‘พะ พี่โขง พี่เข้อย่ากระแทกแรงสิ นะ หนูเจ็บ!’
‘พะ พี่โขง พี่เข้อย่ากระแทกแรงสิ นะ หนูเจ็บ!’
@หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ กระท่อมกลางป่า
พั่บๆๆ! ปั่ก! ปั่ก!
“ซี้ดดด อ้า..กูจะแตกแล้ว มึงใกล้ยัง!?” เสียงคำรามของชายหนุ่มร่างสมส่วนเอ่ยถามแฝดน้องเมื่อตอนนี้เขากำลังเสพหาความสุขจากเรือนร่างของหญิงสาวใต้ร่าง เช่นเดียวกับแฝดน้องที่เสพความสุขจากเรียวปากของเธอ
ปึ่กๆๆ! เสียงลำแก่นกระทบกับริมฝีปากบางจนเธอไม่สามารถที่จะส่งเสียงครางออกมาได้ ปั่กๆๆ! ไม่ต่างจากท่อนล่างที่แท่งเทียนแท่งใหญ่กำลังขยับผลุบเข้าออกในรูถ้ำสวาท
“กูก็จะแตกแล้ว อ้า! จะแตกแล้ว พร้อมกันนะ!!”
“อืม อ้าส์!!” จากนั้นพวกเขาก็พากันกระตุกเกร็งก่อนจะนำแท่งร้อนออกมาปล่อยน้ำคาวใส่ตัวของหญิงสาวตัวเล็กที่นอนหอบหายใจโดยที่เนื้อตัวของเธอนั้นนอกจากจะมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ จากการกระทำของสองหนุ่มก็ยังมีน้ำขาวเปรอะเปื้อนไปตามตัวของเธออีก
“พี่เข้พี่โขง พอแค่นี้นะจ๊ะพรุ่งนี้ฉันมีเรียน เดี๋ยวไปเรียนไม่ไหว” เสียงของหญิงสาวแรกรุ่นเอ่ยบอกกับชายหนุ่มทั้งสองเมื่อเขากำลังจะเข้ามาในตัวของเธออีกครั้ง สองหนุ่มจึงส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาในลำคอแล้วเป็นแฝดพี่ที่ปัดมือไล่เธอให้แต่งตัวแล้วออกไปจากกระท่อมของเขา
“เงินฉันล่ะจ๊ะ?” หลังจากแต่งตัวเสร็จและเดินออกจากกระท่อมไปแล้ว แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ค่าตอบแทนจึงเดินกลับมาเข้าแบมือให้สองหนุ่ม ชายหนุ่มคนที่มีรอยสักเต็มตัวจึงเดินไปหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงมายื่นให้หล่อนที่พอได้เงินก็รีบวิ่งออกจากกระท่อมปั่นจักรยานออกจากป่าไป
“เหนื่อยยิ่งกว่าไปทำงานอีก” เมื่อหญิงสาวคนนั้นกลับไปแล้วตะโขงจึงเดินเปลือยไปนอกกระท่อมเพื่อยืนสูดอากาศ ไม่ต่างจากแฝดน้องที่ก็เดินตามหลังเขาออกไปพร้อมกับตะกร้าสบู่ยาสีฟันยาสระผมและเขาก็เดินนำพี่ชายไปนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างริมลำธารเพื่อฟังเสียงน้ำไหล
ตะเข้-ตะโขง แฝดหนุ่มอายุยี่สิบแปดปีที่ชอบอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า ใช้ชีวิตในป่าไปกับการทำงานที่โรงงานลับๆ ของพวกเขา ตะเข้แฝดน้องมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสอง ในขณะที่ตะโขงพี่ชายมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบหก ถึงแม้หน้าตาของพวกเขาจะเหมือนกันทุกอย่างแต่การมีส่วนสูงที่ต่างกันจึงทำให้ผู้คนแยกแยะพวกเขาออก
อีกอย่างตะโขงนั้นมีรอยสักแทบจะเต็มตัวต่างจากตะเข้ที่มีรอยสักเพียงเล็กน้อยและมีแค่บางจุดเท่านั้น ถึงแม้จะชอบอยู่กลางป่าแบบนี้แต่ฐานะที่จริงของพวกเขาก็ไม่ได้ธรรมดาเพราะมีพ่อเป็นถึงกำนันกรดผู้ทรงอิทธิพลแห่งหมู่บ้านโขงเข้กับคุณใบไม้คุณแม่คนสวยที่เป็นถึงคุณหมอประจำอนามัยหมู่บ้าน
“อีกเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จเป็นเพื่อนกูไปรับสาวสวยด้วย”
“ใครอีก เพิ่งเอาไปเมื่อกี้อย่าบอกนะไม่พอ?” ตะโขงเดินมานั่งลงในน้ำข้างตะเข้พร้อมกับเอ่ยถามเพราะยังไม่ทันได้หายใจโล่งๆ เจ้าน้องชายก็เตรียมหาผู้หญิงมาสนองตัณหาตัวเองอีกแล้วทั้งที่เพิ่งทำเสร็จไปยังไม่ถึงชั่วโมง
“ก็คนที่พ่อบอกว่ามาจากในกรุงเทพนั่นไง กูอยากรู้ว่าสาวกรุงจะเด็ดแค่ไหน”
“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เขามีพ่อมีแม่มึงก็จะไปเอาเขามาเหมือนเขาเป็นตุ๊กตาไปได้”
“มึงพูดเหมือนว่ามึงไม่อยากได้เลยนะ”
“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากได้แต่มึงก็ช่วยๆ เลือกหน่อยเถอะ” หากเจอผู้หญิงถูกใจไม่ว่าจะเป็นใครถ้าให้เจ้าตะเข้ก็คือเอาหมดทุกคน ทุกคนจริงๆ! ส่วนตัวเขาก็เอาแต่เอาแค่รอบเดียวเป็นการเช็คของว่าควรไปต่อมั้ยหากไม่ก็หยุด แต่ตะเข้นี่ไม่เลือกเลยขย่มเอามันส์อย่างเดียวอ่ะ
“กูก็ใส่ถุงยางปะ”
“ใส่ถุงยางถ้ามันเป็นเอดส์ขึ้นมาแล้วถุงรั่วพอดีล่ะ”
“มึงคิดมากไปพี่ชาย มาถูหลังให้กูดิ๊” หยิบสบู่ในตะกร้าใบเล็กยื่นให้แฝดพี่แล้วก็นั่งหันหลังให้ตะโขงที่ก็รับสบู่มาถูหลังให้แฝดน้อง
เพราะไม่ชอบความวุ่นวายในหมู่บ้านหรือในเมืองพวกเขาสองคนจึงเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในป่า และไม่ใช่ชายป่าหลังไร่แต่มันคือกลางป่าที่ห่างออกมาจากหมู่บ้านของเขาไกลพอสมควร
แต่ถึงแม้จะมาอยู่กลางป่าเช่นนี้แต่พวกเขาก็ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินหรือแม้แต่ผู้หญิงที่มักจะไปลากมาจากในหมู่บ้านเพื่อมาเอาที่กระท่อมเสพหาความสุขจากตัวพวกเธอ ส่วนผู้หญิงที่พวกเขาเพิ่งเอาเสร็จนั้นคือคนส่งอาหารให้พวกเขาเองแหละ
แม่สาวน้อยนั่นมีอายุแค่สิบแปดปีแต่ก็ถูกพวกเขาหลอกมาเอาบ่อยๆ จนพักหลังเธอเริ่มที่จะเก็บเงินค่าบริการซะแล้ว แต่ยังไงก็ถือว่าคุ้มอยู่เพราะเธอทั้งยังสาวยังเต่งตึงไปทุกส่วนถือเป็นค่าที่เธอมาให้ความสุขแก่พวกเขาก็แล้วกัน
“รีบอาบเถอะ กว่าจะไปกลับเดี๋ยวจะมืด” ตะโขงเอาสบู่มาถูตัวเองแล้วบอกกับน้องชายที่นั่งผิวปากอย่างสบายอารมณ์เมื่อมีคนถูหลังให้พอเมื่อได้ยินแฝดพี่พูดเช่นนั้นก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาก่อนจะรีบพากันอาบน้ำและเดินเข้าไปแต่งตัวในกระท่อม
กระท่อมที่มีขนาดกลางไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ตัวกระท่อมถูกสร้างจากไม้ไผ่ที่เอามาตีกั้นรอบๆ ตัวกระท่อม ส่วนพื้นนั้นมีก้อนกรวดวางเต็มพื้นและถูกปูทับด้วยเสื่อน้ำมันอีกที มีเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านใน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและเก้าอี้ตัวเล็กสำหรับไว้นั่งคุยกันอีกสองสามตัว
ส่วนครัวนั้นอยู่ด้านนอกโดยใช้เป็นเตาถ่านและโต๊ะสูงที่เอาไว้วางถ้วยชามช้อนที่มีไม่ถึงสิบใบ อุปกรณ์ที่ไว้ใช้ทำกับข้าวก็มีนิดหน่อยเพราะส่วนมากให้คนมาส่งอาหารนานๆ ทีหรอกพวกเขาถึงจะได้ทำกินเอง
“ไอ้โขงเสร็จยัง! ปากบอกว่าเขามีพ่อมีแม่แต่ตัวเองกลับแต่งตัวซะนานจะไปล่อเหยื่อหรือไง!!” ตะเข้ที่ยืนรออยู่หน้ากระท่อมเอ่ยขึ้นเมื่อแฝดพี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จสักที แต่ไม่ถึงห้านาทีตะโขงก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นเช่นเดียวกับแฝดน้องหลังจากล็อคกระท่อมเสร็จพวกเขาก็พากันขับมอเตอร์ไซค์คันแก่ที่ถูกจอดไว้ข้างครัวออกไป
‘ผู้หญิงที่คาถาเลือก คือผู้หญิงที่ถูกกลั่นกรองมาแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเธอควรดีใจที่ตัวเองไม่มีจุดบกพร่องและควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี’
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด