แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของแป้งร่ำก็เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ส่วนพ่อเหรอ เธอไม่เคยถามแม่เลย คนที่เลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เกิดอยู่ตรงหน้าจะถามหาผู้ชายคนอื่นทำไม แม่ของเธอเป็นแม่ค้าขายผักมาตั้งแต่เธอยังเล็กๆ เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกสาวจึงต้องทำงานตั้งแต่เช้าและกลับบ้านดึกดื่น จนกระทั่งแป้งร่ำอายุได้ยี่สิบสามและเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย จึงคิดที่จะให้แม่หยุดทำงาน ก็ได้รับข่าวร้ายว่าแม่ของเธอถูกรถชนเสียชีวิตคาที่
เหมือนฟ้าถล่มลงมา หญิงสาวที่ต้องการตอบแทนพระคุณแม่ของเธอกลับต้องได้รับข่าวร้าย โดยคนที่ชนแม่ของเธอให้การกับตำรวจว่าครอบครัวของเขาเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงฉลอง พอมาถึงที่เกิดเหตุ ไฟบริเวณนั้นมืดมากและไม่เห็นแม่ของเธอ ซึ่งมันเป็นทางลัดที่หลายคนเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก
แป้งร่ำไม่ได้เอาความเจ้าของรถที่ขับชนแม่เธอเสียชีวิต จากกล้องหน้ารถและกล้องวงจรปิดแถวนั้นพร้อมทั้งคำให้การมันตรงกันจริงๆ และดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะเดินตัดหน้ารถของเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเขายังเต็มใจรับเธอเข้าทำงานในฐานะพนักงานของบริษัทขนาดเล็ก และยินดีส่งเสียให้เธอเดือนละสองหมื่นจนกว่าจะอายุหกสิบ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่รวมกับเงินเดือน จนกระทั่งยี่สิบกว่าปีมานี้บริษัทเติบโตขึ้นมากและแป้งร่ำยังทำงานในบริษัทเดิม
ในตอนนั้นเธอคิดแค่ว่าตัวเองยังเด็กจึงมุ่งมั่นศึกษางาน แม้แต่เพื่อนๆ ที่สนิทกันชวนไปสังสรรค์ แป้งร่ำก็ปฏิเสธตลอด รู้ตัวอีกทีเธอก็ไม่เหลือใครแล้ว แม่ผู้เป็นที่พึ่งเดียวก็จากไป คุณลุงฉวีประธานบริษัทคนก่อนหรือก็คือคนที่พาเธอเข้าทำงานที่นี่ก็เสียชีวิตไปสองปีก่อนจากโรคประจำตัว ภรรยาของเขาจึงขึ้นมาบริหารแทน แม้อีกฝ่ายจะเอ็นดูเธอเหมือนลูกแต่มันก็ถึงเวลาที่เธอควรจะออกมาเดินด้วยตนเองได้แล้ว
แป้งร่ำในวัยสี่สิบเจ็ดปีตัดสินใจยื่นซองขาวขอลาออกจากบริษัทท่ามกลางเสียงคัดค้านจากบรรดาเพื่อนร่วมงานและรุ่นน้องที่ไม่เห็นด้วย เพราะแป้งร่ำเลื่อนตำแหน่งงานขึ้นมาเป็นเลขาของท่านประธานเมื่อห้าปีก่อน และแป้งร่ำก็ทำงานเก่งมาก ทั้งยังให้คำปรึกษากับทุกคนอย่างเท่าเทียม
แม้แต่คุณหญิงอรวรรณผู้มีพระคุณของเธอยังถามแล้วถามอีก เพราะอีกฝ่ายก็เอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่แป้งร่ำก็ยังยืนยันที่จะลาออก เพราะคอนโด รถ ก็จ่ายไปหมดแล้ว เงินเก็บก็มีให้เธอใช้ได้อีกหลายสิบปี
คุณหญิงอรวรรณเซ็นยินยอมให้เธอลาออกพร้อมทั้งยื่นเงินก้อนใหญ่ให้เธอ ทั้งยังบอกว่าเป็นเงินที่คุณลุงฉวีตั้งใจจะมอบให้เธอหากแป้งร่ำลาออกจากบริษัท
พอเห็นว่ามีเงินก้อนใหญ่แป้งร่ำจึงตัดสินใจว่าจะยังไม่หางานทำในเร็วๆ นี้ เธอต้องการพักผ่อนสักระยะ หลังจากทำงานอย่างมุ่งมั่นมาหลายสิบปี จึงหาซื้อนิยายที่กำลังฮิตๆ อย่างนิยายจีนย้อนยุคมาอ่านอย่างรวดเร็ว แต่คงเป็นเพราะอ่านติดต่อกันอย่างเอาเป็นเอาตายมาหลายวัน แป้งร่ำจึงนอนหลับไปพร้อมทั้งนิยายในมือ
“ฉันบอกเธอแล้วว่าหลานสาวของเธอเชื่อถือไม่ได้! เธอดูสภาพลูกสาวของเธอตอนนี้สิสะใภ้สี่ เป็นเพราะหล่อน เฟิ่นอี้ของเราจึงบอบช้ำ! หลายครั้งที่ฉันเตือนเธอก็ไม่เคยฟัง” น้ำเสียงดุดันถูกเอ่ยจากปากพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านด้วยความโกรธ สะใภ้ใหญ่ตบเข่าด้วยความโมโหเด็กสาวของบ้านอี้
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ในตอนที่เฉินเฟิ่นอี้ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมของตำบล ในแถบชนบทเวลานั้นเด็กสาวจำนวนน้อยมากที่จะถูกส่งเข้าเรียน หากไม่ใช่เพราะเป็นที่รักของครอบครัวจริงๆ หรือพอจะมีเงินส่งเรียนบ้าง
ในการเรียนระดับประถมชั้นปีสุดท้ายของเฉินเฟิ่นอี้ ตอนนั้นเธออายุสิบสองปี เธอถูกหลานชายของเศรษฐีในตำบลที่เรียนด้วยกันถูกใจ จึงให้ผู้ใหญ่มาขอหมั้น อีกทั้งเฉินเฟิ่นอี้ยังบอกว่าหล่อนชอบเขาและตกลงที่จะหมั้นหมายด้วย แม้คนในบ้านเฉินจะยังไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ นั่นคือหลานชายของเศรษฐีเชียวนะ! หากเฉินเฟิ่นอี้ได้แต่งเข้าสกุลหมิงอย่างน้อยก็สบายกว่ามาทำงานในแปลงนา
ทั้งสองจึงคบหากันมาตั้งแต่นั้น และพอถึงเวลาเข้าโรงเรียนมัธยมต้น ทั้งสองก็เข้าไปเรียนในโรงเรียนเดียวกัน แต่ว่าครั้งนี้มีญาติผู้พี่จากสกุลอี้บ้านเดิมของแม่เฉินเฟิ่นอี้เข้าร่วมกลุ่มด้วย เนื่องจากเพื่อนของหล่อนทางบ้านไม่ส่งเรียนต่อในระดับมัธยมต้น
หากเจอเฉินเฟิ่นอี้ย่อมเจอหมิงหลานฮุ่ย หากเจอทั้งสองคนย่อมเจออี้เหม่ยเฟิ่ง ทั้งสามตัวติดกันมากไปไหนก็ไปด้วยกัน ทว่าหลังๆ มาเฉินเฟิ่นอี้ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือนก็จะจบชั้นมัธยมต้นแล้ว
หมิงหลานฮุ่ยว่าที่หลานเขยของบ้านเฉิน ชอบตามอี้เหม่ยเฟิ่งที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับเฉินเฟิ่นอี้มาเยี่ยมหญิงคนรักหลังเลิกเรียนอยู่บ่อยครั้ง คนในบ้านเฉินแรกๆ ก็พอใจในเด็กคนนี้มาก ทว่าหลังๆ มา เริ่มไม่พอใจในการกระทำของหมิงหลานฮุ่ย เพราะทุกครั้งที่เขามายังหมู่บ้านเฟิ่งหลิน หมิงหลานฮุ่ยจะติดตามอี้เหม่ยเฟิ่งไปที่บ้านอี้ก่อน เมื่อถึงเวลากลับถึงจะแวะมาหาเฉินเฟิ่นอี้ที่อาการเริ่มดีขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ย่าเฉินเคยให้สะใภ้สี่ลูกสะใภ้คนเล็กไปเตือนหลานสาวจากบ้านเดิมของหล่อนเพราะมันไม่เหมาะสม เด็กคนนั้นก็รับปากว่าจะบอกหมิงหลานฮุ่ยให้ ทว่าเขากลับไม่พอใจและไม่ยอมมาที่บ้านเฉินอีกเลย
จนมีข่าวลือว่าหมิงหลานฮุ่ยกับอี้เหม่ยเฟิ่งคบกัน และทั้งสองยังเหมาะสมกันมาก หมิงหลานฮุ่ยเป็นหลานชายของเศรษฐีในตำบลที่มีลูกชายเพียงคนเดียวและหมิงหลานฮุ่ยก็ยังเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านหมิง ในอนาคตเขาย่อมต้องขึ้นเป็นเจ้าบ้าน ส่วนอี้เหม่ยเฟิ่งก็เป็นหลานสาวของกรรมการในหมู่บ้าน ซึ่งพ่อของหล่อนก็กำลังจะขึ้นเป็นเลขาธิการในเร็วๆ นี้ ไหนจะเรียนในระดับมัธยมปลายอีก ดีกว่าเฉินเฟิ่นอี้ที่ป่วยขี้โรคเป็นไหนๆ
ตอนแรกบ้านเฉินไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เพราะหมิงหลานฮุ่ยหมั้นกับเฉินเฟิ่นอี้แล้ว แต่อยู่ๆ หลายวันก่อนพ่อของหมิงหลานฮุ่ยกลับมายกเลิกสัญญาหมั้นหมายแถมยังบอกอีกว่าสินสอดบางส่วนที่ให้มาแล้วจะไม่เอาคืน สร้างความไม่พอใจให้สมาชิกในบ้านเฉินเป็นอย่างมาก หากเอาสินสอดคืนพวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ว่าหมิงหลานฮุ่ยเหยียบย่ำจิตใจอันบอบช้ำของเฉินเฟิ่นอี้ด้วยการพาอี้เหม่ยเฟิ่งมาด้วย
เฉินเฟิ่นอี้ที่ทนดูไม่ไหวถึงกับทรุดตัวลงพื้นและนอนสลบไม่ได้สติมาหลายวันแล้ว ผู้ชายในบ้านออกไปทำงานเก็บแต้มเหมือนปกติ ส่วนผู้หญิงช่วยกันทำงานในบ้านและสลับกันดูหลานสาว
“ฉันเอ็นดูเหม่ยเฟิ่งเหมือนลูกแท้ๆ ไม่คิดว่าหล่อนจะเป็นแบบนี้” สะใภ้สี่ร้องไห้เสียงดัง ลูกสาวคนโตของหล่อนล้มป่วยมาหลายวันยังไม่ได้สติก็ปวดใจมากแล้ว ยังมีเรื่องของหลานสาวจากบ้านเดิมที่หล่อนเอ็นดูไม่ต่างจากลูก
“พอได้แล้วสะใภ้ใหญ่ เธอก็เห็นแล้วว่าสะใภ้สี่เสียใจมากแค่ไหน” ย่าเฉินที่ป้อนข้าวหลานชายคนเล็กเงยหน้าขึ้นมาพร้อมทั้งเอ่ยปราม
ผู้หญิงในบ้านเฉินจะหยุดทำงานในแปลงนาก็เมื่อมีเหตุจำเป็น ไม่ก็ทำงานบ้านหรือป่วย ต่างจากบ้านหลังอื่นในหมู่บ้านเฟิ่งหลิน ที่ต่อให้ใกล้ตายก็ต้องลากสังขารลงแปลงนา ต้องยกความดีความชอบให้กับเฉินหมิงและเฉินจง ลูกชายคนที่สามและหลานชายคนโตของบ้านที่ตอนนี้เป็นทหาร ทุกๆ เดือนพวกเขาจะส่งเงินมาที่บ้านพร้อมคูปองต่างๆ ไม่อย่างนั้นบ้านเฉินคงไม่มีปัญญาส่งลูกส่งหลานเข้าเรียนทั้งหลานชายและหลานสาว
ส่วนเด็กชายเด็กสาวในบ้าน หน้าที่หลักๆ คือการเรียน เรียนเสร็จกลับมาถ้าไม่ช่วยทำงานในบ้านก็ต้องออกไปเก็บผักแลกแต้มค่าแรง ได้แต้มเดียวก็ยังดีกว่าไม่ได้
“คุณแม่ก็เข้าข้างหล่อน ถ้าฉันไม่รักเฟิ่นอี้ฉันจะบ่นไหม”
เสียงด้านนอกห้องนอนดังมาก จนทำให้หญิงสาวที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบปลายๆ พยุงตัวขึ้นอย่างเมื่อยล้า ความทรงจำล่าสุดก็คือนอนอ่านนิยายแบบหามรุ่งหามค่ำให้สมกับการลาออกจากงาน แต่ก็ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาเธอจะเมื่อยล้าขนาดนี้! คงเป็นเพราะอายุของเธอด้วย
“เดี๋ยวนะ”
แป้งร่ำเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ห้องของเธออย่างมึนงง คอนโดราคาเฉียดยี่สิบล้านที่เธอเพิ่งจ่ายงวดสุดท้ายไปเมื่อเดือนก่อน ทำไมถึงได้เล็กและแคบแบบนี้ อีกทั้งยังมีกลิ่นอับชื้นที่ไม่ควรมีเพราะให้แม่บ้านทำความสะอาดทุกอาทิตย์
อยู่ๆ ความทรงจำบางอย่างก็แล่นใส่หัวจนทนไม่ไหว แป้งร่ำทิ้งตัวลงนอนบนพื้นแข็งๆ เพราะปวดหัวจนเกินระงับ อยากกรีดร้องออกมาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเสียงของเธอแทบไม่มี ก่อนจะหมดสติไปทั้งอย่างนั้น
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
มีข่าวลือว่า ลูกเลี้ยงของตระกูลเสิ่นทำทุกอย่างเพื่อเข้าวงการแต่งงานกับตระกูลหลิน หลังจากถูกหลินอี้ฟานทิ้ง เธอก็เล็งไปที่หลินเหยียนเซิง แต่ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนแต่งงาน เบ่ยหลินถูกหลินเหยียนเซิงวางแผนอย่างไร้ปรานี เมื่อเป็นคุณนายหลินในขณะตั้งครรภ์ เบ่ยหลินเพียงหวังว่าจะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แม้วันแต่งงานวันแรกหลังจากนั้น จะมีข่าวลือกับรักเก่าของเขาเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมือง เธอก็ยังคงเฉยเมย และยังส่งข้อความไปเตือนให้เขาระวังเรื่องปิดม่านครั้งหน้า แต่คืนนั้น เบ่ยหลินก็ถูกเขาดักไว้ที่มุมกำแพง “ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว...” หลังแต่งงาน หลินเหยียนเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้เมียของเขานั้นยากที่จะเอาอกเอาใจขนาดไหน
ในคืนแต่งงาน เธอไม่ได้พบเจ้าบ่าว ชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามา ทำลายทุกอย่างของเธอ แม่สามีทั้งทุบตีและดูหมิ่น สามีเย็นชาและไร้ความปรานี อีกทั้งยังมีหญิงอื่นหัวเราะเยาะและอวดโอ้ เธอจึงถูกไล่ออกไปจากบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นทนายความมือหนึ่ง ที่สามารถใช้เอกสารฟ้องร้องชายที่ทำลายชีวิตเธอได้ แต่เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในเมืองใหญ่ คนผู้นี้ผ่านผู้หญิงมาหลายคนแต่ไม่เคยผูกพันกับใครเลย มีความสะอาดอย่างมาก อารมณ์แปรปรวน เป็นคนดื้อรั้นและเผด็จการ บังคับให้เธอแต่งงานกับเขา ทำทุกวิธีทางที่เขาจะทำได้ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม...
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
© 2018-now MeghaBook
บนสุด