ถ้าความรัก ต้องแลกมา ด้วยหยาดน้ำตา และความทุกข์ทน เธอจะไม่ยอมมีความรัก ตลอดชีวิต
ถ้าความรัก ต้องแลกมา ด้วยหยาดน้ำตา และความทุกข์ทน เธอจะไม่ยอมมีความรัก ตลอดชีวิต
เสียงดนตรีเพลงคลาสสิก ดังออกมาจากภายในบ้าน รถหรูนับสิบคัน จอดเรียงรายด้านข้างถนนกินพื้นที่จนรถที่สวนกัน แทบจะสวนทางกันไม่ได้
ชายในชุดซาฟารีสีดำเข้ม นับสิบคน คอยอำนวยความสะดวกให้กับแขกที่มางานในวันนี้ และกล่าวขอโทษกับผู้ร่วมทางที่ต้องมาเสียเวลากับการจราจรที่ติดขัดภายในหมู่บ้าน
แม้จะมีการแจ้งล่วงหน้าเพื่อขออนุญาตแล้ว แต่คำก่นด่ายังมีออกมา เพราะสร้างความเดือดร้อนรำคาญเหลือเกิน
"ขออภัยนะครับคุณ รถสวนลำบาก แต่ผมจะดูแลให้ครับ"
ชายในชุดซาฟารีสีดำทำความเคารพเพื่อนร่วมหมู่บ้าน ก่อนจะได้รับรอยยิ้มเป็นกำลังใจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้น
รถสปอร์ตสีขาวขับเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วลดกระจกลง ส่งรอยยิ้มหวาน ให้กับชายคนที่ยืนรออยู่หน้าประตู
"ลุงเอื้อ" เสียงหวานทักทายออกไป แล้วชายผู้ถูกเรียกก็ยิ้มกว้างทันที
"คุณหนูลูกปัด ทำไมมาช้าครับ ท่านบ่นน่าดูแล้ว"
คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ยิ้มเฉไฉออกมา แล้วรีบลงจากรถทันที
"ฝากลูกสาวด้วยนะคะ อย่าจอดไกลมากนะ เดี๋ยวปัดก็จะกลับแล้วค่ะ "
กระเป๋าใบเล็กสีชมพูประดับเพชรวิบวับ ในมือ เข้าชุดกับเสื้อสายเดี่ยวสีชมพูหวาน กับกระโปรงยาวที่ปักคริสตัลทั้งตัว
ทำให้หญิงสาวดูงดงามจับใจ ผมยาวสยายดัดเป็นลอนเกลียวใหญ่ มีกำไลเพชรเป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียว
แต่ไม่ทำให้ความงามของ ลูกปัด ลักษณาวัตร บุตรสาวคนโตของ รัฐมนตรี คารม บุญทิพย์ ผู้ที่กำลังจัดงานฉลองตำแหน่งในวันนี้ ดูด้อยไปเลย
เอสยูวีสีดำสนิท จอดต่อจากรถของเธอ ใบหน้าหล่อเหลา ของภัทรกร ก็ส่งรอยยิ้มมาก่อนทันที
"สวัสดีค่ะ บอส " ลูกน้องสาวยิ้มทักทายและมองผู้ชายตรงหน้า
"บอส อะไรของเรา ที่มาวันนี้ในฐานะ พี่ชายของลูกปัด ไม่ใช่เจ้านาย เข้าใจไหม"
ชายหนุ่มบอกยิ้มๆแล้วส่งกุญแจรถให้กับคนที่ยืนรออยู่
"จอดใกล้ๆกับรถลูกปัดนะครับ ถ้าลูกปัดกลับ พี่ก็กลับด้วย" ใบหน้าสวยยิ้มกว้างออกมาทันที เธอมีคนข้างตัวเป็นกองหนุนแล้วหนึ่ง ท่านรัฐมนตรีจะทำอะไรเธอได้
เพราะฐานะที่ต่างกันมาก เหลือเกิน ทำให้เค้า ได้แต่เฝ้ามองเธอเพียงเท่านั้น ความรัก ของเค้า ที่จะส่งไปให้ถึงใจเธอ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในเมื่อ ครอบครัว ของเธอ ไม่มีวันเห็นดีเห็นงาม และถ้าจะต้องตัดใจ เค้าจะทำได้ไหม ในเมื่อ เธอ คือ ความหวัง ความฝัน และความหวานละมุน ในชีวิตที่แสนจะขมขื่นของเค้า อนาคตที่มองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่เมื่อมีเธอ เดินเข้ามา ชีวิตของเค้า ก็ดูเหมือนกับว่า อะไรมันจะง่ายลงไป แม้จะไม่ง่ายจริงๆ แต่ว่า เค้ากลับมีพลังใจในการต่อสู้ เพื่อจะอยู่ต่อไป อยากจะพิสูจน์ตัวเอง ให้เธอ ได้เห็นว่า เค้า มีเธอ เป็นแรงใจในทุกๆวัน
"ถ้าคืนนี้ ไปต่อ ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่ลิลลี่ " เธอสวย เธอหรู เธอแพง ในเล้าจ์แห่งนี้ เธอเหมาะจะอยู่แค่บนเตียง ไม่เหมาะจะเดินเคียงข้าง" " เควิน ซุง " มองเธอด้วยความโกรธ ที่เธอท้าทายเขา กล้าดียังไงถึงมานั่งกับคนอื่น แบบนี้ "เขาเป็นลูกค้า เขาอยากนั่งกับลิลลี่ ลิลลี่เลือกไม่ได้ แล้วเขา เลี้ยงดริ้งก์คืนนี้แล้วค่ะ ถ้าคุณเควินอยากนั่งกับลิลลี่ ก็ต้องจ่ายหนักหน่อยนะคะ " "ลิลลี่ ถ้าเล่นตัวนัก จะจัดให้ร้องทั้งคืนเลย " เธอกล้าดียังไง มาทำให้เขาโกรธ แม่ดอกลิลลี่
"ล้านบาท สำหรับวันนี้ ถ้าคุณมือขึ้น ผมขอเงินคืน ถ้าคุณเสียหมด คุณจะเป็นหนี้ผมสิบล้าน รวมกับของเก่าอาทิตย์ที่แล้ว" ชายหนุ่มพูดภาษาอังกฤษน้ำเสียงหนักแน่น ชัดเจน บอกออกไป โยธิน ยิ้มกว้าง ออกมาทันที ขอเเค่คืนนี้ได้ต่อทุน คืนนี้จะต้องเป็นวันของเค้า ชายหนุ่มวัยสามสิบปียิ้มกว้างออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอก เพื่อใช้เงินล้านคืนนี้ต่อทุนเป็นสิบล้าน นิอร ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะวางจานขนมใบเล็กลงบนโต้ะอย่างเอาใจคนตรงหน้า "คุณป้าขา อย่าโมโหเลยค่ะ พี่โย อาจจะแค่เมาไม่กลับเท่านั้นเองค่ะ อย่าห่วงไปเลยค่ะ" เสียงหวานปลอบใจผู้มีพระคุณ ก่อนจะตักขนมช่อม่วงชิ้นสวย ให้คุณป้าได้ลองชิม "อรลองทำช่อม่วงค่ะ คุณป้าช่วยชิมให้อรได้ไหมคะ ถ้าเผื่ออร่อยจะได้เอาไว้รับรองแขกที่บริษัท" สาวน้อยทำทีเปลี่ยนเรื่อง เพื่อหันเหความสนใจ ป่านนี้พี่โยอยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน
การตัดสินใจเดินจากมา เพราะรัก การที่เธอเลือกทางเดินเอง ก็เพราะรัก ไม่ว่าตรงหน้าของเธอ จะมีพี่นายหรือไม่ ไม่ว่าความจริงที่เจอ จะปวดร้าวเพียงใด แต่นิตาไม่เคยเสียใจสักวัน ที่เลือกจากทางเดินนี้
นางร้ายขายดี อย่าง ทอปัด ตั้งใจว่า ถ้าต่อไปนี้ ใคร จะเดินเข้ามา ขอความจริงใจ เปิดเผยและชัดเจน ความรักที่ผ่านมา ทำให้เธอ ทั้งเจ็บ และ อาย บทเรียนราคาแพง ที่ทำให้เธอ ต้องระวังระวังใจ จนกระทั่ง เขา เดินเข้ามา แล้วบอกกับเธอว่า เขาจะอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหน จะจับมือเธอ เดินไปข้างหน้า และบอกทุกคนว่า คนนี้ แฟนผม
เพราะเรื่องราวในครั้งนั้น เขาไม่ชัดเจน ทำให้เธอ ต้องเสียใจ เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้ง เขาตั้งใจว่า จะไม่ปล่อยเธอไป แต่ว่า เขาไม่รู้เลย ช่วงเวลาที่เขาหายไป เธอกลายเป็นแม่ไปแล้ว แม่ที่น่ารักแสนดี ที่มีลูกสาว และคนข้างๆ ยืนเคียงข้างไม่ห่าง หนังสือรักเล่มเดิม ที่จะปรับปรุงใหม่ จะช้าเกินไปไหม สำหรับคำว่าเรา สองคน
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
[แสนหวาน + วิวาห์ฟ้าแล่บ + แต่งงานก่อน แล้วรักทีหลัง] แฟนที่หลู่ชิงชิงเลี้ยงดูมาหลายปีกลับนอกใจเธอ แอบไปคบกับเพื่อนสนิทของเธอ? เธอทนต่อกับเรื่องนี้ไม่ได้ และไปสมัครขอแต่งงานโดยตรง และแต่งงานกับชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากการแต่งงานแล้ว ชายคนนั้นคำหนึ่งก็ว่าเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัวสองคำก็ว่าจะเลี้ยงดูเธอ หลู่ชิงชิงเยาะเย้ยคิดว่ามันเป็นกลอุบายและคำโกหกของผู้ชายอีกแล้ว โดยไม่คาดคิดว่าชายคนนี้กลับกลายเป็นคนให้ความสำคัญกับภรรยาตัวเองจริงๆ ทั้งสนับสนุนอาชีพการงานของเธอและยังช่วยเธอทำงานบ้านด้วย และให้เธอตกแต่งบ้านตามใจชอบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา เขาก็สามารถแก้ปัญหาให้เธอได้ตลอด ทุกครั้งที่เธอถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขามักจะหัวเราะและเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาดโดยชมเธอว่าเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ภายใต้การเลี้ยงดูจากสามีของเธออย่างต่อเนื่อง เธอก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน จากนั้นเธอถึงพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในนิตยสารการเงินระดับโลกที่ดูเหมือนสามีของเธอทุกประการ...
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด