รวมเรื่องสั้น
รวมเรื่องสั้น
ความน่ากลัวของจักรวาล
พลังงานมืดคือพลังงานที่ไม่รู้จักมีคนเสนอว่ามันคือค่าคงที่ของจักรวาลหรือความหนาแน่นของพลังงานคงที่สสารมืดเป็นสสารในสมมุติฐานซึ่งมองไม่เห็นด้วยสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดแต่สสารส่วนใหญ่ในเอกภพไม่สามารถมองเห็นได้สสารมืดไม่ปล่อยหรือดูดกลืนแสงหรือรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ สสารทั่วไปมีสี่สถานะ ของแข็ง/ของเหลว/แก๊ส/พลาสม่า สสารประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานสองประเภท ควาร์กและเลปตอน สสารธรรมดาในเอกภพส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นเนื่องจากดาวฤกษ์และก๊าซที่มองเห็นได้ภายในกาแล็กซีและกระจุกดาวมีสัดส่วนน้อยกว่า10%ของสสารธรรมดาที่ก่อให้เกิดความหนาแน่นของมวล-พลังงานของเอกภพ สสารธรรมดาและแรงที่กระทำต่อกันสามารถอธิบายได้ในรูปของอนุภาคมูลฐานไม่มีใครรู้โครงสร้างพื้นฐานของมันและไม่ทราบว่ามันประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานที่เล็กกว่าหรือไม่อนุภาคมูลฐานอธิบายได้ดีที่สุดด้วยกลศาสตร์ควอนตัม โฟตอนคือควอนตัมของแสงและรูปแบบอื่นๆของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพาหะของแรงแม่เหล็กไฟฟ้าโฟตอนมีมวลนิ่งเป็น0
นี่ไม่ใช่เอกสารทางวิชาการแต่อย่างใดแต่มันก็เกือบๆแหละ ผมกำลังเขียนวิทยานิพนธ์ไว้จบปริญญาโดยเลือกจักรวาลมาเป็นหัวข้อผมกะจะคิดค้นทฤษฎีใหม่ไว้ในวิทยานิพนธ์นี้ด้วยอธิบายเรื่องที่ทฤษฎีฟิสิกส์ทั้งหมดอธิบายไม่ได้ ฟิสิกส์นี่โคตรจะซับซ้อนเลยแฮะ ไม่ใช่แค่สัมพัทธภาพแล้วยังมีทฤษฎีสตริงทฤษฎีควอนตัมกับทฤษฎีอื่นอีกมีเรื่องของอวกาศสามมิติมารวมกับเวลาหนึ่งมิติกลายเป็นแนวคิดกาลอวกาศอีก เพื่อที่คิดทฤษฎีผมออกมานอนบนพื้นหญ้าโล่งๆที่ไม่มีต้นไม้เลยในตอนกลางคืน มองท้องฟ้ายามค่ำคืนผมชอบท้องฟ้าที่ดวงดาวเต็มทั้งท้องฟ้าผมชอบเห็นทางช้างเผือกและกาแล็กซีผมชอบแสงเหนือหรือออโรร่าแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปดู สมองผมแล่นตลอดเวลาอยู่แล้วสมองผมไม่เคยหยุดพักจริงๆจะพูดงั้นผมก็ไม่รู้ว่าถูกไหมแต่ถ้าผมบอกว่าสมองผมไม่เคยหยุดคิดผมมั่นใจว่าถูกแน่ และกำลังคิดทฤษฎีใหม่ที่จะทำให้ทุกทฤษฎีสมเหตุสมผลโดยที่ไม่ต้องมีอะไรมาอธิบายเพิ่มอีก ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดอีก เราสามารถสังเกตุเอกภพได้ในขอบเขตที่จำกัดไม่มีใครรู้ว่าเอกภพมีขอบเขตจำกัดหรือว่าไม่มีที่สิ้นสุดรวมไปถึงเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่สังเกตุได้ถูกจำกัดไว้ที่ค่าที่แคบมากเท่านั้นหากค่าต่างกันเพียงเล็กน้อยจะไม่มีสิ่งมีชีวิตซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่
ถ้าเราค้นหาความจริงเรื่องพวกนี้หรืออธิบายเรื่องพวกนี้ได้ก็จะสามารถคิดทฤษฎีที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ ตอนที่ผมมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยผมเห็นว่าทุกอย่างมันก็ยังปกติแน่นอนมันควรทำให้ผมคิดทฤษฎีออก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ทฤษฎีสัมพัทธภาพบอกไว้ว่าผู้สังเกตุการณ์สองคนในสภาพที่ต่างกัน(คน1นิ่งอีกคนเคลื่อนที่)จะมองเห็นเหตุการณ์เดียวกันต่างกัน นั่นหมายความว่าตอนนี้ผมที่อยู่นิ่งๆก็ควรจะสังเกตุเห็นท้องฟ้าแบบเดียวกันกับที่คนนิ่งๆควรจะเห็น แต่ดูเหมือนว่าผมสามารถมองเห็นเหตุการณ์เดียวกันที่แตกต่างกันสองรูปแบบในเวลาเดียวกันได้มันไม่น่าเป็นไปได้เลยในทางทฤษฎีสัมพัทธภาพ ทฤษฎีสัมพัทธภาพเกี่ยวกับแสงกับสนามความโน้มถ่วงโดยมีเวลาเป็นจุดสังเกตุนี่เป็นเรื่องหลักๆของทฤษฎีสัมพัทธภาพ ดังนั้นในเวลาที่แตกต่างกันก็ควรจะมองเห็นเหตุการณ์ที่ต่างกันด้วย แต่ดูเหมือนเวลาทุกเวลามันจะมารวมกันที่จุดเดียวกันหมด ที่ผม เพราะผมสามารถมองเห็นเหตุการณ์เดียวกันที่แตกต่างกันทุกรูปแบบได้ในเวลาเดียวกันพร้อมๆกัน ผมเห็นแสงแปลกประหลาดบนท้องฟ้าและบนพื้นโลกด้วยผมมองเห็นวัตถุดำๆแปลกประหลาดบนท้องฟ้าด้วย จากนั้นเทหวัตถุทั้งหมดก็เคลื่อนที่ออกห่างจากกันแต่ไม่ได้หมายความว่าพื้นที่ว่างบนท้องฟ้าจะเพิ่มขึ้นมีเทหวัตถุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นจำนวนมากในพื้นที่ว่างเหล่านั้น ทั้งๆที่ไม่มีอะไรแต่ผมสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างชนกับตัวผมผมมองไม่เห็นอะไรเลยถ้าอะไรในทางวิทยาศาสตร์ที่มองไม่เห็นแล้วล่ะก็มันน่าจะเป็นพลังงานมืดไม่ก็สสารมืดทั้งสองอย่างนี้มันมองไม่เห็นสังเกตุเห็นได้ไม่ชัดมีลำแสงประหลาดพุ่งใส่ผมแล้วมันก็ผลักผมลากดึงผมระยะหนึ่งโฟตอนมันมวลเป็น0มันมีปฏิสัมพันธ์พื้นฐานในระยะไกลได้แต่ผมไม่มั่นใจว่าโฟตอนทำแบบนี้ได้จากนั้นผมก็เห็นจุดเล็กๆแปลกประหลาดจำนวนมากบนท้องฟ้า แล้วก็มีสิ่งมีชีวิตประหลาดโพล่มาบนท้องฟ้าทำให้ผมพร้อมที่จะวิ่งหนีหาที่ซ่อน สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอวัยวะมีแต่หนวดเท่านั้น แล้วผมก็ค้นพบ สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นสามารถควบคุมคุณสมบัติทั้งหมดของจักรวาลทั้งจักรวาลได้และทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นสิ่งที่ยังไม่ค้นพบอย่างเช่นแทคิออนและสิ่งที่อยู่ในสมมติฐานในทฤษฎีฟิสิกส์ทุกทฤษฎีได้ทำให้ผมมองเห็นเวลาจนมองเห็นทั้งกาลอวกาศได้รวมไปถึงควาร์กและเลปตอนได้
สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นเหมือนจะมีความสามารถมากกว่าที่ผมคิดไว้ ท้องฟ้าเริ่มบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาดดวงดาวเหมือนจะระเบิดหลอมละลายและหลอมรวมใหม่ลำแสงแปลกประหลาดพุ่งออกมาจากสิ่งมีชีวิตหนวดนั่นคุณสมบัติของโฟตอนของลำแสงของสิ่งมีชีวิตหนวดรุนแรงกว่าที่โฟตอนในทฤษฎีฟิสิกส์อธิบายไว้ในทางทฤษฎีเราสามารถมองเห็นคุณสมบัติของโฟตอนได้ในระดับจุลทรรศน์แต่นี่ผมเห็นคุณสมบัติของโฟตอนทั้งหมดได้ด้วยตาเปล่า มันปล่อยวัตถุแปลกประหลาดออกมาจากตัวมันในทั้งสี่สถานะของแข็งของเหลวและพลาสม่า พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างได้และไม่สามารถทำลายได้มันมีของมันเองอยู่แล้ว แต่สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นสามารถสร้างพลังงานได้สามารถสร้างพลังงานมืดได้สามารถสร้างควาร์กและเลปตอนได้จนสามารถสร้างสสารธรรมดาสามารถสร้างโฟตอนรวมไปถึงรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าได้ทุกชนิด มันสามารถควบคุมบิดเบือนสร้างและทำลายแรงทุกแรงตั้งแต่แรงมหภาคไปจนถึงแรงที่อธิบายในรูปของอนุภาคมูลฐานได้ควบคุมสร้างและทำลายโฟตอนรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานพลังงานมืดสสารธรรมดาควาร์กเลปตอนได้สัตว์ประหลาดตัวนั้นสามารถปล่อยพลังงานมืดสสารมืดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากตัวมันได้ ขยายหรือลดขนาดและควบคุมอวกาศได้ ย้อนเวลาไปอนาคตได้ทำให้เวลาเดินช้าลงหรือเดินเร็วขึ้นได้ทำให้เวลาเดินถอยหลังก็ได้ มันควบคุมกาลอวกาศทั้งหมดได้ และควบคุมแรงโน้มถ่วง แรงนิวเคลียร์ แรงแม่เหล็กไฟฟ้าได้ รู้สึกต้นไม้แต่ละต้นมันจะสูงเกินความสูงเฉลี่ยของมันยังกับมันโตไวเท่าต้นไผ่แน่ะ น้ำจากก๊อกก็รู้สึกว่ามันจะไหลแรงขึ้นกว่าปกติทุกวันทุกวัน ไม่มีใครมากวาดถนนเลยหรือไงนะ?รู้สึกว่าใบไม้มันจะรกถนนขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีก ดินเริ่มแปลกต้นไม้เริ่มแปลกพวกสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงก็ดูเริ่มแปลกไป คุณว่าแปลกผิดปกติไหม? แล้วลมแรงมากๆก็เริ่มพัดจนทุกอย่างสั่นไหวไปหมด แสงดูจะแปลกประหลาดเหมือนแสงสะท้อนจากเพชร ทุกอย่างดูสว่างสุกใสแต่ก็มืดครึ้มในเวลาเดียวกัน "เงา"มัน"มืดกว่าปกติจนมองด้วยตาเปล่าก็รู้เลยว่ามันผิดปกติ เหมือนว่าเวลาเวฟของมันก็ดูจะยาวนานกว่าวิ่งมาราธอนอีก นาฬิกาของทุกคนในที่นั้นก็ดูจะไม่ตรงกันเลย และผมรู้สึกว่าเหมือนพื้นที่มันจะขยายตัวออกไปไร้ที่สิ้นสุดซะอีก ผมตัดสินใจวิ่งกลับเข้าบ้านแต่อย่างที่บอกรู้สึกว่าเหมือนพื้นที่มันจะขยายตัวออกไปไร้ที่สิ้นสุดซะอีก การวิ่งภายใต้ความมืดนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นการหนีจากอะไรบางอย่างจากสิ่งที่เราไม่มีวันวิ่งหนีพ้น เหมือนกับการวิ่งหนีจากตัวเอง เหมือนกับการวิ่งหนีจากจักรวาล รู้สึกรอบๆตัวมันบิดเบี้ยวมากขึ้น พื้นดินเริ่มไม่สม่ำเสมอ ต้นไม้รูปร่างไม่สมส่วน ภูเขา ผืนน้ำ ใบไม้ พื้นดิน เริ่มมีสันฐานที่อสมมาตร ยิ่งวิ่งยิ่งรู้สึกว่าทางมันยาวขึ้น ผมหันหลังกลับไปมองไปบนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นยังอยู่บนท้องฟ้า ผมวิ่ง ทางยิ่งยาวขึ้น สัตว์ประหลาดหนวดยังอยู่ที่เดิม มันเหมือนกับว่าทั้งผมและสัตว์ประหลาดหนวดนั่นยังอยู่ที่เดิม
ผมวิ่งมาถึงรถยนต์คันหนึ่ง ผมขับรถยนต์ออกไปไกลแสนไกล เห็นแต่เพียงท้องฟ้ายามค่ำคืน
ผมแหงนขึ้นไปมองท้องฟ้ารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลดาวกว้างใหญ่ไพศาล พร้อมๆกับเหตุการณ์จากความสามารถของสัตว์ประหลาดหนวดตัวนั้น
ผมไม่มีเข็มทิศ ผมไม่มีแผนที่ ผมไม่มีโทรศัพท์ และก็ไม่มีวิทยุ
ผมเรียกใครมาช่วยไม่ได้
ขับรถยนต์ตรงไปเรื่อยๆเร่งความเร็วขึ้น
ผมนึกได้ว่าผมใส่นาฬิกาข้อมือไว้ที่แขนซ้าย ผมดูนาฬิกาของผม สี่ทุ่มตรง
มองเห็นเพียงแต่ทะเลดาว ไม่มีผู้คน
มันมืด มืดจนแทบมองนาฬิกาไม่เห็น
ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปต่อตรงไหน โทรหาใครไม่ได้ เรียกใครมาช่วยไม่ได้
มีกองทัพแมลงสาบยักษ์ยาวซักหนึ่งเมตรสูงห้าสิบเซนติเมตรวิ่งมาหาตรงเข้าหาผมประหนึ่งขบวนรถติดยาวในยามที่รถติดที่สุดและแสนแน่นขนัดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอย่างน้อยๆก็สมัยที่ผมเห็นตอนอนุบาล
ผมขับรถทับแมลงสาบที่แสนใหญ่โตเหล่านั้น
เหล่าแมลงสาบที่โดนรถทับจนแบนเหล่านั้นหนวดของมันขยับดูเหมือนกับว่ามันยังไม่ตาย หนวดของมันดิ้นอย่างรุนแรง
บรรดาแมลงสาบยักษ์เหล่านั้น ตอนนี้อวัยวะภายในของมันทะลักออกมาเกลื่อนเต็มพื้น
ผมขับรถทับพวกแมลงสาบยักษ์ไปดรื่อยๆ ทับมันอีก ทับมันอีก อวัยวะภายในของแมลงสาบเหล่านั้นกระจุยกระจาย
ตอนนี้บนพื้นมีเพียงอวัยวะที่แยกออกจากกันของบรรดาแมลงสาบเหล่านั้น
คุณตัดสินใจกัดส่วนหัวของมันทั้งหมดโดยเว้นหนวดของมันไว้ หนวดของมันก็ดิ้นอย่างแรง
ยังมีฝูงแมลงสาบนับพันฝูงวิ่งตรงเข้ามาเรื่อยราวกับว่าแมลงสาบพวกนี้มันแยกร่างได้นับพันร่าง
ทุกครั้งที่ผมขับรถทับพวกมัน เครื่องในของพวกมันจะทะลัก
และอวัยวะของพวกมันก็จะย้อมเต็มพื้นดินเหมือนกับกระดาษวาดรูปที่เปื้อนโคลนสีน้ำตาล
ผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรต่อ
ท้องฟ้าไม่มีแสงจันทร์ มีแต่ดวงดาวเต็มทั้งท้องฟ้า
อยู่ๆรถก็ดูเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง
ฝูงแมงมุมตัวใหญ่สีน้ำตาลขายาว ตัวของมันใหญ่กว่าเด็ก ขายาวเท่าคนที่สูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร
ผมมองไปรอบๆแล้วเห็นว่านอกจากฝูงแมงมุมยักษ์แล้วยังมีตะขาบยักษ์ ถ้าถนนสายไหนที่ยาวซักร้อยเมตรบรรดาตะขาบยักษ์เหล่านี้ก็ยาวเท่านั้นแหละ ตะขาบยักษ์ยาวร้อยเมตร
ผมเร่งความเร็วของรถยนต์ให้เร็วขึ้นมากไปกว่าเดิม ขับรถทับบรรดาแมงมุมและตะขาบยักษ์เหล่านั้น ฝ่าพวกมันไปให้เร็วยิ่งกว่าตอนขับรถฝ่ากองทัพแมลงสาบยักษ์
มีควันลอยมาเต็มพื้นที่ ผมมองไม่เห็นต้นไม้แล้ว.ผมมองไม่เห็นดวงดาว คุณมองไม่เห็นอะไรเลย ผมเห็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือควัน
ผมไปไหนไม่ได้เพราะผมมองทางไม่เห็นเพราะควัน
คุณเหม็น คุณแสบตา คุณระคายเคืองคอ คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้
สักพักหนึ่ง ควันเริ่มจางลง จากนั้นควันก็หายไปทั้งหมด
ผมมองเห็นต้นไม้ทุกต้น มันยังคงอยู่ในรูปทรงเดิมของมันแต่มันกลายเป็นถ่านสีดำทุกต้น
ต้นไม้ทุกต้นยังคงเป็นต้นแต่มันกลายเป็นถ่านทั้งหมด
ต้นไม้ใหญ่ทุกต้นกลายเป็นถ่านสีดำที่ตั้งตระหง่าน
แม้แต่หญ้าบนพื้นก็ยังเป็นสีดำและเหี่ยวแห้ง
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว
ผมขับรถไปที่แม่น้ำซึ่งมีสะพานข้าม ส่วนน้ำในแม่น้ำนั้นก็เป็นน้ำเน่า ที่นี่บ้านคนตั้งริมน้ำตั้งอยู่เรียงรายกันไปทั้งสองฟากแม่น้ำ
ผมขับรถขึ้นสะพาน
แล้วคุณก็เห็นบ้านริมน้ำที่อยู่ต่อหน้าคุณถล่มลงน้ำเน่าทีละหลังทีละหลังเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
ผมหันหลัง
ผมเห็นบ้านริมน้ำถล่มลงไปในน้ำเน่าเรียงไปทีละหลังเหมือนกัน
บ้านทุกหลังริมสองฝั่งแม่น้ำถล่มลงไปในน้ำเน่าหมดแล้วทุกหลัง รวมถึงผู้คนด้วย
ผู้คนที่อยู่ในแม่น้ำเน่าพยายามว่ายน้ำขึ้นฝั่งแต่พวกเขาขึ้นฝั่งไม่ได้ พวกเขาทุกคนในน้ำเน่าเหมือนถูกอะไรบางอย่างฉุดลงไปใต้น้ำ แล้วพวกเขาทุกคนก็จมลงไปในน้ำอย่างสมบูรณ์
ผมมองน้ำเน่า
ผมตัดสินใจจะขับรถข้ามสะพานนั้นต่อไปยังอีกฝั่ง
ผมรู้สึกบางอย่าง
ผมหันหลังไป
สะพานไม้ด้านหลังผมกำลังถล่มลงไปในน้ำเน่า
ผมขับรถด้วยความเร็วสูงสุด
ผมขับรถข้ามสะพานมาจนถึงอีกฝั่ง ผมหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง
สะพานค่อยๆถล่มลงไปในน้ำเน่า จนตอนนี้สะพานก็ถล่มลงน้ำเน่าทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
ผมขับรถต่อไป จนตอนนี้ผมผ่านลานทิ้งขยะขนาดใหญ่พร้อมด้วยกองขยะขนาดใหญ่ ผมขับรถผ่านมันไป
เกิดเสียงระเบิดขึ้น
ผมหันหลังกลับไปมอง เปลวไฟมาจากกองขยะ
เปลวไฟลุกไหม้กองขยะ คนกลุ่มหนึ่งอยู่ในกองขยะ เขาพยายามจะเดินออกมาแต่เขากลับจมลงไปในกองขยะเรื่อยๆ
ตอนนี้มีแค่หัวของพวกเขาโผล่ออกมาจากกองขยะ พวกเขาพยายามเรียกให้ช่วยแต่พวกเขาก็จมหายลงไปในกองขยะทั้งตัวแม้แต่ส่วนหัว
แล้วกองขยะด้านบนก็ไถลถล่มลงมาทับพวกเขาซ้ำ
ผมอยู่บนถนนซึ่งขยะเกลื่อนกลาดทั้งสองข้างทาง
จู่ๆก็มีแสงฟ้าแลบเกิดขึ้น ผมมองไปที่นาฬิกา สี่ทุ่มครึ่ง
ผมมองไปที่ท้องฟ้า หนวดของสัตว์ประหลาดตัวที่อยู่บนท้องฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง
จากนั้นผืนดิน ภูเขา ต้นไม้ ใบไม้ ต้นหญ้า ดวงดาว และท้องฟ้าก็บิดเบี้ยว จากนั้นทั้งจักรวาลก็บิดเบี้ยว มีแสงวาบประหลาดเกิดขึ้น แล้วทุกอย่างก็ระเบิดพินาศ
จบ
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY