ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยาย แต่นางกลับได้รับบทเป็นตัวประกอบที่มีบทเพียงฉากเดียว ใครสน!! ในเมื่อฉันรู้อนาคต!! ข้าวยากหมากแพงหรือ? ฉันรู้ล่วงหน้าจ้ะ! กู้ลี่ถิงผู้นี้จะเขียนบทใหม่ของชีวิตด้วยตัวเอง!!
ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยาย แต่นางกลับได้รับบทเป็นตัวประกอบที่มีบทเพียงฉากเดียว ใครสน!! ในเมื่อฉันรู้อนาคต!! ข้าวยากหมากแพงหรือ? ฉันรู้ล่วงหน้าจ้ะ! กู้ลี่ถิงผู้นี้จะเขียนบทใหม่ของชีวิตด้วยตัวเอง!!
“จบแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย" หญิงสาวร่างเล็กรำพันออกมาเป็นคำพูดเบาๆ ก่อนจะปิดหนังสือนิยายที่เพิ่งอ่านจบเมื่อครู่วางไว้บนตัก
ยังไม่ทันไรเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอยู่ข้างๆ
“ค่อยยังชั่วหรือ? แปลว่ายังไม่พอใจกับตอนจบล่ะสินะ"
“อุ้ย!! ขอโทษค่ะคุณตา หนูไม่ทันเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย รบกวนคุณตาหรือเปล่าคะ” กู้ลี่ถิงรีบออกตัวขอโทษขอโพยเมื่อเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายก็ถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่งเช่นกัน
สวนสาธารณะที่เธอนั่งอยู่ เป็นแหล่งชุมนุมของนักอ่านตัวยงที่หลีกหนีมลพิษทางเสียงและความวุ่นวายของผู้คนในเมือง เลือกมานั่งพักผ่อนกันเป็นประจำ บรรยากาศโดยรอบในสวนสาธารณะจึงเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยกันราวกับเป็นห้องสมุดแบบเปิดโล่งไม่มีผิด
แต่สำหรับกู้ลี่ถิงเธอไม่ได้เป็นคนช่างอ่านขนาดนั้น บุตรสาวเพียงคนเดียวที่บิดามารดาเสียชีวิตไปหมดแล้วเหงาเหลือเกินหากต้องอุดอู้อยู่ในห้องพักเพียงลำพังในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอคว้าเอานิยายเก่าๆ ของแม่ที่มีอยู่มากมายบนชั้นหนังสือมานั่งอ่านเล่นฆ่าเวลาที่สวนสาธารณะ อย่างน้อยเมื่อพักสายตาขึ้นมาจากหนังสือเธอก็ยังได้เห็นว่ามีผู้คนอยู่รอบกายบ้าง ไม่คิดว่าเธอจะเพลิดเพลินกับการอ่านจนไม่รู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเก้าอี้ที่ตนนั่งอยู่ด้วยซ้ำ
ชายชราโบกมือเบาๆ ทำท่าว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ว่าอย่างไรเล่า สรุปแล้วนิยายจบดีหรือไม่ดีกันแน่” ชายชรายิ้มถามคำถามเดิม
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าตัวเองควรไปโฟกัสตรงไหน ทุกเรื่องที่อ่านมาพระเอกนางเอกก็สมหวังกันดีหมดแหล่ะค่ะ แต่เผอิญว่าเรื่องที่หนูเพิ่งอ่านจบ ตัวร้ายมันมีจุดจบที่สมควรก็เลยรู้สึกดีหน่อย หากปล่อยให้ตัวร้ายลอยนวลไปเฉยๆ นี่มันเจ็บใจนะคะ”
ชายชรายกมือขึ้นขยับแว่น สายตามองไปที่หน้าปกหนังสือนิยายที่กู้ลี่ถิงย้ายเอามาวางไว้บนเก้าอี้ข้างตัว
“นิยายรักไม่ใช่หรือ? แต่หนูกลับไปโฟกัสเรื่องตัวร้าย ฮ่าๆๆ แปลกจริงๆ นั่นล่ะ”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สี่ที่หนูอ่านวันนี้แล้วค่ะคุณตา สามเรื่องที่ผ่านมาเป็นนิยายรักดราม่า กว่าจะสมหวังกันได้ก็มีฉากเศร้าสลดจนหนูดิ่งไปเลย เรื่องสุดท้ายนี่ค่อยยังชั่วหน่อยตัวเอกเค้าช่วยกันประคับประคองกันบรรลุเป้าหมาย ตัวร้ายก็ได้ผลคืนสนองเป็นที่น่าพอใจ”
“อ้อ แปลว่าเป็นนักอ่านสายสุขนิยมสินะ”
“ก็ไม่เชิงค่ะ อันที่จริงหนูก็ไม่ใช่นักอ่านแล้วยังอ่านข้ามไปเยอะเลย มันเอียนมาจากสามเรื่องแรกน่ะค่ะ คู่รักราบรื่นมากก็น่าเบื่อไปอีก"
กู้ลี่ถิงพูดมาถึงตรงนี้เธอก็เริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คุณตาท่าทางใจดีตรงหน้าพูดอะไรต่อไปอยู่อีกหลายคำเธอก็ไม่ได้ยินเพราะหูอี้อตาลาย ลมหายใจเริ่มขาดหายติดขัดเป็นช่วงๆ
“ยัยหนู เป็นอะไรไป!” ชายชรารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขารีบขยับร่างกายอย่างยากเย็นส่งเสียงร้องให้คนช่วย เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่พูดเป็นต่อยหอยอยู่เมื่อครู่ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนใบหน้าเล็กในระยะเวลาอันรวดเร็ว
กู้ลี่ถิงหอบหายใจถี่กระชั้น เอื้อมมือไปควานหาขวดยาเล็กๆ มาไว้ในมือ
“ฟืด!! ฟืด!!”
หญิงสาวตาเหลือกค้างหัวใจไหววูบจนแทบเสียสติ เธอหยิบขวดยาพ่นสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มาผิดขวด!! ขวดนี้เป็นยาที่หมดไปแล้วแต่เธอลืมวางมันทิ้งไว้ใกล้มือ แล้วหยิบมันใส่กระเป๋ามาอย่างไม่ระวัง
เธอรีบเขย่าขวดยาและพ่นมันเข้าปากซ้ำอีกครั้ง หวังว่าจะมีตัวยาหลงเหลือสักหยด พอให้เธอได้หายใจสะดวกขึ้นอีกนิด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที ผู้หญิงคนนี้เป็นภูมิแพ้ ยาเธอหมด!”
กู้ลี่ถิงได้ยินเสียงของคุณตาใจดีตะโกนขอความช่วยเหลือดังลั่น ในมือของเขาก็มีโทรศัพท์แต่ดูเหมือนสถานการณ์ของเธอจะทำให้ชายชราตกใจจนค้นหาเบอร์โทรศัพท์ไม่ถูก
สายตาของหญิงสาวมองไปรอบๆ ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ยาขวดเล็กในมือหลุดร่วงลงกับพื้นหญ้าในสวนสาธารณะ ด้านข้างเธอเห็นคนกลุ่มหนึ่งยกโทรศัพท์มาแนบกับใบหู กำลังวิ่งตรงมาที่เธอกับชายชรา
เธอกลับไปเอายาขวดใหม่ที่บ้านไม่ทันแน่ ทางเดียวคือต้องภาวนาให้รถพยาบาลมาช่วยเธอให้เร็วที่สุด หรือหากวาสนายังดี ขอให้มีสักคนในสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นโรคเดียวกับเธอ
ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มติดขัด ลำคอตีบตันจนต้องอ้าปากพะงาบไขว่คว้าหาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก มือที่สั่นเทาจนแทบควบคุมไม่ได้พยายามเปิดหน้าหนังสือนิยายออกมาอีกครั้ง ทางเดียวที่เธอจะลดความตื่นกลัวได้ในขณะนี้มีเพียงการพุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้มากที่สุดเพื่อรอคอยรถพยาบาลอย่างมีสติที่สุด
ตัวหนังสือบนกระดาษสีขาวแกมเหลืองดูโย้ไปเย้มาจนอ่านไม่ได้สักตัวอักษร หญิงสาวร่างกระตุกเกร็งซ้ำไปซ้ำมา รอบกายมีเสียงเอะอะโวยวาย ความช่วยเหลืออย่างไม่รู้ประสีประสาจากคนรอบข้างวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ พยายามยื้อยุดชีวิตเธอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นไรกู้ลี่ถิงไม่อาจล่วงรู้ เปลือกตาคู่งามค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วงนานกว่าเดิมไปทุกที
……….
จวนเสนาบดีกู้ เมืองหลวงแคว้นต้าเหว่ย
“ตำราเล่มนี้มาอยู่ในมือคุณหนูได้อย่างไรกันนะแปลกจริง!”
“อาจเป็นแม่สื่อส่งให้คุณหนูอ่านเล่นตอนที่อยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวกระมัง เจ้าเบามือหน่อยปล่อยให้คุณหนูนอนต่ออีกสักพักเถิด คนจากวังหลวงยังมาไม่ถึงมิใช่หรือ?”
กู้ลี่ถิงได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างหู ใจความเรื่องที่ทั้งคู่พูดอยู่เธอไม่เข้าใจเท่าใดนัก แต่แรงดึงสิ่งของบางอย่างจากมือของเธอทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา นิ้วมือเรียวงามขยับช้าๆ มาจับสิ่งของในมือเอาไว้มั่น
สัมผัสจากฝ่ามือรับรู้ได้ว่าสิ่งของที่มีคนพยายามดึงออกจากมือของเธอเมื่อครู่นั้นเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง
เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้น ความรู้สึกง่วงงุ่นแปลกประหลาดทำให้กู้ลี่ถิงยิ่งต้องพยายามเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมาโดยเร็ว
ความคิดของหญิงสาวเรียบเรียงความทรงจำสุดท้ายขึ้นมาได้ ตอนที่เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย เธอกอดหนังสือนิยายประโลมโลกของแม่เอาไว้แน่นอย่างหาที่พึ่ง การที่เธอยังมีความรู้สึกยังได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน นั่นแปลว่าเธอยังไม่ตาย!!
สาวใช้คนเดิมขมวดคิ้วมุ่น นางเห็นกับตาว่าตอนที่คุณชายเย่แบกร่างหมดสติของคุณหนูขึ้นหลังออกจากเกี้ยวเจ้าสาว สองมือของคุณหนูห้อยทิ้งลงมาข้างลำตัวปราศจากสิ่งของใดๆ
จนกระทั่งทหารจากวังหลวงมาถึงจวนสกุลเย่และสั่งยุติงานมงคลไปแล้ว คุณชายเย่ที่เพิ่งแบกคุณหนูไปได้ไม่ไกลก็พานางกลับมาส่งไว้ในเกี้ยวดังเดิม ตอนไหนกันที่ตำราเล่มนี้มาอยู่ในมือคุณหนูของนาง?
“ขอ..ขอน้ำหน่อยได้ไหมคะ”
หญิงสาวฝืนลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้า แม้จะรู้สึกว่าสิ่งรอบตัวดูแปลกตาไม่เหมือนกับโรงพยาบาล แต่นางไม่มีเวลาสนใจ ลำคอที่แห้งผากราวกับมีฝุ่นดินแห้งกรังอยู่ในยามนี้เรียกร้องให้นางต้องร้องขอน้ำดื่มมาดับกระหาย
ที่มือไม่มีสายน้ำเกลือ เช่นนี้เองนางถึงยังรู้สึกอ่อนแรงมึนงงไปหมด นางคงจะถูกช่วยเหลือจากคนในสวนสาธารณะและย้ายมาอยู่ที่ใดที่หนึ่งที่ไม่ใช่โรงพยาบาลเป็นแน่ หญิงสาวคิดในใจ
“คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวเอาน้ำมาให้ ค่อยๆ ลุกขึ้นนะเจ้าคะ”
สาวใช้ที่อยู่ใกล้กู้ลี่ถิงรีบพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นมานั่ง ส่วนสาวใช้อีกคนก็รีบไปรินน้ำชามายื่นส่งให้หญิงสาว
กู้ลี่ถิงรับน้ำมาดื่มทั้งที่ตายังลืมไม่สนิทดี กลิ่นหอมและรสชาติละเมียดละไมของใบชาชั้นดีผ่านลำคอของนางไปถ้วยแล้วถ้วยเล่า รสขมฝาดเฝื่อนในลำคอเริ่มเจือจางแต่สติของหญิงสาวก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
“ม่านอวี้ เราช่วยกันเปลี่ยนอาภรณ์ให้คุณหนูเสียก่อนจะดีกว่า" ม่านลู่สาวใช้กล่าวกับสหายของนาง
ชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงามถูกปลดเปลื้องออกจากร่างของกู้ลี่ถิงทีละชิ้น และเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าแบบโบราณสีเขียวอ่อนเนื้อดีอย่างรวดเร็ว
การกระทำของสตรีทั้งสองคนคล่องแคล่วแต่ทว่านุ่มนวล ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้ไร้เรี่ยวแรงรู้สึกเจ็บแม้แต่นิด มีเพียงความอับอายที่ต้องให้ผู้อื่นมองเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตนเท่านั้น
แนะนำตัวละคร ฉู่หลิง : แวมไพร์สาวที่ย้อนมาในยุคโบราณแคว้นต้าหยวน แต่นางถูกยังยั้งพลังและความสามารถ ต้องกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเป็นเวลา 3 ปี เข้ามาอาศัยกับกลุ่มเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในหอนางโลมร้างหงไถ โจวเฉิง : ผู้นำหน่วยตรวจการพิเศษแห้งแคว้น ไร้ตำแหน่งที่ชัดเจนในแวดวงขุนนาง แต่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหยียนในระดับสูงสุด สัญลักษณ์บนชุดขุนนางของเขาถึงกับเป็นกิเลนสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดิน บุคลิกน่าเกรงขามแต่กลับอ่อนน้อมถ่อมตน มู่เจียเหยียน : มือปราบหนุ่มขุนนางขั้น 6 ที่คอยช่วยเหลือฉู่หลิงอยู่ห่างๆ เรื่องย่อ ฉู่หลิงแวมไพร์สาวแห่งโลกอนาคตถูกจับกุมตัวได้โดยกลุ่มผู้พิทักษ์มนุษย์ในโลกยุคใหม่ และถูกฉีดสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกายเพื่อทดสอบยาในการทำให้แวมไพร์กลับมาเป็นมนุษย์ปกติ พวกเขาจัดการส่งเธอเข้าไปในนอนในโลงศพเหมือนกับแวมไพร์คนอื่นที่ถูกจับมาด้วยกันอีกหลายคน แต่อุบัติเหตุเล็กๆ ภายในโลงศพโบราณในสถาบันวิจัย เป็นต้นเหตุให้เธอถูกส่งตัวกลับมายังยุคโบราณ กลายเป็นแวมไพร์หนึ่งเดียวบนแผ่นดินต้าหยวน!! จากแวมไพร์ยุคอนาคตที่ขาดอาหารเพราะการโต้กลับของมนุษย์ นางก้าวออกจากโลงศพอีกครั้งในยุคโบราณก็ได้มาพบกับเด็กมนุษย์ฝูงใหญ่!! ก้อนเลือดสีแดงสดหลายก้อน วิ่งผ่านหน้าแวมไพร์สาวทุกวัน แต่ฉู่หลิงไม่อาจแตะต้อง!!! นั่นเป็นเพราะยาที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายได้ยับยั้งความกระหายเลือดและพลังทั้งหมดของนาง แวมไพร์สาวต้องอดทนรอเป็นเวลา 3 ปี ให้พลังและเขี้ยวของตนงอกกลับคืนมา ขณะเดียวกันก็เริ่มวางแผนการครอบครองโลกโบราณในฐานะแวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงหนึ่งเดียว โดยจะใช้เด็กๆ ที่นางพบเจอมาเป็นลูกสมุนอันดับต้นๆ ไม่ต้องห่วงเด็กๆ ของเราเลยจ้าาา เป็นห่วงแวมไพร์สาวผู้ไร้พลังของเรากันก่อนเถอะ!! การเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และนางยังต้องเลี้ยงดูเด็กๆ ให้เติบโตจนกว่าพลังจะกลับคืนมา การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดก็ยังมีอุปสรรคภายนอกเข้ามาขัดขวางไม่หยุดหย่อน ให้ตายเถอะแวมไพร์อย่างฉู่หลิงต้องมาขายซาลาเปา!! เมื่อเด็กในหอหงไถที่นางเลี้ยงดูอยู่ถูกคุกคาม และนางจำเป็นต้องปกป้องแหล่งอาหารกลุ่มแรกที่เตรีียมไว้ฟื้นฟูร่างกายเมื่อครบกำหนด 3 ปี เหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเริ่มต้นขึ้นจากจุดนี้ โจวเฉิงกลายมาเป็นผู้ปกครองหอหงไถ และรับเอาคนในหอหงไถทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของเขา แต่ตัวตนที่พิเศษและน่าสงสัยของโจวเฉิงก็ยังสร้างปัญหาค้างคาใจให้กับฉู่หลิงเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้ว เด็กๆ จะถูกแวมไพร์จับดูดเลือดหรือไม่? นางจะได้รับพลังอำนาจกลับคืนมาแล้วสร้างอาณาจักรแวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่บนแผ่นดินต้าหยวนสำเร็จหรือเปล่า มาร่วมลุ้นกันค่ะ
สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี เขียน บ.บี ภาพปก AhriMu ผลท้อสวรรค์สูญหาย นางเซียนน้อยจึงถูกลงโทษให้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ แต่นางดันพกเมล็ดพันธ์ผลท้อติดมือมาด้วยนี่สิ!! เหล่าเซียนว่างงานที่หมายปองผลท้อรีบขันอาสาลงมาแดนมนุษย์เพื่อตามหาผลท้อที่ตนต้องการอีกเป็นขโยง และหนึ่งในนั้นก็มีเซียนหนุ่มผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาสายเทพมังกรซึ่งควรเป็นผู้ครอบครองผลท้อสวรรค์ตั้งแต่เริ่มรวมอยู่ด้วย แต่เป้าหมายหลักของเขากลับเป็นความท้าทายในการมีชีวิตในฐานะมนุษย์มากกว่าและยังตั้งใจจะยับยั้งการปลูกท้อสวรรค์ในแดนมนุษย์อีกด้วย สุดท้ายแล้วเซียนน้อยของเราจะปลูกท้อสวรรค์ในแดนมนุษย์สำเร็จหรือไม่? เจ้าของผลท้อที่แท้จริงจะยับยั้งนางไว้ทันเวลาหรือไม่? เหล่าเซียนผู้แอบแฝงจะยึดครองอำนาจในแดนมนุษย์สำเร็จหรือไม่? ร่วมลุ้นและเอาใจช่วยสาวน้อยผู้มีดีในการปลูกต้นท้อเพียงอย่างเดียวของเราไปด้วยกันนะคะ แนะนำตัวละคร มู่เหยาจี เซียนน้อยเหยาจีผู้มีพลังวิญญาณแห่งเทพพฤกษา นางมีความสามารถในการเพาะปลูกและได้เป็นผู้ดูแลสวนท้อสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว มู่สี่เสิน ผีเสื้อเกล็ดแก้วหนุ่มน้อยทูตสวรรค์ผู้ซื่อสัตย์ เขายอมรับโทษพร้อมกับเหยาจี ติดตามเหยาจีลงมาแดนมนุษย์ในฐานะพี่ชายแท้ๆ หลวนหลง เซียนหนุ่มผู้บ่มเพาะพลังเทพมังกร ผู้โชคดีที่จะได้รับผลท้อสวรรค์คนสุดท้ายในรอบ 3,000 ปี แต่เขาต้องพลาดโอกาสงาม เพราะท้อสวรรค์ของเขาถูกช่วงชิงไปโดยเซียนน้อยเหยาจี มหาเทพฮ่าวเทียน หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครองสูงสุดบนแดนสวรรค์ ดูแลสรรพสิ่ง ดิน น้ำ ลม ไฟ สุริยัน จันทรา มหาเทพมู่ซี หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครอง ดูแลเหล่ามวลพฤกษานานาพรรณ มหาเทพสิงเทียน หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครอง ดูแลสรรพสัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ข้าคือวิญญาณที่มาเกิดใหม่ในร่างของอันจิ่งเถียนที่ถูกคู่หมั้นถอนหมั้นอย่างไม่ไยดี ข้ารังเกียจบุรุษผู้นี้นักแต่เขากลับมีปราณมังกรที่ข้าต้องการ ดังนั้นข้าจึงต้องพยายามยั่วยวนให้เขาตกหลุมรักให้จงได้ เรื่องย่อ ข้าเป็นวิญญาณที่มาเกิดใหม่ในร่างของอันจิ่งเถียน สตรีที่น่าสงสารที่ถูกคู่หมั้นถอนหมั้น ข้ารังเกียจบุรุษผู้นั้นนักแต่เขากลับมีสิ่งที่ข้าต้องการนั่นก็คือปราณมังกรที่จะช่วยประคองวิญญาณของข้าให้อยู่รอดปลอดภัย ดังนั้นข้าจึงต้องทุ่มเทความสามารถหาทางใกล้ชิดเขาเพื่อเอาเขามาเป็นสามี แต่ปราณมังกรผู้นี้ร้ายกาจ แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจข้า และไม่ยินยอมแต่งกับข้าแต่โดยดี หึ หึ ไก่อ่อนเช่นเจ้าคิดจะต่อต้านเสน่ห์อันร้ายกาจของข้าหรือ หวงเจี่ยวหลงเจ้ารู้จัก เจ้ามารยาตัวแม่อย่างข้าน้อยไปเสียแล้ว! แนะนำตัวละคร อันจิ่งเถียน เดิมทีนางเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนความจำเสื่อมที่ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้เพราะมีห่วงผูกเอาไว้ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด กระทั่งวันหนึ่งนางได้รับรางวัลจากท่านพญายมจึงได้เกิดใหม่ในร่างของอันจิ่งเถียน สตรีที่อาภัพตายก่อนอายุไขแต่นางเป็นคนดีจึงได้ลอยขึ้นสวรรค์ไปแล้ว อันจิ่งเถียนคนใหม่ต้องตามหาว่าตนเองแท้จริงคือผู้ใด โดยต้องอาศัยปราณมังกรจากบุรุษเพื่อล่อเลี้ยงวิญญาณให้คงสภาพอยู่ในร่างนี้ให้นานที่สุด กระทั่งนางได้พบกับหวงเจี่ยวหลงอดีตคู่หมั้นของอันจิ่งเถียนที่ขอถอนหมั้นไปแล้ว อันจิ่งเถียนคนใหม่จึงพยายามยั่วยวนและใช้เล่ห์กลเพื่อให้เขาตกหลุมรักและยอมแต่งงานกับนาง แม้ว่าเขาจะปากร้ายและไม่เต็มใจก็ตาม หวงเจี่ยวหลง อดีตคู่หมั้นของอันจิ่งเถียนที่ขอถอนหมั้นกับนางเพราะชอบสตรีอื่น และเขาก็ต้องมึนงงเมื่ออันจิ่งเถียนที่เขาพบผิดแผกไปจากที่เขาได้ยินมาอย่างสิ้นเชิง นางมิใช่สตรีอ่อนหวานและเป็นคุณหนูในห้องหอ ตรงกันข้ามนางกับมารยาสาไถยยังเรียนรู้อาคมมาอย่างผิด ๆ พยายามจับเขาและใช้วิธีการอันน่ารังเกียจสารพัดเพื่อให้เขาแต่งกับนาง เขาไม่ได้ชอบนางบัดนี้ยังรังเกียจ เขาจึงไม่ยอมแต่งกับนางผู้ชั่วช้าคนนั้นเด็ดขาด ไป๋ซี วิญญาณความจำเสื่อมที่ฝากตัวรับใช้อันจิ่งเถียนเพราะนางสามารถมองเห็นเขา อีกทั้งอันจิ่งเถียนยังสัญญาว่าจะช่วยเหลือเขาเพื่อตามหาว่าตัวเขาเป็นเช่นไร ไป๋ซีจึงซื่อสัตย์และภักดีกับอันจิ่งเถียนยิ่งนัก เหรินชุน คนที่อยู่ในใจของหวงเจี่ยวหลง และยังเคยมีใจให้หวงเจี่ยวหลงอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นบุตรสาวของผู้นำสำนักผู้บำเพ็ญเพียรที่ร่ำรวยที่สุด เป็นสำนักที่หวงเจี่ยวหลงไปร่ำเรียนและบำเพ็ํญเพียรมาตั้งแต่เด็ก นางถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจและฟุ้งเฟ้อ มองไม่เห็นหัวคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนจิตใจดี อ่านก่อนค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นแนวตลกขบขันสุขนิยม พล็อตเรื่องไม่หวือหวา เบาสบาย เนื้อหาจะเป็นแนวแฟนตาซี โลกของภูติผี เทพเซียน และเวทย์มนต์คาถา ทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจริงนะคะ ขอให้อ่านอย่างสนุกสนานคลายเครียดจ้า
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด