ถึงจะเป็นใบ้ก็เถียงเก่งนะเมื่อหญิงใบ้ไร้ศักดิ์ ต้องกลายมาเป็นสนมไร้ศักดิ์ ของฮ่องเต้ผู้ชึ่งรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร
ถึงจะเป็นใบ้ก็เถียงเก่งนะเมื่อหญิงใบ้ไร้ศักดิ์ ต้องกลายมาเป็นสนมไร้ศักดิ์ ของฮ่องเต้ผู้ชึ่งรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร
“ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง”
เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่
หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น
“เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป”
ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป
“อือ อือ”
อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น
“อย่าโวยวาย”
ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้น
จงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง
“ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด”
จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาว
เสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง
“ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ”
ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่ง
นี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทร
จงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดศรีษะให้ก้มจนไม่เห็นใบหน้าขะมุกขะมอม
“ หลีกทางขบวนเสด็จกำลังจะผ่าน”
เสียงองครักษ์ไม่พูดเปล่าใช้ทวนในมือกวาดต้อนร่างของเหล่านางในห้องเครื่องให้หลบออกจากทางเดิน
“โอ้ย”
จงหลินเจ็บจนเผลอร้องออกมา เสี่ยวเจิ้งพยุงจงหลินให้ลุกขึ้น
“เร็วเข้าชักช้าอยู่ได้ ขบวนเสด็จถึงแล้ว”
กระชากร่างเล็กของ เสี่ยวเจิ้งให้หลบไป
“ปล่อยนาง พวกเจ้าเห็นหรือไม่ทำให้นางเจ็บ”
เสียงอ่อนโยนของฮองเฮาหมิงเยว่ เอ่ยปากกับองครักษ์ดังประกาศิต เสี่ยวเจิ้งจ้องมองใบหน้างดงามราวเทพีสวรรค์เลยผ่านไปยังร่างสูงที่พยุงหมิงเยว่ไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม โลกทั้งใบเหมือนจะหยุดหมุนในทันที
จงหลิน ดึงชายเสื้อเสี่ยวเจิ้งให้คุกเข่าลงบนพื้น
“ฮองเฮา ให้องครักษ์ไล่พวกนางไปไกลๆ อาภรณ์ของเจ้าในงานพิธีจะเปรอะเปื้อนเพราะพวกนาง”
เสียงทุ้มอ่อนโยนยิ่งนัก
“ฝ่าบาท ห่วงใยยิ่งแล้วหมิงเยว่เห็นว่าทั้งสองนางเป็นเพียงหญิงธรรมดา หากกระทำรุนแรงพวกนางจะบาดเจ็บเอาได้”
อู่อินเฉิงยิ้มอ่อนโยน แต่ยิ้มนั้นส่งให้กับหมิงเยว่คนเดียว
“เจ้าใส่ใจไปทุกคนแต่ดูรึเจ้าเองกับร่างกายอ่อนแอ ชีวิตพวกนางมีค่าใดกันหากเปรียบกับเจ้าแม้เจ้าบาดเจ็บแค่เพียงปลายก้อยข้าก็คง จะเจ็บซ้ำใจ”
“ไปไปไป”
องครักษ์ผลักร่างเสี่ยวเจิ้งกับจงหลินจนหงายหลังเมื่อได้ยินอู๋อินเฉิงพูดแบบนั้น
ดวงตาคมของอู่อินเฉิงเผลอจ้องมองใบหน้าขมุกขะมอมของเสี่ยวเจิ้งที่ล้มกลิ้งข้าวของหกหระจาย สบตาเศร้าสร้อยนั้นอย่างพลั้งเผลอ ก่อนจะเบือนหน้าหนีเสียจากสายตานั้น
“ไล่พวกนางไปไกลๆ”
เอ่ยปากสำทับ พยุงหมิงเยว่จากไปยังลานพิธี
เสี่ยวเจิ้งกับจงหลินช่วยกันเก็บข้าวของใส่ในหลัวด้านหลังให้กันและกัน
“ไม่เห็นจะต้องไล่พวกเราเลย เราเองก็ไม่ได้อยากจะขวางขบวนเสด็จ ดูสิข้าวของเปื้อนดินเปื้อนทรายหมดแล้ว”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มเศร้าๆ
“เจ้าก็เอาแต่ยิ้มมองคนอื่นในแง่ดีตลอด เห็นหรือไม่ว่าชีวิตพวกเรายังไม่มีค่าเพียงการบาดเจ็บเท่าปลายก้อยของฮองเฮา”
เสี่ยวเจิ้งยกมืออุดปากจงหลินก่อนจะส่ายหน้าไปมาห้ามไม่ให้พูด
จงหลินถอนหายใจ
“เจ้า ใจดีแบบบนี้คนอื่นจึงเอาเปรียบเจ้า เสี่ยวเจิ้งจริงๆนะถ้าหากว่าเจ้าได้สวมอาภรณ์สีสวย ลบรอบเปื้อนขะมุกขะมอมบนใบหน้าของเจ้าออกเสียหน่อย เกรงว่า เจ้าต้องกลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเลยทีเดียว”
เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้ายิ้มๆเหมือนจะบอกว่ามันคือเรื่องเพ้อฝัน ส่งภาษามือให้จงหลินรีบไปยังห้องเครื่องช่วยนางในห้องเครื่องทำเครื่องเสวยให้ทันเวลาที่กำลังจะมีงานเลี้ยงรื่นเริงของวังหลวง
จงหลิน ยอมเดินตามเสี่ยวเจิ้งไปโดยดี
“พวกเจ้ามาช้าเสียจริง ข้ากำลังคิดว่าจะไล่พวกเจ้ากลับไปเสีย ยายเฒ่าจงรับปากมั่นเหมาะว่าจะหาคนมาช่วยงานแต่ดูรึ พวกเจ้าเพิ่งจะมาถึง”
เสี่ยวเจิ้งประสานมือก้มหน้า จงหลินถอนหายใจยาว
“นายท่าน พวกเราติดขบวนเสด็จจึงล่าช้า โปรดเมตตาเราด้วย”
เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายืนยันตามคำพูดของจงหลิน
“จะไล่กลับอย่างไรเล่า คนยิ่งน้อยๆไปไปช่วยกันหั่นผักหั่นหมูเตรียมวัตถุดิบ แต่บอกไว้ก่อนนะ ข้าลดค่าตอบแทนพวกเจ้าเพราะมาช้าเหลือเกิน ทำงานให้เสร็จจึงกินอาหารเช้าเพราะกงกงตู้ ขันทีพิธีการเพิ่งส่งคนมาเร่งให้เตรียมจัดเครื่องเสวยยามอู่(11.00-12.59)”
เสี่ยวเจิ้งรีบเข้าไปข้างในปลดหลัวบนหลังให้จงหลิน แล้วหันหลังให้จงหลินปลดหลัวให้บ้าง
เลยยามอู่ไปแล้ว
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด