ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยาย แต่นางกลับได้รับบทเป็นตัวประกอบที่มีบทเพียงฉากเดียว ใครสน!! ในเมื่อฉันรู้อนาคต!! ข้าวยากหมากแพงหรือ? ฉันรู้ล่วงหน้าจ้ะ! กู้ลี่ถิงผู้นี้จะเขียนบทใหม่ของชีวิตด้วยตัวเอง!!
ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยาย แต่นางกลับได้รับบทเป็นตัวประกอบที่มีบทเพียงฉากเดียว ใครสน!! ในเมื่อฉันรู้อนาคต!! ข้าวยากหมากแพงหรือ? ฉันรู้ล่วงหน้าจ้ะ! กู้ลี่ถิงผู้นี้จะเขียนบทใหม่ของชีวิตด้วยตัวเอง!!
“จบแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย" หญิงสาวร่างเล็กรำพันออกมาเป็นคำพูดเบาๆ ก่อนจะปิดหนังสือนิยายที่เพิ่งอ่านจบเมื่อครู่วางไว้บนตัก
ยังไม่ทันไรเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอยู่ข้างๆ
“ค่อยยังชั่วหรือ? แปลว่ายังไม่พอใจกับตอนจบล่ะสินะ"
“อุ้ย!! ขอโทษค่ะคุณตา หนูไม่ทันเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย รบกวนคุณตาหรือเปล่าคะ” กู้ลี่ถิงรีบออกตัวขอโทษขอโพยเมื่อเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายก็ถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่งเช่นกัน
สวนสาธารณะที่เธอนั่งอยู่ เป็นแหล่งชุมนุมของนักอ่านตัวยงที่หลีกหนีมลพิษทางเสียงและความวุ่นวายของผู้คนในเมือง เลือกมานั่งพักผ่อนกันเป็นประจำ บรรยากาศโดยรอบในสวนสาธารณะจึงเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยกันราวกับเป็นห้องสมุดแบบเปิดโล่งไม่มีผิด
แต่สำหรับกู้ลี่ถิงเธอไม่ได้เป็นคนช่างอ่านขนาดนั้น บุตรสาวเพียงคนเดียวที่บิดามารดาเสียชีวิตไปหมดแล้วเหงาเหลือเกินหากต้องอุดอู้อยู่ในห้องพักเพียงลำพังในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอคว้าเอานิยายเก่าๆ ของแม่ที่มีอยู่มากมายบนชั้นหนังสือมานั่งอ่านเล่นฆ่าเวลาที่สวนสาธารณะ อย่างน้อยเมื่อพักสายตาขึ้นมาจากหนังสือเธอก็ยังได้เห็นว่ามีผู้คนอยู่รอบกายบ้าง ไม่คิดว่าเธอจะเพลิดเพลินกับการอ่านจนไม่รู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเก้าอี้ที่ตนนั่งอยู่ด้วยซ้ำ
ชายชราโบกมือเบาๆ ทำท่าว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ว่าอย่างไรเล่า สรุปแล้วนิยายจบดีหรือไม่ดีกันแน่” ชายชรายิ้มถามคำถามเดิม
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าตัวเองควรไปโฟกัสตรงไหน ทุกเรื่องที่อ่านมาพระเอกนางเอกก็สมหวังกันดีหมดแหล่ะค่ะ แต่เผอิญว่าเรื่องที่หนูเพิ่งอ่านจบ ตัวร้ายมันมีจุดจบที่สมควรก็เลยรู้สึกดีหน่อย หากปล่อยให้ตัวร้ายลอยนวลไปเฉยๆ นี่มันเจ็บใจนะคะ”
ชายชรายกมือขึ้นขยับแว่น สายตามองไปที่หน้าปกหนังสือนิยายที่กู้ลี่ถิงย้ายเอามาวางไว้บนเก้าอี้ข้างตัว
“นิยายรักไม่ใช่หรือ? แต่หนูกลับไปโฟกัสเรื่องตัวร้าย ฮ่าๆๆ แปลกจริงๆ นั่นล่ะ”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สี่ที่หนูอ่านวันนี้แล้วค่ะคุณตา สามเรื่องที่ผ่านมาเป็นนิยายรักดราม่า กว่าจะสมหวังกันได้ก็มีฉากเศร้าสลดจนหนูดิ่งไปเลย เรื่องสุดท้ายนี่ค่อยยังชั่วหน่อยตัวเอกเค้าช่วยกันประคับประคองกันบรรลุเป้าหมาย ตัวร้ายก็ได้ผลคืนสนองเป็นที่น่าพอใจ”
“อ้อ แปลว่าเป็นนักอ่านสายสุขนิยมสินะ”
“ก็ไม่เชิงค่ะ อันที่จริงหนูก็ไม่ใช่นักอ่านแล้วยังอ่านข้ามไปเยอะเลย มันเอียนมาจากสามเรื่องแรกน่ะค่ะ คู่รักราบรื่นมากก็น่าเบื่อไปอีก"
กู้ลี่ถิงพูดมาถึงตรงนี้เธอก็เริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คุณตาท่าทางใจดีตรงหน้าพูดอะไรต่อไปอยู่อีกหลายคำเธอก็ไม่ได้ยินเพราะหูอี้อตาลาย ลมหายใจเริ่มขาดหายติดขัดเป็นช่วงๆ
“ยัยหนู เป็นอะไรไป!” ชายชรารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขารีบขยับร่างกายอย่างยากเย็นส่งเสียงร้องให้คนช่วย เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่พูดเป็นต่อยหอยอยู่เมื่อครู่ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนใบหน้าเล็กในระยะเวลาอันรวดเร็ว
กู้ลี่ถิงหอบหายใจถี่กระชั้น เอื้อมมือไปควานหาขวดยาเล็กๆ มาไว้ในมือ
“ฟืด!! ฟืด!!”
หญิงสาวตาเหลือกค้างหัวใจไหววูบจนแทบเสียสติ เธอหยิบขวดยาพ่นสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มาผิดขวด!! ขวดนี้เป็นยาที่หมดไปแล้วแต่เธอลืมวางมันทิ้งไว้ใกล้มือ แล้วหยิบมันใส่กระเป๋ามาอย่างไม่ระวัง
เธอรีบเขย่าขวดยาและพ่นมันเข้าปากซ้ำอีกครั้ง หวังว่าจะมีตัวยาหลงเหลือสักหยด พอให้เธอได้หายใจสะดวกขึ้นอีกนิด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที ผู้หญิงคนนี้เป็นภูมิแพ้ ยาเธอหมด!”
กู้ลี่ถิงได้ยินเสียงของคุณตาใจดีตะโกนขอความช่วยเหลือดังลั่น ในมือของเขาก็มีโทรศัพท์แต่ดูเหมือนสถานการณ์ของเธอจะทำให้ชายชราตกใจจนค้นหาเบอร์โทรศัพท์ไม่ถูก
สายตาของหญิงสาวมองไปรอบๆ ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ยาขวดเล็กในมือหลุดร่วงลงกับพื้นหญ้าในสวนสาธารณะ ด้านข้างเธอเห็นคนกลุ่มหนึ่งยกโทรศัพท์มาแนบกับใบหู กำลังวิ่งตรงมาที่เธอกับชายชรา
เธอกลับไปเอายาขวดใหม่ที่บ้านไม่ทันแน่ ทางเดียวคือต้องภาวนาให้รถพยาบาลมาช่วยเธอให้เร็วที่สุด หรือหากวาสนายังดี ขอให้มีสักคนในสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นโรคเดียวกับเธอ
ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มติดขัด ลำคอตีบตันจนต้องอ้าปากพะงาบไขว่คว้าหาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก มือที่สั่นเทาจนแทบควบคุมไม่ได้พยายามเปิดหน้าหนังสือนิยายออกมาอีกครั้ง ทางเดียวที่เธอจะลดความตื่นกลัวได้ในขณะนี้มีเพียงการพุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้มากที่สุดเพื่อรอคอยรถพยาบาลอย่างมีสติที่สุด
ตัวหนังสือบนกระดาษสีขาวแกมเหลืองดูโย้ไปเย้มาจนอ่านไม่ได้สักตัวอักษร หญิงสาวร่างกระตุกเกร็งซ้ำไปซ้ำมา รอบกายมีเสียงเอะอะโวยวาย ความช่วยเหลืออย่างไม่รู้ประสีประสาจากคนรอบข้างวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ พยายามยื้อยุดชีวิตเธอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นไรกู้ลี่ถิงไม่อาจล่วงรู้ เปลือกตาคู่งามค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วงนานกว่าเดิมไปทุกที
……….
จวนเสนาบดีกู้ เมืองหลวงแคว้นต้าเหว่ย
“ตำราเล่มนี้มาอยู่ในมือคุณหนูได้อย่างไรกันนะแปลกจริง!”
“อาจเป็นแม่สื่อส่งให้คุณหนูอ่านเล่นตอนที่อยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวกระมัง เจ้าเบามือหน่อยปล่อยให้คุณหนูนอนต่ออีกสักพักเถิด คนจากวังหลวงยังมาไม่ถึงมิใช่หรือ?”
กู้ลี่ถิงได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างหู ใจความเรื่องที่ทั้งคู่พูดอยู่เธอไม่เข้าใจเท่าใดนัก แต่แรงดึงสิ่งของบางอย่างจากมือของเธอทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา นิ้วมือเรียวงามขยับช้าๆ มาจับสิ่งของในมือเอาไว้มั่น
สัมผัสจากฝ่ามือรับรู้ได้ว่าสิ่งของที่มีคนพยายามดึงออกจากมือของเธอเมื่อครู่นั้นเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง
เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้น ความรู้สึกง่วงงุ่นแปลกประหลาดทำให้กู้ลี่ถิงยิ่งต้องพยายามเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมาโดยเร็ว
ความคิดของหญิงสาวเรียบเรียงความทรงจำสุดท้ายขึ้นมาได้ ตอนที่เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย เธอกอดหนังสือนิยายประโลมโลกของแม่เอาไว้แน่นอย่างหาที่พึ่ง การที่เธอยังมีความรู้สึกยังได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน นั่นแปลว่าเธอยังไม่ตาย!!
สาวใช้คนเดิมขมวดคิ้วมุ่น นางเห็นกับตาว่าตอนที่คุณชายเย่แบกร่างหมดสติของคุณหนูขึ้นหลังออกจากเกี้ยวเจ้าสาว สองมือของคุณหนูห้อยทิ้งลงมาข้างลำตัวปราศจากสิ่งของใดๆ
จนกระทั่งทหารจากวังหลวงมาถึงจวนสกุลเย่และสั่งยุติงานมงคลไปแล้ว คุณชายเย่ที่เพิ่งแบกคุณหนูไปได้ไม่ไกลก็พานางกลับมาส่งไว้ในเกี้ยวดังเดิม ตอนไหนกันที่ตำราเล่มนี้มาอยู่ในมือคุณหนูของนาง?
“ขอ..ขอน้ำหน่อยได้ไหมคะ”
หญิงสาวฝืนลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้า แม้จะรู้สึกว่าสิ่งรอบตัวดูแปลกตาไม่เหมือนกับโรงพยาบาล แต่นางไม่มีเวลาสนใจ ลำคอที่แห้งผากราวกับมีฝุ่นดินแห้งกรังอยู่ในยามนี้เรียกร้องให้นางต้องร้องขอน้ำดื่มมาดับกระหาย
ที่มือไม่มีสายน้ำเกลือ เช่นนี้เองนางถึงยังรู้สึกอ่อนแรงมึนงงไปหมด นางคงจะถูกช่วยเหลือจากคนในสวนสาธารณะและย้ายมาอยู่ที่ใดที่หนึ่งที่ไม่ใช่โรงพยาบาลเป็นแน่ หญิงสาวคิดในใจ
“คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวเอาน้ำมาให้ ค่อยๆ ลุกขึ้นนะเจ้าคะ”
สาวใช้ที่อยู่ใกล้กู้ลี่ถิงรีบพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นมานั่ง ส่วนสาวใช้อีกคนก็รีบไปรินน้ำชามายื่นส่งให้หญิงสาว
กู้ลี่ถิงรับน้ำมาดื่มทั้งที่ตายังลืมไม่สนิทดี กลิ่นหอมและรสชาติละเมียดละไมของใบชาชั้นดีผ่านลำคอของนางไปถ้วยแล้วถ้วยเล่า รสขมฝาดเฝื่อนในลำคอเริ่มเจือจางแต่สติของหญิงสาวก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
“ม่านอวี้ เราช่วยกันเปลี่ยนอาภรณ์ให้คุณหนูเสียก่อนจะดีกว่า" ม่านลู่สาวใช้กล่าวกับสหายของนาง
ชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงามถูกปลดเปลื้องออกจากร่างของกู้ลี่ถิงทีละชิ้น และเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าแบบโบราณสีเขียวอ่อนเนื้อดีอย่างรวดเร็ว
การกระทำของสตรีทั้งสองคนคล่องแคล่วแต่ทว่านุ่มนวล ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้ไร้เรี่ยวแรงรู้สึกเจ็บแม้แต่นิด มีเพียงความอับอายที่ต้องให้ผู้อื่นมองเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตนเท่านั้น
เรือนนี้ผีไม่หลอก : นามปากกา บ.บี อู่หลิงเยว่หญิงสาววัย 17 ปี ตายเพราะแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 21 แต่ยังไม่ทันได้ผุดได้เกิด กลับตื่นขึ้นในร่างหญิงโบราณที่ชื่อแซ่เดียวกันท่ามกลางภาวะสงคราม โลกใหม่ที่นางมาเยือนคือแคว้นเหยียน ดินแดนที่เพิ่งถูกตีแตกและกำลังจะล่มสลาย นางไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีครอบครัวหลงเหลือ มีเพียง “ห้างสรรพสินค้าส่วนตัว” พร้อมระบบแลกแต้มที่ยังไม่เสถียร และกฎเหล็กข้อเดียว: จะใช้ของในห้างสรรพสินค้าได้ ต้องทำความดีเพื่อสะสมแต้ม! แต่ในยุคที่ผู้คนกำลังอดอยากและถูกไล่ล่าจากศัตรู หากนางเผลอหยิบเอาอาหารออกมาจากอากาศแล้วมีคนพบเห็นเข้า นางคงถูกตีตราว่าเป็นแม่มดนอกรีตเป็นแน่ เพื่อเอาตัวรอด อู่หลิงเยว่หนีเข้าเรือนร้างเก่าแก่ของตระกูลเกา เรือนที่คนทั้งหมู่บ้านร่ำลือว่ามีผีเฮี้ยน เพราะเจ้าของเรือนกับบ่าวไพร่สิบสองชีวิต เคยถูกฆ่าตายยกหลังในคืนเดียว นางจึง "แกล้งเป็นผี" แจกจ่ายข้าวของกลับไปเป็นข้าว ยา และของใช้ ชาวบ้านได้ของกินนางได้แต้ม ระบบได้ทำงาน วิน วิน!!! แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด... แม่ทัพเซี่ยโม่เหวิน นำทหารสามร้อยนายเข้ามาตั้งค่ายในหมู่บ้านหานเฉิง เพื่อดูแลชาวบ้านและทหารหนีตายจากทั่วสารทิศ เมื่อเขาค้นพบว่าองค์ชายแห่งแคว้นยังมีชีวิตอยู่พร้อมกองกำลังขนาดใหญ่ที่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการกอบกู้บ้านเมือง เขาจึงวางแผนพาชาวบ้านและทหารที่เหลือทั้งหมดไปรวมกำลังกับองค์ชาย ทว่า..ชาวบ้านกลับปฏิเสธ พวกเขาไม่เชื่อในกองทัพ แต่กลับเชื่อมั่นใน "ผีเรือนร้าง" ผีที่ไม่เคยหลอกใคร แต่แจกข้าว แจกยา และความหวัง เมื่อทางเลือกหมดลง..เซี่ยโม่เหวินจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีแม่ทัพคนใดเคยคิดจะทำมาก่อน เขาจะไปเชิญ “ผี” ร่วมเดินทางไปด้วย และสิ่งที่เขาได้พบในเรือนร้าง จะเปลี่ยนทุกอย่างที่เขาเคยเชื่อไปตลอดกาล
แนะนำตัวละคร ฉู่หลิง : แวมไพร์สาวที่ย้อนมาในยุคโบราณแคว้นต้าหยวน แต่นางถูกยังยั้งพลังและความสามารถ ต้องกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเป็นเวลา 3 ปี เข้ามาอาศัยกับกลุ่มเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในหอนางโลมร้างหงไถ โจวเฉิง : ผู้นำหน่วยตรวจการพิเศษแห้งแคว้น ไร้ตำแหน่งที่ชัดเจนในแวดวงขุนนาง แต่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหยียนในระดับสูงสุด สัญลักษณ์บนชุดขุนนางของเขาถึงกับเป็นกิเลนสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดิน บุคลิกน่าเกรงขามแต่กลับอ่อนน้อมถ่อมตน มู่เจียเหยียน : มือปราบหนุ่มขุนนางขั้น 6 ที่คอยช่วยเหลือฉู่หลิงอยู่ห่างๆ เรื่องย่อ ฉู่หลิงแวมไพร์สาวแห่งโลกอนาคตถูกจับกุมตัวได้โดยกลุ่มผู้พิทักษ์มนุษย์ในโลกยุคใหม่ และถูกฉีดสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกายเพื่อทดสอบยาในการทำให้แวมไพร์กลับมาเป็นมนุษย์ปกติ พวกเขาจัดการส่งเธอเข้าไปในนอนในโลงศพเหมือนกับแวมไพร์คนอื่นที่ถูกจับมาด้วยกันอีกหลายคน แต่อุบัติเหตุเล็กๆ ภายในโลงศพโบราณในสถาบันวิจัย เป็นต้นเหตุให้เธอถูกส่งตัวกลับมายังยุคโบราณ กลายเป็นแวมไพร์หนึ่งเดียวบนแผ่นดินต้าหยวน!! จากแวมไพร์ยุคอนาคตที่ขาดอาหารเพราะการโต้กลับของมนุษย์ นางก้าวออกจากโลงศพอีกครั้งในยุคโบราณก็ได้มาพบกับเด็กมนุษย์ฝูงใหญ่!! ก้อนเลือดสีแดงสดหลายก้อน วิ่งผ่านหน้าแวมไพร์สาวทุกวัน แต่ฉู่หลิงไม่อาจแตะต้อง!!! นั่นเป็นเพราะยาที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายได้ยับยั้งความกระหายเลือดและพลังทั้งหมดของนาง แวมไพร์สาวต้องอดทนรอเป็นเวลา 3 ปี ให้พลังและเขี้ยวของตนงอกกลับคืนมา ขณะเดียวกันก็เริ่มวางแผนการครอบครองโลกโบราณในฐานะแวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงหนึ่งเดียว โดยจะใช้เด็กๆ ที่นางพบเจอมาเป็นลูกสมุนอันดับต้นๆ ไม่ต้องห่วงเด็กๆ ของเราเลยจ้าาา เป็นห่วงแวมไพร์สาวผู้ไร้พลังของเรากันก่อนเถอะ!! การเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และนางยังต้องเลี้ยงดูเด็กๆ ให้เติบโตจนกว่าพลังจะกลับคืนมา การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดก็ยังมีอุปสรรคภายนอกเข้ามาขัดขวางไม่หยุดหย่อน ให้ตายเถอะแวมไพร์อย่างฉู่หลิงต้องมาขายซาลาเปา!! เมื่อเด็กในหอหงไถที่นางเลี้ยงดูอยู่ถูกคุกคาม และนางจำเป็นต้องปกป้องแหล่งอาหารกลุ่มแรกที่เตรีียมไว้ฟื้นฟูร่างกายเมื่อครบกำหนด 3 ปี เหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเริ่มต้นขึ้นจากจุดนี้ โจวเฉิงกลายมาเป็นผู้ปกครองหอหงไถ และรับเอาคนในหอหงไถทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของเขา แต่ตัวตนที่พิเศษและน่าสงสัยของโจวเฉิงก็ยังสร้างปัญหาค้างคาใจให้กับฉู่หลิงเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้ว เด็กๆ จะถูกแวมไพร์จับดูดเลือดหรือไม่? นางจะได้รับพลังอำนาจกลับคืนมาแล้วสร้างอาณาจักรแวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่บนแผ่นดินต้าหยวนสำเร็จหรือเปล่า มาร่วมลุ้นกันค่ะ
สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี เขียน บ.บี ภาพปก AhriMu ผลท้อสวรรค์สูญหาย นางเซียนน้อยจึงถูกลงโทษให้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ แต่นางดันพกเมล็ดพันธ์ผลท้อติดมือมาด้วยนี่สิ!! เหล่าเซียนว่างงานที่หมายปองผลท้อรีบขันอาสาลงมาแดนมนุษย์เพื่อตามหาผลท้อที่ตนต้องการอีกเป็นขโยง และหนึ่งในนั้นก็มีเซียนหนุ่มผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาสายเทพมังกรซึ่งควรเป็นผู้ครอบครองผลท้อสวรรค์ตั้งแต่เริ่มรวมอยู่ด้วย แต่เป้าหมายหลักของเขากลับเป็นความท้าทายในการมีชีวิตในฐานะมนุษย์มากกว่าและยังตั้งใจจะยับยั้งการปลูกท้อสวรรค์ในแดนมนุษย์อีกด้วย สุดท้ายแล้วเซียนน้อยของเราจะปลูกท้อสวรรค์ในแดนมนุษย์สำเร็จหรือไม่? เจ้าของผลท้อที่แท้จริงจะยับยั้งนางไว้ทันเวลาหรือไม่? เหล่าเซียนผู้แอบแฝงจะยึดครองอำนาจในแดนมนุษย์สำเร็จหรือไม่? ร่วมลุ้นและเอาใจช่วยสาวน้อยผู้มีดีในการปลูกต้นท้อเพียงอย่างเดียวของเราไปด้วยกันนะคะ แนะนำตัวละคร มู่เหยาจี เซียนน้อยเหยาจีผู้มีพลังวิญญาณแห่งเทพพฤกษา นางมีความสามารถในการเพาะปลูกและได้เป็นผู้ดูแลสวนท้อสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว มู่สี่เสิน ผีเสื้อเกล็ดแก้วหนุ่มน้อยทูตสวรรค์ผู้ซื่อสัตย์ เขายอมรับโทษพร้อมกับเหยาจี ติดตามเหยาจีลงมาแดนมนุษย์ในฐานะพี่ชายแท้ๆ หลวนหลง เซียนหนุ่มผู้บ่มเพาะพลังเทพมังกร ผู้โชคดีที่จะได้รับผลท้อสวรรค์คนสุดท้ายในรอบ 3,000 ปี แต่เขาต้องพลาดโอกาสงาม เพราะท้อสวรรค์ของเขาถูกช่วงชิงไปโดยเซียนน้อยเหยาจี มหาเทพฮ่าวเทียน หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครองสูงสุดบนแดนสวรรค์ ดูแลสรรพสิ่ง ดิน น้ำ ลม ไฟ สุริยัน จันทรา มหาเทพมู่ซี หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครอง ดูแลเหล่ามวลพฤกษานานาพรรณ มหาเทพสิงเทียน หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครอง ดูแลสรรพสัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY