‘พะ พี่โขง พี่เข้อย่ากระแทกแรงสิ นะ หนูเจ็บ!’
‘พะ พี่โขง พี่เข้อย่ากระแทกแรงสิ นะ หนูเจ็บ!’
@หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ กระท่อมกลางป่า
พั่บๆๆ! ปั่ก! ปั่ก!
“ซี้ดดด อ้า..กูจะแตกแล้ว มึงใกล้ยัง!?” เสียงคำรามของชายหนุ่มร่างสมส่วนเอ่ยถามแฝดน้องเมื่อตอนนี้เขากำลังเสพหาความสุขจากเรือนร่างของหญิงสาวใต้ร่าง เช่นเดียวกับแฝดน้องที่เสพความสุขจากเรียวปากของเธอ
ปึ่กๆๆ! เสียงลำแก่นกระทบกับริมฝีปากบางจนเธอไม่สามารถที่จะส่งเสียงครางออกมาได้ ปั่กๆๆ! ไม่ต่างจากท่อนล่างที่แท่งเทียนแท่งใหญ่กำลังขยับผลุบเข้าออกในรูถ้ำสวาท
“กูก็จะแตกแล้ว อ้า! จะแตกแล้ว พร้อมกันนะ!!”
“อืม อ้าส์!!” จากนั้นพวกเขาก็พากันกระตุกเกร็งก่อนจะนำแท่งร้อนออกมาปล่อยน้ำคาวใส่ตัวของหญิงสาวตัวเล็กที่นอนหอบหายใจโดยที่เนื้อตัวของเธอนั้นนอกจากจะมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ จากการกระทำของสองหนุ่มก็ยังมีน้ำขาวเปรอะเปื้อนไปตามตัวของเธออีก
“พี่เข้พี่โขง พอแค่นี้นะจ๊ะพรุ่งนี้ฉันมีเรียน เดี๋ยวไปเรียนไม่ไหว” เสียงของหญิงสาวแรกรุ่นเอ่ยบอกกับชายหนุ่มทั้งสองเมื่อเขากำลังจะเข้ามาในตัวของเธออีกครั้ง สองหนุ่มจึงส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาในลำคอแล้วเป็นแฝดพี่ที่ปัดมือไล่เธอให้แต่งตัวแล้วออกไปจากกระท่อมของเขา
“เงินฉันล่ะจ๊ะ?” หลังจากแต่งตัวเสร็จและเดินออกจากกระท่อมไปแล้ว แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ค่าตอบแทนจึงเดินกลับมาเข้าแบมือให้สองหนุ่ม ชายหนุ่มคนที่มีรอยสักเต็มตัวจึงเดินไปหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงมายื่นให้หล่อนที่พอได้เงินก็รีบวิ่งออกจากกระท่อมปั่นจักรยานออกจากป่าไป
“เหนื่อยยิ่งกว่าไปทำงานอีก” เมื่อหญิงสาวคนนั้นกลับไปแล้วตะโขงจึงเดินเปลือยไปนอกกระท่อมเพื่อยืนสูดอากาศ ไม่ต่างจากแฝดน้องที่ก็เดินตามหลังเขาออกไปพร้อมกับตะกร้าสบู่ยาสีฟันยาสระผมและเขาก็เดินนำพี่ชายไปนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างริมลำธารเพื่อฟังเสียงน้ำไหล
ตะเข้-ตะโขง แฝดหนุ่มอายุยี่สิบแปดปีที่ชอบอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า ใช้ชีวิตในป่าไปกับการทำงานที่โรงงานลับๆ ของพวกเขา ตะเข้แฝดน้องมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสอง ในขณะที่ตะโขงพี่ชายมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบหก ถึงแม้หน้าตาของพวกเขาจะเหมือนกันทุกอย่างแต่การมีส่วนสูงที่ต่างกันจึงทำให้ผู้คนแยกแยะพวกเขาออก
อีกอย่างตะโขงนั้นมีรอยสักแทบจะเต็มตัวต่างจากตะเข้ที่มีรอยสักเพียงเล็กน้อยและมีแค่บางจุดเท่านั้น ถึงแม้จะชอบอยู่กลางป่าแบบนี้แต่ฐานะที่จริงของพวกเขาก็ไม่ได้ธรรมดาเพราะมีพ่อเป็นถึงกำนันกรดผู้ทรงอิทธิพลแห่งหมู่บ้านโขงเข้กับคุณใบไม้คุณแม่คนสวยที่เป็นถึงคุณหมอประจำอนามัยหมู่บ้าน
“อีกเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จเป็นเพื่อนกูไปรับสาวสวยด้วย”
“ใครอีก เพิ่งเอาไปเมื่อกี้อย่าบอกนะไม่พอ?” ตะโขงเดินมานั่งลงในน้ำข้างตะเข้พร้อมกับเอ่ยถามเพราะยังไม่ทันได้หายใจโล่งๆ เจ้าน้องชายก็เตรียมหาผู้หญิงมาสนองตัณหาตัวเองอีกแล้วทั้งที่เพิ่งทำเสร็จไปยังไม่ถึงชั่วโมง
“ก็คนที่พ่อบอกว่ามาจากในกรุงเทพนั่นไง กูอยากรู้ว่าสาวกรุงจะเด็ดแค่ไหน”
“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เขามีพ่อมีแม่มึงก็จะไปเอาเขามาเหมือนเขาเป็นตุ๊กตาไปได้”
“มึงพูดเหมือนว่ามึงไม่อยากได้เลยนะ”
“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากได้แต่มึงก็ช่วยๆ เลือกหน่อยเถอะ” หากเจอผู้หญิงถูกใจไม่ว่าจะเป็นใครถ้าให้เจ้าตะเข้ก็คือเอาหมดทุกคน ทุกคนจริงๆ! ส่วนตัวเขาก็เอาแต่เอาแค่รอบเดียวเป็นการเช็คของว่าควรไปต่อมั้ยหากไม่ก็หยุด แต่ตะเข้นี่ไม่เลือกเลยขย่มเอามันส์อย่างเดียวอ่ะ
“กูก็ใส่ถุงยางปะ”
“ใส่ถุงยางถ้ามันเป็นเอดส์ขึ้นมาแล้วถุงรั่วพอดีล่ะ”
“มึงคิดมากไปพี่ชาย มาถูหลังให้กูดิ๊” หยิบสบู่ในตะกร้าใบเล็กยื่นให้แฝดพี่แล้วก็นั่งหันหลังให้ตะโขงที่ก็รับสบู่มาถูหลังให้แฝดน้อง
เพราะไม่ชอบความวุ่นวายในหมู่บ้านหรือในเมืองพวกเขาสองคนจึงเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในป่า และไม่ใช่ชายป่าหลังไร่แต่มันคือกลางป่าที่ห่างออกมาจากหมู่บ้านของเขาไกลพอสมควร
แต่ถึงแม้จะมาอยู่กลางป่าเช่นนี้แต่พวกเขาก็ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินหรือแม้แต่ผู้หญิงที่มักจะไปลากมาจากในหมู่บ้านเพื่อมาเอาที่กระท่อมเสพหาความสุขจากตัวพวกเธอ ส่วนผู้หญิงที่พวกเขาเพิ่งเอาเสร็จนั้นคือคนส่งอาหารให้พวกเขาเองแหละ
แม่สาวน้อยนั่นมีอายุแค่สิบแปดปีแต่ก็ถูกพวกเขาหลอกมาเอาบ่อยๆ จนพักหลังเธอเริ่มที่จะเก็บเงินค่าบริการซะแล้ว แต่ยังไงก็ถือว่าคุ้มอยู่เพราะเธอทั้งยังสาวยังเต่งตึงไปทุกส่วนถือเป็นค่าที่เธอมาให้ความสุขแก่พวกเขาก็แล้วกัน
“รีบอาบเถอะ กว่าจะไปกลับเดี๋ยวจะมืด” ตะโขงเอาสบู่มาถูตัวเองแล้วบอกกับน้องชายที่นั่งผิวปากอย่างสบายอารมณ์เมื่อมีคนถูหลังให้พอเมื่อได้ยินแฝดพี่พูดเช่นนั้นก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาก่อนจะรีบพากันอาบน้ำและเดินเข้าไปแต่งตัวในกระท่อม
กระท่อมที่มีขนาดกลางไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ตัวกระท่อมถูกสร้างจากไม้ไผ่ที่เอามาตีกั้นรอบๆ ตัวกระท่อม ส่วนพื้นนั้นมีก้อนกรวดวางเต็มพื้นและถูกปูทับด้วยเสื่อน้ำมันอีกที มีเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านใน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและเก้าอี้ตัวเล็กสำหรับไว้นั่งคุยกันอีกสองสามตัว
ส่วนครัวนั้นอยู่ด้านนอกโดยใช้เป็นเตาถ่านและโต๊ะสูงที่เอาไว้วางถ้วยชามช้อนที่มีไม่ถึงสิบใบ อุปกรณ์ที่ไว้ใช้ทำกับข้าวก็มีนิดหน่อยเพราะส่วนมากให้คนมาส่งอาหารนานๆ ทีหรอกพวกเขาถึงจะได้ทำกินเอง
“ไอ้โขงเสร็จยัง! ปากบอกว่าเขามีพ่อมีแม่แต่ตัวเองกลับแต่งตัวซะนานจะไปล่อเหยื่อหรือไง!!” ตะเข้ที่ยืนรออยู่หน้ากระท่อมเอ่ยขึ้นเมื่อแฝดพี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จสักที แต่ไม่ถึงห้านาทีตะโขงก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นเช่นเดียวกับแฝดน้องหลังจากล็อคกระท่อมเสร็จพวกเขาก็พากันขับมอเตอร์ไซค์คันแก่ที่ถูกจอดไว้ข้างครัวออกไป
‘ผู้หญิงที่คาถาเลือก คือผู้หญิงที่ถูกกลั่นกรองมาแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเธอควรดีใจที่ตัวเองไม่มีจุดบกพร่องและควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี’
เจน ไอไออายุยี่สิบปี ถึงเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือคุณหนูตระกูลมหาเศรษฐี แต่ยังไม่ทันดีใจได้นาน ก็ได้รู้ว่าพ่อแม่แท้ ๆ จะให้เธอไปแต่งงานแทนคุณหนูตัวปลอมคนนั้น กับผู้ชายพิการ อารมณ์ร้าย แถมครอบครัวก็ใกล้จะล้มละลายอีกต่างหาก? ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการช่วยยายที่ป่วยอยู่ เธอคงไม่ยอมทนแบบนี้หรอก แต่หลังจากแต่งงานไป เจน ไอไอถึงค่อย ๆ รู้ว่าผู้ชายที่ว่าพิการ อารมณ์ร้าย และกำลังจะล้มละลายนั่น แท้จริงแล้วกลับเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลที่ทั้งหลงและเอาใจภรรยาสุด ๆ ! แย่แล้ว! พวกเขาทำข้อตกลงกันไว้ว่าสองปีหลังจากนี้จะต้องหย่ากัน! ซือเชียนฮานโอบเจน ไอไอไว้แน่น แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยนว่า “ที่รัก…เธอตัดใจหย่ากับฉันได้จริงเหรอ?” เจน ไอไอลูบเอวพลางพูดว่า “ไม่หย่า ไม่หย่าแล้วได้ไหม?”
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY