เมื่อความรัก... ละลายความแค้น หญิงสาวที่งดงาม ไร้เดียงสา เมื่อวันหนึ่ง ชีวิตของเธอตกอยู่ในกรงเล็บของ นักฆ่า ไร้ใจ ไร้รัก จักรวาลของเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อดวงตางดงามคู่นั้น สะกดเขาเอาไว้ ทุกนาที...
เมื่อความรัก... ละลายความแค้น หญิงสาวที่งดงาม ไร้เดียงสา เมื่อวันหนึ่ง ชีวิตของเธอตกอยู่ในกรงเล็บของ นักฆ่า ไร้ใจ ไร้รัก จักรวาลของเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อดวงตางดงามคู่นั้น สะกดเขาเอาไว้ ทุกนาที...
อพาทเม้นท์ส่วนตัวสุดหรู ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่พักของนางแบบสาวดาวรุ่งของวงการ เธอเริ่มต้นจากการประกวดจากรายการรีอัลริตี้โชว์ระดับแนวหน้า หลังจากได้รับตำแหน่ง ก็กลายเป็นนางแบบชื่อดังชั่วข้ามคืน นับจากนั้นแพททรีเซียมีชีวิตต่างออกไปจากเดิม กลายเป็นคนนอนดึกตื่นเช้าและออกกำลังกายอย่างเคร่งครัด รับประทานอาหารตามโปรแกรมที่กำหนดขึ้นเพื่อไม่ให้เรือนร่างระหงมีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย
บางครั้งหญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่า ชีวิตตัวเองในตอนนี้มันต่างกับหุ่นยนต์ตรงไหนกัน อาจจะต่างก็ตรงที่เธอมีลมหายใจเท่านั้น เพราะอย่างอื่น เธอถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้เป็นไปตามการควบคุมเสียทุกอย่าง
ตอนนี้แพททรีเซียอ่านข่าวของตัวเองจากหน้าจอแทบเลทระหว่างที่กำลังรอผู้จัดการส่วนตัว
ขณะที่อ่านข่าวไป คิ้วก็ขมวดเข้าชนกัน เพราะเนื้อหาข่าวชวนให้หัวเสียอย่างยิ่ง หากผู้จัดการส่วนตัวรู้เข้า ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ เพราะพอลล่าคือคนจากเอเจนซี่ที่ส่งมาดูแลหล่อน ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ในวันนี้พอลล่าจะมารับหล่อนไปถ่ายโฆษณาในฐานะพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมแบรนด์ดังคอลเล็คชั่นใหม่ต้อนรับช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง
ปกติแพททรีเซียให้เวลากับการเช็คข่าวของตัวเองก่อนออกไปทำงานเสมอ ก็ได้ข้อมูลข่าวจากสื่อบันเทิงพวกนี้ล่ะ ไว้เช็คเรทติ้งของตัวเองถึงแม้นานครั้งจะมีโอกาสได้อ่านเจอข่าวของตัวเองก็เถอะ ที่ว่านานๆ ทีนั้น ใช่ว่าแพททรีเซียจะไม่ดังเสียเมื่อไหร่ หากเพราะแพททรีเซียแทบไม่มีข่าวฉาวต่างหาก ก็ภาพลักษณ์ออกจะเป็นนางแบบสาวดาวรุ่งน้องใหม่ผู้แสนดี นับว่าสื่อยังคงจับตาที่ความสดใสมากกว่าจะมุ่งทำร้ายทำลายชื่อเสียงเธอ
เย็นวันนี้หญิงสาวมีคิวถ่ายโฆษณาต่อตอนทุ่มครึ่ง ก่อนที่สาวใหญ่อย่างพอลล่าซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวจะพาไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ชื่อเสียงเธอ ตอนนี้กำลังฮิตติดลมบน ไอ้เรื่องข่าวเสียๆ หายๆ ที่จะทำให้เสื่อมเสียจนกระทบไปถึงเรทติ้งน่ะ ไม่มีแน่นอน...
ซึ่งในวันนี้กับเมื่อครั้งที่แพททรีเซียเข้าวงการใหม่ๆ มันต่างกันมาก
‘ความดัง มันก็อยู่คู่กับความเป็นข่าวนะแพททรีเซีย ถ้าเมื่อไหร่ที่เราไม่มีข่าวบนสื่อ นักข่าวไม่สนใจเวลาเธอไปไหนต่อไหน นั่นแสดงว่า วันนั้น...ไม่ใช่วันของเธอแล้ว จำเอาไว้!’ แพททรีเซียหยุดนึกถึงคำพูดของพอลล่าในอดีต ที่บอกเล่าด้วยน้ำเสียงแบบคนช่างเม้าท์นิดหน่อย ซึ่งในเวลานั้นแพททรีเซียยังเด็กมากและเป็นเพียงนางแบบน้องใหม่ โนเนม โนบอดี้...
พอลล่าจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อผลักดันให้แพททรีเซียได้เป็นข่าวและชิงพื้นที่สื่อให้ได้มากที่สุด เท่าที่ความสามารถของผู้จัดการส่วนตัวอย่างเธอจะทำได้
‘แล้วเป็นข่าวซุบซิบแบบนี้จะดีเหรอคะพอลล่า’ แพททรีเซียถามด้วยความไม่ประสีประสา
ซุบซิบนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แต่อย่าให้ฉาว แค่ไม่มีหนุ่มฮิบฮอปย่องขึ้นเพ้นท์เฮ้าส์ หรือมีข่าวว่าหนูไปอาบแดดแบบไม่ใส่อะไรเลยที่ชายหาดกับมาเฟียตัวพ่อ ก็พอแล้วค่ะ’ พอลล่าให้เหตุผล
แต่วันนั้นกับวันนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้โด่งดังมีชื่อเสียงแล้ว นางแบบดาวรุ่งอย่างแพททรีเซีย ก็ต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์มากขึ้นด้วย หญิงสาวรีบปิดหน้าจอ เพราะ ‘ข่าว’ ที่กำลังเผชิญในตอนนี้ มันควรที่จะถูกเก็บเป็นความลับมากกว่า เพราะถ้าข่าวมันบานปลายใหญ่โต เรื่องมันจะไม่จบแค่กรอบเล็กๆ อย่างที่เห็นน่ะสิ!
“Hi! แพท พี่มาแล้ว เตรียมตัวเสร็จยัง?” พอลล่าเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมเอ่ยทักทาย กระทั่งมาหยุดที่โซฟาอ่อนนุ่มสีสวยราคาแพงและยุบตัวลงนั่งใกล้ๆ นางแบบสาวที่ว่า
“ค่ะ” แพททรีเซียตอบ มือก็ซ่อนแทบเลทไว้แทบไม่ทัน แต่ก็ยังตีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ หากท่าทีพิรุธของหญิงสาวก็ไม่อาจเล็ดรอดสายตาของพอลล่าได้
“เราซ่อนอะไรไว้?” พอลล่าหูตาไวจะตาย เธอพบว่ามีสิ่งพิรุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แววตาของแพททรีเซีย เปิดเผยเกินไป
“มะ... ไม่มีนะคะ” แพททรีเซียปฏิเสธประหนึ่งว่าเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ตีสีหน้านิ่งเฉย พยายามเก็บซ่อนความผิดปกติเอาไว้อย่างที่สุด แต่นั่นกลับไม่เป็นผลสำเร็จ
“แล้วนี่อะไร?” พอลล่าลุกขึ้น หยิบหลักฐานขึ้นมาโชว์ หน้าจอแทปเลทของนางแบบสาวมันยังคงโชว์หน้าจอเดิมที่เพิ่งอ่านไปทำให้พอลล่าเสพข่าวนั้นอย่างหงุดหงิดและเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง
แพททรีเซียกับนักร้องหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ กลายเป็นคู่กิ๊กกันได้ยังไง?
“มีข่าวแบบนี้ได้ยังไงแพททรีเซีย?” พอลล่าถามเสียงกร้าว
“แพททรีเซียไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดนะ แล้ววันนั้นมันเรื่องงานล้วนๆ แพททรีเซียอธิบายได้” เหตุผลของนางแบบสาว น้ำเสียงก็ดูหนักแน่น ไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดหรืออ่อนข้อต่อพอลล่าแต่อย่างใด
‘ทำผิดแล้วยังจะมาตีสีหน้าแบบนี้อีกนะยัยเด็กหัวดื้อ เดี๋ยวจะให้แก้ปัญหาเองเสียให้เข็ด’
พอลล่าคิดในใจ มันอดไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวที่ไม่มีแววของความรู้สึกสำนึกผิดเสียด้วยซ้ำเมื่อถูกจับได้
“ไปคุยกันในรถ” พอลล่าดุอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะเดินนำหน้าหญิงสาวออกนอกเพ้นท์เฮ้าส์ ตรงไปยังที่จอดรถแล้วบึ่งไปกองถ่ายแบบโฆษณา
พอลล่าดูแลแพททรีเซียดีมากอย่างไร้ที่ติ เพราะเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง ปกป้องนางแบบดาวรุ่งเบอร์หนึ่งอย่างแพททรีเซียได้อย่างยอดเยี่ยม พอลล่าเองก็เจนวงการไม่เบา นางแบบในสังกัดภายใต้การดูแลของหล่อน ถึงจะมีน้อยแต่ก็อยู่ในระดับแนวหน้าทั้งนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพททรีเซีย ตอนนี้สื่อกำลังจับตานางแบบสาวดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-อเมริกันคนนี้ งานไหลมาเทมาจนเธอเองยังตั้งตัวไม่ทัน เชื่อได้เลยว่าแพททรีเซียยังมีอนาคตไปได้อีกไกล
‘ก็เพราะนางแบบคนอื่นน่ะเหรอ เทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ’
แต่กับข่าวซุบซิบนี้ที่เห็น ก็คงไม่ต่างกัน งานเข้างานใหญ่ให้พอลล่าได้แก้ปัญหาอีกแล้ว!
แพททรีเซียนะแพททรีเซีย!! แพททรีเซีย ดาร์ลิง คือชื่อในวงการของเธอ
เพราะ “ข่าว” มันก็เป็นเหมือนดาบสองคมให้ทั้งคุณและโทษ ทั้งสร้างชื่อให้นางแบบโนเนมดังชั่วข้ามคืนก็จริง หากขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือทำร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงงานหมดเงินหดได้เหมือนกัน
ข้อเท็จจริงข้อนี้ พอลล่ารู้เป็นอย่างดี
บ้าฉิบ! รถพวกนี้มันหลุดมาจากนรกรึไง ถึงขับกันได้ห่วยแบบนี้!!” ระหว่างทางพอลล่าก็สบถไปตามทาง ชนิดที่ใครขับปาดหน้า พี่แกเป็นต้องปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมายั้วเยี้ย
“เฮ้ ใจเย็นสิพอลล่า” หญิงสาวเตือน ผู้จัดการหันมามองหน้าเด็กในสังกัดแบบเหวี่ยงๆ สงสัยยังไม่หายหงุดหงิด อาจจะมีอารมณ์ต่อเนื่องมาจากข่าวซุบซิบที่เธออ่านเจอ
มันต้องชัวร์อยู่แล้วล่ะ เป็นใครจะใจเย็นเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ล่ะ หากต้นสังกัดรู้ เป็นต้องคอขาด เผลอๆ งานพรีเซนเตอร์ที่กำลังจะไปถ่ายทำจะพาลยกเลิกให้
“เงียบ! แพททรีเซีย!!” พาลหันมาดุนางแบบสาวน้อยจนเธอทำได้แค่เพียงกระพริบตาปริบๆ สองครั้งก่อนจะถอนหายใจยาว ‘ความผิดเราสินะ’
“โธ่...” แพททรีเซียลากเสียงยาว
“อย่าโมโหไปเลยพอลล่า... แล้วก็ไม่ต้องซิ่งขนาดนั้นด้วย ยังไม่หายโกรธแพทหรือคะ” แพททรีเซียถามอย่างสำนึกผิด เธอไม่ได้เจตนาอยากให้มันเป็นข่าวนี่
“ยัง” ผู้จัดการส่วนตัวตอบด้วยสีหน้าปั้นปึ่ง
“แพททรีเซียขอโทษ อย่าโกรธแพทเลยนะคะ เดี๋ยวเสียสุขภาพนะ” หญิงสาวออดอ้อน
“เราน่ะไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย”
“เปล่านี่คะ” ตอบพร้อมทำปากยื่น
“เรามาเคลียร์เรื่องข่าวกันก่อนสิ” พอลล่าทำเสียงดุ
“ไม่เห็นต้องเคลียร์เลย ในข่าวไม่ได้เขียนชื่อแพททรีเซียสักหน่อย”
“คิดว่าประชาชนไม่รู้หรือไงว่าในข่าวน่ะคือเรานะแพท” พอลล่าทำน้ำเสียงประชด แล้วดุต่อ “แล้วนี่... แอบไปเจอกันตั้งแต่เมื่อไหร่? ก็รู้ๆ อยู่ พ่อนักร้องฮิปฮอบนั่นเจ้าชู้อย่างกับอะไร คบหาผู้หญิงหลายคน ดารานางแบบ เซเลบริตี้ พริตตี้ สาวไฮโซ มั่วไม่มีซ้ำหน้า แล้วเรายังเอาตัวเองเข้าไปยุ่งทำไมหา?” พอลล่าดุอย่างอ่อนใจ เมื่อรายละเอียดของข่าวคือภาพหลุดที่ปาปารัซซี่แอบถ่าย ขณะนางแบบสาวเดินควงกับพ่อนักร้องฮิปฮอปชื่อดัง ถึงจะไม่ได้ไปกันแค่สองต่อสองก็เถอะ แต่ภาพที่ออกมาแบบนั้น มันดูเสียหาย
เห็นทีพอลล่าจะมีมาตรการทำโทษแพททรีเซียให้หลาบจำแน่ๆ
“ที่ไปเที่ยวคืนนั้นพวกเราก็ไปกันหลายคนนะคะ หลังจากเที่ยวเสร็จแล้วแพททรีเซียไม่ได้ทำอย่างที่มีในข่าวสักหน่อย ไม่ได้ย่องขึ้นเพ้นท์เฮ้าส์ใคร แล้วก็ไม่ได้พาใครขึ้นเพ้นท์เฮ้าส์ตัวเองด้วย แพทคอนเฟิร์ม!” นางแบบสาวหยุดพูด พลางหันไปมองกิริยาตอบสนองต่อคำปฏิเสธของเธอ แต่อีกฝ่ายยังพ่นไฟออกทางรูขุมขน แพททรีเซียสูดหายใจเข้าลึกก่อนพูดต่อไปอีก “นักร้องคนนั้น เขามาส่งแพทถึงแค่ลอบบี้เพ้นท์เฮ้าส์ด้านล่าง แค่นั้นเองจริงๆ นะ” หญิงสาวหยุดสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งอย่างหนักใจ
“แพททรีเซียขอย้ำนะคะ ว่าคืนนั้นก็มากันหลายคนด้วย เพื่อนๆ กันทั้งนั้น แพทกับเขา เราก็ไม่ได้จูบกันอย่างในข่าวเลยสักนิด ถ้าพอลล่าไม่เชื่อ จะเอาเพื่อนแพทมาช่วยยืนยันไหมคะ?” นางแบบสาวยืนกราน พร้อมดึงบุคคลที่สามเข้ามาเอี่ยว เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนเอง
แต่กระนั้น ก็ไม่กล้าสบตากับพพอลล่านานๆ อยู่ดี
แหงล่ะ แพททรีเซียกลัวพอลล่าผู้จัดการส่วนตัวผู้มากล้นประสบการณ์จะอ่านความในใจของเธอออกจนหมดเปลือก
พอลล่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ร้ายกาจเชียวล่ะ ที่ผ่านมาโกหกทีไร นางแบบสาวเจ้าสเน่ห์อย่างแพททรีเซียมีอันโดนจับได้ทุกทีเลยเชียว
คราวนี้ ชะตากรรมก็คงไม่ต่างกัน
“พี่เชื่อเรานะ แต่ประชาชนจะเชื่อหรือเปล่า นั่นมันอีกเรื่องนะแพททรีเซีย!” พอลล่าดุเสียงดัง ตาเขียวปั๊ด คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นเครื่องหมายอินฟินิตี้
ในที่สุดแววตาคู่งามนั้นก็โรจน์วาวด้วยความโมโห ตายแน่ๆ คราวนี้แพททรีเซียนางแบบเบอร์หนึ่งตายแน่ๆ
“...” แพททรีเซียยอมจำนนแต่โดยดี ไม่อาจตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น แหงล่ะ ตอนนี้นอกจากพอลล่าแล้วสังคมคงตัดสินเธอไปแล้วเรียบร้อยสินะ!
“พี่เคยเตือนเราแล้วใช่ไหม? อยู่ในวงการต้องระวังเนื้อระวังตัว อย่าให้เป็นข่าว” ดูเหมือนความดุดันในน้ำเสียงของพอลล่าเหมือนจะลดลงบ้างแล้ว
“ก็เมื่อก่อน... เห็นพยายามให้แพททรีเซียเป็นข่าวนี่คะ” เสียงหวานย้อน หน้าหวานยังยิ้มอ่อนจนน่าจับมาตีก้น
“กับตอนนี้มันเหมือนกันเสียเมื่อไหร่” พอลล่าเกือบจะกรีด เห็นหน้าสวยตาใส บทจะดื้อก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ เถียงคำไม่ตกฟาก ยิ้มอ่อนหน้าตายอีกด้วยนะ มันน่ามันเขี้ยวไหมล่ะ
“แพททรีเซียรู้ค่ะ แต่คืนนั้นไม่มีอะไรจริงๆ” หล่อนอยากให้พอลล่ารับฟังคำอธิบายของเธอบ้าง
“แล้วมันมีภาพหลุดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?” พอลล่าซักไซ้ด้วยน้ำเสียงเข้มขึง
“ไปคุยเรื่องงาน เสร็จแล้วเพื่อนๆ ก็มาส่งที่เพ้นท์เฮ้าส์ก็แค่นั้นเอง” แพททรีเซียอธิบายเหตุผลให้ผู้จัดการส่วนตัวฟังเป็นฉากๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงที่เธอไม่ได้มีอะไรกับนักร้องฮิปฮอปมาดเพลย์บอยนั่น แต่ที่ต้องโกหกว่ามีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะคิดว่าตนเองจะโดนดุน้อยลง เพราะความอยากหนีเที่ยวแท้ๆ เลยแพททรีเซีย
“คุยงาน ทำไมต้องขึ้นเพ้นท์เฮ้าส์?”
“โธ่.... พอลล่า แพททรีเซียก็แค่ไปปาร์ตี้ พบกันบ้างอะไรบ้าง แต่คืนนั้นเราไปคุยงานด้วย และในคืนนั้น คนจัดงานออร์แกไนซ์ก็ไปด้วย เราก็คุยเรื่องงานนะคะ” คำแก้ตัวที่คู่ควรเพื่อให้ มีเรื่องงานเข้าไปปะปนบ้างอย่างน้อยโทษหนักจะได้เป็นเบา แต่ผลที่ได้ไม่เป็นไปตามคาด กลายเป็นยิ่งโดนหนักกว่าเดิมเสียอีก เมื่อพอลล่ารู้ว่ารับงานโดยที่เธอไม่รู้ไม่เห็นด้วย ก็รู้ๆ อยู่ว่ารายได้ของพอลล่ามาจากเปอร์เซนต์แบ่งจากรายได้ของนางแบบอย่างแพททรีเซีย
“ถ้าเป็นเรื่องงานทำไมไม่ให้ผู้จ้างติดต่อผ่านพี่? แล้วถ้ามันมีปัญหาขึ้นมา ใครจะปกป้องผลประโยชน์ให้? ไหนจะเรื่องผลประโยชน์ ไหนจะชื่อเสียงเราอีก คนดังระดับแพททรีเซีย ใครก็อยากรู้จัก ใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อน เพราะตัวเธอมันสร้างผลประโยชน์ได้มากมาย คิดเหรอว่าพวกนั้นเขาจะจริงใจด้วย!!” พอลล่าได้ทีบ่น แล้วยังพาดพิงไปถึงเพื่อนๆ กลุ่มนั้น สรุปว่ากระทั่งนาทีนี้ พอลล่ายังไม่หายหงุดหงิดสินะ
“แต่ว่า...” แพททรีเซียกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ก็ช้ากว่าปากพอลล่าอยู่ดี
“เตรียมเหตุผลไว้แก้ตัวกับผู้ใหญ่ก็แล้วกัน คนระดับผู้บริหารใช่จะหลอกได้ง่ายๆ ถ้าเขาโง่ คงไม่เป็นผู้บริหารหรอกนะ คราวนี้พี่ไม่ช่วยแล้ว” พอลล่าบอกอย่างงอนๆ เพราะแววดุดันในน้ำเสียงได้จางลงไปแล้ว
“พี่พอลล่า...” เสียงหวานครางในลำคออย่างออดอ้อน กระพริบตาปริบๆ อย่างผู้ที่สำนึกผิดเต็มเปี่ยม
“เราต้องหัดคิดหาทางแก้ปัญหาเองเสียบ้าง คราวหน้าจะได้ไม่ดื้อทำอีก” พอลล่าทิ้งท้าย
เร็วๆ นี้แพททรีเซียต้องเจอผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุน แน่นอนทีเดียวว่าพวกท่านเหล่านั้น ต้องถามถึงข่าว เอาเป็นว่าแพททรีเซียต้องกลุ้มใจต่อไป ว่าจะแก้ตัวกับผู้ใหญ่ยังไงกับภาพข่าวและกระแสด้านลบที่ออกมาแบบนี้
“นางแบบดีๆ สมัยนี้ มันไม่ใช่มีแค่ความสวยแล้วจะโด่งดังโลดแล่นอยู่บนถนนสายนี้ได้นานนะ ต้องเป็นคนดีทั้งในและนอกจอด้วย มันถึงจะอยู่กันได้ยาว เข้าใจนะ”
“แพททรีเซียเข้าใจแล้วค่ะ อย่าอารมณ์เสียเพราะแพททรีเซียเลยนะ ดูสิเดี๋ยวรอยย่นขึ้นไม่รู้ด้วยนะ”
“มีเรื่องให้พี่ปวดหัวอยู่เรื่อย... ความดังเป็นภัยจริงๆ เลย” พอลล่าเป่าปากอย่างเสียอารมณ์
“หรือจะให้แพททรีเซียกลับไปเป็นนางแบบโนเนมเหมือนเดิม เอาไหมละคะพี่พอลล่า” หญิงสาวแกล้งหยอก
“ตัวแสบ! ถ้าแบบนั้นพวกเราจะเอาอะไรกินล่ะ? คิดสิจ๊ะ คิด!” ดุแล้วก็ถอนหายใจยาว
“งั้นก็อย่าอารมณ์เสียสิคะ ดังมากก็เรื่องมากงี้แหละ” แพททรีเซียสรุปเอาเองอย่างอารมณ์ดี จนอีกฝ่ายอดหมั่นไส้ไม่ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามือบังคับพวงมาลัยรถละก็ เป็นได้หยิกแม่สาวตัวแสบสักทีสองทีให้หายมันเขี้ยวไปแล้ว
“เรอะ?” ได้แต่หันหน้ามาส่งเสียงได้แค่นั้น
“น่านะ พอลล่า... ที่สำคัญอย่าอารมณ์เสียก็พอ เดี๋ยวเสียสุขภาพจิตนะคะ” แพททรีเซียแกล้งแหย่แกมออดอ้อนจนพอลล่าเริ่มคลายความหงุดหงิดลง ด้วยความใจอ่อน
“อืม... มันก็จริงนะ” พอลล่ารู้สึกตัวคิดได้ แล้วอารมณ์จึงเย็นลง การขับรถถูกบังคับในระดับความเร็วปกติ จากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย จอดรถเสร็จเรียบร้อย ไม่นานก็พาตัวเองขึ้นไปยังห้องสตูดิโอเพื่อถ่ายทำต่อไป
“นั่น มากันแล้ว” ทีมงานทักขึ้น ทุกคนมีสีหน้าลิงโลดดีใจ ดูจากแววตา สีหน้าอารมณ์แล้ว คงรอนางแบบคนเดียวแน่ๆ
“นางแบบดังก็ดีอย่างงี้ล่ะนะ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้... เพราะยังไงใครๆ ก็ต้องรอ” เสียงเล็กแหลมพูดขึ้นเหน็บแนมจนหญิงสาวต้องหันมามองสบตา
“ไปว่าแพททรีเซียมันก็ไม่ถูกนะคะ รู้มาว่าเขาประสานงานพลาด ไม่มีใครแจ้งล่วงหน้า” เพื่อนนางแบบคนหนึ่งพูดเข้าข้างราวกับพยายามจะปกป้องแพททรีเซีย
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มาสายซะค่อนวันแบบนี้ ไม่ได้เรื่อง” นางแบบรุ่นพี่ยังไม่ปล่อยวาง ยังคงคาดโทษนางแบบสาวรุ่นน้อง ที่นับวันความโด่งดังจะแซงหน้าไปหลายช่วงตัว
“ทำไงได้ล่ะคะ มาสายแค่ไหนพวกเราก็ต้องรอเธอ เธอเป็นนางแบบนิ่” นางแบบสาวรุ่นเล็กรับบทตัวประกอบเล็กๆ พูดสนับสนุนขึ้น น้ำเสียงราวน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง เพราะนางแบบบางคนมีผลงานมานานปีแต่ก็ไม่ดังอย่างเธอ
บางคนก็ต่อว่าด้วยสายตา คงคิดสินะว่าเป็นถึงนางแบบดัง มาสายได้ยังไง แต่บอกแล้วไง แพททรีเซียไม่แคร์ ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย แล้วอย่าหวังว่าจะได้ยินคำ “ขอโทษ” จากแพททรีเซีย
“มาทันพอดีแพททรีเซีย” ทีมงานคนหนึ่งทักขึ้น เมื่อเห็นนางแบบสาวมาถึง เขาก็รู้ว่าเพราะอะไรแพททรีเซียและพอลล่าถึงมาช้า ทำให้ทุกคนต้องรอ ก็ฝ่ายประสานงานย้ายสถานที่ถ่ายทำแล้วไม่แจ้ง เหมือนมีใครจงใจแกล้งอย่างนั้นล่ะ
“ค่ะ ขอโทษที่มาสายนะคะ” พอลล่าออกตัวอย่างสำนึก จากนั้นการถ่ายทำรายการก็ดำเนินไป
หลังถ่ายงานเสร็จ ทีมงานทยอยกลับกันหมดแล้ว ส่วนแพททรีเซียหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินไปรอพอลล่าที่จุดนัดพบ
ทันใดนั้น ร่างบางก็ลอยหวิวยากจะทานแรงของอีกฝ่ายได้ไหว เมื่อถูกออกแรงดึงอย่างแรงเข้าไปยังที่มุมมืดมุมหนึ่งใกล้ๆ บริเวณห้องแต่งตัวฝั่งตรงข้ามที่อิริคเข้าล็อคตัวเธอเมื่อเช้า หญิงสาวดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ดิ้นขัดขืนอย่างสุดกำลัง
‘คราวนี้เขาจะทำอะไรกับเธออีก?’ หญิงสาวคิดในใจว่าคนที่ทำเลวๆ แบบนี้ไม่น่าจะเป็นใครไปได้ นอกจากอิริค
ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงกลุ่มคนสักห้าหกคน เอะอ่ะมาจากด้านนอก ซึ่งไม่น่าจะไกลนัก
“มันหนีไปทางไหนวะ?” เสียงมีพลังอำนาจ ฟังดูยังรู้สึกน่าเกรงขาม
“ไม่น่าจะไปไหนได้ไกล”
“มันบาดเจ็บด้วย คงหนีไม่ถนัดนักหรอก”
“แม่งเอ๊ย! ตอนกลางคืนมันเสียตรงนี้ หารอยเลือดไม่เจอ เลยไม่รู้มันไปทางไหน”
“แต่ฉันแน่ใจมันหลบเข้ามาในนี้ล่ะ”
“เอาเว้ย! ค้นให้ทั่ว”
“หยุด!”
“แกคิดว่า มันจะเข้าไปซ่อนตัวในนั้นไหมวะ?”
“มันจะเข้าไปให้คนในนั้นแจ้งตำรวจจับมันหัวโตเหรอลูกพี่ คนดีๆ ที่ไหนจะโดนยิงเลือดโทรมกายขนาดนั้น”
“ฉันว่าที่เอ็งพูดมันก็ถูก” เสียงห้าวกังวาลหยุดเว้นจังหวะ ทุกคนตั้งใจรอฟัง “เอ้า! งั้นค้นแถวนี้ให้ทั่ว”
“ครับนาย” ว่าแล้วคนกลุ่มใหญ่สักห้าหกคนก็กระจายกำลังกันค้นหาบุคคลเป้าหมาย
ร่างบางอึดอัดในที่แคบ หายใจลำบากและมีร่างสูงโปร่งเต็มไปด้วยไอร้อน บดเบียดกดบังคับร่างบางเอาไว้
แพททรีเซียหมดสิ้นหนทางที่จะขยับเขยื้อน ความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว หญิงสาวจึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าสิ่งที่ตนกำลังเผชิญคืออะไรกันแน่
เสียงส้นสูงเดินด้วยจังหวะรวดเร็ว ถี่ยิบ และกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“แพท! แพททรีเซียอยู่ไหนเนี่ย” เสียงเรียกชื่อเธอจากพอลล่า ดังอยู่ในระยะไกล “เปลี่ยนชุดเสร็จหรือยังแพท? ดึกมากแล้ว” เสียงฝีเท้าหยุดเดิน “เอ... ทุกทีก็ไม่เห็นจะนานนี่นา” พอลล่าพึมพำ
“ยะ... อยู่นี่คะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ ปากอุ่นร้อนก็ทาบลงมาบนริมฝีปากนุ่มหวาน ของหญิงสาวโดยที่เจ้าตัวยังไม่อนุญาต เขาจงใจใช้วิธีนี้ปิดปากหล่อน
หญิงสาวเม้มปากแน่น ความมืดรายรอบ หญิงสาวไม่อาจรู้ว่า บุคคลที่กำลังรุกรานหล่อน คือใคร...
ปากบางถูกทาบทับ แนบสนิท จนไม่อาจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้เลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าหญิงสาวต่อต้าน เปี่ยมพยศ เขาจึงใช้เพียงริมฝีปากจดกัน แต่ก็สุภาพพอที่จะไม่ส่งลิ้นร้อนฉ่ารุกรานเธอให้เสียหาย
หัวใจของหญิงสาวตื่นกลัว เต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ... ในสมองมีเพียงคำว่า...
ฉันกลัว!
เพื่อปกป้องชีวิต... คุณทวดของบุหงาจึงเขียนยันต์วิเศษไว้คุ้มครองหลานสาวผู้ที่จะสืบทอดวิชาเขียนยันต์ แต่ด้วยความซุ่มซ่าม เจ้าหล่อนจึงย้อนอดีตไปสมัยทวารวดี เพื่อหนีการตามล่า บุหงาจึงต้องสวมรอยเป็น ‘แม่นาย’ ทำให้ทุกคนในเรือนรัก เพื่อความอยู่รอด กลับไปยุคเดิมที่จากมาอย่างปลอดภัย นั่นก็คือ... ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลาย เพื่อทำหน้าที่สืบทอดวิชาเขียนยันต์เก่าแก่โบราณของต้นตระกูล
คริญาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยในท่าทีหวงก้างของพศุตม์ เธอรู้ว่า... ในสถานการณ์ที่เธออยู่ในสระว่ายน้ำเย็นฉ่ำในเวลานี้ ผู้ปกครองหนุ่มจะต้องโจนจ้วงตามลงมา ดวงใจสาววัยแรกแย้มเต้นตูม ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว แม้รู้ดีแก่ใจว่า ชายหนุ่มคือของต้องห้ามและจะแสลงใจจนเจ็บปวดในวันหนึ่ง เพราะพศุตม์เคยยื่นคำขาดว่า... เขาไม่ชอบเด็กน้อยกะโปโลอย่างเธอ และถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอกล้าเล่นกับไฟยั่วยวนเขา เขาจะไม่มีวันรับผิดชอบ! . ‘คำสั่ง’ จากปากเขามันคือคำเตือนจากผู้ชายอันตราย . เขารวบตัวเด็กในปกครองเข้ามาสวมกอดแน่นราวจะสูญเสีย ความร้อนซ่านกำซาบไปทั้งเรือนกายสาว ส่วนเปลือยสวยสัมผัส แนบชิดแทบทุกส่วนสัดของกายแกร่ง แม้ร่างทั้งสองที่โอบล้อมไปด้วยความเย็นเยียบของสายน้ำ แต่การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวพริ้วพรายตามกระแสน้ำก็ก่อให้เกิดไอความรุ่มร้อนระบายอยู่ในน้ำและพยุงสองร่างให้รู้สึกวาบหวิวแผ่ซ่านถึงกัน... เด็กสาวแรกรุ่นหัวใจเต้นโครมคราม วาบหวิวเมื่อผู้ปกครองหนุ่มประกบริมฝีปากร้อนแรงลงมา ดูดดื่มริมฝีปากสวยอิ่มตึง คริญาตอบสนองจูบเร่าร้อน สอดลิ้นยั่วเย้าให้เขากระดกลิ้นร้อนฉ่าตามมาพัวพัน ร่างเล็กบดเบียดส่วนอิ่มเต็มตึงที่สวยสล้างยั่วยวนสายตาเข้าใกล้แผงอกแกร่งกำยำที่ระบายไปด้วยปอยขนนุ่มกลางอกแกร่งของเขา สร้างความเซ็กซี่ชวนสะท้านยามจ้องมอง เขาบดจูบหนักหน่วงร้อนแรงจนคริญาคราง ไอร้อนสวาทกำลังก่อตัวใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ “...” “ฉันต้องได้เธอ... คริญา”
"ชลิดา" เป็นเด็กสาวที่โชคร้าย ครอบครัวทิ้งเธอไปไม่ลา เหลือเอาไว้แต่เธอคนเดียว กับชีวิตที่โดดเดี่ยวอ้างว้างท่ามกลางอันตรายที่มองไม่เห็น ทิ้งไว้กับปริศนาว่าเธอและครอบครัวผิดอะไร ในวันที่เหมือนชีวิตเจอฝันร้าย คนเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย กลับเป็น 'เขา' ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ศิวะจะพูดดีกับเธอ ฉากหน้า เย็นชา ปากร้าย เจ้าอารมณ์และแสดงท่าทีรังเกียจเธอ "ศิวะ" แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชลิดา เพียงเพราะหล่อนเป็นคนรักของพี่ชายเขา ที่รอวันตกกระป๋อง เขาอยากให้เธอเลิกรากับพี่ชาย เลิกยุ่งกับคนมีเจ้าของ มันไม่ใช่เพราะศิวะเกลียดชลิดาหรอก แต่เพราะเขารักหล่อนเสียเอง แต่กลับแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ คนสองคน ที่ฉากหน้าเกลียดชังกัน แต่ต้องนอนเตียงเดียวกันทุกคน บทสรุปจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน... มหาศาลการรัก
...เหตุเพราะน้องชายตัวดี ไปมีความสัมพันธ์ต้องห้าม กับศัตรู หัวเด็ดตีนขาด “เธอ” ก็ไม่มีวันยอมให้น้องชายลงเอยกับลูกสาวของตระกูลที่เคยดูถูกเธออย่างไม่มีดี . ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ หากไม่เพราะ “เขา” ทายาทหนุ่มเสเพลของบ้านนั้น ที่ซ้อนแผนเอาคืนเธอ ทำเอางานนี้ เจ้าหล่อนจะต้องเลือกว่าจะยอมให้น้องชายได้ลงเอยในเรื่องความสัมพันธ์ หรือจะจนมุมไปกับจอมวางแผนที่ตนก็เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว.... เขาช่างเจ้าคิดเจ้าแค้น และต้องการเอาชนะเธอมาตั้งแต่ต้น โดยมี “เรือนร่าง” เธอเป็นเดิมพัน +++++++++++++++++++++++++++++++ “ปล่อยฉันไปนะ นี่คุณเล่นบ้าอะไร?” “เล่นบ้าอะไรงั้นเหรอ... ก็เล่นผัวเมียกันยังไงล่ะ” “คนบ้า! มันใช่เวลามาล้อเล่นแบบนี้มั้ย ปล่อยฉันไปนะ!” “เล่นผัวเมียกันจริงๆ มีลูกด้วยกันจริงๆ สักคนสองคน” “คนบ้า เล่นไปคนเดียวเถอะ” “มีลูกกับผม คุณจะได้รู้... ความรู้สึกที่โดนพรากลูกพรากแม่มันเป็นยังไง” “เลว! นรกขุมไหนส่งคุณมาเกิดกัน คนบ้า!” สิ้นเสียงเล็ก จูบร้อนแรงถูกบดขยี้ลงมาอย่างร้ายกาจ เชลยในอ้อมกอดไม่อาจขัดขืนเขาได้แม้แต่น้อย หญิงสาวรู้ตัวดีว่า จุมพิตนี้หาใช่เกิดจากความรัก หากเขาต้องการแค่เพียงลงทัณฑ์เธอ... “คุณ... ไม่นะ พราวไม่อยากท้อง!” หญิงสาวบ่ายหน้าหนีจนหลุดพ้นพันธนาการจุมพิตร้าย ก่อนวอนขอ... “ไม่ทันแล้วครับ คุณต้องท้องและรับรู้ความเจ็บปวดว่าการถูกพรากลูกมันเป็นยังไง” “คนเลว... ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “ถ้าปล่อย... ก็ยังไม่หายแค้นน่ะสิครับ” ถ้อยคำนั้นแสนธรรมดา หากเจือแววเยือกเย็นพร่าผลาญใจ ส่งให้เชลยสาวในอ้อมกอดรู้สึกหนาวยะเยือกกับสิ่งที่ต้องเจอนับจากนี้....
ดูเหมือนโชคชะตาของ ‘รินรุ้ง’ จะไม่มีวันหนีพ้นจากความวุ่นวายได้ ตอนที่ยังเป็นพนักงานขาย ของรีสอร์ตที่ไทย ก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ของลูกค้า พอหนีมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สเปน ก็ยังไม่วายต้องสู้รบตบมือกับเด็กหญิงจอมแก่แดด ผู้หวงบิดายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และพร้อมจะใช้ความแสบป่วนหัวผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดพีก เพราะลูกสาวที่ว่าร้าย ยังร้อนแรงไม่ถึงครึ่งของตัวพ่อ งานนี้หญิงสาวคงต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพื่อหาทางกำราบสองพ่อลูกให้ได้ ก่อนที่ชีวิตของเธอจะกลายเป็นการตกนรกทั้งเป็น ‘เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีชาวสเปน ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงลึกลับที่เขาขโมยจูบเธอในเรือนร้างกลางสายฝน จะกลายเป็นคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาว ที่สำคัญ เขาเคยคิดว่าการขย้ำ ‘ลูกแกะน้อย’ ที่หลงเข้ามาใน ‘รังหมาป่า’ คงเป็นเรื่องง่าย หากตัวอุปสรรคสำคัญที่ชายหนุ่มต้องจัดการเป็นอันดับแรก ถ้าคิดจะเคลมรินรุ้ง ก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น ‘ลูกหมาป่าตัวน้อย’ ของเขานั่นเอง “เจ็บ” พูดเสียงเครือ “ไหนดูซิ” เซคิโอพุ่งพรวดเข้าไปหา ก่อนจะคุกเข่าลง มองเลือดที่ไหลซึมออกจากเท้าเธอ “กลับห้องก่อน อยากเลือดทะลักหมดตัวหรือไง” เขารีบอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงลนลานเป็นห่วงเจือบงการ “เรื่องของฉัน เลือดนี่มันก็เลือดฉันนะ!” เธอเถียง ที่เจ็บอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่หรือไง “อย่าดื้อสิ... แต่ถ้าเธออยากเลือดออกจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้นะ จะเอาไหม” ++++++++++++++++++++++++++++ เพราะถูกปลดกลางอากาศ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ รินรุ้ง หงสกรพงษา จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปทำงานสบายๆ ที่สเปน ตามบัญชาของแม่เลี้ยง หากเธอไม่เคยรู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต! . โฉมหน้าสุภาพบุรุษมหาเศรษฐีทายาทสายการบินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เจ้าของตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันหลายปีซ้อนที่สาวน้อย สาวใหญ่ต่างคลั่งไคล้มาตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ฉากหน้าราวเทพบุตรนั้น เซคิโอ เดอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ ได้ซ่อนคราบซาตานร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด หัวใจเขาปิดตายนานกว่าแปดปีหลังสูญเสียคู่หมั้นสาวที่เขารัก มันถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นรอวันสะสาง และเมื่อ... ‘ลูกแกะตัวน้อย’ ติดกับดักมาให้เขาแก้แค้น . . กลับกลายเป็นว่า เจ้าหล่อนคือหญิงสาวคนเดียวกันที่ขโมย ‘หัวใจ’ ที่เคยเหี่ยวเฉาของเขาไป เพียงเพราะจุมพิตดื่มด่ำไร้เดียงสา ในค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่เขายากจะลืม!
อัลโตนิโอ มาโอริโอ มาเฟียหนุ่มที่โลกของเขาไม่มีพื้นที่ไว้สำหรับ “ความรัก” หากเพียงนาทีแรกที่เขาสบประสานดวงตากลมโตน่าค้นหาคู่นั้น มาเฟียหนุ่มจึงได้รู้ว่าอาการ “ตกหลุมรัก” ที่ทาบทอลงบนหัวใจกร้าวแกร่ง เย็นชา นั้นเป็นเช่นไร... ทุกอย่างดูเหมือนจะไร้คำว่า “อุปสรรค” หากไม่ติดตรงที่ ‘เธอ’ เป็นลูกสาววัยใสที่เข้ามาในชีวิตเขาแบบไม่ตั้งใจ ...บทพิสูจน์รักของมาเฟียหนุ่ม จึงไม่ใช่เส้นทางอันราบเรียบนัก หากเขายินดีฝ่าฟัน ไม่ว่าปราการนั้นจะเป็นหัวใจของหญิงสาวหรือแม้แต่ศัตรูหัวใจอย่างสายลับหนุ่มเจ้าเสน่ห์น่าขัดใจ เพื่อดื่มด่ำความหอมหวาน เร้าใจและร้อนแรงแห่งรักแท้... เพราะเธอคือผู้หญิงของเขา ‘ผู้หญิงของมาเฟีย’
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY