เขาตั้งใจหลอกเธอตั้งแต่แรก เพื่อให้เธอหลงรักหัวปักหัวปำแล้วก็สลัดทิ้งอย่างไม่แยแส แต่พอเธอหายไปจากชีวิตของเขา เขากลับทุรนทุรายแทบขาดใจ!
เขาตั้งใจหลอกเธอตั้งแต่แรก เพื่อให้เธอหลงรักหัวปักหัวปำแล้วก็สลัดทิ้งอย่างไม่แยแส แต่พอเธอหายไปจากชีวิตของเขา เขากลับทุรนทุรายแทบขาดใจ!
1
เรไรค่อย ๆ วางกระทงลงในคลองหลังวัดอย่างเบามือ แต่ก็ต้องอุทานออกมาเมื่อมีเมื่อของใครคนหนึ่งขยับมาจับกระทงอันเดียวกับเธอ
“อุ๊ย! พี่กระทิง” เธอเรียกเขาอย่างตกใจระคนดีใจ
“พี่ไม่มีกระทง ขอลอยด้วยนะ”
“พี่กระทิงมากับใครคะ” เรไรเอ่ยถามผู้ชายที่แอบรัก
หลังจากที่พี่ชายของเธอแต่งงานกับพิมพ์แก้ว เธอก็พอรู้ว่าเขาเสียใจอยู่พักใหญ่ นึกเป็นห่วงเลยถามกุหลาบน้องสาวของกระทิง อีกฝ่ายก็คอยส่งข่าวคราวอยู่เสมอ
ส่วนหนึ่งมาจากเธอด้วย เธอทำให้คเชนทร์กับพิมพ์แก้วได้ครองรักกัน
แต่คเชนทร์เป็นพี่ชายคนเดียว และพิมพ์แก้วก็เป็นผู้หญิงที่พี่ชายรัก เธอก็เลยอยากจะช่วยให้ถึงที่สุด
กระนั้นก็ยอมรับว่าตนเองมีสิ่งอื่นแอบแฝง นั่นก็คืออยากกำจัดคู่แข่งออกไป หากพิมพ์แก้วแต่งงานไปกับผู้ชายคนอื่น เธออาจจะมีสิทธิ์หวังในตัวกระทิงนั่นเอง
“มาคนเดียวจ้ะ กุหลาบก็ไปลอยกระทงกับเพื่อนเขานั่นแหละ” ทั้งสองเดินคุยกันไป ดูงานกันไป กระทงมากมายถูกลอยไปในคลองหลังวัด ส่งแสงระยิบระยับจับตา
“พี่กระทิงดีขึ้นแล้วใช่ไหมจ๊ะ” รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้ พิมพ์แก้วรักคเชนทร์ กระทิงก็ต้องทำใจ
“เรื่องอะไรเหรอ”
“เอ่อ...” เรไรอึกอัก
“ถ้าเรื่องพิมพ์แก้วพี่ดีขึ้นแล้วล่ะ พี่ทำใจได้แล้วว่าคนที่เขาไม่ได้รักเรา ยังไงก็ไม่รัก”
“ดีแล้วจ้ะพี่” เธอเงยหน้ามองพระจันทร์ เขาก็มองหน้าเธอไม่วางตา
“พี่กระทิงมองอะไรจ๊ะ” เรไรเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าเขาเอาแต่จ้องเธอ
“มองคนสวย”
“คะ” เธอหลุดอุทานออกมาก่อนจะมีท่าทีเขินอาย
“พี่จีบเรไรได้ไหม”
“พี่กระทิงว่าอะไรนะจ๊ะ” คนแอบรักเอ่ยถามด้วยหัวใจสั่นระริก
“ตอนนี้พี่รู้ใจตัวเองแล้วว่ารักใคร และรู้ด้วยว่ามีใครคนหนึ่งก็รักพี่มากเช่นกัน พี่คิดว่าเราควรรักคนที่เขารักเราจะดีกว่า” ประโยคของเขาทำให้เรไรเขินอาย
กระทิงเหยียดยิ้ม มันไม่ยากเลยที่จะได้ผู้หญิงแบบเรไร
หลังจากงานลอยกระทงวันนั้น เรไรก็มักไปหากระทิงถึงที่บ้าน เธอทำกับข้าวไปให้เขา และไปช่วยงานเขาเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน กระทิงแยกบ้านอยู่ในสวน ไม่ได้อาศัยอยู่กับบิดามารดาและกุหลาบผู้เป็นน้องสาวจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“วันนี้เรไรทำแกงส้ม ไข่เจียวชะอมแล้วก็น้ำพริกผักลวกมาให้พี่จ้ะ” เรไรเอ่ยกับชายหนุ่มที่เธอรักหมดใจ
“ไม่เห็นต้องลำบากทำกับข้าวมาให้พี่เลยจ้ะ” เขาพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่ลำบากเลยจ้ะ ถ้าพี่กระทิงไม่ว่าอะไร เรไรอยากมาทำกับข้าวให้พี่กินที่บ้านเสียด้วยซ้ำ”
“พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่า” กระทิงเดินมาทรุดนั่งใกล้ๆ กับหญิงสาว พลางมองสบตาอย่างลึกซึ้ง
เขาได้เธอแล้ว เมื่อหลายวันก่อน ไม่คิดว่าจะใจง่ายขนาดนี้ ก็ดีเหมือนกัน เวลาทิ้งก็จะได้ทิ้งง่าย ๆ
แม้เขาจะเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ภาคภูมิใจอะไรเลย ออกจะดูถูกเสียด้วยซ้ำที่เธอชอบแบให้เขาง่ายๆ
“พี่กระทิงน่ะ ไม่เอาน่ะจ้ะวันก่อนยังเจ็บอยู่เลย”
“แต่รอบนี้ไม่เจ็บแล้วนะ พี่จะทำให้เบามือที่สุด” กระทิงจับร่างน้อยขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อคอบัวสีขาวของหล่อน
“อุ๊ย! พี่กระทิง” เธออุทานเมื่อโดนขยำหน้าอก และสัมผัสได้ถึงแก่นกายชายที่แข็งเป็นลำดุนดันอยู่ตรงสะโพกกลมกลึงของเธอ
เธอเคยเห็นเคยลองมาแล้วว่าดุ้นเขาใหญ่ยักษ์เพียงใด ทำเธอเดินขาถ่างเจ็บร่องอยู่หลายวัน
“เรไรจ๋า พี่หิวมากเลยนะ ร่องเยิ้มขนาดนี้ให้พี่เสียบนะ” เขาถลกผ้าถุงของเธอขึ้นก่อนที่จะล้วงเข้าไปสัมผัสกับร่องเสียวที่กำลังหยาดเยิ้ม
“อื้อ... พี่กระทิงอย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในบ้านพี่หรอกจ้ะ พ่อกับแม่ก็อยู่อีกหลังไกลออกไป พวกท่านไปทำงานกันหมดแล้ว” อาชีพหลักของคนที่นี่คือทำไร่ทำนา ตามประสาชาวสวนชาวไร่ที่มีที่ดินตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
“พี่หิวเรไร อยากกระแทกตอนนี้เลย”
“พี่กระทิงพูดอะไรน่าอายจังเลยจ๊ะ”
“เรไรอายเหรอ แต่พี่ว่าพูดแบบนี้ได้อารมณ์ดีนะ อยากให้พี่กระแทกร่องไหมจ๊ะ”
“เรไร อ๊าย... พี่กระทิงอย่าเขี่ยร่องสิจ๊ะ” เธอหนีบขาเข้าหากัน อย่างไรก็เป็นหญิง เธอก็ยังมียางอาย ครั้งก่อนที่เสียตัวให้เขาเพราะโดนรุกหนัก เธอตั้งตัวไม่ทัน โดยตกเป็นของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่คำรักของเขาทำให้เธอใจอ่อน ยอมทอดตัวทอดกายให้เขา
“ทำไมถึงเขี่ยไม่ได้ล่ะ” กระทิงเอ่ยถามเสียงแหบพร่าตรงริมหู ถึงไม่ได้รักแต่เขามีความใคร่ให้คนบนตักอย่างเปี่ยมล้น ถ้าได้เอาเขาก็ได้ปลดปล่อย มีแต่ได้กับได้ เธออยากใจง่ายเอง
“อื้อ...” เธอกัดปากกลั้นเสียงครางเอาไว้
“ตอบสิจ๊ะว่าทำไม” กระทิงเขี่ยติ่งเร็วขึ้น จากที่เธอหนีบขาก็อ้าขาให้เขาเขี่ยติ่งอย่างง่ายดาย ใบหน้าสวยแดงก่ำ เผยอปากครวญครางไม่ได้ศัพท์
“สะ... เสียวจ้ะพี่กระทิง”
“เสียวอะไรบอกพี่สิจ๊ะ” กระทิงเอ่ยถามอย่างสมใจ
“สะ... เสียวติ่งจ้ะ” เธอตอบเสียงหอบ ๆ หน้าแดงก่ำ อายก็อาย เสียวก็เสียว เขาทำให้เธอทั้งเสียวทั้งอาย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“เธอคือเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้” แต่เมื่อเขายิ่งอยู่ใกล้เธอ เขากลับยิ่งอยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ทว่าเธอไม่ใช่หมากให้เขาควบคุม เขาต่างหากที่จะถูกเธอควบคุมและยอมจำนนรักต่อเธอ
คะนึงนิจรักเขาจึงยอมยกทุกอย่างให้เขาทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาเพียงแค่หลอกกินฟรี เตะถ่วงเวลาออกไปเพื่อไปหาผู้หญิงที่ดีกว่า ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นของไร้ค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา โดยไม่เสียดายผู้ชายหลอกลวงอย่างฉัฐดนัยเลย
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หยางซูมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY