เธอถูกทำร้ายโดยสามีและชู้จนเสียลูกในท้องไป ครานี้เธอกลับได้ลูกโดยไม่ต้องท้องมีหรือที่เธอจะไม่รักและปกป้องเด็กคนนี้ ว่าแต่พ่อของเด็กคือใครกัน….
เธอถูกทำร้ายโดยสามีและชู้จนเสียลูกในท้องไป ครานี้เธอกลับได้ลูกโดยไม่ต้องท้องมีหรือที่เธอจะไม่รักและปกป้องเด็กคนนี้ ว่าแต่พ่อของเด็กคือใครกัน….
เสียงประทัดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ตลอดจวนแม่ทัพถูกตกแต่งไปด้วยคำมงคลและประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดงงดงาม ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาร่วมงานมงคลนี้อย่างคับคั่ง
“นี่เจ้ารู้หรือไม่”
“รู้อะไรงั้นหรือ”
“เขาลือกันว่า เหตุที่ท่านแม่ทัพตะวันออกหยางเฟยหย่าต้องแต่งกับคุณหนูใหญ่จวนเซวียนั้นล้วนแล้วแต่เพราะจำใจเท่านั้น”
“จำใจงั้นหรือ...แต่การแต่งงานของตระกูลใหญ่ ๆ ส่วนมากแล้วหากมิใช่เพราะผลประโยชน์ก็ไม่สามารถเป็นเรื่องอื่นไปได้มิใช่หรือ”
“เจ้าไม่รู้อะไร เมื่อครั้งอดีตเสนาบดีเซวียนั้นเคยช่วยเหลืออดีตแม่ทัพหยางซึ่งเป็นบิดาของแม่ทัพหยางเฟยหย่าไว้ ดังนั้นอดีตแม่ทัพหยางจึงได้ปฏิญาณไว้ว่าหากมีบุตรชายจะให้หมั้นหมายและแต่งงานกับบุตรีคนโตของตระกูลเซวีย”
“เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ”
“เจ้าเนี่ยนะ ช่างไม่รู้อะไรจริง ๆ”
“อะไร ไหนเจ้าลองเล่ามาสิ เท่าที่ข้ารู้มาคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียนั้นทั้งงดงามและอ่อนโยนมีความเป็นกุลสตรี เช่นนี้แล้วจะไม่เหมาะกับแม่ทัพหยางได้อย่างไร ทั้งสองตระกูลก็ล้วนแล้วแต่มีหน้ามีตาอีกทั้งยังฐานะทัดเทียมกัน อายุของทั้งสองก็....เหมาะแก่การออกเรือน เช่นนี้แล้วยังจะมีสิ่งใดไม่เหมาะอีก”
“เจ้านี่ก็เหลือเกิน หากเป็นเช่นเจ้าว่าข้าคงจะสบายใจมากกว่านี้ ดูเหมือนในจวนเซวียนั้นไม่สงบเท่าใดนัก หากคุณหนูใหญ่เซวียไม่รีบแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพเสียแต่ตอนนี้ เกรงว่าอีกไม่นานอาจจะไม่ได้ออกเรือนกับคนดี ๆ เช่นแม่ทัพหยางก็เป็นได้”
“ทำไมกัน”
“ดูเหมือนตอนนี้หลังบ้านของจวนตระกูลเซวียจะไม่สงบเท่าไหร่นัก”
“เจ้านี่ก็ช่างรู้มากเสียเหลือเกิน นั่น ๆ ขบวนเจ้าสาวมาแล้ว”
ขบวนเจ้าสาวถูกรับเข้าจวนแม่ทัพตามประเพณีทุกอย่างถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ ในมุมลับตาไม่ไกลออกไปกลับมีสตรีดวงหน้างดงามยืนหน้าตาบูดบึ้งมองพิธีแต่งงานนั้นอย่างอิจฉาริษยา
“คุณหนู”
“ทำไม ทำไมไม่ใช่ข้า ทำไมท่านพ่อต้องให้นางแต่งงานกับคนที่ข้าหมายปอง ทั้ง ๆ ที่ข้าแอบชอบท่านแม่ทัพก่อนพี่หญิงและนางเองก็รู้เรื่องนี้”
“แต่คุณหนูเจ้าคะ เรื่องนี้เป็นนายท่านที่จัดการทั้งหมด แม้คุณหนูจะถูกใจท่านแม่ทัพแต่งานแต่งงานในครั้งนี้คุณหนูใหญ่เองก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้ง......ในสัญญาหมั้นหมายก็ได้กล่าวไว้ว่าต้องเป็นบุตรีคนโตของภรรยาเอกเท่านั้น”
“ก...”
ทันทีที่เซวียอินจะกรี๊ดกลับถูกบ่าวรับใช้คนสนิทรีบนำผ้าปิดปากและลากตัวออกจากตรงนั้นทันที หญิงสาวดิ้นรนและสะบัดตัวให้หลุดพ้นแต่กลับสู้แรงของบ่าวรับใช้ไม่ได้แม้แต่น้อย จนเมื่อพ้นจากผู้คนแล้วบ่าวรับใช้คนสนิทของหญิงสาวจึงได้ปล่อยตัวคุณหนูของตน
“อาลัว นี่เจ้ากล้า...”
“คุณหนู บ่าวเพียงทำตามคำสั่งของอนุจินเท่านั้น หากคุณหนูทำเช่นนั้นต่อหน้าผู้คน พวกเขาจะมองคุณหนูเช่นไร”
“นี่เจ้ากล้าสอนข้าหรือ”
“มิได้เจ้าค่ะ บ่าวเพียงพูดตามคำสั่งของอนุจินก็เท่านั้น”
อาลัว บ่าวรับใช้คนสนิทของเซวียอินที่อนุจินใช้ให้ดูแลบุตรสาวของนาง นางรู้ว่าเซวียอินมีนิสัยอย่างไรแม้จะพยายามแก้ไขแต่เป็นเพราะการตามใจของนางจึงทำให้บุตรสาวมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือต้องหาคนที่ไว้ใจได้คอยดูแลและช่วยให้บุตรสาวของนางผ่านพ้นสถานการณ์ที่ทุกข์ยากเหล่านั้นไปให้ได้
“ข้าไม่เข้าใจท่านแม่ เหตุใดถึงต้องยอมให้พี่หญิงใหญ่แต่งกับท่านแม่ทัพแทนข้า ทั้ง ๆ ที่ท่านแม่สามารถพูดแทนข้าก็ได้แล้วแท้ ๆ”
“ดูเหมือนสัญญามิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ฮูหยินจวนแม่ทัพนั้นในอนาคตสามารถเปลี่ยนได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“เรื่องนี้บ่าวไม่สามารถพูดอะไรมากได้ เพียงแต่อนุจินได้ให้บ่าวแจ้งคุณหนูว่า ให้ทำตัวดี ๆ จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง แล้วตำแหน่งฮูหยินจวนแม่ทัพจะเป็นของคุณหนูอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้คนสนิทพูดจบเซวียอินยกยิ้มก่อนจะจัดแจงตนเองและเดินนำอาลัวไปยังงานพิธีอีกครั้งดั่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เสียงกรีดร้องในห้องที่มีหญิงรับใช้เดินพลุกพล่านได้ทำให้เซวียอินมองด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนู ดูเหมือนคุณหนูใหญ่ใกล้จะคลอดแล้วนะเจ้าคะ”
“หมอตำแยมาหรือยัง”
“เห็นว่ากำลังไปตามอยู่เจ้าค่ะ”
“หากหมอตำแยมาแล้ว เจ้ารีบพามาหาข้าก่อน”
“เจ้าค่ะ”
“ถึงท่านแม่จะให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่ยามนี้ แต่ใครจะรู้ว่านางจะรอดหรือไม่ อีกทั้งท่านแม่ทัพเองก็มิได้อยู่จวน เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านแม่ที่คิดและลงมือแทนข้า ฮึ ๆ”
ฮูหยินเซวียที่จู่ ๆ ก็ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงทำให้ไม่สามารถมาอยู่เป็นเพื่อนบุตรสาวยามคลอดได้จึงทำให้เซวียอินที่เป็นสตรีได้รับคำสั่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวของนาง ครั้งแรกที่ทราบนั้นนางตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อมารดาของนางบอกแผนการบางอย่างแก่นางแล้ว รอยยิ้มร้านจึงผุดขึ้นและทำให้นางได้มาเหยียบจวนแม่ทัพนี้
“คุณหนู หมอตำแยมาแล้วเจ้าค่ะ”
สตรีมากอายุค่อย ๆ เดินมาก่อนจะคำนับสตรีที่อ่อนวัยกว่า
“มีใครเห็นนางหรือไม่”
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“ที่นี่มีนางเป็นหมอตำแยเพียงคนเดียวงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ดูเหมือนตอนนี้จะมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น”
เซวียอินพยักหน้าช้า ๆ ให้กับอาลัว หญิงรับใช้คนสนิทได้ล้วงเอาถุงเงินมอบให้กับหมอตำแยนั้นก่อนจะกระซิบบางอย่างแก่นาง สตรีมากอายุพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะคำนับขอบคุณแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
“เพียงเท่านี้....ทุกอย่างก็จบ”
ขณะที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่หญิงสาวต้องการนั้น จู่ ๆ กลับมีเสียงร้องอย่างดีใจของบ่าวรับใช้ในห้องคลอดดังขึ้นจนทำให้เซวียอินอดไม่ได้ที่จะเดินไปด้านหน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฮูหยินคลอดแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดแล้ว”
บ่าวรับใช้บอกด้วยรอยยิ้มดีใจ
“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าค่ะ เป็นเด็กผู้ชาย”
บ่าวอีกคนเอ่ยขึ้น เซวียอินบีบมือของตนจนเลือดซึมใต้แขนเสื้อที่ปกปิดอยู่ แม้ใบหน้าจะฝืนยิ้มให้กับบ่าวไพร่นั้น ‘บ้าจริง เช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี’ ขณะนั้นเองหญิงรับใช้อีกคนได้เดินหน้าตาตื่นเข้ามาเรียกบ่าวก่อนหน้านี้
“พวกเจ้ารีบเข้าไปดูฮูหยินเร็วเข้า ดูท่าจะไม่ดีเสียแล้ว”
“ด้านในเกิดอะไรขึ้น”
สตรีเหล่านั้นรีบเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในขณะที่เซวียอินเอ่ยถาม แม้ใจหนึ่งจะอดไม่ได้ที่จะห่วงสตรีผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวพ่อเดียวกัน แต่ความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจก็มิได้หายไปแม้แต่น้อย
สตรีในอาภรณ์ไว้ทุกข์ได้คุกเข่าอยู่ข้างโลงศพ ในมือของนางนั้นอุ้มเด็กน้อยที่ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน เด็กน้อยในอ้อมแขนของนางกลับนอนหลับสนิท ขณะนั้นจู่ ๆ กลับมีม้าเร็วได้วิ่งมาหยุดหน้าจวน
“ไม่ทราบว่าฮูหยินหยางอยู่ที่ใด”
ทหารหนุ่มที่ลงจากหลังม้ารีบเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงหันไปทางเซวียอินที่ตอนนี้อุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน
“ฮูหยิน...พี่หญิงใหญ่ของข้าเพิ่งเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่มิได้อยู่ที่นี่ ท่านแม่ทัพเองก็มิมีผู้ใหญ่ในจวน เช่นนั้นข้า....”
“เช่นนั้นท่านก็รับไปก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มล้วงจดหมายออกมาจากอกเสื้อก่อนจะลาจากไป เซวียอินที่ตอนนี้แม้จะทำทีเศร้าสร้อยแต่ลึก ๆ นางกลับรู้สึกภูมิใจที่ได้มีอำนาจในจวนแม่ทัพนี้ ‘กำจัดได้คนหนึ่ง แต่กลับมีตัวยุ่งยากอีกคนเกิดขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นไร รอท่านแม่ทัพกลับมาข้าจะจัดการเขี่ยเจ้าออกไปเอง’ หญิงสาวส่งเด็กน้อยให้อาลัวอุ้มก่อนจะค่อย ๆ บรรจงแกะจดหมายนั้น
“คุณหนู”
อาลัวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดของคุณหนูตนและมือที่สั่นน้อย ๆ ของหญิงสาว
“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่และไม่สามารถกลับจวนได้ในตอนนี้”
เซวียอินพูดขึ้นเบา ๆ ก่อนจะร่ำไห้ด้วยเสียงอันดัง
“ไม่นะ หลานข้ามิใช่ดาวแห่งความโชคร้าย ไม่จริง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็เท่านั้น”
เมื่อมีเสียงร่ำไห้อันดังจึงทำให้ผู้คนที่กำลังเดินเข้ามาร่วมงานต่างพากันมองและซุบซิบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที ข่าวเรื่องเด็กที่เกิดมาก็ทำให้ยายป่วย แม่ตายและพ่อบาดเจ็บหนักจนไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายได้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว เรื่องราวของเด็กที่เป็นดาวแห่งความโชคร้ายจึงได้ถูกเล่าต่อ ๆ กันจนกลายเป็นที่หวาดกลัวของทุกคน
“เพี๊ยะ”
เสียงฝ่ามือปะทะแก้มน้อย ๆ อย่างแรงจนร่างของเจ้าของแก้มนั้นกระเด็นล้มลง
“ทะ ท่านน้า”
“ข้าไม่กล้าเป็นน้าของเจ้าหรอก ข้ากลัวความโชคร้ายของเจ้าจะมาตามติดข้า อาลัว ข้าบอกให้เจ้าสอนมันให้เรียกข้าว่าอย่างไร”
“ข้าบอกเจ้าให้เรียกว่าคุณหนูเซวียอย่างไรล่ะ”
“ขอรับ คุณหนูเซวีย”
“ดีมาก จงจำไว้ว่าข้าคือคุณหนูเซวียผู้มีพระคุณของเจ้า”
“ขอรับ”
“กลับไปทำงานของเจ้าให้เรียบร้อย หากยังไม่เสร็จก็ไม่ต้องกินข้าว”
“ขอรับ”
เด็กน้อยหน้าตามอมแมมสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นที่ดูย่ำแย่ยิ่งกว่าขอทานค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินโซเซออกไปทำงานของตนที่ไม่ต่างจากบ่าวในจวน น้ำตาของเด็กชายค่อย ๆ รินไหลเป็นทาง ‘เพราะข้าเป็นดาวแห่งความโชคร้าย ท่านแม่และท่านพ่อจึงต้องจากข้าไป ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดข้า ที่ข้าโดนมันก็ถูกต้องแล้ว ฮือออออ’
'คนที่ไว้ใจที่สุดคือคนที่ร้ายที่สุด' หนึ่งคนที่รัก อีกหนึ่งคนที่ไว้ใจรวมหัวกันหลอกเธอจนวาระสุดท้าย ก่อนสิ้นลมหายใจเธอได้อธิษฐานขอโอกาสอีกครั้ง ขอให้เธอได้เจอชีวิตที่ดีกว่านี้
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY