นักเขียนนิยายจีนสำนวนห่วยแตกหลุดเข้าไปในนิยายที่เขียนเองเธอเปลี่ยนสำนวนการเขียนที่ห่วย การันตีความมันส์ฮาและฟินสุดๆ"ในเมื่อนักเขียนเป็นผู้กำกับเอง!" ร่วมล่องลอยพลิ้วไหวด้วยกันไปกับ'วรากร'
นักเขียนนิยายจีนสำนวนห่วยแตกหลุดเข้าไปในนิยายที่เขียนเองเธอเปลี่ยนสำนวนการเขียนที่ห่วย การันตีความมันส์ฮาและฟินสุดๆ"ในเมื่อนักเขียนเป็นผู้กำกับเอง!" ร่วมล่องลอยพลิ้วไหวด้วยกันไปกับ'วรากร'
วรากร วิ่งออกจากห้องนอนด้วยความเร่งรีบมัวแต่เขียนนิยาย วันนี้มีการลดราคาหนังสือ เที่ยงวันยันเที่ยงคืน แต่ประเด็นคือเธอดันจำวันผิดนี่ก็เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วโมงจะหมดเวลาแล้ว คว้ากระเป่าถือวิ่งเร็วรี่ แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ก็ก้าวพลาด กลิ้งลงมาจากบันไดชั้นบนเสียงโครมคราม
“โอ๊ยเจ็บจังเลย ขาหักไหมนี่”
คลำขาตัวเองปรอยๆ รู้สึกเจ็บแปลบๆ กระแทกลงมาอย่างจังขนาดนั้นก้นกบพังไปแล้วม้างงงT_T ก้มลงมองขาตัวเองใช้มือบีบเบาๆ สายตานับสิบคู่มองมาที่วรากร ตอนนี้เองที่เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่ที่บ้าน
“นางเป็นใคร ใครกัน ใครเนี๊ยะ” กวาดตามองรอบๆ
“เฮ้ย ที่ไหนเนี๊ยะ”
ลองหลับตาดูลืมตายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดชาวจีนโบราณ รายล้อมรอบตัวเริ่มทะยอยเดินหายไปที่ละคนสองคน เสียงฝีเท้าม้าควบตรงเข้ามา วรากรเตรียมลุกแต่ไปไม่รอด ดันไปขว้างทางม้าแรงฉุดจากคนบนม้า ดึงร่างเล็กของวรากรลอยละลิ่วขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
“เฮ้ย” หันหน้าหันหลังร่างแนบชิดกับคนบนหลังม้าใบหน้าเฉยชาแต่หล่อลากไส้ ใครวะ@_@
“เฮ้ยนี่มันพระเอกนิยายชัดๆ O_O”
ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปวาด ริมฝีปากเรียวบาง คิ้วดกหนา ตาคมเข้มมือเรียวบางเหมือนผู้หญิงที่กระตุกบังเหียนม้าให้วิ่งช่างดูมีเสน่ห์ ผมยาวสลวยถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง แพ้ผู้ชายผมยาว หน้าขาวปากสีขมพู ซิกแพ็คโผล่ออกมาจากอกเสื้อ มาถูกทางแล้วพระเอกหล่อ แต่…..
“เฮ้ยไม่ได้กำลังเขียนนิยายจีนย้อนยุค กำลังจะไปงานหนังสือแต่ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
ขยี้ตาแรงๆ คนบนหลังม้า กำลังพยายามหนีมือสังหารแต่วรากรกลับ มองสำรวจรอบๆ หันซ้ายหันขวา
“นั่งนิ่งๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะเหวี่ยงเจ้าลงไป”
เสียงทุ้มนุ่มหูทว่าน้ำเสียงแกมหยิ่งนิดๆ
“ฆ่ามัน!”
เสียงฝีเท้าม้านับสิบไล่ตาม วรากรหันไปมองพวกข้างหลัง นี่มันถ่ายซีรีส์จีนหรืออย่างไร
ม้าพาวรากรและ คนหล่อเข้าไปในป่าไผ่ม้าเดินวนไปมาไม่กล้าวิ่งต่อ เมื่อถูกล้อมกรอบด้วยมือสังหารนับสิบ คนบนหลังม้าทะยานขึ้นไปซ่อนตัวบังใบไผ่ไว้ วรากรร่วงตุบลงกับพื้นก็เธอ ขี้ม้าไม่เป็น ก็เจ้าม้าตัวดีดันยกขาหน้าขึ้นปล่อยวรากรไหลลงจากหลังม้าแม้จะพยายามจับหางม้าไว้ก็ตาม ยิ่งทำให้เจ้าม้าตกใจวิ่งหนีเตลิดไปไกล ฉากการต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือดเมามันส์ เสี่ยงกระบี่ในมือของแต่ละคนกระทบกันดังจนแสบแก้วหู คนหล่อของวรากรเก่งเหลือเกิน สามารถต่อกรกับมือสังหารได้นับสิบ ขบวนท่าสวยงามพลิ้วไหวเหมือนกับนักแสดงชื่อดังที่ฝึกฝนมาอย่างดี วรากรปรบมือชอบใจรู้สึกเหมือนเชียร์มวย หายไปหมดจนเหลือคนสุดท้ายกำลังประจันหน้ากัน พระเอกนิยายของวรากร สะบัดกระบี่เป้าหมายคือลำคอของฝ่ายมือสังหารแต่ฉับพลันนั้นเองร่างบางสวยของใครบางคน ถูกดึงเข้ามาเป็นเกราะกำบัง ใบหน้างดงามหวานละมุนตา เอวคอดกิ่วผมยาวพลิ้วไสวตามแรงสะบัด นางเอกนิยาย
พระเอกนิยายไม่กล้าลงมือ
“ปล่อยนาง”
สุดท้ายก็เปล่งคำพูดออกมาหลังจากที่สงวนท่าทีตั้งนาน
“อย่าเข้ามาไม่อย่างนั้นนางตาย”
“ข้าไม่รู้จักนาง ไม่ใยดีว่านางจะอยู่หรือตาย”
ยังคงจี้กระบี่ไปที่มือสังหารถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม วรากรใจเต้นต้องแก้ไขสถานะการตามแบบของเธอมองหาก้อนหิน
หญิงงามเชิดหน้า ไม่มีอาการหวาดกลัว อย่างนี้สินางเอกของเรา พระเอกของเราจ้องตาไม่กระพริบทะยานขึ้นไปข้างบนวรากรขว้างก้อนหินแม่นเหมือนจับวางตรงเป้ากางเกงของมือสังหารพอดี กระบี่หลุดมือลงไปนั่งคลำเป้า พระเอกใช้กระบี่แทงฉึกเข้าที่อกไม่รอด นางเอกจะเป็นเพราะเห็นเลือดหรืออะไรไม่ทราบได้เป็นลมหมดสติร่างทรุดลงไปแต่ยังไม่ทันกองกับพื้นคนหล่อรับไว้ทัน หันมา กล่าวคำขอบคุณวรากร
“ขอบคุณแม่นาง”
วรากรยิ้มแหยๆ เดินกระเผลกๆ เจ็บขาเหมือนกันไหนจะตกบันไดไหนจะตกม้า รวบร่างบางของคนสวยที่หมดสติไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาไปวางบนพื้น จัดแจงปฐมพยาบาลวรากรมองคนทั้งสอง
“ข้า หลวนคุนมือปราบของวังหลวง ยินดีที่รู้จัก แม่นางแซ่อะไร”
“เอ่อ...แซ่อะไรดีวะนึกไม่ออก แซ่จางแล้วกัน”
“แม่นางเป็นบุตรีของไต้เท้าจางนี่เอง” ใต้เท้าจางไหนวะ
“ข้าต้องรั้งอยู่ที่นี่รอนางฟื้นก่อน หากจะกลับก็เชิญแม่นางเดิน ไปทางนั้นได้เลย”
@_@ จะบ้าเหรอกลับไปไหน กลับไปไหนได้
“คือข้าช่วยเช็ดตัวให้นางดีกว่า”
หลวนคุนฉีกชายเสื้อของเขาให้วรากรจุ่มน้ำเช็ดหน้าให้คนสวย หลวนคุนนั่งมองหน้านางเอกด้วยแววตาพึงพอใจ วรากรอมยิ้มคนสวยต้องคู่กับคนหล่อ
สักพักนางเอกก็รู้สึกตัว ขณะที่วรากรนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีพร้อมกับบีบนวดขาตัวเอง หลวนคุนรีบพยุงนางลุกขึ้นนั่ง
“แม่นาง ท่านได้สติแล้ว”
ดวงตาตื่นตกใจ ดึงรวบเสื้อผ้าที่วรากร คลายออกให้มันหลวมจนตึง
“อย่า ๆ ๆ อย่าเข้ามานะ ท่านทำอะไรข้า แล้วใครเช็ดตัวให้ข้า”
(บทนางเอกมาละ) หลวนคุน ยิ้มบาดใจขำในท่าทางหวงเนื้อหวงตัวของนาง
“แม่นาง คนอย่างข้า มีหญิงงามมากมาย ยอมเสนอตัวไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องเช่นนี้”
นี่สิพระเอก555วรากรยิ้มมุมปากหุหุหุนางเอกค้อนวงใหญ่
“นางเป็นคนเช็ดตัวให้เจ้า”
บุ้ยใบ้มาทางวรากร ที่โบกมือหยอยๆ อยู่ห่างออกมา^_^ความเพื่อนนางเอกก็มา
“ข้าหลวนคุน หัวหน้ามือปราบของวังหลวง” @_@ทีกับหญิงงามแล้วหัวหน้ามือปราบ อิ_อิ
“ฝานอิงหลิว ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยเหลือ”
กิริยาอ่อนหวานงดงาม เหมือนกับถูกฝึกปรือมาอย่างดี
“เหตุใดแม่นางถึงเข้ามาอยู่ในป่าแห่งนี้” สนใจที่มาที่ไป
“ข้าเดินทางมาจาก ต่างแคว้นถูกปล้น ทั้งพ่อแม่และคนรับใช้ถูกฆ่าตายจนสิ้น หนีโจรป่ามาเรื่อยๆ จนมาพบพวกท่าน” หลวนคุนขมวดคิ้ว วรากรสงสารจับใจ
“เจ้าคงยังไม่ได้กินอะไร ข้าพาเจ้าออกไปที่ตลาด หาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า”
“ข้าไร้ญาติขาดมิตร เกรงว่าจะเป็นภาระของท่าน”
“จวนของข้าไร้แขกมาพำนักเสียนาน หากแม่นางไม่รังเกียจเชิญพำนักที่จวนข้าก่อนก็ได้”
“ท่านมี ฮูหยินหรือยัง”
วรากรถามเพราะความอยากรู้ หลวนคุนหันมามองหน้ายิ้มขำๆ
“ยัง เชิญแม่นางด้วยอีกคนก็แล้วกัน จวนของข้าเงียบเหงามานาน”
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
หยางซูมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY