“โดนกูเปิดบริสุทธิ์ตั้งแต่คืนเข้าหอ จนถึงตอนนี้มี คxx ของไอ้ตัวไหนกระแทกส่วนนั้นของมึงบ้างแล้วล่ะ?”
“โดนกูเปิดบริสุทธิ์ตั้งแต่คืนเข้าหอ จนถึงตอนนี้มี คxx ของไอ้ตัวไหนกระแทกส่วนนั้นของมึงบ้างแล้วล่ะ?”
บทนำ
หนึ่งปีที่แล้ว
“ผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนไหน นอกจากเมจิแฟนผม!” ชายหนุ่มโพล่งขึ้นเสียงดุดัน ใบหน้าอันหล่อเหลาฉายแววเกรี้ยวโกรธ นัยน์ตาคมกริบจ้องผู้เป็นพ่อตาเขม็ง
“แต่แกต้องแต่งกับลูกสาวของคุณทัศ เขามีพระคุณกับครอบครัวเรา!”
“หึ ๆ มีพระคุณ?” เจ้าของใบหน้าหล่อแค่นเสียงหัวเราะเย็นเยียบออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ากวนอารมณ์ ตามด้วยประโยคอันร้ายกาจ “แต่ไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ จนต้องเอาลูกสาวมาเร่ขายเพื่อชดใช้แทนเนี่ยนะ ยัยเด็กนั่นก็คงระริกระรี้อยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่น ถึงได้ยอมพ่อตัวเองเอาง่าย ๆ”
“หุบปากเน่า ๆ ของแกซะ! ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหนูมีนา ถ้าแกยังดื้อด้าน ทุกอย่างที่เป็นของแกหรือแม้กระทั่งผู้หญิงคนนั้น ฉันจะทำลายมันทิ้งให้หมด แกเองก็รู้จักนิสัยฉันดีนะ เพราะฉะนั้นก็คิดเอาเองว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง!” ชายวัยกลางคนยื่นคำขาดด้วยถ้อยคำข่มขู่ และเมื่อจบประโยค จึงเดินหนีไปทันที ปล่อยให้ลูกชายได้ไตร่ตรองถามไถ่ตัวเอง
ฮัททสึกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นปูดนูนขึ้นมา พลางกัดกรามดังกรอด~ จนเห็นเป็นสันกรามเด่นชัด อารมณ์เดือดดาลภายในใจปะทุหนักกว่าเดิมเมื่อฟังประโยคของผู้เป็นพ่อ หัวใจแกร่งบีบรัดแน่นจวนปวดหนึบยามที่ต้องห่างเหินจากคนรัก หนำซ้ำยังถูกบังคับแต่งงานกับเด็กที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดปี คราวนี้คงจนมุมแล้วจริง ๆ หากผู้เป็นพ่อไม่ใช้คนรักเข้ามาต่อรองก็อย่าหวังว่าตนจะยอม
วันแต่งงาน (ประเทศญี่ปุ่น)
“อึก~ฮืออ~” หญิงสาวในชุดแต่งงานชิโรมุคุสีขาว สวมกอดผู้เป็นแม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักในห้องรับรองบ้านของฝ่ายเจ้าบ่าว “นา...ไม่อยากแต่งงาน...อึก~”
“แม่ขอโทษนะลูกที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย“ ฝ่ามือหยาบของผู้เป็นแม่ลูบหลังปลอบประโลมลูกสาวด้วยหัวใจที่แทบแตกสลาย ยามเห็นหัวแก้วหัวแหวนต้องเจ็บปวดร้องไห้เพราะต้องฝืนใจ” ลูกสาวของแม่เก่งอยู่แล้วเนอะ แม่เชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นนะลูกรัก“ สองมือประคองใบหน้าหวานที่เลอะเปรอะเปื้อนด้วยเม็ดน้ำตาขึ้นมา พลางใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน
แกร๊ก~
ขณะเดียวกันบานประตูก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างใหญ่ของชายวัยกลางคน “หยุดร้องได้แล้วยัยมีนา พิธีงานแต่งใกล้เริ่มแล้ว”
“ไม่ร้องแล้วนะลูก”
หญิงสาวพยักหน้าให้ผู้เป็นแม่อย่างเข้าใจ แววตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง จากนั้นเธอจึงเดินคล้องแขนผู้เป็นพ่อเข้ามาในพื้นที่แท่นบูชาหน้าบ้านฝ่ายชาย เพื่อทำตามขนบธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่น ณ สถานที่ตรงนี้ ไม่มีแขกคนอื่นร่วมด้วย มีเพียงเหล่าลูกน้องที่ยืนเฝ้าตามจุดบริเวณบ้าน เพราะงานถูกจัดขึ้นเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น เนื่องจากเจ้าสาวยังอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ จึงยังไม่ต้องการจัดงานให้เอิกเกริก
“ไปรับน้องมานั่งสิ” เมื่อลูกชายยังนิ่งเฉยเอาแต่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ ผู้เป็นพ่อจึงเดินเข้ามากระซิบสั่ง
ฮัททสึไม่ตอบแต่ดันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง สาวเท้าเข้าหาเจ้าสาวด้วยท่าทางขึงขัง แววตาคมจ้องมองหญิงสาวตาเขม็ง พลางกัดฟันแน่นข่มอารมณ์จนเห็นสันกรามปูดนูนชัดเจน แม้ว่าเธอคนนั้นจะสวยน่ารักมากแค่ไหนก็ตาม แต่กลับไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มหลงใหลได้เลยแม้แต่น้อย
หมับ!
“อ๊ะ!” มือใหญ่กระชากต้นแขนเล็กออกจากท่อนแขนแกร่งของชายวัยกลางคนแล้วบีบรัดอย่างแรง จนหญิงสาวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บแปลบราวกับกระดูกจะแตกหัก เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกในงานแต่ง ชายหนุ่มก็แสดงท่าทางป่าเถื่อน โดยไม่สนใจสายตาของใครหลายคู่ที่จ้องมองมา
ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวหนักกว่าเดิม เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันคู่นั้น จนเผลอลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอโดยอัตโนมัติ หนำซ้ำดวงตาสุกใสยังเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาจวนจะหลั่งไหลออกมาเต็มที
“เจ็บไหมลูก” ทัศเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถต่อว่าลูกชายของเจ้าหนี้ได้ แม้ภายในใจจะเจ็บแค้นแทนลูกสาวมากเพียงใดก็ตาม
มีนาไม่ได้ตอบสิ่งใด เพียงแต่ก้มหน้าหลบสายตาผู้เป็นพ่อเท่านั้น
“แม่ง! ” ฮัททสึสบถถ้อยคำหยาบคายออกมาอย่างรำคาญ ทั้งที่มือใหญ่ยังบีบต้นแขนของหญิงสาวแน่น “ทำตัวน่าสงสารอยู่ได้ รำคาญสัส!”
“แกอย่ามาทำตัวต่ำทรามนะไอ้ฮัท!” คาทสึทนไม่ไหว รีบเร่งเข้ามาปรามลูกชายตัวดี
ฮัททสึดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วปล่อยมือออกจากต้นแขนหญิงสาว โดยไม่ตอบโต้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าแท่นพิธีเช่นเดิม คาทสึจึงส่ายหัวเอือมระอา
“ขอโทษคุณทัศ คุณปรีดา แล้วก็หนูมีนาด้วยนะครับ”
“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ เจ้าฮัทคงเครียดเรื่องงานน่ะค่ะ” จีน่าแก้ต่างให้ลูกชายต่อจากสามีด้วยความเกรงใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกหนี้ก็ตาม แต่พวกเขาก็เคยช่วยชีวิตเธอและสามีเมื่อหลายปีก่อนครั้งไปคุมงามที่บริษัทประเทศไทย
“ผมเข้าใจครับ”
“หนูมีนาไม่เป็นอะไรนะลูก”
“ค่ะ” มีนาตอบรับอย่างสุภาพ ทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและสิ้นหวัง ไม่ทันได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นก็ต้องมีสามีเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี หนำซ้ำยังต้องมารับมือกับสามีที่ดูท่าทีเขาคงเกลียดและไม่ชอบเธอมากเช่นกัน ดูจากการกระทำรวมถึงวาจาเมื่อสักครู่
เวลาต่อมา...
เมื่อทำพิธีข้างต้นเสร็จเรียบร้อยจึงดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่ทั้งคู่ต้องสวมแหวนแต่งงานให้กัน
“ฮัททสึหยิบแหวนในกล่องใส่ให้น้องสิลูก” จีน่าบอกเจ้าลูกชาย เมื่อฮัททสึเอาแต่นั่งทำหน้าถมึงทึงบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจอย่างเปิดเผย แต่ก็ยอมหยิบแหวนจากกล่องตามคำของผู้เป็นแม่
กึก!
มีนานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เมื่อถูกมือใหญ่กระชากมือเพื่อสวมแหวน หนำซ้ำยังบีบแน่นราวกับต้องการให้แหลกละเอียด เธอได้แต่ข่มอาการเหล่านั้นไว้แล้วเงยหน้าจ้องคนใจร้ายอย่างเกลียดชัง โดยที่อีกคนไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่เธอ
“มีนาสวมแหวนให้พี่เลยลูก” ปรีดาบอกลูกสาว
มีนาหยิบแหวนและสวมให้ฮัททสึ ก่อนจะจิกเล็บลงหลังมือเพื่อเป็นการเอาคืน ทำให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งส่งสายตาอำมหิตมาให้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เธอก็ไม่สนใจเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแทน
หลังจากจบสิ้นพิธีตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น ทุกคนจึงเข้ามารวมตัวกันอยู่ในห้องอาหารเพื่อพูดคุยกันตามประสา
“ตามที่ตกลงกันไว้นะครับ เมื่อไหร่ที่หนูมีนาอายุครบสิบแปดปี ผมจะให้ทั้งสองย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังเดียวกันที่ประเทศไทย หลังจากที่เจ้าฮัทไปรับตำแหน่งประธานบริษัทที่นู่น” คาทสึย้ำข้อตกลงอีกครั้งกับครอบครัวอีกฝ่าย ซึ่งครอบครัวของพวกเขาต่างก็พูดภาษาไทยกันได้อย่างคล่องแคล่ว
ในขณะที่ลูกชายและลูกสะใภ้เอาแต่นั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครหยิบจับอาหารตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งสีหน้าทั้งคู่อมทุกข์ไม่ต่างกัน
“ครับ คุณคาทสึ” ทัศตอบรับ
“ระหว่างนี้ผมจะให้เจ้าฮัททสึรับตำแหน่งรองประธานที่นี่หนึ่งปี รอจนกว่าหนูมีนาจะอายุครบสิบแปด ผมจะส่งตัวเจ้าลูกชายผมไปที่เมืองไทยทันทีครับ” คาทสึอธิบายต่อ
“สำหรับผมยังไงก็ได้ครับ ตามที่ตกลงกันไว้เลย”
“จีว่าเรามาทานข้าวกันดีกว่าค่ะ” ภรรยาของคาทสึเอ่ยขึ้นทุกคนจึงพยักหน้ารับ “ ฮัทลูก ตักอาหารให้น้องสิคะ”
ฮัททสึตักอาหารให้ภรรยาตัวเองที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ
มีนาระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างอ่อนจิตอ่อนใจ พยายามกล้ำกลืนฝืนทนยอมจำนนกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้เพื่อตัวเองและครอบครัว
#เวลาต่อมา...
หลังจากส่งบ่าวสาวเข้าหอตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศไทย ซึ่งต่อจากธรรมเนียมประเทศญี่ปุ่น จึงเหลือเพียงฮัททสึและมีนาอยู่ในห้องด้วยกันสองคน
“ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย”มีนาพึมพำถามตัวเองอยู่บนเตียงใหญ่ด้วยความกระวนกระวาย หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ซึ่งฮัททสึหนีเข้าห้องน้ำตั้งแต่เข้ามาแล้ว
แกร๊ก~
ระหว่างนั้นบานประตูห้องน้ำก็เปิดออก พลันให้หญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งตัวโหยงตกใจกับเสียง แล้วหันขวับมองด้านหลังโดยอัตโนมัติ ก็เจอกับร่างสูงของฮัททสึที่ยืนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์สีดำ เซตผมหน้าม้าขึ้นอย่างหล่อเหลาเตรียมตัวออกไปเที่ยว ทั้งที่เป็นคืนเข้าหอของตัวเองแท้ ๆ
“มองทำไม!?” เจ้าของใบหน้าหล่อตะคอกถามอย่างไม่สบอารมณ์ ครั้นสบเข้ากับนัยน์ตาคู่งามที่ฉายแววหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่าค่ะ”
ฟิ้ววว~
แหวนแต่งงานถูกชายหนุ่มโยนมากลางเตียงใหญ่”ฉันให้ เผื่อเธอจะได้เอาไปขายแลกเป็นเศษเงิน”
“ฉันไม่ได้ต้องการ!” มีนาอึ้งอยู่สักพักก่อนจะดันตัวลุกโต้เถียงอย่างไม่พอใจ ยามที่ถูกเขาพูดเชิงดูถูก
“แล้วแต่มึงดิ” ฮัททสึไหวไหล่ ก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจท่าทางของหญิงสาว ทำเอามีนาถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ ในหัวอยากจะฟาดคนปากหมาหยาบคายด้วยรองเท้าแตะซะเต็มประดา
" ฉันจะทำให้พี่เธอรู้จักการสูญเสียเหมือนที่มันทำกับพี่ชายฉัน คนทรยศ อย่างมันต้องตาย หรือการตายสำหรับมันจะง่ายไป เธอคิดว่าไงล่ะ ? " "อย่าทำอะไรพี่ชายลินเลยนะคะ "
เขาแต่งงานกับเธอเพราะผลประโยชน์ แต่เธอแต่งงานกับเขาเพราะรัก อีกทั้งพี่สาวยังเป็นแฟนเก่าของเขา....
" ถ้าฉันยังไม่เบื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...นอกจากเธอจะนอนถางขาให้ฉันเอาจนกว่าฉันจะเบื่อไปเอง! "
พระเอกซึ่งเป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาล และ เป็นมาเฟีย เขาถูกบังคับให้หมั้นกับนางเอก เธอเป็นนักเขียนนิยายอยู่ในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
“เพชรนี่ก็แค่ของไม่มีค่าสำหรับฉัน ฉันให้เธอและก็ไม่ใยดีมันอีก เธออยากได้มันนักหนาก็เอาไป... ฉันยอมทิ้งสิ่งที่มีค่าอย่างนี้ เธอคงพอจะคิดได้ ว่าคนที่ไม่มีค่าอะไรกับฉันอย่างเธอ จะเป็นที่ต้องการของฉัน. ออกไปจากชีวิตฉันและก็ไม่ต้องปากมากอะไร ถ้าเธอไปอย่างเงียบๆ เธอจะปลอดภัย แต่ถ้าเธอจะร้องแรกแหกประเชอหาความรับผิดชอบจากฉันหรือแสดงตัวให้แม่ฉันเห็นและรั้งเธอไม่ให้ไป... ฉันจะจัดการพวกเธอให้หมด พวกพ้องของเธอจะไม่มีที่ยืนในอเมริกา หรือแม้แต่ในโลกนี้... เลือกเอาว่าจะไปดีๆ หรือไปด้วยน้ำตา" ................................................... นิยายชุดสามพี่น้องตระกูลปีเตอร์สัน เขียนโดยเม็ดแตงโม อัครวินทร์ อาญารักเจ้าพ่อกาสิโน อัครวัตร อาญารักคุณชายจอมเถื่อน อัครินทร์ อาญารักเจ้าพ่อจอมเถื่อน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY