เธอถูกจ้างให้แย่งชิงชายคนหนึ่ง ทว่าหญิงคนนั้นเสียใจจนฆ่าตัวตาย เธอจมอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งได้พบกับเขา ชายผู้เอื้อมมือมาปลุกปลอบและทำลาย
เธอถูกจ้างให้แย่งชิงชายคนหนึ่ง ทว่าหญิงคนนั้นเสียใจจนฆ่าตัวตาย เธอจมอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งได้พบกับเขา ชายผู้เอื้อมมือมาปลุกปลอบและทำลาย
“ฉันให้สิบล้าน ตกลงไหม!”
อิงดาวนางเอกละครชื่อดังในปัจจุบัน ด้วยใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต แพขนตางอน จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางระเรื่อสีชมพูด ผิวขาวนวล ทำให้เธอกลายเป็นที่พูดถึงได้ไม่ยาก ที่สำคัญบทละครส่งให้เธอนั้นกลายเป็นขวัญใจชั่วข้ามคืน
“แน่ใจเหรอคะที่จะให้ฉันขนาดนี้ แค่เรื่องแย่งผู้ชายคนหนึ่งมา” ต่อให้ไม่อยากทำ แต่เธอจำต้องรับงานนี้ไว้ เพราะน้องชายกำลังป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องทำการรักษาตัว
เงินที่ได้มา ก็แทบไม่ได้ใช้จ่ายอะไรนอกจากให้น้องได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด
“ใช่ แค่แย่งผู้ชายคนนี้มาเท่านั้นเอง” ผู้ว่าจ้างยืนยันหนักแน่น
อิงดาวมองใบหน้าชายในมือถือ เขาเป็นคนหน้าตาค่อนข้างดี ดูสุภาพมีหรือจะมาชอบคนอย่างเธอ ที่สำคัญการแย่งคนรักคนอื่น ไม่ใช่ทางเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่ามูลค่าที่ได้นั้นมหาศาลทำให้เธอต้องยื่นมือมารับไว้อย่างเสียไม่ได้ อย่างไรชีวิตเธอน้องก็สำคัญที่สุด
คนถูกว่าจ้างเม้มริมฝีปากครุ่นคิดหนัก ยังไม่ได้แต่งงานกันคงไม่มีปัญหาอะไร
“ก็ได้ค่ะ ฉันรับงานนี้!”
“ฉันจะจ่ายให้ก่อนห้าล้าน งานเสร็จรับอีกห้าล้าน เป็นอันตกลงตามนี้นะ” ผู้ว่าจ้างบอก
“ตกลงค่ะ”
สาวิตรีหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ แล้วเดินออกนอกร้านกาแฟ อิงดาวมองตามแล้วระบายลมหายใจ เธอไม่ได้ตั้งใจเลย ถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ คงเลือกทางที่ถูกที่ควรมากกว่านี้
รถยนต์จอดเทียบหน้าโรงพยาบาล พยาบาลสาวก้าวออกมาแล้วระบายยิ้ม เธอเป็นสาวผิวน้ำผึ้ง รูปร่างบอบบาง วงหน้าคมเหมือนแขก ดวงตากลมโต เธอเปิดประตูขึ้นนั่ง ตรงคนขับมีชายรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาสุภาพส่งยิ้มให้แล้วเคลื่อนรถออก
ศิรินภาเหลือบมองไปยังหน้ารถ เห็นรูปดาราสาวกำลังโด่งดังติดอยู่ เธออมยิ้มแล้วแกล้งช้อนสายตามอง
“ไม่ว่าที่ไหนก็มีรูปดาราคนนี้เต็มไปหมดเลยนะคะ ดูท่าคุณจะชอบมากเลย” ศิรินภาแกล้งแซว
“ก็เหมือนชอบดาราทั่วไปนั่นแหละครับนภา” เขาหัวเราะแผ่ว
เธอยิ้มบางๆ “ค่า นภาเข้าใจ”
อัครวุฒิยิ้มให้คนรัก แล้วขับเคลื่อนรถออกเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถแล่นมาจนถึงหน้าบ้าน อัครวุฒิจอดรถแล้วเดินไปเปิดประตูรั้ว ก่อนขับรถเข้าสู่ด้านใน สองร่างเดินเคียงกันเข้าด้านใน ศิรินภารีบเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับค่ำคืนนี้ ระหว่างทำร่างบางถูกโอบกอดจากด้านหลัง หญิงสาวหันมายิ้มกว้าง รู้สึกมีความสุขที่มีแฟนที่รักและเอาใจใส่ขนาดนี้
“อยากให้ถึงเดือนหน้าเร็วๆ จังเลยนภา” เขาบอกแฟนสาว แล้วจับให้เธอหันมาสบตา
“ทำไมคะ”
“ผมอยากแต่งงานกับคุณเร็วๆ น่ะสิ”
คนฟังหัวเราะแผ่ว “จะบ้าเหรอคะ แต่งเร็วจะไปเตรียมงานทันได้ยังไง”
ติ๊งต่อง!
เสียงกริ่งหน้าบ้านทำเอาสองคนชะงัก เขาคลายอ้อมกอดแล้วเดินออกมา เปิดประตูรั้ว เห็นหน้าคนมาเยือนชายหนุ่มชะงักอ้าปากค้าง สีหน้าตื่นตะลึง
“อิงดาว..” เขาละเมอ
เธอเสยผมแล้วยิ้มยั่ว จนทำเอาอีกฝ่ายละสายตาไม่ได้ เหงื่อผุดซึมใบหน้ายิ่งส่งให้ดาราสาวดูผุดผาดงดงามจนใจสั่น
“เอ่อ.. ขอโทษนะคะ ใช่บ้านคุณมัลลิการ์ไหม” เธอแสร้งถาม แล้วขมวดคิ้ว
คนถูกถามส่ายหน้าเหมือนคนละเมอ เธออมยิ้ม
“ถ้างั้นขอบคุณมากนะคะ” อิงดาวบอก แล้วหันกายเดินออกมา ก่อนหันกลับไปมอง แล้วยิ้มกว้าง เดินกลับมาหาเขาอีกครั้ง “คุณชื่ออะไรคะ”
“ผมอัครวุฒิครับ เรียกวุฒิเฉยๆ ก็ได้”
“ฉันอิงดาวนะคะ” ยื่นมือออกมาให้เขาจับ อัครวุฒิมองมือก่อนเอื้อมจับ
อิงดาวรับรู้ได้ถึงอาการสั่น มือนั่นเย็นเฉียบราวกับแช่น้ำแข็งมา
“เอาไว้เจอกันนะคะ” หญิงสาวก้าวออกมาแล้วขึ้นรถขับเคลื่อนออกไป
อัครวุฒิเดินละเมอเข้าบ้าน จนแฟนสาวต้องสะกิดมองหน้าเขาด้วยความสงสัย
“ใครมาเหรอคะ”
“อิงดาว”
คนฟังชะงัก จ้องมองด้วยความสงสัย อิงดาวงั้นเหรอ ทำไมต้องมาที่บ้านด้วย ว่าที่เจ้าบ่าวเธอกำลังละเมออะไรหรือเปล่า คนตัวเล็กยิ้มบางๆ แล้วตบไหล่หนา
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ ฉันอนุญาตให้แค่ฝันถึงนะคะ แต่อย่าฝันนานต้องอยู่กับความเป็นจริงบ้าง” พูดจบเธอกลับเข้าครัวแล้วจัดเตรียมอาหารไว้ทานทันที
อัครวุฒิจอดรถริมบาทวิถี มองดูแฟนเดินเข้าโรงพยาบาล เขาขับรถออกจากบริเวณนั้นเพื่อเดินทางไปทำงานที่ระยองต่อ ชายหนุ่มมองนาฬิกาใกล้เวลานัดแล้ว เขามีอาชีพเป็นช่างถ่ายภาพนิตยสารชื่อดัง พบนักแสดงนางแบบมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยรู้สึกชอบพอใครเท่าอิงดาวมาก่อน เขาเคยเห็นผลงานเพื่อนๆ แต่ไม่เคยสัมผัสพูดคุยกับเธอเลย
รถจอดลงเมื่อถึงสถานที่ถ่ายภาพ ทีมงานเคลียร์ทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว อัครวุฒิหยิบกล้องออกมาแล้วเดินตรงไปยังชายหาด นางแบบในชุดว่ายน้ำบิกินี่สวมผ้าคลุมตาข่ายสีขาวทับหันมาสบตา ชายหนุ่มชะงักดวงตาจดจ้องภาพนั้นราวกับต้องมนต์สะกด ไม่คิดว่าวันนี้จะได้พบกันอีก สองเท้าก้าวเดินอย่างระมัดระวังภายในสั่นไหวอย่างรุนแรง เพราะความปลาบปลื้มภายใน
“นี่อัครวุฒิครับ ที่จะมาถ่ายภาพให้คุณอิงดาว” ผู้กำกับแนะนำ
“สวัสดีค่ะ” เธอระบายยิ้ม “เจอกันอีกแล้วนะคะ”
ชายหนุ่มชะงัก ไม่คิดว่าคนสวยจะจำตนได้ด้วย
“จำผมได้ด้วยเหรอครับ”
“จำได้สิคะ วันนั้นฉันหลงทางไปเจอคุณที่บ้านไงคะ”
อัครวุฒิยิ้มเขิน ก่อนทีมงานจะพากันมาตามให้ถ่ายแบบ เพราะดวงอาทิตย์กำลังให้แสงสวย ช่างภาพรัวถ่ายเมื่อนางเอกสาวโพสต์ท่า แสงสะท้อนผ่านเรือนร่าง เผยให้เห็นทรวดทรงน่ามอง อัครวุฒิกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หนึ่งชั่วโมงต่อมาการถ่ายภาพจบลง อิงดาวเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า มือถือของเธอดังขึ้น
“ค่ะคุณสาวิตรี” เธอกรอกเสียง
“ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีค่ะ อีกไม่นานเกินรอแน่นอน”
สาวิตรียกยิ้มพึงพอใจ “ขอบคุณมาก ฉันวางสายก่อนนะคะ” ตัดสายออกแล้วมองมือถือแววตาแข็งกร้าว ความเจ็บแค้นในอกอีกไม่นานจะได้รับการชำระ
อิงดาวมองตนเองในกระจก แล้วหยิบเสื้อผ้าจัดการเปลี่ยนชุด ออกมานอกห้องแต่งตัวเห็นร่างสูงยืนอยู่ เธอก้าวมาหาแล้วหยุดมอง เขาหันมาสบตาพอดี สีหน้าคนมองแดงขึ้น หญิงสาวยิ้มทักทาย
“อ้าวคุณอัครวุฒิ!”
เขายกมือเกาศีรษะ “เรียกผมวุฒิเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“อ๋อค่ะคุณวุฒิ มายืนรอใครเหรอคะ” พูดจบ เธอแสร้งกวาดตามองรอบๆ
“ผมมารอคุณอิงดาวน่ะครับ”
เธอกระตุกยิ้มมุมปาก “เรียกดาวเฉยๆ ก็ได้นะคะ”
“ครับคุณดาว”
“ว่าแต่มารอดาวมีอะไรหรือเปล่าคะ”
อัครวุฒิอึกอักเล็กน้อย “ผมขอแลกไลน์กับคุณดาวได้ไหม”
อิงดาวชะงักเล็กน้อย แล้วฉีกยิ้มกว้าง
“ได้สิคะ” เธอบอกเบอร์โทรให้กับเขา พร้อมกับเมมเบอร์ของอัครวุฒิไว้
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นดาวขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีงานอีกที่หนึ่ง”
“ได้ครับ”
โชคชะตาเล่นตลกกับเธอหรือไร แค่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับถูกลักพาตัว เธอตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยมิหนำซ้ำยังมารู้ความจริงอีกว่า ชายรูปหล่อที่ตนตบหน้าในคืนนั้น ดันเป็นกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย ความซวยยังไม่หมด เมื่อฝ่าบาททรงยืนยันต้องการให้เธอเป็นสนม แต่มีหรือคนอย่างนิลลนาจะยินยอม ต่อให้ใหญ่มาจากไหน เธอไม่เคยเกรง แต่แล้วทำไมจากพระพักตร์บึ้งตึง ดันกลับกลายมาเป็นอ่อนโยน เวลายิ่งผันผานหัวใจยิ่งแปรเปลี่ยน
กลิ่นจันทร์ หญิงสาวมากความสามารถ หนีห่างไกลเมืองไทยเพราะเจ็บช้ำจากแฟนหนุ่มซึ่งนอกใจ ทว่าเมื่อกลับมาเขากลับกลายเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเคยอาศัยตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงและพี่สาวต่างบิดารวมหัวกันหักหลังเธอกับพ่อ ขายบ้านหลังนี้ กลิ่นจันทร์ต้องการได้คืน แต่เธอไม่มีเงินมากพอ เมื่อนั้น แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา แม้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ เธอก็มิอาจทำใจให้ลืมลง คิมหันต์ ชายหนุ่มผู้ฝ่าฝันอุปสรรค จำตั้งตัวเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จ กระนั้นในหัวใจเขากลับเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เพียงเพราะถูกแฟนสาวทรยศหนีไปต่างประเทศ เพียงเพราะได้พบกับผู้ชายคนใหม่ ความแค้นฝังแน่นในอก เขารอวันเอาคืน และโอกาสก็มาถึง “ผมจะคืนบ้านให้ ถ้าคุณยอมเป็นเมียผมเป็นเวลาหนึ่งปี”
เมื่อหนึ่งมีรักให้แต่ไม่อาจบอก กับอีกหนึ่งที่ไม่เคยรู้และตั้งหน้าตั้งตาชิงชัง การหมั้นหมายที่เกิดจากผู้ใหญ่ส่งผลให้นาฎสุรีย์ต้องจากลาไปไกลเพื่อรักษาแผลใจ ส่วนอีกคนที่ไม่เคยรับรู้ แท้จริงแล้วกลับห่วงหา ห้าปีต่อมา สองคนได้พบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนไป ส่วนเขากลับรู้หัวใจตัวเอง ******************** เพียะ! ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ชายหนุ่มนิ่งงัน มันชาไปทั้งแถบ นาฎสุรีย์มองมือตัวเอง มันกำลังสั่น เมื่อเขาหันมาสบตา เห็นสีหน้าแววตามันเปลี่ยนไป เธอชะงักตัดสินใจหันหลังคิดวิ่งหนี แต่ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ “คิดว่าทำแบบนี้ แล้วจะหนีไปงั้นเหรอ มันง่ายไปมั้ง” พูดจบ เขาเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียง แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดลง ก่อนล็อคอย่างแน่หนา “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” หญิงสาวร้องลั่น “แหกปากไปเลย เอาให้ดัง ห้องฉันเป็นห้องเดียวที่ไม่มีกุญแจสำรองไข ถึงมีก็ไม่มีใครก็กล้ามายุ่งหรอกนะ เพราะฉันเป็นคนยังไง ทุกคนรู้ดี” เขาส่งเสียงข่มขู่ นาฎสุรีย์จ้องมองอีกฝ่าย กัดริมฝีปากครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอด เธอไม่ได้อยากตบหน้าเขา แต่เพราะคำพูดนั้นมันทำให้ระงับความโกรธไว้ไม่ได้เลย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็นายพูดจาไม่ให้เกียรติกันเลย!” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ เสียเปรียบอย่างรุนแรง ทว่าแววตาของอีกฝ่าย กลับไม่เย็นลงเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ต่อให้พ่นอะไรออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันไม่ให้อภัยเธอ!” เขาตวาดลั่น คนใต้ร่างสะดุ้งสีหน้าตื่นกลัว มือหนาจับสาบเสื้อ ที่เคยถูกกระชากมาก่อนหน้า ออกแรงดึง แควก! มันขาดติดมือ เจ้าของเสื้อชะงักดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องขึ้นมาทันที พยายามดิ้นรนผลักดันอีกฝ่ายเพื่อให้พ้นจากการโดนกระทำ แต่ทว่าอารมณ์ของเขา กลับรุนแรงเกินกว่า เรี่ยวแรงเธอจะต้านทานเอาไว้ได้ “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ได้ยินไหม!” คนหน้ามืด ไม่ฟังเสียง ตอนนี้ในหัวเขาแค่ต้องการเอาคืน กับการกระทำไร้ซึ่งการไตร่ตรองของอีกคน คนอย่างพีรดล ไม่มีวันยอมให้ใครมาหยาม เท่าที่ผ่านก็ถือว่ายอมมามากพอแล้ว ริมฝีปากบางถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว จนคนใต้ร่างร้องครางในลำคอ พยายามผลักไสอีกฝ่าย แต่ร่างกายนั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยเลย มือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วน ทำเอาเลือดในกายชายหนุ่มเริ่มร้อนฉ่า กระโปรงนักศึกษาถูกรั้งออก เจ้าของน้ำตาเริ่มคลอ ความหวาดกลัวแล่นพล่าน เธอไม่น่าโมโหจนน่ามืด แล้วหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้วพีรดลเป็นคนเช่นไร หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางเอาตัวรอด อยากหลับโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย เขาถอนริมฝีปากจ้องมองอีกคน เห็นน้ำตาเธอกำลังไหลรินออกมา ทว่ามันได้ทำให้รู้สึกสงสาร เมื่ออารมณ์ตอนนี้มันกระเจิงไปไกล นาฎสุรีย์มีดีกว่าที่คิด เรือนร่างเย้ายวน ตรงหน้าทำเอาหายใจแทบไม่ออก ตัวตนแข็งขืนจนแทบปริแตก มันกำลังต้องการปลดปล่อย “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตา “มันสายไปแล้ว เธอไม่ควรเข้ามาที่ห้องฉันตั้งแต่แรก...” เขาตอบเสียงรอดไรฟัน จะให้ผละไปได้ยังไง ในเมื่อเธอทำให้เขาแทบคลั่งแบบนี้
เพราะความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น ทำให้นรีกานต์และกวีวัธน์ต้องแต่งงานกัน ทว่าเขากลับยังคงมีเยื่อใยต่อคนรักเก่าอยู่ เธอจำต้องเดินออกมา เพื่อให้เขาได้สมหวังกับคนรัก แม้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม ทว่าเขากลับตามหา เพื่อทวงสิทธิ์ของความเป็นสามีและพ่อของลูกกับเธอ ******************************* ปัง! ประตูปิดลงร่างเธอถูกโยนลงบนเตียง รีบลุกพรวด จ้องมองอีกฝ่ายแววตาตื่นตระหนก “นี่คุณทำบ้าอะไร ไม่ตลกแล้วนะ!” เธอตวาดลั่น “ฉันก็ไม่ตลกเหมือนกัน มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการเป็นเมียฉันไม่ใช่หรือไง นี่ไง! กำลังจะทำให้ เธอมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันกำลังว่าง กำลังโสด แต่ก่อนแต่ง ฉันขอเช็คของหน่อยก็แล้วกัน ว่ามีดีแค่ไหน!” คนตัวเมากระโจนเข้าหา นรีกานต์รู้ในทันทีว่า ชีวิตตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว กระโจนหนีด้วยความหวาดกลัว วิ่งตรงไปหาประตู ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าไว้ กระชากร่างบางเข้าหาจนปะทะแผงอก มือยกทุบตีจิกข่วนอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน แต่เหมือนเขาไม่สะเทือนเลยสักนิด “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!” ไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อ ริมฝีปากถูกปิดอย่างรวดเร็ว “อื้อ!” ร่างถูกตรงบนเตียง เรียวแขนรวบไว้เหนือศีรษะ น้ำตาคนโดนกระทำไหลริน เมื่อรู้ว่าตนเองหมดหนทางรอดในคราวนี้ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าของคนใต้ร่าง น้ำตาของผู้หญิงมันไร้ความหมายสิ้นดี มารยาแบบนี้ เห็นมาจนสะอิดสะเอียนแล้ว “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว...” “หยุดพูดให้รำคาญสักที นอนเฉยๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็มีความสุขเอง!”
เธอยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก แต่คนรักกลับมีคนอื่น เธอเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เพื่อเอาคืนคนพวกนั้น โดยหวังให้เขาคือเครื่องมือระบายความแค้น ทว่าเป็นเธอเองที่ตกหลุมกับดักที่ตนเองวางไว้ ใครจะรู้ว่าเขาจะนำพาให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส จนอยากจะถอนตัว
เพราะวัยเพียงสิบสี่มิลันดาถูกปฏิเสธความรักที่มีให้กับคมฉณัฐอย่างไร้เยื่อใยความเสียใจทำให้เด็กสาวตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก คมฉณัฐจะทำเช่นไรเมื่อกลับมาเด็กสาวกลายเป็นสาวสะพรั่งดีกรีศัลยแพทย์เกียรตินิยม
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY