รู้ว่าเป็นรักต้องห้าม แต่ก็ไม่อาจห้ามใจ รู้ว่าเป็นเพื่อนพ่อ แต่ก็อยากขอลองรัก
รู้ว่าเป็นรักต้องห้าม แต่ก็ไม่อาจห้ามใจ รู้ว่าเป็นเพื่อนพ่อ แต่ก็อยากขอลองรัก
การมาของ ฉัตรชน ฉัตรอินทร ทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์ถึงหน้ามุ่ยและรีบลุกจากโซฟาหนานุ่มเดินดุ่มๆ ขึ้นห้องไปยังชั้นสองทันที ยามนี้ปรางแก้วชังน้ำหน้าฉัตรชนมากที่สุดด้วยเพราะหล่อนเพิ่งเห็นข่าวว่าเขาควงเน็ตไอดอลสาวคนดังไปงานเปิดตัวร้านเพชรสาขาใหม่ด้วยกัน เขาเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนผ้าเช็ดเท้า พอเบื่อก็เขี่ยทิ้งลงถังขยะทั้งที่เขาก็รู้ว่าหล่อนเกลียดพฤติกรรมแบบนั้นของเขามากแค่ไหน
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละฉัตรชนจะมาแคร์ความรู้สึกของหล่อนทำไมกัน ในเมื่อในสายตาเขาหล่อนมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดี เรียนจบปริญญาตรีมาด้วยเกรดแบบพอถูไถ หนำซ้ำพอจบมาก็ยังหางานหาการทำไม่ได้ ถึงตอนนี้ก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ ในขณะที่เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับพันล้านตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ เริ่มต้นด้วยการซื้อที่ดินมาแบ่งล็อกปลูกบ้านขายครั้งละหนึ่งหลังสองหลัง กระทั่งตอนนี้เป็นเจ้าของโครงบ้านหมู่บ้านจัดสรรหลายสิบแห่งและกำลังจับธุรกิจอัญมณีอย่างจริงจัง โดยเฉพาะร้านเพชรที่ขยายสาขาเป็นว่าเล่น
ฉัตรชนเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพ่อหล่อน อายุห่างกับพ่อห้าปี เคยเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน ตอนนั้นฉัตรชนเพิ่งเข้าม.1 แต่ด้วยความที่ไม่ยอมคน ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ จึงถูกรุ่นพี่ดักรุมทำร้ายปางตาย โชคดีได้พ่อของหล่อนเป็นคนช่วยไว้เลยรอดมาได้ ทั้งสองจึงนับถือกันเป็นพี่น้องมาตลอดนับตั้งแต่นั้น
“ยัยปรางไปไหนเสียล่ะแม่” พิทักษ์ถามขึ้นหลังจากผู้เป็นภรรยาจัดโต๊ะอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ปกติปรางแก้วมักจะมาช่วยแม่อยู่เสมอ ทำให้คนเป็นพ่ออดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เห็นลูกสาวคนโตมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
“เมื่อกี้แม่ให้ตาภูมิขึ้นไปดูที่ห้อง เห็นบ่นว่าปวดหัวอยากนอนพัก”
“แต่ภูมิว่าพี่ปรางปวดหัวการเมืองมากกว่าครับ ตอนบ่ายภูมิยังเห็นพี่ปรางใส่หูฟังแหกปากร้องปรางเสียงดังอยู่เลย” ภูมิพัฒน์ในวัยสิบแปดพูดโพล่งขึ้นตามประสาวัยรุ่นที่อยู่ในวัยเลือดร้อน
“ยัยปรางนี่ยังไงนะ ฉัตรอุตส่าห์มาบ้านทั้งที” พิทักษ์ว่าพลางหันไปทางเพื่อนรุ่นน้องอย่างขอลุแก่โทษที่ลูกสาวตัวเองทำตัวเหมือนเสียมารยาทกับแขก
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่พิทักษ์ ถ้าพี่พิทักษ์ไม่ว่าอะไร ผมขอขึ้นไปดูอาการหลานหน่อยนะครับ”
“เอาสิฉัตรเชิญเลยๆ ตามสบาย”
เมื่อเจ้าของบ้านไฟเขียวซึ่งก็ไฟเขียวเสมอสำหรับฉัตรชน ชายหนุ่มจึงพาตัวเองตรงขึ้นไปยังห้องนอนของปรางแก้วโดยไม่ต้องให้ใครพาไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้าหาหล่อนถึงห้อง
เตียงนอนที่ยุบยวบยามลงตามน้ำหนักของคนนั่ง ทำให้ร่างบางที่นอนหันหลังให้ประตูต้องหันขวับมามอง คราแรกคิดว่าเป็นแม่หรือพ่อตัวเอง ทว่าพอเห็นหน้าคนที่เข้ามาใหม่ทำให้หล่อนต้องรีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นมือใหญ่ก็ยื่นมาอังบนหน้าผากของหล่อน ปรางแก้วจึงทำได้แค่เบี่ยงหน้าหนีและบัดมือใหญ่นั้นออกราวกับเจอของร้อน
หล่อนไม่แปลกใจหรอกที่พ่อยอมให้เขาเข้ามาห้องของลูกสาว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามา อีกทั้งหล่อนก็เชื่อว่าคงไม่มีพ่อหรือแม่คนไหนจะไม่ยินดีที่จะเปิดทางให้ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างฉัตรชน ตรงกันข้ามคงจะยิ่งทั้งผลักทั้งดัน แม้กระทั่งพ่อและแม่ของหล่อนก็ไม่มีข้อยกเว้น หากกระนั้นต่อให้ใครคาดหวังยังไงแต่ทุกครั้งที่ฉัตรชนเข้ามาหรือได้อยู่ในที่รโหฐานกับหล่อนตามลำพัง เขาก็ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าแตะต้องตัวเล็กๆ น้อยๆ แบบที่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กทำเท่านั้น
“เห็นพี่สุบอกว่าเราไม่สบายอาเลยขึ้นมาดู แต่ดูแล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ตัวก็ไม่ได้ร้อน หรือว่าแค่ปวดหัว”
“ค่ะ ปรางไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ได้ตัวร้อนและก็ไม่ได้ปวดหัว”
“อ้อ...แค่อยากหลบหน้าอาว่างั้นเถอะ” ฉัตรชนดักคออย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะอ่านไม่ออกว่าเด็กสาวคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ก็ในเมื่ออารู้แล้วว่าปรางไม่อยากเห็นหน้า อาขึ้นมาหาปรางทำไมละคะ”
“อาแค่อยากรู้ว่าทำไมเราต้องหลบหน้าอา อาทำอะไรให้โกรธ”
เสียงทุ้มดุที่เป็นน้ำเสียงแบบผู้ใหญ่คุยกับเด็กทำให้ปรางแก้วแอบเคืองมากกว่าเดิม เขาถามเหมือนแคร์เสียเหลือเกิน แต่ถ้าเขาแคร์จริงๆ เขาคงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก
“เปล่านี่คะ”
“พักหลังๆ มานี่อารู้สึกว่าเราเกลียดขี้หน้าอานะ แต่ก็เอาเถอะถ้าเราไม่ชอบหน้าอา ต่อไปอาก็จะไม่มาที่นี่ให้เราต้องเหนื่อยกับการหลบหน้าอาอีก”
ปรางแก้วได้ยินเช่นนั้นก็เผลอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงเพื่อสกัดกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในอก มันน่าจะดีอย่างที่เขาว่าที่หล่อนไม่ต้องเหนื่อยกับการคอยหลบหน้าเขา แต่ทำไมในหัวใจมันปวดหนึบๆ แบบนี้
“ทุกวันนี้อาก็มาที่นี่แบบฝืนใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ทั้งที่รังเกียจปรางจะแย่แต่ก็ต้องฝืนใจมาเพราะเกรงใจพ่อของปราง”
“อาไม่เคยทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปกว่าอา” ฉัตรชนทำเสียงดุใส่ในประโยคหลังแต่มันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับปรางแก้วมากไปกว่าที่หล่อนกำลังรู้สึกอยู่หรอก
“เหมือนที่อาไม่อาจจะฝืนใจชอบเด็กกะโปโลอย่างปรางใช่มั้ยคะ”
“ใช่...เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อาจะมารักมาชอบกับลูกสาวของเพื่อนได้ยังไง และเราเองก็ไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้นกับอา”
“แล้วอาจะให้ปรางทำยังไงล่ะ ก็คนมันรู้สึกไปแล้ว”
“ก็หาแฟนสิ หาแฟนที่เหมาะสมกับวัยตัวเอง ไม่ใช่มาชอบผู้ชายแก่คราวพ่ออย่างอา”
ปรางแก้วอ้าปากค้าง ตอนถูกเขาปฏิเสธรักว่าเจ็บแล้ว แต่พอได้ยินเต็มสองหูว่าให้หล่อนหาแฟนเพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องรักเขา นั่นยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเป็นหลายเท่า
“อ้อ...โอเคค่ะ งั้นปรางจะเริ่มออกไปหาตั้งแต่คืนนี้เลย”
“นี่เรากำลังประชดอาเหรอ”
“เปล่านี่คะปรางพูดจริงต่างหาก ขอบคุณที่แนะนำนะคะ อาออกไปได้แล้ว ปรางจะแต่งตัวออกไปเที่ยวกับเพื่อนจะได้หาแฟนได้เร็วๆ”
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY