พี่สาวฝาแฝดที่พลัดพรากตั้งแต่พึ่งจะลืมตาดูโลก จงใจสังหารท่านอ๋องสายโหดในคืนเข้าหอแล้วสาปสูญไป เมื่อฟื้นขึ้นมาในอาภรณ์สีแดงอู๋หงถิงกลับชะตาพลิกผันจากนางใบ้ขอทานมาเป็นชายาทาสของ หวาเซียงอ๋อง
พี่สาวฝาแฝดที่พลัดพรากตั้งแต่พึ่งจะลืมตาดูโลก จงใจสังหารท่านอ๋องสายโหดในคืนเข้าหอแล้วสาปสูญไป เมื่อฟื้นขึ้นมาในอาภรณ์สีแดงอู๋หงถิงกลับชะตาพลิกผันจากนางใบ้ขอทานมาเป็นชายาทาสของ หวาเซียงอ๋อง
อู่หงถิง ลืมตาตื่นบนแท่นนอนสีแดง ยามเช้าที่ไร้ซึ่งสรรพเสียง ทำไมมาอยู่ตรงนี้ในเมื่อเมื่อคืนจำได้ว่าตัวเองกำลังจะกลับบ้านที่เชิงเขาเพื่อนำของที่ขอมาได้วันนี้โชคดีได้เงินพอซื้อไก่ ไปให้น้องๆ
“พานางออกไป”
สาวใช้ที่ไม่สาวสองคนจับแขนพาอู่หงถิงออกจากตรงนั้นไปชุดสีแดง ที่สวมใส่ยังใหม่และสวย แต่อู่หงถิงกับคิดถึงราคาของมันหากนำไปขายให้เถ้าแก่ที่เคยขโมยของไปขายอยู่เรื่อยๆว่าจะได้ราคาเท่าไหร่กัน
ร่างซูบซีดในอาภรณ์สวยงาม ยืนมองอู่หงถิงด้วยสายตาสงสัย
“ท่านพี่ทำไมทำกับนางเช่นนั้น”
แววตาดุดันทว่าใบหน้าหล่อเหลาเฉยชา โอบแขนรอบไหล่บางของเหอซ่างเซี่ยน ชายาเอกที่งดงามด้วยรูปโฉมกุมมือบางไว้อย่างอ่อนโยน
“หวางเฟยอากาศข้างนอกเย็น เข้าไปข้างในเสียเถอะ อย่ามาเสียเวลากับหญิงไร้ค่าผู้นี้”
“ไร้ค่า”อู๋หงถิงยกมือขึ้นส่งภาษามือ ด้วยความไม่พอใจ หากมีเสียงก็จะเปล่งวาจาด่าทอแต่นี่อู่หงถิงเป็นใบ้ ไม่สามารถกล่าวคำใดได้
ร่างสูงพยุงชายาเอกเข้าไปข้างในไม่สนใจภาษามือด่าทอนั้นหรือว่าไม่เข้าใจว่ากำลังถูกด่าทอ
อู่หงถิงมอง ตัวเองในขณะนี้ทำไมถึง งดงามเพียงนี้แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บของที่มี ทั้งธัญพืชตากแห้งกับฟืนในนั้น
“อยู่ในนี้จนกว่า ท่านอ๋องจะมีบัญชาให้ออกไป”
หงถิงขมวดคิ้วก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆห้อง
จะเป็นไรไป ดีกว่าบ้านที่อู่หงถิงอยู่กับมารดาแล้วก็น้องๆถมไป
“ท่านพี่นางทำอะไรผิด”แววตาอ่อนโยนไม่ต่างจากน้ำเสียง
“นางใช้มีดในมือแทงข้าก่อนที่จะหนีไป”แววตื่นตกใจ
“แทงท่านพี่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น นางเป็นถึงลูกขุนนางใหญ่ แต่งเข้ามาในจวนอ๋องคืนแรกแล้วทำไมถึงทำเรื่องใหญ่เพียงนั้น”
หลี่กวางหวาเซียงส่ายหน้าไปมา
“ท่านพี่ลองฟังนางพูด อย่าเพิ่งลงโทษนางเลย”
ส่งเสียงไอถี่ๆสองสามที
“อย่ากังวลพักเสีย ยกถ้วยยาให้พระชายา”
หันไปสั่งสาวใช้
กุมมือซีดขาวไว้แน่นพยุงให้ไปนั่งที่แท่นนอน
ก่อนหน้านั้น
หลี่กวางหวาเซียงสาวเท้าเข้าไปในห้องหอที่ประดับตกแต่งอย่างงดงาม
“เปิดประตู”
บานประตูถูกเปิดออกช้าๆ ร่างบอบบางนิ่งงันในแสงสลัว ผ้าคุลมหน้าปกปิดมิดชิด มือใหญ่เอื้อมเปิดผ้าคุลมหน้าสีแดงบางเบา เสียงมีดสั้นแหวกอากาศพุ่งเข้าสีข้างเขาอย่างจังทั้งๆที่เบี่ยงตัวหลบ เลือดไหลซึมหวาเชียงอ๋องผลักร่างบางให้ล้มลงบนแท่นนอนกุมมือที่บาดแผลเลือดไหลซึม เพียงแค่อึดใจที่ก้มมองบาดแผลนางกับถลาออกจากห้องไปทันที
“จับตัวนางไว้”
มีดเปื้อนเลือดถูกทิ้งลงกับพื้นก่อนที่ร่างบางในอาภรณ์สีแดงจะหายไปกับความมืด
“หวาเซียงพบนางแล้ว นางสลบอยู่ที่ริมเขา”
“นำไปขังไว้”
บาดแผลถูกชำระล้างทำความสะอาดและใส่ยาสมานแผล แผลไม่ลึกนักอาจเป็นเพราะความขลาดเขลาจึงไม่กล้าออกแรงในการแทง หรืออาจเป็นเพราะคนแทงไร้วรยุทธ์ แผลที่ได้จึงไม่สาหัส แต่ในระยะประชิดขนาดนั้นนางตั้งใจจะให้เขาตายอย่างแน่นอน
จะฆ่าจะแกงก็ใช่ที่ บิดานางได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทไม่น้อย เขาเองเคยพบนางเพียงครั้งเดียวในวังหลวงเพียงแค่เหลือบตามอง
“ท่านพี่จะลงทัณฑ์นางเช่นไร”
“ขังนาง ข้าเองไม่สู้ชอบใจนาง ขัดบัญชาฝ่าบาทไม่อาจกระทำอีกทั้งพ่อของนางยังได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท”
“ท่านพี่ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยอย่าได้ลงทัณฑ์นางเลยคิดเสียว่าเรื่องในครอบครัว”
“เรื่องในครอบครัว นางไม่ได้พลั้งมือทำร้ายข้าหากแต่นางจงใจแทงข้าให้ตาย”
“ท่านพี่อย่างไรเสียนางก็เป็นชายารอง”
“ข้าไม่เคยต้องการนาง ฝ่าบาทจงใจแต่งนางเข้าจวนอ๋องของข้าทั้งๆที่รู้ว่า ...ช่างเถอะ เจ้าพักเสียข้าจะออกไปสูดอากาศข้างนอก”
“ท่านพี่ข้างนอกอากาศเย็นหยิบเสื้อคลุมยื่นส่งให้ด้วยความห่วงใย หวาเซียงอ๋องเพียงรับมาถือไว้ก่อนจะก้าวออกไปด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
“ข้าว”สาวใช้ร่างใหญ่วางถวยข้าวลงตรงหน้า อู่หงถิงส่งภาษามือแสดงความขอบคุณ จนป่านนี้ยังไม่เข้าใจว่าตัวเองล้วงเกินอะไรบุรุษผู้นั้นและคนในบ้านนี้จึงถูกนำมาขังไว้ที่นี่ ก้มหน้าก้มตากินข้าวพรุ่งนี้หากสิ่งที่สงสัยยังไม่กระจ่างจะหาทางหนี แม่กับน้องต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน
ทิ้งตัวลงบนแคร่ไม้ไผ่นอนพักเอาแรงเสียหน่อย เสียงบานประตูเปิดออกช้าๆ ร่างดำทะมึนของคนสองคนยืนมอง อู่หงถิงตาไม่กระพริบ
“ เจ้า”
โยนถุงเงินให้ตรงหน้า อู่หงถิงเลิกคิ้วสูง
“เจ้าขอทาน เพียงแค่สงบปากสงบคำ อย่าได้บอกหวาเซียงอ๋องว่าเจ้าไม่ใช่ กวงเจ้าหรูไม่เช่นนั้นแม่กับน้องของเจ้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไป”
อู๋หงถิงถลาเข้า ตบตีคนพูดไม่ยั้ง ร่างบางถูกผลักให้ลงไปกองกับพื้น
“ทำตัวดีดีหน่อยชีวิตแม่กับน้องของเจ้าอยู่ในมือพวกเรา สวมรอยเป็นเจ้าหรูได้แนบเนียนแม่กับน้องจึงจะปลอดภัยไม่เช่นนั้น น้องผู้หญิงของเจ้าข้าจะฝังเสียทั้งเป็น”
อู๋หงถิงส่ายหน้าไปมาน้ำตาร่วงพรูคลานเข้าไปกอดขาคนพูดพร้อมกับส่ายหน้า
“จำไว้เจ้าชื่อเจ้าหรูแซ่กวง เป็นบุตรีของใต้เท้ากวงขุนนางคนโปรดของฝ่าบาท”
“ท่านหวงนางพูดไม่ได้อาศัยขอทานอยู่ริมถนนมานาน”
“ดีดีเลยที่เดียว แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ นางทำไมถึงมีใบหน้าเหมือนกวงเจ้าหรู”
“อาจบังเอิญ”
คนที่ถูกเรียกว่าท่านหวงจิกผมของอู่หงถิงดึงให้ยืนขึ้นเต็มตัว
“ท่านหวงนางคงไม่กล้าแล้วจากที่ดูนางรักแม่รักน้องไม่น้อย แต่ถึงจะกล้าก็เป็นใบ้จะบอกหวาเซียงอ๋องได้อย่างไร”
“555ดี ผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น”
“อยู่ที่นี่ทำตัวดีดีไม่แน่หวาเซียงอาจถูกใจเจ้ารับเป็นนางบำเรอ แต่เดิมเขาก็ไม่อยากแต่งกับเจ้าหรูอยู่แล้ว”
อู่หงถิงปาดน้ำตาก้มลงศรีษะจรดพื้น ส่งภาษามือ
“นางต้องการพูดอะไร”
“นางบอกว่านางยอมทำทุกอย่างขอเพียงปล่อยแม่และน้อง”
มือใหญ่บีบปากบางจนผิดรูป
“ใช้รูปโฉมของเจ้าให้เป็นประโยชน์ หากฆ่าหวาเซียงอ๋องได้เมื่อไหร่ข้าจึงจะปล่อยแม่และน้องของเจ้า”
สะบัดมืออย่างแรงจนใบหน้าของอู๋หงถิงสะบัดตามแรงมือ ก้าวข้าเร้นกายออกไปทันที
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY