
“เดินช้าๆไม่ได้รึไงเนี่ย ฉันเดินตามไม่ทันนะ!”
“ช่วยไม่ได้ก็เกิดมาขาสั้นเอง”
“ปากหมาที่สุด!!”
บลูมเดินถือปืนเข้าไปในบ้านที่มีรั่วล้อมสูงพร้อมกับกวาดสายตามองด้วยความระมัดระวังมากพอสมควร เขาเดินนำเธอขึ้นไปที่ห้องพักเพราะตอนนี้คุณหนูคนสวยมอมแมมเหมือนตัวอะไรสักอย่างไปคลุกฝุ่นมา ในระหว่างที่รอเธออาบน้ำก็กดโทรศัพท์อ่านข้อความที่ลูกน้องรายงานมา ทุกคนกำลังจะมาที่นี่แล้วประชุมกันอีกทีเพราะคืนนี้คุณหนูต้องออกงานในฐานะทายาทคนเดียวของนักธุรกิจนำเข้าอัญมณี เขาพึ่งมารับหน้าที่นี้วันแรกแทนทีมบอดี้การ์ดเก่าของเธอที่บาดเจ็บหนักจากการปะทะครั้งก่อนและตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่
เงยหน้ามาอีกทีเพราะได้กลิ่นหอม
ฟีนด์ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวยืนเท้าเอวจ้องมองกันอยู่
หน้าที่หลักคือผัวในความลับ...มั้ง! หน้าที่รองคือบอดี้การ์ดประจำตัวแม่คุณทูนหัวที่กำลังเท้าเอวใส่แล้ววีนฉ่ำแบบไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย นู้นก็จะเอา นี่ก็จะเอา คิดบวกไม่เคยมีแต่พร้อมบวกไม่เคยขาด เดือดร้อนผัวก็วิ่งสี่คูณร้อยลากขึ้นรถตลอด
เด็กดื้อต้องโดนอะไรกูไม่รู้
แต่เท่าที่รู้คือต้องหาอะไรปิดปากเมียแล้ว!!
"โธ่เว้ย!! ออกไปแล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้า!"
"กล้าไล่ผัวเหรอ!?"
"แล้วคิดว่าฉันไล่หมารึไงเล่า ออกไป!!”
“ไม่ออก!”
“ฉันจะแต่งตัว”
“พี่เห็นมาทั้งตัวแล้วจะอายอะไรอีก!?”
“พี่บลูม!!”
“นั่งลงเดี๋ยวเช็ดผมให้”
ฟีนด์นั่งลงบนเตียงด้วยความไม่ชอบใจเท่าไรแต่ทางเลือกเธอมีน้อย พี่บลูมถูกส่งตัวมาเพื่อดูแลเธอชั่วคราวในช่วงที่บอดี้การ์ดส่วนตัวรักษาตัวให้ดีก่อนจะกลับมาทำหน้าที่เดิม มือใหญ่หยิบผ้ามาเช็ดผมที่เปียกให้ไม่แรงมากแต่ก็เล่นเอาหัวแทบโยกกันเลยทีเดียว จากนั้นมือหยาบที่เคยจับแต่อาวุธฆ่าคนก็หยิบไดร์เป่าผมมาทำต่อด้วยความไม่ถนัดสักเท่าไร แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายเถื่อนแบบนี้จะทำอะไรอ่อนโยนไม่เป็น
สิ่งที่เขาทำมันคือความใส่ใจ
แต่ว่าเธอทำเอาน่าจะดีกว่าหลายเท่า
“เสร็จแล้ว”
“ขอบใจ”
“พี่จะลงไปเช็ครอบๆบ้านก่อนนะ แล้วเดี๋ยวลูกน้องจะเอาชุดที่ใส่คืนนี้กับเครื่องสำอางมาให้ เราต้องไปให้ทันงานก่อนสองทุ่มไม่งั้นจะมีข่าวเสียหายเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน”
“รู้แล้วน่าไม่ต้องย้ำหรอก!”
“อ่อ! อย่าให้เห็นว่าสนใจใครล่ะ?”
“มีสิทธิ์อะไรมาหวง?”
“เอากันตอนนี้ยังได้นะฟีนด์!”
“ออกไปเลยไป๊ไอ้บ้ากาม!!”
บลูมเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับถือปืนเพื่อตรวจเช็คบ้านหลังนี้ให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครมาฆ่ายัยเด็กปากดีได้ หลังจากเดินสำรวจชั้นบนครบหมดทุกห้องแล้วก็เดินสำรวจชั้นล่างและตามด้วยสำรวจรอบบ้าน แววตาดุดันจ้องมองด้วยความระมัดระวัง สัญชาตญาณป้องกันตัวที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กทำงานอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆแล้ว
ทีมของพวกเขาไปรับเธอมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อจะพามาเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัย ก่อนจะถูกดักโจมตีในตอนแวะกินอาหารเพราะคุณหนูหิว จากนั้นก็ปะทะกันลากยาวหลายชั่วโมง
เซฟเฮ้าส์หลังนี้ปลอดภัย
คืนนี้เราน่าจะมาค้างที่นี่แทนโรงแรม
เขาเดินกลับเข้าไปในบ้านจากนั้นก็เปิดตู้ลับที่ใช้เก็บซ่อนอาวุธ คืนนี้ในตอนกลับพวกเราต้องถูกเล่นงานอย่างแน่นอนและไม่รู้ว่าจะจบลงตอนไหนด้วย เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับตำแหน่งประธานบริษัทของพ่อเธอที่พึ่งจะรับช่วงต่อมาได้ไม่นาน หลังจากนั้นมีการเปิดโปงเรื่องยักยอกทรัพย์ของหลายคนที่ถือหุ้นส่วนและทำงานอยู่ หลายคนหนีออกนอกประเทศทันและบางคนถูกสั่งเก็บทันที มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่ติดคุก แต่นั่นมันไม่จบเพราะมีการล้างแค้นทันทีและต้องการทวงคืนทุกอย่างที่เสียไป
คุณหนูฟีนด์คือเป้าหมายในครั้งนี้
ฆ่าเพื่อล้างแค้น
“นี่ทำอะไรอะ?”
“ชักว่าว”
“อี๋! น่าเกลียดที่สุด”
“ก็เห็นอยู่ว่าเช็คปืนแล้วจะถามทำไม?”
“เผื่อมีอะไรให้ช่วยไง”
“ช่วยอย่าเป็นปัญหาก็พอ”
“ปากเหรอห่ะ! ฉันไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็เกลียดพี่”
“แล้วไง?”
ฟีนด์นั่งลงที่เก้าอี้แล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูแก้เบื่อระหว่างรอคนอื่นมา คืนนี้เธอต้องไปออกงานกับพ่อเพราะจะมีการพูดคุยเรื่องงานกับเจ้าของเหมืองขนาดใหญ่ที่นั่งเครื่องบินข้ามประเทศมาถึงที่นี่
เธออายุยี่สิบสี่แล้วยังต้องเรียนรู้อีกเยอะกว่าจะเก่งมาก ไหนจะต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ให้หนักขึ้นกว่าเดิมเพราะหนทางข้างหน้าไม่ใช่เรื่องงานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว อาวุธก็ใช้เป็นแค่ปืนสั้นธรรมดาและยิงไม่แม่นเท่าไรนัก แต่เธอพยายามมากจริงๆเพื่อจะขึ้นเป็นที่หนึ่งและจะไม่ยอมให้ใครมาฆ่าตัดตอนง่ายๆด้วย
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY